แมรี่ เคย์ เทคนิคเเซนวิส
แมรี่ เคย์ เทคนิคเเซนวิส
ณ หัวใจของบริษัททำกำไรนี้คือบุคลิกภาพที่กระตือริอร้นของแมรี เคย์ เธอเป็นที่รู้จักกันต่อความรักสีชมพูของเธอ และมันสามารถถูกพบได้ที่ไหนก็ตาม ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงคาดิลแลคที่เธอให้แก่ที่ปรึกษารายได้สูงสุดแต่ละปี เธอให้คุณค่าอย่างจริงใจต่อที่ปรึกษาความงามของเธอ และครั้งหนึ่งเธอได้พูดว่า บุคคลเป็นทรัพย์สินยิ่งใหญ่ที่สุดของบริษัทวิถีทางต่อธุรกิจของเเมรี เคย์ ดึงดูดความสนใจอย่างมาก เธอได้ถูกชื่นชมต่อกลยุทธ์และผลลัพธ์ที่บรรลุของเธอ เธอเขียนหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับประสบการณ์ของเธอ เช่น Mary Kay : The Success Story of America’s Most Dynamic Businesswoman เมื่อเราคิดถึงแมรี เคย์ เราคิดถึงทันทีบริษัทเครื่องสำอาง การขายตรง งานสังสรรค์ที่บ้าน
เมื่อ ค.ศ 1970 “ผลกระทบเพดานแก้ว” ได้ถูกสร้างภายในอเมริกา การอธิบายอุปสรรคที่มองไม่เห็นที่ผู้หญิงได้เผชิญอยู่ขัดขวางผู้หญิงที่จะก้าวหน้าไปสู่ตำแหน่งบริหาร นานมาแล้วผู้หญิงได้เผชิญกับความไม่ยุติธรรมนี้ และมันเป็นยุคของแมรี เคย์ ได้ตัดสินใจทำลายเพดานแก้วนี้ เธอเป็นผู้ทำลายเพดานแก้วต้นกำเนิดคนหนึ่ง สร้างความฝันตราสินค้าความสวยงามของเธอภายในเท็กซัสเมื่อ ค.ศ 1963 ด้วยเป้าหมายเดียว ยกระดับชีวิตของผู้หญิง ความฝันนั้นได้เจริญเติบโตไปสูุ่บริษัทโลก ตามวอลล์ สตรีท เจอร์นัล เพดานแก้ว ไม่ได้เป็นถ้อยคำใหม่ตามกระเเส มันสามารถย้อนหลังไปยัง ค.ศ 1980 เมื่อเกย์ ไบรอันท์ ได้อ้างภายในแอดวิคว่า ผู้หญิงได้ไปสู่จุดหนึ่ง ผมเรียกมันเพดานแก้ว พวกเธออยู่ลำดับสูงสุดของผู้บริหารระดับกลาง พวกเธาหยุดและติดอยู่เมื่อแมรี เคย์ ตัวเธอเองกลายเป็นผู้ขายตรงคนแรกแก่บริษัทเอ็นไซโคลพีเดีย รางวัลขายครั้งแรกของเธอเป็นคันเบ็ด มันเป็นธรรมดาที่จะมองเห็นผู้หญิงบรรลุความสำเร็จต่อการเป็นผู้ประกอบการวันนี้ แต่เมื่อแมรี เคย์ เริ่มต้นธุรกิจชองเธอ มันเป็นเอกลักษณ์ที่ผิดธรรมดา เธอได้ทะลุผ่านเพดานแก้วบนเงื่อนไขของเธอเอง และเธอต้องการให้อำนาจผู้ประกอบการหญิงขับเคลื่อนเส้นทางไปสู่ความสำเร็จชองพวกเธอนวัตกรรมที่สำคัญของแมรี เคย์ คือ การใช้ประโยชน์นักธุรกิจหญิงด้วยการสรรหากำลังขายเป็นอิสระจากบริษัทของเธอ บริษัทขายผลิตภัณฑ์ ณ ราคาขายส่งแก่เครือข่ายทั่วโลกของที่ปรึกษาความงามแมรี่ เคย์ อิสระจำนวนมาก ได้รับการเพิ่มราคา 40 ถึง 50% กับผลิตภัณฑ์ ณ ราคาขายปลีก ผ่านทางครือข่ายลูกค้าส่วนบุคคลฉันมักจะกล่าวว่าเราทำบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมากกว่าเพียงแค่ขายเครื่องสำอางมาก เรากำลังเปลี่ยนแปลงชีวิตแมรี เคย์ นำหน้าเวลา ตลอดเวลา เธอได้เปลี่ยนแปลงโลกของธุรกิจ ด้วยการสร้างโอกาสมากขึ้นแก่ผู้หญิง สร้างบริษัทนำทางด้วยค่านิยมของเธอ และให้อำนาจแก่ผู้หญิง ด้วยการให้ผู้หญิงควบคุมอนาคตของพวกเธอเอง แมรี เคย์ ผู้ก่อตั้งแมรี เคย์ คอสเมติก รู้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของเธอยิ่งใหญ่ เพราะว่าเธอใช้มันด้วยตัวเธอเอง เธอได้มันจากผู้ให้คำแนะนำความงามท้องที่ขายสูตรทำที่บ้านแก่ญาติพี่น้อง และเพื่อน เมื่อผู้ให้คำแนะนำความงามเสียชีวิตไป แมรี เคย์ ได้ซื้อสูตรจากครอบครัว เธอไม่ต้องการกลุ่มสนทนา หรือศึกษาที่จะรู้ว่าผลิตภัณฑ์ดีหรือไม่ เธอเพียงแค่ดูที่ผิวของเธอเองบริษัทเครื่องสำอางใหญ่ที่สุดภายในอเมริกา เเมรี เคย์ อิงค์ เชี่ยวชาญภายในการผลิตและการขายตรงของผลิตภัณฑ์มากกว่า 200 อย่าง เช่น ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอาง กลิ่นหอม และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลอื่น กำลังการขายตรงของบริษัทประกอบด้วยที่ปรึกษาความงามอิสระมากกว่า 1.3 ล้านคน ขายเต็มหรือไม่เต็มเวลาผ่านทางการนำแสดงที่บ้านแมรี เคย์ เริ่มต้นธุรกิจเครื่องสำอางของเธอเป็นวิถีทางอย่างหนึ่งที่จะให้โอกาสแก่ผู้หญิงช่วยเหลือสนับสนุนครอบครัวของเธอ และบรรลุความสำเร็จภายในอาชีพธุรกิจ สโลแกนของเธอคือ พระเจ้าลำดับแรกครอบครัวลำดับที่สอง อาชีพลำดับที่สาม วิสัยทัศน์ของแมรี่ เคย์ คือการให้ผู้หญิงด้วยโอกาสที่ไม่มีใครเทียบเท่าเพื่อความเป็นอิสระทางการเงิน อาชีพทางธุรกิจและความสมหวังส่วนบุคคล และบรรลุความพอใจของลูกค้าด้วยการให้ผลิตภัณฑ์ที่ยกระดับภาพพจน์ตัวเองและความเชื่อมั่นของผู้หญิง เป้าหมายต้นกำเนิดของแมรี่ เคย์คือ การให้อำนาจแก่ผู้หญิงด้วยโอกาสความสำเร็จส่วนบุคคลและการเงินเเมรี เคย์ ราชินีแห่งความสวยงาม ได้เปิดโลกของการเป็นผู้ประกอบการแก่ผู้หญิงจำนวนมาก บางทีไม่มีผู้หญิงคนใดแสดงบทบาทที่สำคัญต่อความก้าวหน้าของผู้ประกอบการผู้หญิงมากกว่าเธอ ภายหลังจากการมีประสบการณฺโดยตรง เพดานแก้ว ทำให้ผู้หญิงหลายคนไม่สามารถไปสู่ตำแหน่งสูงสุดภายในโลกบริษัทที่ครอบงำด้วยผู้ชาย เธอได้คิดถึงการสร้างบริษัทแห่งความฝัน ตรงที่แม่ทำงานสามารถกำหนดระดับความก้าวหน้าและรายได้ของพวกเธอเอง การเป็นนายของพวกเธอเอง และการกำหนดตารางเวลาที่ยังคงมีเวลาเพื่อลูกของพวกเธอ ผลลัพธ์ของวิสัยทัศนี้คือ แมรี เคย์ คอสเมติคก่อนอื่นเธอต้องค้นหาผลิตภัณฑ์ มันต้องเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ผู้หญิงควรจะเชื่อ เธอสามารถแนะนำด้วยหัวใจของพวกเธอ และสำคัญที่สุดผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้หมดไป และสั่งซื้อใหมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เธอจะค้นหาผลิตภัณฑ์นี้ได้ที่ไหน น่าเจ็บใจ มันวางอยู่แล้วบนยอดของโต๊ะเครื่องเเป้งห้องนอนของเธอ
แมรี่ เคย์ อายุ 83 ปี คาดิลแลคสีชมพู และบริษัทเครื่องอำอางตำนานทำให้เธอเป็นผู้หญิงมีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งภายในธุรกิจอเมริกันเสียชีวิตเมื่อ ณ บ้านของเธอ ภายในดัลลัส ฉันต้องการให้เธอกลายเป็นผู้หญิงรายได้สูงที่สุดภายในอเมริกา แมรีิ เคย์ พูด ภายในการพูดจูงใจของเธอเธอได้สร้างระบบรางวัลออกแบบโดยเฉพาะเพื่อผู้หญิง เช่น เสื้อโคทส์ ขนมิงค์ แหวนเพชร และคาดิลแลคสีชมพู กล่องบรรจุเมคอัพของเธอเป็นสีชมพูด้วย ครั้งหนึ่งเธอเป็นเจ้าของแมนชั่น 19,000 ตารางฟุตสีชมพู ด้วยอ่างอาบน้ำหินอ่อนใหญ่ใตสีชมพู แมรี่ เคย์ เป็นผู้หญิงที่โดดเด่นภายในธุรกิจศตวรรษที่ 20 แม้ว่าเราจะมีผู้ประกอบการบรรลุความสำเร็จหลายคนทั่วโลกเเต่ไม่มีใครเฉพาะเหมือนเเมรี เคย์ ความสำเร็จของเธอได้ทิ้งรอยอย่างน่าทึ่งบนธุรกิจอเมริกัน และเปิดประตูเพื่อผู้หญิงทั่วโลก เพื่อที่จะบรรลุศักยภาพและชีวิตที่บรรลุความสำเร็จของพวกเธอเเมรี่ เคย์ เป็นหนึ่งของบริษัทเครื่องสำอางใหญ่ที่สุดภายในอเมริกาสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ภายในดัลลัส เท็กซัส อเมริกา แมรี เคย์ คอสเมติคเริ่มต้นด้วยความฝันที่ยิ่งใหญ่ของแมรี เคย์ การเปิดประตูเพื่อผู้หญิง เมื่อ ค.ศ 1963 ณ เวลานั้น แมรี่ เคย์ เป็นสำนักงานเล็กด้วยที่ปรึกษาความงามเก้าคน กฏทองและสุภาษิต พระเจ้าลำดับเเรก ครอบครัวลำดับที่สอง และอาชีพลำดับที่สาม เป็นรากฐานปรัชญาของเเมรี เคย์
เมื่อ ค.ศ 1960 ภายในอเมริกา ผู้หญิงส่วนใหญ่เผชิญความลำเอียงทางเพศ เมื่อพวกเธอแสวงหาโอกาสเลื่อนตำแหน่งภายในสถานที่ทำงาน ผู้หญิงเจ็บปวดต่อความไม่ยุติธรรมเพียงแค่เพราะว่าพวกเธอเป็นผู้หญิง ปัญหานี้ค่อนข้างธรรมดาย้อนหลังไปเวลานั้น ผู้หญิงมีโอกาสงานน้อย และพวกเธอบางคนต้องอยู่บ้านและดูเเลลูก ภายหลังที่ แมรี เคย์ เกษียณจากงานของเธอ เธอได้ตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างช่วยเหลือผู้หญิงคนอื่นให้กลายเป็นบรรลุความสำเร็จด้วยความฝันนี้ แมรี เคย์ เขียนหนังสือสามเล่มภายในเวลาว่างของเธอมีทั้ง Mary Kay บันทึกชีวะประวัติของเธอเมื่อ ค.ศ 1994 และ Miracles Happen and You Can Have It All เมื่อ ค.ศ 1955 หนังสือเล่มแรกของเธอคือ Mary Kay on People Management พิมพ์เมื่อ ค.ศ 1984 และอยู่บนรายชื่อหนังขายดีที่สุดของนิวยอร์ค ไทม์ หนังสือเล่มนี้อยู่บนพื้นฐานประสบการณ์ของเธอภายในปรัชญาธุรกิจ เเละเป็นแนวทางใช้การสัมผัสผู้หญิงที่จะพัฒนาผู้นำ และได้ถูกรวมไว้ภายในหลักสูตรธุรกิจ ณ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เเมรี เคย์ กล่าวว่า หนังสือความเป็นผู้นำส่วนใหญ่หามาได้ ณ เวลานั้นเขียนโดยผู้ชาย และเพื่อผู้ชาย ในขณะที่ผู้หญิงสามารถได้ความรู้ความเป็นผู้นำอย่างมากจากผู้ชาย ทำนองเดียวกันผู้ชายสามารถเรียนรู้ได้อย่างมากจากผู้หญิงด้วยสองทศวรรษภายหลังการเสียชีวิตของแมรี เคย์ เมื่อ ค.ศ 2001 แมรี เคย์ ยังคงเป็นหนึ่งบริษัทเครื่องสำอางใหญ่ที่สุด ด้วยรายได้ต่อปี 3.5 พันล้านเหรียญ ที่ปรึกษาความงาม มากกว่าสามล้านคน อะไรทำให้แมรี เคย์ แยกออกมาคือ จิตวิญญานที่ไม่ย่อท้อและคล่องแคล่ว และค่านิยมบนพื้นฐานความศรัทธาของเธอยังคงอยู่ ณ แกนของบริษัท เธอเชื่อต่อการวางพระเจ้าลำดับแรก ครอบครัวลำดับที่สอง และอาชีพลำดับที่สาม และเธอสอนเราทำอย่างเดียวกันตอนอายุ 45 ปี ด้วยความคับข้องใจที่ผู้ถูกฝึกอบรมชายหลายคนเหลือเกินของเธอเลื่อนตำเเหน่งเหนือเธอ มันเป็นครั้งแรกเมื่อเธอได้เผชิญกับความไม่เสมอภาคทางเพศภายในธุรกิจ ผลลัพธ์ของความคับข้องใจนี้เธอได้วางแผนที่จะเขียนหนังสือ มุ่งหมายนำทางผู้หญิงบรรลุความสำเร็จภายในของธุรกิจอย่างไร การช่วยเหลือผู้หญิงคนอื่นรับรู้โอกาสที่เธอถูกปฏิเสธ แมรี เคย์ ได้สร้างรายการของอะไรที่ชอบเกี่ยวกับตำแหน่งที่แลัวของเธอ และรายการของอะไรที่เธอไม่ชอบ ภายหลังเสร็จเรียบร้อย รายการสองอย่างได้แสดงพิมพ์เขียวต่อบริษัทความฝันของเธอ ด้วยเงินออม5,000 เหรียญของเธอ เธอได้ก่อตั้งบิวตี้ บาย แมรี เคย์ บริษัทเครื่องสำอางและความงาม ขึ้นอยู่กับผู้หญิงขายสินค้าแก่เพื่อนและคนรู้จักของพวกเธอผ่านการขายตรง โมเดลธุรกิจการขายตรงด้วยการมุ่งเน้นงานเลี้ยงที่บ้านไม่ใช่เพราะว่าการขายตรงตัวมันเอง แต่เป็นเเพราะว่ากำลังขาย แมรี เคย์ สร้างวัฒนธรรมบริษัทของเธอช่วยผู้หญิงรู้สึกถูกสนับสนุนและมีคุณค่าสามารถก้าวหน้าไปไกลเท่าที่พวกเธอต้องการบนพื้นฐานความสามารถตอนอายุ 45 ปี เธอได้เปิดตัวบริษัทของเธอเอง พื้นฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งของบริษัทของเธอคือ การให้ความสนใจต่อประเด็นทางเพศ เป้าหมายของเธอคือ สร้างบริษัทตรงที่ผู้หญิงแต่ละคนได้พบการสนับสนุนและความเข้าใจ นอกเหนือจากโอกาสที่หามาได้แก่ผู้หญิง ความมุ่งหมายของเธอที่จะสนับสนุนความสมดุลงาน-ชีวิตเป็นจุดสำคัญภายในอาชีพของเธอ ในฐานะของผู้นำ เธอพิจารณากฏสำคัญสามข้อตามลำดับคือ พรเจ้า ครอบครับ อาชีพ เเมรี เคย์ ได้สนับสนุนความคิดที่จะปฏิบัติต่อบุคคลตามวิถีทางที่คุณต้องการให้พวกเขาปฏิบัติต่อคุณแมรี เคย์ เชื่อต่อคุณค่าของบุคคล และเธอได้แสดงมันผ่านทางกฏทองที่คุณมองเห็นได้ กฏทองไม่ได้เป็นเพียงคำแถลงที่เธออ้างอิงและทะเยอทะยาน แต่แมรี เคย์ มีชีวิตอยู่กับกฏทองว้นแล้าวันเล่า ธุรกิจบริษัทจะมีชื่อเสียงเป็นการเชือดคอหอย คุณยิ่งเข้มงวดบุคคลของคุณมากเท่าไร คุณยิ่งบรรลุความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น แต่เเมรี เคย์ ไม่ได้อยู่ภายในวิถีทางที่เราคาดหวัง เธอสร้างธุรกิจของเธอบนการปฏิบัติต่อบุคคลอย่างที่เธอต้องการให้ถูกปฏิบัติ เเมรี เคย์ เชื่อว่าบุคคลทุกคนใส่ป้ายที่มองไม่เห็นกล่าวว่า “ทำให้ฉันรู้สึกสำคัญ” ดังนั้นคือสิ่งที่เธอทำ เธอให้คุณค่าบุคคลแต่ละคนเป็นเฉพาะและพิเศษ ด้วยความสามารถรอการใช้ประโยชน์ เธอได้แสดงความชื่นชมบุคคลของเธออยู่เสมอ ในขณะที่มันง่ายต่อการรับรู้ความพยายามที่ยิ่งใหญ่ บางครั้งเธอต้องมองดูอะไรที่เล็กน้อยด้วยไม่มีพื้นที่ใดใหญ่เกินไปหรือเล็กเก็นไปที่จะสมควรได้รับการรับรู้ แมรี เคย์ มุ่งที่การกระทำของเธอสอดคล้องกับกฏทองหรือไม่ตัวอย่างเช่น เธอเชื่อต่อการให้คุณค่าต่อบุคคลอยู่ข้างหน้าเธอผู้หญิงมักจะยืนแถวยาวทักทายเธอและจับมือของเธอ แมรี เคย์ จำประสบการณ์ของเธอเองทักทายผู้บริหารยืนเป็นแถว ผู้บริหารจัมมือของเธอโดยไม่มองเธอหรือกล่าวอะไรก็ตามแก่เธอ แมรี เคย์ จำได้ว่ารู้สึกอย่างไร และถือเป็นจุดสำคัญที่จะถามบุคคลแต่ละคนชื่อของเธอภายในแถว และเธอจะพูดซ้ำชื่อของเธอ และมองเธอที่สายตา แม้ว่าเธอรู้ว่าเธอมีผู้หญิง 1,000 คนภายในแถว แมรี เคย์ ให้ประสบการณ์อย่างเดียวกันแก่บุคคลทุกคน การกระทำของเธอเสียงดังกว่าคำพูดของเธอ แมรี เคย์ เป็นผู้หญิงด้วยการยืนหยัด ความมุ่งมั่น และความมุ่งหมายเหนือสื่งอื่นใด เธอเป็นผู้หญิงด้วยความฝัน และเชื่อมั่นสามารถกลายเป็นความจริง และเธอทำให้มันเกิดขึ้น เธอแน่วแน่ต่อความเชื่อของเธอและยืนหยัดกับมัน เธอรู้ว่าการทำอะไรที่ถูกต้องไม่ได้ง่ายอยู่เสมอ แต่เธอไม่เคยเสียสละอะไรที่เธอเชื่อต่อความสำเร็จ แมรีิ เคย์ กล่าวว่าไม่ว่าคุณยุ่งแค่ไหนคุณต้องใช้เวลาทำให้บุคคลอื่นรู้สึกสำคัญ
เมื่อ ค.ศ 1984 สามสิบห้าปีที่แล้ว แมรี เคย์ ได้สร้างภาพรวมของผลงานยี่สิบปีของการดำเนินธุรกิจเครื่องสำอางที่บรรลุความสำเร็จตามวิถีทางของเธอ เพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ประกอบการ แมรี่ เคย์ ได้นำค่านิยมที่เธอใช้สร้างบริษัทความฝันของเธอไปสู่หนังสือขายดีที่สุด “Mary Kay on People Management” หนังสือเล่มนี้ได้ถูกยกย่องภายในอุตสาหกรรมเป็นการศึกษาการปฏิรูป ไปสู่ศิลปะของความเป็นผู้นำธุรกิจหนังสือเล่มนี้เป็นบางสิ่งบางอย่างความเป็นผู้นำของแมรี เคย์ อ้างถึงพื้นฐานประจำวัน ไม่เพียงเเต่ทำอะไรอย่างไรตามวิถีทางของแมรี่ เคย์ เท่านั้น แต่ได้สร้างวัฒนธรรมสถานที่ทำงาน สนับสนุนการมุ่งสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขอ’บุคคลอย่างไรด้วย บทเรียนที่สำคัญอย่างหนึ่งภายในหนังสือของเธอ
ภายใน “Mary Kay on People Management” แมรี่ เคย์ ได้อธิบายปรัชญาของเธอต่อการบันดาลใจทั้งบุคคลและกำไร การประยุกต์ใช้กฏทองต่อทุกด้านของการบริหาร : การว่าจ้าง การจูงใจ ประสิทธิภาพ และอย่างอื่น และสำคัญที่สุด การพิสูจน์ว่ารางวัลยิ่งใหญ่ได้ ต่อเมื่องบกำไรขาดทุนไม่ได้หมายถึงกำไรและขาดทุนเท่านั้นเเต่เป็นบุคคลและความรักด้วยผู้นำ ณ ระดับสูงสุดของบันไดบริษัืทบางครั้งลืมการปฏิบัติที่ไม่ดีที่พวกเขาได้อดทนก่อนที่พวกเขามาอยู่ตรงนี้ พวกเขาแสดงการขาดความเข้าอกเข้าใจต่อบุคคลของพวกเขา พวกเขาล้มเหลวที่จะถามตัวพวกเขาเองคำถามสำคัญที่สุด ผมจะทำอะไรถ้าผมเป็นบุคคลอื่น ในขณะที่ผู้บริหารพยายามลืมปัญหาที่พวกเขาได้เผชิญเริ่มแรกภายในอาชีพของพวกเขา แมรี เคย์ ได้สร้างมันเป็นประเด็นที่จะจดจำความยุ่งยากที่เธอมีตามเส้นทาง มันสำคัญต่อผู้นำที่จะเห็นอกเห็นใจปัญหาของบุคคลอื่น และวิถีทางดีที่สุดคือ การมีความเข้าใจที่ชัดเจนอะไรที่คุณเคยเจอมาแล้วตัวคุณเองการแก้ปัญหาของการบริหาร ด้วยการประยุกต์ใช้กฏทอง หมายความ ถึงการปฏิบัติต่อบุคคลอย่างยุติธรรม และตามความสามารถ ไม่ใช่เพียงแค่การใช้พวกเขาเพื่อความมุ่งหมายรับใช้ตัวเอง จอห์น คอตเตอร์ อาจารย์ความเป็นผู้นำ ณ คณะบริหารธุรกิจฮาร์วาร์ดได้เรียกแมรี เคย์ เป็นเครื่องกำเนิดโอกาส ผู้นำธุรกิจดีที่สุดคนหนึ่งภายในอเมริกา เขาได้กล่าวว่า วันหนึ่งเธอได้มาเยี่ยมคณะบริหารธุรกิจฮาร์วาร์ดเธอเป็นบุคคลน่าทึ่งมาก บริษัทที่น่าสนใจ เธอมีภารกิจภายในชีวิตภายหลังช่วงเวลาลำบากอย่างมาก การศึกษามัธยมปลาย ไม่มีงานทำ และเลี้ยงดูครอบครัว เธอได้ค้นพบปัญหาทุกอย่างที่ผู้หญิงมี เชื่อหรือไม่ว่ามันเลวร้ายกว่าวันนี้มากภายในกำลังงานเธอได้ค้นพบภารกิจนี้ และภารกิจของเธอคือ การค้นหาวิถีทางให้โอกาสผู้หญิงที่บริษัทสมัยเดิมไม่ให้พวกเธอ การค้นหาวิถีทางกำจัดอุปสรรคจากนายที่อคติทางเพศ เธอได้สร้างธุรกิจทำกำไรจากไม่มีอะไรเลย ด้วยการสร้างโอกาสใหม่แก่ผู้หญิงบรรลุความสำเร็จทางการเงิน
แมรี เคย์ เกิดเมื่อ 12 พฤษภาคม ค.ศ 1918 ภายในฮอทเวลส์ เท็กซัสเธอเป็นผู้บุกเบิกเพื่อผู้หญิงภายในธุรกิจ สร้างอาณาจักรเครื่องสำอางที่ยิ่งใหญ่ เเม่ของเเมรี่ เคย์ ทำงานหลายชั่วโมง ณ ร้านอาหารสนับสนุนครอบครัวของเธอ และเเมรี่ เคย์ แต่งงานตอนอายุ 17 ปี เมื่อชีวิตครอบครัวได้พังทลายลง เธอได้พบตัวเธอเองเป็นแม่คนเดียวของลูกสามคน
เมื่อ ค.ศ 1939 แมรี่ เคย์ ได้กลายเป็นพนักงานขายของสเเตนลี่ย์ โฮมโปรดักส์ เจ้าภาพงานเลี้ยงกระตุ้นบุคคลซื้อผลิตภัณฑ์ครัวเรือน เธอสร้างยอดขายได้ดี ภายในปีที่สองของเธอได้ถูกเรียกชื่อว่าราชินีแห่งการขาย จนเธอได้ถูกว่าจ้างโดยอีกบริษัทหนึ่ง เวิรลด์ กิฟท์ เมื่อ ค.ศ 1952 แมรี เคย์ อยู่กับบริษัทสิบกว่าปี เธอได้ลาออกภายในการประท้วง ภายหลังได้มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่เธอฝึกอบรมให้เลื่อนตำแหน่งสูงกว่าเธอ และได้เงินเดือนเป็นสองเท่าของเธอ ดังนั้นเธอได้ลาออกไปเธอได้กลายเป็นหดหู่อย่างรวดเร็ว ฉันเพียงแค่รู้สึกชีวิตของฉันได้สิ้นสุดลง ฉันอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนห่างจากสถานที่เก็บศพ เเต่แมรี เคย์ ไม่ได้เป็นคนขี้แพ้ เธอได้เริ่มต้นวางแผนระยะต่อไปของชีวิตของเธอ เธอได้เขียนหนังสือธุรกิจ เธอหวังที่จะบันดาลใจผู้หญิง ในณะที่เธอเขียนหนังสือ เธอได้บันใจตัวเธอเองด้วย ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเขียนป็นความจริง ทำไมไม่เข้าไปสู่ธุรกิจด้วยตัวเธอเอง ความคิดได้ทำให้เธอตื่นเต้นมาก แมรี เคย์ คอสเมติก ได้กำเนิดด้วยประสบการณ์โดยตรงยี่สิบห้าปีเป็นบุคคลขายตรง เธอได้โยนตัวเธอเองไปสู่ธุรกิจเครื่องสำอางใหม่ของเธอ เเมรี เคย์ ได้นำเสนอผู้หญิงโอกาสที่จะเริ่มต้นธุรกิจของพวกเธอเอง การมีชั่วโมงทำงานที่ยืดหยุ่นได้ ผู้หญิงเหล่านี้สามารถสมดุลงานเเละชีวิตบ้านได้ เธอทำให้งานต่อผู้หญิงเหล่านี้สนุกสนาน เธอได้ดำเนินการแข่งขันการขาย ด้วยการให้รางวัลเข็มกลัดเพชรบัมเบิลบี เเละในที่สุดคาดิลแลคสีชมพูที่มีชื่อเสียง เธอได้ให้พวกเธออะไรที่พวกเธอไม่สามารถเคยได้ภายในครัวและห้องซักผ้า เธอให้พวกเธอการยกย่องและการชมเชยเมื่อเเมรี เคย์ เริ่มต้นธุรกิจของเธอ มันเป็นข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ที่บัมเบิ้ลบีไม่สามารถบินได้ นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาสรีระของบัมเบิ้ลบี และมองว่ามันไม่สามารถบินได้ ปัญหาคิอ ไม่มีใครเลยได้บอกบัมเบิลบี แมรี เคย์ ได้รับเอาบัมเบิลบีเป็นเเรงบันดาลใจของเธอ เมื่อเธอเริ่มต้นธุรกิจเครื่องสำอางของเธอ ทำนองเดียวกับบัมเบิลบี ผู้หญิงถูกบอกว่าพวกเธอไม่สามารถบินได้ทำนองเดียวกับบัมเบิ้ลบี แมรี เคย์ ไม่สนใจเรื่องไร้สาระนี้ เธอกล่าวถีงแผนต่อสู้เพื่อตัวเธอเองและผู้หญิงคนอื่น เธอเป็นนักต่อสู้ ผู้ชายลำเอียงทางเพศต่อเธอ พวกเขาเพียงแค่ไม่ต้องการให้แมรี่ เคย์ บินได้ เหมืนกับบัมเบิ้ลบี เธอไม่สนใจความเชื่อสมัยเดิม เธอไม่ยอมรับว่าผู้หญิงไม่สามารถบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เธอเริ่มต้นแมรี่ เคย์ คอสเมติค เธอให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้หญิงคนอื่นที่จะต่อสู้ด้วยคุณเป็นบัมเบิ้ลบีใช่หรือไม่ คุณถูกบอกไม่สามารถบินได้หรือไม่ คุณบอกตัวคุณเองไม่สามารถบินได้หรือไม่ จงลืมเรื่องไร้สาระเหล่านี้ คุณสามารถบินได้ คุณต้องบินได้ภายหลังประสบการณ์ที่ไม่ดีของเธอภายในสถานที่งำงานสมัยเดิมแมรี เคย์ ได้เริ่มต้นธุรก้จของเธอเองตอนอายุ 45 ปี เธอได้ใช้เงินทุนเริ่มแรก 5,000 เหรียญเมื่อ ค.ศ 1963 เธอได้ซื้อสูตรเพื่ โลชั่นผิวจากครอบครัวชองคนฟอกหนัง เขาได้สร้างผลิตภัณฑ์ในขณะที่ทำงานกับหนังสัตว์ ด้วยลูกชายของเธอ ริชาร์ด โรเจอร์ เธอได้เปิดร้านเล็กภายในดัลลัส และพนักงานขายเก้าคนทำงานกับเธอ บริษัททำกำไรภายในปีเเรก และขายผลิตภัณฑ์เกือบหนึ่งล้านเหรียญตอนสิ้นปีที่สองการขับเคลื่อนด้วยปรัชญาธุรกิจของเเมรี เคย์ เครื่องสำอางของเธอถูกขายผ่านงานเลี้ยงที่บ้าน แต่แมรี เคย์ ได้พยายามสร้างความแตกต่างของธุรกิจของเธอ ด้วยการใช้โครงการสิ่งจูงใจ และไม่มีพื้นที่การขายแก่ตัวเเทนของเธอ เธอต้องการให้บุคคลทุกคนภายในองค์การมีโอกาสได้ประโยชน์จากความสำเร็จของพวกเธอ – ผู้เเทนขาย – เธอเรียกพวกเธอว่า ที่ปรึกษาความงาม ซื้อผลิตภัณฑ์จากเเมรี เคย์ ณ ราคาขายส่ง และขายมัน ณ ราคาขายปลีกแก่ลูกค้าของพวกเธอพวกเธอสามารถได้ค่านายหน้าจากที่ปรึกษาคนใหม่ที่พวกเธอได้สรรหามาด้วยแมรี เคย์ ได้รวมตำนานบัมเบิ้ลบีไว้กับวัฒนธรรมบริษัทอย่่างไร บรรดารางของวัลแมรี เคย์ เข็มกลัดเพชรบีมเบิ่ลบีถูกจดจำมากที่สุดเข็มกลัดอันแรกได้ถูกให้รางวัล ณ การสัมนา 1970 เธอได้กล่าวว่า ตามอากาศพลศาสตร์แล้ว บัมเบิ้ลบี ไม่สามารถบินได้ แต่บัมเบิ้ลบีไม่รู้ ดังนั้นมันได้บินไปเรื่อย เธอได้เล่าเรื่องราวภายในการสัมนานี้ ตรงที่เธอได้นำเสนอนักขายลำดับสูงสุดด้วยเข็มกลัดเพชรบัมเบิ้ลบีเเมรี่ เคย์ เชื่ออย่างเข้มแข็งว่าการรักษาภาพพจน์ทางวิชาชีพควรจะเป็นด้านที่สำคัญอยู่เสมอของโอกาสธุรกิจของแมรี่ เคย์ ด้วยเหตุนี้เธอได้ใช้การกระตุ้นผู้แทนขายอิสระพยายามให้พวกเธอดูดีที่สุด แม่รี่ เคย์ รู้ว่าการแต่งกายของบุคคลมักจะกำหนดทัศนคติและพฤติกรรมของบุคคลลูกค้าของคุณจะชื่นชมความเป็นมืออาชีพของคุณ และเชื่อมั่นต่อความสามารถของคุณ ต่อการให้คำแนะนำอย่างเหมาะสมต่อการดูเเลผิวและและการเลือกสีเครื่องสำอางเราปฏิเสธไม่ได้ว่าแมรี เคย์ มีความเชื่อบุคลิภาพอย่างมาก เธอได้บังคับกฏการแต่งกายแก่บุคคลของเธอ ไม่มีกางเกงภายในแมรี เคย์ เธอไม่ชอบกางเกง บุคคลทุกคนต้องใส่สเกิรตเท่านั้น อย่าใส่กางเกงต่อหน้าที่ของแมรี เคย์ ใดก็ตามบริษัทได้ขายหุ้นแก่ประชาชนเมื่อ ค.ศ 1968 แต่มันได้ถูกซื้อกลับโดยแมรี เคย์ และครอบครัวของเธอเมื่อ ค.ศ 1985 เมื่อราคาหุ้นสูงสุด ณ หัวใจของบริษัทที่ทำกำไรนี้คือ บุคลิกภาพที่กระตือรือร้นของแมรี เคย์ เธอเป็นที่รู้จักกันต่อความชอบสีชมพูของเธอ และมันสามารถพบได้ภายในทุกที่ ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงคาดิลแลคที่เธอให้แก่ที่ปรึกษาที่มีรายได้สูงสุดแต่ละปี เธอให้คุณค่าอย่างจริงใจต่อที่ปรึกษาของเธอ และครั้งหนึ่งเธอได้พูดว่า บุคคลเป็นทรัพย์สินยิ่งใหญ่ที่สุดของบริษัทภายในแมรี่ เคย์ เราไม่มี “เพดานแก้ว” บุคคลทุกคนถูกปฏิบัติอย่างยุติธรรม ด้วยความซื่อสัตย์และให้เกียรติ ที่ปรึกษาความงามแต่ละคนเข้ามาสู่กำลังขายบนพื้นฐานความเสมอภาค และวิถีทางที่จะก้าวหน้าคือ ช่วยเหลือบุคคลอื่นให้บรรลุความสำเร็จ ด้วยความสามารถและการริเริ่ม ที่ปรึกษาความงามสามารถบรรลุสถานภาพสูงสุดของความสำเร็จบุคคลทุกคนพิเศษ เมื่อเเมรีื เคย์ พบบุคคลบางคน เธอพยายามคิดถึงเขาหรือเธอใส่ป้ายที่มองไม่เห็น ” ทำให้ฉันรู้สึกสำคัญ ” ไม่ว่าคุณวุ่นวายแค่ไหน คุณต้องใช้เวลาทำให้บุคคลอื่นรู้สึกสำคัญ มันได้ถูกกล่าวว่าเราใช้ 10% เท่านั้นของพระเจ้าของเรา – ความสามารถที่ให้ และ 90%ไม่เคยถูกแตะ ผู้นำทำให้บุคคลรู้สึกสำคัญอย่างไร อย่างเเรก ด้วยการรับฟังพวกเขา บุคคลรู้สึกสำคัญเมื่อพวกเขาถูกให้ความรับผิดชอบด้วยแต่ความรับผิดชอบโดยไม่มีอำนาจหน้าที่สามารถทำลายการเห็นคุณค่าตัวเราเองของบุคคลคุณควรจะทำให้บุคคลของคุณรู้ว่าคุณชื่นชมพวกเขามากน้อยแค่ไหน แมรี่ เคย์ ให้บินที่นั่งชั้นหนึ่งแก่บุคคลทุกคนของเธอ และเเม้ว่ามันราคาแพง มันคุ้มค่าที่จะทำ เพราะว่าบุคคลถูกทำให้รู้สึกสำคัญ เพียงแค่ร้านอาหารที่ดีทำให้ลูกค้ารู้สึกสำคัญ บริษัทของเเมรี่ เคย์ ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาสามารถทำให้บุคคลรู้สึกสำคัญบุคคลทุกคนต้องการถูกยกย่อง ดังนั้นถ้าคุณยกย่องบุคคลบางคนอย่าเก็บมันไว้เป็นความลับ การยกย่องเป็นวิถีทางที่ดีต่อผู้นำที่จะจูงใจบุคคล ครั้งสุดท้ายเมื่อไรที่คุณพูดกับบุคคลบางคน ณ งาน คุณรู้หรือไม่คุณยอดเยี่ยมมาก ผมชื่นชมงานที่คุณทำที่นี่ คุณควรจะชื่นชมบุคคลทุกครั้งที่คุณสามารถ ในฐานะของผู้นำ คุณต้องรับรู้ว่าบุคคลต้องการการยกย่อง แต่มันต้องถูกให้อย่างจริงใจ แมรี เคย์ ไม่ได้คิดว่ามันเคยเหมาะสมต่อผู้บริหารที่จะวิจารณ์บุคคลการวิจารณ์ควรจะไปสู่อะไรที่ไม่ถูกค้องไม่ใช่ใครไม่ถูกต้องมันโอเคต่อผู้บริหารพัฒนาความสัมพันธ์กับบุคคลของเขา ในขณะเดียวกันผู้บริหารต้องเข้มแข็งและพูดตรงไปตรงมา มันต้องการทั้งอ่อนโยนและเข้มแข็งด้วยคำพูดอีกอย่างหนึ่ง คุณต้องรักษาบทบาทผู้บริหารของคุณ แต่คุณต้องมีความเข้าใจบุคคลอื่นด้วย เส้นแบ่งที่ดีระหว่างการเป็นเพื่อน-เพื่อนจนเกินไป และประนีประนอมสถานภาพการเป็นหัวหน้างานของคุณแมรี เคย์ ได้ทำให้เทคนิคแซนวิสนิยมแพร่หลายภายในหนังสือของเธอ “Mary Kay on People Management” เธอได้แนะนำผู้บริหารที่จะเเซนวิสการพูดตำหนิใดก็ตามระหว่างชั้นของการยกย่อง เธอได้เขียนว่า แซนวิสทุกเล็กน้อยของการตำหนิระหว่างสองชั้นที่หนักของการยกย่อง….ผู้บริหารควรจะสามารถบอกบุคคลบางคนเมื่อบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้องโดยไม่ทำให้อัตตาชอกช้ำภายในกระบวนการ อย่าตำหนิโดยไม่ยกย่องเป็นกฎที่เข้มงวด ณ แมรี เคย์ ไม่ว่าคุณจะตำหนิอย่างไร คุณต้องหาบางสิ่งบางอย่างที่ดีจะพูด – ทั้งก่อนและหลัง มันเป็นที่รู้จักกันเป็นเทคนิคแซนวิสมันยกโทษให้ไม่ได้ต่อผู้บริหารตำหนิบุคคลบางคนต่อหน้าบุคคลอื่น ไม่เพียงแต่การกระทำนี้สร้างความไม่พอใจที่ขมขื่นเท่านั้น แต่บุคคลทุกคนที่ปรากฏอยู่กลายเป็นละอายและไม่มั่นคงความสมดุลหมายความมากกว่า การบริหารเวลา เรารับรู้ความสำคัญของการสร้างชีวิตที่สมดุล ที่จริงแล้ว แมรี เคย์มักจะร่วมลำดับความสำคัญส่วนบุคคลของเธอ พระเจ้าลำดับแรก ครอบครัวลำดับที่สองและอาชีพลำดับที่สาม การเดินตามประเพณีนี้ การกระตุ้นบุคคลค้นหาความสมดุลที่เหมาะสมของลำดับความสำคัญต่อชีวิตของพวกเขาเองยังคงเป็นส่วนที่สำคัญของวัฒนธรรมของเราทั่วโลก ณ แมรี เคย์ เราเข้าใจว่าอาชีพที่บรรลุความสำเร็จเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตที่สมดุลเราต้องจำไว้ว่าความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่้กับคุณบุคคลเดียว แต่อยู่ที่งานและความสำเร็จของเพื่อนร่วมงานของคุณด้วย ศักยภาพของคุณได้ถูกจำกัด ถ้าคุณพยายามบรรลุทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวคุณเองบริษัทถูกสร้างด้วยบุคคล ถ้าเอาพวกเขาออกไป ความสามารถของบริษัทจะถูกคุกคามอย่างรุนเเรง แมรี เคย์ อธิบายว่า เมื่อเราเจริญเติบโต เราสามารถดึงดูดบุคคลที่ดีที่สุดมาร่วมกับเราได้ และเราเต็มใจที่จะจ่ายสูงสุดแก่บุคคลที่มีความสามารถสูงสุดแมรี เคย์ เชื่อต่อคุณค่าของทัศนคติที่ดี เเละให้พลังทางบวกต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำ เมื่อถามเธอทำอย่างไร เธอตอบอยู่เสมอว่า ฉันยิ่งใหญ่แม้แต่ในขณะที่เธออาจจะไม่รู้สึกยิ่งใหญ่เต็มที่ การตอบสนองของเธอนำไปสู่กรอบความคิดที่เปลี่ยนแปลง ความกระตือรือร้นแพร่หลายง่าย และมันเริ่มต้นด้วยผู้นำ ถ้าผู้นำไม่กระตือรือร้น เราสามารถคาดหวังบุคคลของเรารู้สึกกระตือรือร้นได้อย่างไร ไม่มีอะไรที่ยิ่งใหญ่เคยบรรลุโดยไม่มีความกระตือรือร้น แม้แต่เเมรีเคย์ มีเพลงบริษัทชื่อ I’ ve Got That Mary Enthusiasm การร้องเพลงที่จะรวมบุคคลเข้าด้วยกัน ถ้าบุคคลบางคนท้อแท้ การร้องเพลงมักจะนำเธอออกมาจากมันได้
เราอย่าประเมินความสามารถที่จะฟังคุณค่าต่ำเกินไป แมรี่ เคย์ แนะนำว่า ผู้บริหารบุคคลที่ดีน่าจะรับฟังมากกว่าพูด บางทีนั่นคือทำไมพระเจ้าให้เราสองหูและปากเดียวเท่านัีน บ่อยครั้งบุคคลจะคิดข้อแก้ปัญหาของพวกเขาเอง ถ้าคุณยอมให้พวกเขาพูดและถาม
แมรี เคย์ ก่อตั้งบริษัทบนกฏทอง และมุ่งเน้นความสำคัญของการให้กลับคืนแก่บุคคลอื่น นั่นคือทำไมทุกวันแมรีื เคย์ กำลังเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้หญิงและเด็กทั่วโลก เเมรี เคย์ เชื่อต่อการเพิ่มคุณค่าชีวิต วันนี้เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ยั่งยืน การเป็นหุ้นส่วนกับองค์การทั่วโลกมุ่งที่การส่งเสริมความเป็นเลิศของธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ก้าวหน้าความเสมอภาคทางเพศ คุัมครองผู้รอดชีวิตต่อการถูกทำร้ายท้องที่ ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และกระตุ้นเด็กเดินตามความฝันของพวกเขาจิตวิญญานไป-ให้ เป็นเกียรติยศสูงสุดภายในแมรี เคย์ การมีจิตวิญญานไป-ให้ จิตวิญญานแท้จริงของแมรี เคย์ คือความลุ่มหลงบุคคลของเราร่วมเป๊นส่วนหนึ่งของบางสิ่งบางอย่างที่ใหญ่กว่าตัวบุคคลของเราเอง การให้บริการแก่บุคคลอื่น จิตวิญญานไป-ให้ เป็นถ้อยคำของแมรี เคย์ ต่อการเดินตามอย่างไม่เห็นแก่ตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม การให้โดยไม่คาดหวังอะไรก็ตามกลับคืนบริษัทได้ถูกสร้างบนจิตวิญญานไป-ให้ ถ้าคุณจะให้ตัวคุณเองโดยไม่คิดถึงรายได้ทางการเงิน และรายได้ทางการเงินจะตามมา จงให้อย่างกระตือรือร้น ให้อย่างเต๊มใจ และเต็มใจให้เลยพ้นจากที่คุณได้รับ และมองผลตอบแทนกลับคืน ภายในแมรี่ เคย์คุณต้องรู้ว่าหัวใจคืออะไร หัวใจเป็นศูนย์เร้าใจให้พลังชีวิต พลังนี้คือจิตวิญญานไป-ให้ ความเต็มใจช่วยเหลือระหว่างกัน…..เราไม่ได้เพียงแค่ขายเครื่องสำอาง เรากำลังสัมผัสชีวิต แมรี เคย์ กล่าว”ความยั่งยืน” เป็นถ้อยคำที่คุณมักจะได้ยินกันวันนี้ มันหมายถึงอะไรอย่างแท้จริง ความยั่งยืนหมายถึง การตอบสนองความต้องการในขณะนี้ของเรา โดยไม่กระทบความสามารถของคนรุ่นในอนาคตที่จะตอบสนองความต้องการของพวกเขา
ตั้งแต่วันที่แมรี เคย์ เปิดประตูบริษทของเธอเมื่อ ค.ศ 1963 ธุรกิจของเราสะท้อนค่านิยมกฏทองของผู้ก่อตั้งของเรา แมรี เคย์ เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความเข้าใจธุรกิจอย่างมาก เธอเข้าใจที่จะนำด้วยหัวใจของเธออย่างไรความผูกพันต่อการกระทำไป-ให้ กำหนดการตัดสินใจของเธอ ดังนั้นในขณะที่ความผูกพัน 2021 ของเเมรี่ เคย์ต่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืและความโปร่งใสเป็นตัวอย่างความรับผิดชอบบริษัท มันได้สะท้อนมรดกของการกระทำที่เราได้สร้างเพื่อเกือบหกสิบปีมาแล้วด้วยการวางรากฐานการตัดสินใจทุกอย่างบนค่านิยมของเรา – นับตั้งแต่การเริ่มต้น – เราได้ยกระดับภารกิจของแมรี เคย์ : เพิ่มคุณค่าชีวิตของผู้หญิง ผลกระทบทางบวกของแมรี เคย์ ตลอดหลายปีคือบางสิ่งบางบางอย่างที่บันดาลใจเรา มันเป็นเราเจริญเติบโตอย่างไร เรามีการดำเนินงานที่ขยายตัว ณ แมรี เคย์ ตั้งแต่การผลิตและการขนส่ง ไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เนื่องจากรอยเท้าโลกของเราเรารู้ข้อบังคับทางศีลธรรมของเราคือ ดำเนินการมรดกของเราของการทำอะไรที่ถูกต้อง : วันนี้ พรุ่งนี้ ตลอดไปเราตื่นเต้นที่จะแนะนำกลยุทธ์ความยั่งยืนใหม่ของเรา การเพิ่มคุณค่าชีวิตวันนี้ เพื่อวันพรุ่งนี้อย่างยั่งยืน ภายในโลกที่วิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว เเมรี เคย์ ยืนอยู่แนวหน้าของการเปลี่ยนแปลง ไม่เพียงแต่การสร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่แก่ผู้หญิงเท่านั้น เเต่เป็นพลังที่พวกเขายึดอยู่ต่อการสร้างเศรษฐกิจโลกของเรา และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย ด้วยความพยายามอย่างยั่งยืนด้วย ณ หัวใจของความพยายามอย่างยั่งยืนของเราเป็นเสาสามเสา ความยั่งยืนทางสิ่งเเวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ เราได้รับรู้ว่าความยั่งยืนที่แท้จริง ไม่ได้เพียงแค่เกี่ยวกับการลดรอยเท้าคาร์บอนของเรา หรือการนำกลับมาใช้ใหม่ มันเกี่ยวกับการสร้างโมเดลธุรกิจที่ให้คุณค่าและยกระดับบุคคลทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิง สนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของสังคม และมั่นใจว่าการเจริญเติบโตให้ประโยชน์บุคคลทุกคน
Cr : รศ สมยศ นาวีการ