ยูนิลีเวอร์ แรงงานเด็กภายในการเพาะปลูกน้ำมันปาล์ม
ยูนิลีเวอร์ แรงงานเด็กภายในการเพาะปลูกน้ำมันปาล์ม
เด็กอายุเพียงแค่แปดปีกำลังถูกใช้ภายในอินโดนีเซียผลิตน้ำมันปาล์มพบได้ภายในผลิตภัณฑ์ครัวเรือน ตามรายงานของแอมนาสตี้ อินเตอร์แนชั่นเเนล
ยูนิลีเวอร์ คอลเกต เคลลอก และเนสท์เลย์ เป็นบรรดาบริษัทที่เชื่อมโยงกับบริษัทรากฐานสิงคโปร์ วิลมาร์ รายงานแอมนาสตี้ กล่าวหาว่าเด็กอายุเพียงแค่แปดปีกำลังทำงานภายใต้สภาวะที่อันตรายภายในอินโดนีเซีย นักวิจัยของ
แอมนาสตึ้ ได้ตรวจสอบสภาวะการทำงาน ณ การเพาะปลูกภายในภูมิภาคของกาลิมันตัง และสุมาตรา ของอินโดนีเซีย พวกเขาได้พบว่าน้ำมันปาล์มผลิต
ณ พื้นที่เหล่านี้แก่บริษัท วิลมาร์ ได้ถูกขายแก่ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ยาสีฟันและเครื่อสำอาง ไปจนถึงไอสครีม รายงานทำให้ลูกค้าตกใจที่คิดว่าพวกเขาทำการเลือกอย่างมีจริยธรรม การเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าใช้น้ำมันปาล์มที่ยั่งยืน
บางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้องเมื่อเก้าบริษัทมีรายได้รวมกันถึง 325 พีนล้านเหรียญเมื่อ ค.ศ 2015 ไม่สามรถทำบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายของคนงานน้ำมันปาล์ม
บริษัทอาหารและครัวเรือนนิยมแพร่หลายมากที่สุดกำลังขายอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์หลักประจำวันใช้น้ำมันปาล์ม ด่างพร้อยจากการละเมิดสิทธิมนุษย์ภายในอินโดนีเซีย แอมนาสตี้ อินเตอร์เเนชั่นแนล ได้กระเเทก
คอลเกต เนสท์เลย์ และยูนิลีเวอร์ ต่อการละเมิดสิทธิมนุษย์ของลูกโซ่อุปทานน้ำมันปาล์ม แอมนาสตี้ ได้พิมพรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติของบริัษัทข้ามชาติผลิตภัณฑ์บริโภค เอ็นจีโอสิทธิมนุษย ได้พิจารณาลูกโซ่อุปทานของน้ำมันปาล์ม
และพบหลักฐานของแรงงานบังคับ การว่าจ้างเด็กและสภาวะการทำงานที่อันตรายภายในลูกโซ่อุปทานน้ำมันปาล์ม
แม้ว่าบริษัทภายใต้การตรวจสอบเป็น วิลมาร์ ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มใหญ่ที่สุดของโลก มันเป็นชื่อตราสินค้าที่บริษัทนี้จัดหาเผชิญกับการสบประมาทของการบริจาค คอลเกต เนสท์เลย์ และยูนิลีเวอร์ อยู่ภายใต้การตำหนิอย่างรุนแรงต่อการยอมให้สภาวะเหล่านี้เกิดขึ้นภายในลูกโซ่อุปทานของพวกเขา พวกเขาทำกำไรจากน้ำมันปาล์มราคาถูกผลิตโดยแรงงานเด็กภายในสภาวะที่อันตราย การไม่มองถึงสิทธิของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ภายในรายงาน 110 หน้าพร้อมด้วยวิดีโอ แอมนาสตี้ กล่าวหาผลิตภัณฑ์ขายโดยบริษัทเหล่านี้ด่างพร้อย
จาการละเมิดสืทธิมนุษย์อย่างน่ากลัว…….ด้วยเด็กอายุเพียงแค่แปดปีทำงานภายในสภาวะที่อันตราย มันเรียกร้องบริษัทที่เกี่ยวพันบอกลูกค้าน้ำมันปาล์มภายผลิตภัณฑ์ เช่น ไอสครีมแมกนัม ซุปคนอร์ ผลิตใช้แรงงานเด็กหรือไม่
บุคคลหลายคนได้มองอย่างตกตะลึง แทนการไปโรงเรียน เด็กจำนวนมากได้ถูกบังคับให้ทำงานบนการเพาะปลูกน้ำมันปาลมของวิลมาร์ กรุ้ป
อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มกำลังทำลายป่าฝน ทั่วโลกการเพาะปลูกครอบคลุม
27 ล้านเฮคตารส์ พื้นที่กว้างกว่าอังกฤษ ธรรมชาติและสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เหมือนเช่นลิงอุรังอุตัง ไดัถูกกดดันอย่างรุนแรง คนงานเพาะปลูกต้องลำบากภายใต้ความโหดร้ายของอุตสาหกรรมน้ำมันปาลมด้วย
เด็กอายุ 8 ถึง 14 ปึ ถูกบังคับภายในงานที่อันตราย เด็กบางคนไม่ได้ไปโรงเรียนต่อไปอีกแล้ว เพราะว่าพวกเขาต้องช่วยพ่อแม่ของพวกเขาบรรลุ
โควต้าการเก็บเกี่ยวของพวกเขา พวกเขาต้องทำงานที่อันตรายโดยไม่มีอุปกรณ์ความปลอดภัย สัมผัสยาฆ่าแมลงเป็นพิษ และแบกกระสอบผลปาล์มหนัก 25 กิโล
เป็นประจำ เด็กอายุ 10 ปี ยืนยันว่าเขาเริ่มต้นทำงานกับซัพพลายเออร์ของ
วิลมาร์ อายุ 8 ปี เขาตื่น 6 โมงเช้าเก็บผลปาล์ม และทำงานทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์ ผมไม่ได้ไปโรงเรียน ผมต้องแบกกระสอบผลปาล์ม แต่สามารถแบกได้ครึ่งหนึ่งของกระสอบเท่านั้น มือของผมบาดเจ็บ และร่่างกายปวดเมื่อย เจ็ดจากเก้าบริษัทยอมรับว่าพวกเขาใช้น้ำมันปาล์มจากเครือข่ายอุปทานอินโดนีเซียของวิลมาร์
แอมนาสตี้ อินเตอร์เเนชันแนล ได้สัมภาษณ์คนงาน 120 คนภายในการ
เพาะปลูกของวิลมาร์ และเจาะลึกลงไปที่ซัพพลายเออร์ของพวกเขาภายในอินโดนีเซีย บริษัทได้เมินต่อการหาประโยชน์จากคนงาน แม้ว่าได้รับรองลูกค้าว่าไม่มีการหาประโยชน์ภายในลูกโซ่อุปทานน้ำมันปาล์มของพวกเขา ตราสินค้าใหญ่ได้ทำกำไรอยู่ต่อไปจากการละเมิดที่น่ากลัว
ผู้รายงานพบคนงานหลายคนถูกบังคับทำงานวันละ 11 ชั่วโมง สะสมเกินกว่าสูงสุด 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ตามกฏหมายภายในอินโดนีเซีย ทั้งที่ตารางเวลาที่ทารุณนี้ คนงานหลายคนอ้างว่าพวกเขาได้รายได้ต่ำกว่าค้าจ้างขั้นต่ำตาม
กฏหมาย
การขยายการเพาะปลูกน้ำมันปาล์ม เป็นสาเหตุนำของการทำลายป่าฝนภายในอินโดนีเซีย ยูนิลีเวอร์ เป็นผู้บริโภคน้ำมันปาล์มใหญ่ที่สุดของโลก กำลังขับเคลื่อนการขยายตัวนี้ และผลลัพธ์คือ การจุดเชื้อการทำลายป่าฝน ต่อทุก 20 ลิตรของน้ำมันปาล์มผลิตภายในอินโดนีเซีย หนึ่งลิตรจบลงภายในมือของยูนิลีเวอร์ ปัญหาที่สำคัญคือ ยูนีลิเวอร์ได้ซื้อน้ำมันปาล์มอย่างต่อเนื่องจากซัพพลายเออร์ที่ทำลายป่าฝนและดูดพื้นที่ชุ่มน้ำคุ้มครองภายใต้กฏหมายอินโดนีเชีย การสูญเสียบ้านของมัน ลิงอุรังอุตังถูกบังคับให้มองหาที่อื่นเพื่ออาหาร และมักจะเป็นการเพาะปลูกเป็นแหล่งใกล้ที่สุด มันได้ถูกประมาณว่า
ลิงอุรังอุตังมากกว่า 1,600 ตัวถูกฆ่าบนการเพาะปลูกน้ำมันปาล์มอย่างเดียว
ยูนิลีเวอร์ ได้กลายเป็นเป้าหมายของการประท้วงของลิงอุรังอุตังไปแล้ว
ผู้ประท้วงสิ่งแวดล้อมได้แต่งตัวเป็นลิงอุรังอุตังแสดงการต่อต้านยูนิลีเวอร์
จากการทำลายป่าฝนของอินโดนีเซีย นักเคลื่อนไหวกรีนพีซมากกว่า 50 คน
ได้ประท้วงยูนิลีเวอร์สองแห่ง โรงงานภายในพอร์ต ซันไลต์ ณ เมอร์เซย์ไซด์
และสำนักงานใหญ่แองโกล ดัทช์ ลอนดอน การประท้วงเกิดขึ้นพร้อมกับการพิมพ์รายงานของกรีนพีซเชื่อมโยงยูนิลีเวอร์กับการทำลายที่อยู่อาศัยของลิงอุรังอุตังที่ใกล้จะสูญพันธ์ุ รายงานชี่อ เผาบอร์เนียว กล่าวว่าบริษัทที่จัดหาน้ำมันปาล์มแก่ยูนิลีเวอร์กำลังทำลายป่าฝนของอินโดนีเซีย บริษัทที่จัดหาน้ำมันปาล์มแก่ยูนิลีเวอร์ กำลังทำลายที่อยู่อาศัยของลิง และเร่งการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ
มันไม่บ่อยครั้งที่ผู้หญิงและผู้ชายแต่งตัวลิงอุรังอุตังภายในลอนดอน ด้วย
เหตุนี้ เสื้อผ้าขนสัตว์สีส้มยากที่จะพลาดสายตาคนเดินถนนผ่านสำนักงานใหญ่ของ
ยูนิลิเวอร์เมื่อ ค.ศ 2008 เรามีไม่กี่บริษัทที่แพร่หลายและทั่วโลกอย่างแท้จริง ยูนลิเวอร์เป็นบริษัทหนึ่งของพวกเขา ทุกวัน ลูกค้ามากกว่า 2 พันล้านคนใช้ผลิตภัณฑของยูนิลิเวอร์ หลายอย่างทำจากน้ำมันปาล์ม ตั้งแต่เเชมพูไปถึง
วาสลิน
บริษัทขายมากกว่า 400 ตราสินค้าทั่วทั้ง 190 ประเทศ ด้วยผลลัพธ์ของขนาดนี้ บริษัทซื้อมากกว่า 3% ของอุปทานโลกของน้ำมันปาล์มต่อปี
ยูนิลิเวอร์ใช้แรงงานเด็กภายในอินเดีย ภายในอินเดีย ฮินดูสตาน ลีเวอร์
ลิมิเต็ด บริษัทลูกของยูนิลีเวอร์ ได้ใช้เด็กประมาณ 25,000 คน ส่วนใหญ่เป็น
ผู้หญิงภายในการผลิตเมล็ดฝ้าย พวกเขาทำงานระหว่างสิบและสิบสามชั่วโมงต่อวัน และพวกเขาได้ค่าจ้าง 40 ยูโรเซ็นต์ต่อวัน รายงาน
ได้เปิดเผยว่าเอชแอลแอล ซื้อเมล็ดฝ้ายจากบริษัทชื่อพาราส เอ็กซ์ตรา โกรท
ซีด พ่อค้าคนกลางจัดหาเมล็ดฝ้าย พวกเขาซื้อจากเกษตรกรที่ใช้แรงงานเด็ก
ยูนิลีเวอร์ กล่าวว่า เอชแอลแอล ได้ ระบุอยู่เสมอภายในสัญญาของพวกเขาที่ซัพพลายเออร์ต้องไม่ใช้แรงงานเด็ก เพื่อความมั่นใจที่ซัพพลายเออร์ของพวกเขาทำตามข้อตกลงเหล่านี้ เราได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่ประจำ
นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าแรงงานเด็กไม่ได้เป็นปัญหาโดยตัวมันเอง ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเด็กถูกเอาเปรียบและปฏิบัติคล้ายกัยวัวควาย สิ่งนี้ดูเหมือนว่าได้เกิดขึ้นภายในอุตสาหกรรมเมล็ดฝ้ายของอินเดีย รายงานได้กล่าวว่าเกษตรกรท้องที่ใช้้แรงงานผูกมัดเด็กหญิง ด้วยการให้เงินกู้แก่พ่อแม่ของพวกเธอล่วงหน้าก่อนการเพาะปลูก การบังคับเด็กหญิงทำงานตามเงื่อนไขกำหนดโดยนายจ้างเพื่อทั้งฤดู ประมาณ 90% ของเเรงงานทั้งหมดภายในตลาดเมล็ดฝ้ายอินเดียใช้เด็ก 450,000 คน เด็กบางคนอายุเพียงแค่หกปี และส่วนใหญ่เป็น
เด็กหญิง เด็กหญิงเหล่านี้ทำงานทำงานชั่วโมงยาวนาน ได้รับค่าจ้างต่ำ และขาดการศึกษา พวกเขาต้องสัมผัสกับเคมีเกษตรที่อันตรายอย่างยาวนาน
นาราซามมา อายุ 12 ปี ได้บอกผู้เขียนรายงานว่า เธอทำงานภายในไร่ฝ้ายห้าปีมาแล้ว เธอนอนภายในคอกวัว และทำงานมากกว่า 13 ชั่วโมงต่อวีน พักสองครั้ง เธอได้รายได้ 30 รูปีไม่ถึง 1 เหรียญต่อวัน ภายในอินเดีย 1 เหรียญต่อวัน
ไม่ได้ให้อนาคตที่ดีขึ้นแก่เธอ แต่ถ้าเกษตรกรเมตตามากขึ้น เด็กได้ถูกเสนอ
บิสคิท ชอคโกเลต และสิ่งจูงใจอื่น – ผลิตโดยยูนิลีเวอร์หรือไม่ จูงใจพวกเขาทำงานหนักขึ้น
ยูนิลีเวอร์ตกลงที่จะพบกับองค์การหมาเฝ้าบ้านกล่าวหาว่าบริษัทกำไรจาก
การว่างจ้างเด็กเเสนกว่าคน เด็กบางคนอายุเพียงแค่หกปี ทำงานบนไร่ฝ้ายภายในอินเดียเพียงแค่เพนนีต่อวัน ยูนิลีเวอร์ซื้อเมล็ดฝ้ายจากเกษตรกรที่จ้างเด็กทำงานภายในสภาวะที่อันตรายนานถึง 13 ชั่วโมงต่อวัน
โฆษกของยูนิลีเวอร์ กล่าวว่าบริษัทได้ตระเตีรยมที่จะพบคณะกรรมการ
เนเธอร์แลนด์อินเดีย และเเอมนาสตี้ อินเตอร์แนชั่นแนล อภิปรายการปรับปรุงสภาวะเหล่านี้
ยูนิลีเวอร์ ผู้ผลิตชาลิปตัน สบู่โดฟ และมายองเนสเฮลล์แมน ไม่ได้ยอมรับความรับผิดชอบโดยตรงต่อการว่าจ้างเด็ก แต่บริษัทพยายามที่จะมีส่วนช่วยต่อข้อแก้ปัญหาเหล่านี้
นักวิจัยกล่าวว่าบริษัทเมล็ดพันธุ์ประมาณ 200 บริษัทมีส่วนร่วมภายในการผลิตและการตลาดเมล็ดฝ้ายภายในอินเดีย เช่น มอนซานโต้ ยูนิลีเวอร์ ซื้อเมล็ดฝ้ายจากพาราส เอ็กซ์ต้า โกรท ซีด ผ่านทางบริษัทลูกของพวกเขา
ฮินดูสตาน ลีเวอร์ นักวิจัยได้ยืนยันว่าบริษัททำกำไรจากการทำงานของเด็ก 22,500 คน อายุ 6 – 14 ปี ทำงานภายในรัฐทางใต้ของอินเดีย ได้ค่าจ้างวันละ 18 รูปี ไม่ถึง 50 เซ็นต์ุุ ทำงาน 13 ชั่วโมงต่อวัน การสำรวจเด็ก 320 คนทำงานที่ไร่เมล็ดฝ้าย พบว่าประมาณ 95% ของเด็กไม่ได้รับค่าจ้าง แต่ค้าจ้างของพวกเขาได้ถูกหักจากเงินกู้แก่ครอบครัวของพวกเขา ภายในทางปฏิบัติเรียกว่า “แรงงานขัดหนี้” เด็กได้ถูกเสนอสิ่งจูงใจ เช่น บิสคิต และชอคโกเลต
ให้ทำงานหนักขึ้น และเกษตรกรได้เสนอรางวัลริบบิ้นแก่คนงานที่ดีที่สุด
ประมาณ 60% ของเด็กออกจากโรงเรียน และ 29% ไม่เคยเข้าโรงเรียนเลย
และยังคงเหลืออยู่ 11% ไม่ได้สิ้นกำลังใจ
รู้สึกดี ดูดี และใช้ชีวิตมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่ยูนิลีเวอรวันนี้ได้โฆษณาเป็นคำเด็ด
ยูนิลีเวอร์อ้างว่าบรษัทถูกนำทางด้วยค่านิยมและมาตรฐานที่ชัดเจน บริษัทยืนยันว่า ลูกค้า บุคคล ซัพพลายเออร์ คู่แข่งขัน ผู้ถือหุ้น และชุมชน เป็น
ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท
……เราได้ประยุกต์ใช้มาตรฐานสูงสุดของจริยธรรมต่อทุกกลุ่ม ยูนิลีเวอร์และบริษัทลูกของพวกเขา ฮินดูสตาน ลีเวอร์ ได้รับการตำหนิอย่างกว้างขวางเมื่อปลาย ค.ศ1990 บนพื้นฐานของการปฏิบัติทางแรงงานภายในไร่ฝ้ายและธุรกิจเมล็ดพันธ์ของพวกเขาภายในอินเดีย
เด็กหลายแสนคนภายในอินโดนีเซียและมาเลเซียทำงานเก็บเกี่ยวน้ำมันปาล์มที่จบลงภายในอาหารว่างตะวันตกที่ชอบหลายอย่างรวมทั้งคุกกี้เกิร์ล
สเก้าท์ รายงานของแอซโซซิเอท เพรส เจาะลึก พิมพ์ไม่นานมานี้ใช้บันทึกภาษีศุลกากรยูเอส และข้อมูลลาสุดจากผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้ซื้อ เชื่อมโยงกับการเก็บเกี่ยวน้ามันปาล์มใช้แรงงานเด็กแก่ตราสินค้าที่สำคัญมีทั้งเนสท์เลย์ ยูนิลิเวอร์ เคลลอกก์ เป้ปซี่โค และเฟอร์รีโร และผู้ผลิตคุกกี้เกิรล สเก้าท์ เอพี ได้ปล่อยการตรวจสอบที่ค้นพบการเชื่อมโยงระหว่างน้ำมันปาลมที่ด่างพร้อยและเกิรล สเก้าท์ คุกกี้
เอพี ได้สัมภาษณ์ ลิมา อายุ 10 ปีจากอินโดนีเซีย เมื่ิอเธอได้เล่าว่าพ่อของเธอ
ดึงเธอออกจากโรงเรียน เพราะว่าเขาต้องการความช่วยเหลือมากขึ้นที่จะตอบสนองความต้องการการเพาะปลูกน้ำมันปาลมของบริษัทที่สูงที่เขาทำงานอยู่
เธอได้บอกเอพีว่า หนูฝันว่าวันหนึ่งหนูสามารถกลับไปโรงเรียน น้ำตาไหลลงมาที่แก้มของเธอ
ณ เวลานั้น เด็กอายุ 10 ปี ที่ภูมิใจตัวเธอเองต่อยอดขายคุกกี้ต่อปีและได้แหนบ ต่อการขายมากกว่า 600 กล่อง แต่ภายหลังได้อ่านเกี่ยวกับการทำลายป่าเชื่อมโยงการผลิตน้ำมันปาล์ม เธอได้ตัดสินใจที่จะเรียนรู้ตัวเธอเองมากขึ้นต่อปัญหา และสิ่งที่เธอได้เรียนรู้ทำให้เธออารมณ์เสียอย่างมาก
ฉันคิดว่าเกิรล สเก้าท์ ถูกเชื่อว่าเกี่ยวกับการทำให้โลกเป็นที่ที่ดีกว่า เกิรล
สเก้าท์ อายุ 14 ปี โอลีเวีย ชาฟฟิน ได้บอกแก่เอพี แต่นี่มันไม่ใช่เลยการทำให้โลกดีขึ้น
เธอได้กล่าวว่าป่าฝนมีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดบนโลก ยารักษาและแม้แต่การรักษาโรคใหม่มาจากป่าฝน ป่าฝนเป็นบ้านและอาหารแก่สัตว์จำนวนมาก หลายล้านเอเคอร์ของป่าฝนได้ถูกทำลายแต่ละปี และหลายร้อยพันธุ์สัตว์ได้สาบสูญไปทุกวันเนื่องจากการทำลายป่า ภายใน ค.ศ 2030 มากกว่าครึ่งหนึ่งของป่าอเมซอนอาจจะถูกทำลาย มันเป็นเหตุผลนี้ที่กองลูกเสือหญิงหลายคนรวมทั้งโอลีเวีย ชาฟฟิน ได้เลิกขายคุกกี้
ผ่านทางข้อเรียกร้องของโอลีเวีย ชาฟฟิน เธอได้กระตุ้นให้เกิรล สเก้าท์ ยูเอสเอ หยุดใช้น้ำมันปาล์มภายในคุกกี้ จนกว่าพวกเขามันสามารถทำได้ด้วยน้ำมันที่ยั่งยืนเท่านั้น นี่ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่ลูกเสือหญิงได้พูดต่อสาธารณะเกี่ยวกับเรื่องนี้
นานกว่าทศวรรษที่แล้ว ลูกเสือหญิงสองคนชื่อ แมดิสัน วอร์วา และริแอนนอน ทอมทิสเซน อายุ 11 ปีเมื่อพวกเธอได้ตัดสินใจแสวงหาแหนบรางวัลทองเเดง
เกียรติยศสูงสุดของลูกเสือหญิง ด้วยการสร้างความแตกต่างภายในชุมชนของพวกเธอ ทอมทิสเซน และวอร์รา ได้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงโลกแทน
ทั้งสองอายุ 16 ปี จากมิชิแกน พวกเธอได้ถูกยกย่องต่อการสร้างความสนใจระหว่างประเทศต่อการคุกคามของการผลิตน้ำมันปาล์มภายในอินโดนีเซียและมาเลเซียต่อลิงอุรังอุตังและป่าเขตร้อน พวกเธอ
ได้ศึกษาลิงอุรังอุตังเพื่อโครงการของกองลูกเสือ เมื่อพวกเธอได้ค้นพบผลกระทบการเพาะปลูกน้ำมันปาล์มต่อลิงที่ยิ่งใหญ ภายหลังการศึกษาเจาะลึกลงไป พวกเธาได้ตกตะลึงที่เรียนรู้ว่าคุกกี้ที่พวกเธอขายทุกปีทำจากส่วนผสมการเพาะปลูกน้ำมันปาลมเหล่านี้ ดังนั้นเธอทั้งสองได้เริ่มต้นรณรงค์ที่จะให้เกิรล
สเก้าท์ ทดแทนน้ำมันปาลมด้วยน้ำมันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เพื่อนของฉันและฉัน บันดาลใจอย่่างแท้จริงโดย ดร.เจน กูดอลล์ และผลงานของเธอกับลิงชิมเเพนซี วิจัยลิงอุรังอุตัง เพื่อโครงการของเรา ทอมทิสเซน อธิบาย แต่เมื่อเรากำลังทำการวิจัย เราได้เรียนรู้ว่าเหตุผลที่สำคัญอย่่างหนึ่งที่พวกมันกำลังสูญพันธุ์ เพราะว่าที่อยู่อาศัยของมันได้ถูกกวาดล้างเพื่อการผลิตน้ำมันปาล์ม
ด้วยเหตุนี้ ริแอนนอน ทอมทิสเซน และลูกเสีอหญิงเพื่อนของเธอ มาดิสัน วอร์รา ได้เริ่มตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่พวกเธอบริโภคประจำวันต่อน้ำมัน
ปาล์ม และได้ค้นพบว่าคุกกี้เกิรล สเก้าท์ มีส่วนผสมน้ำมันปาล์ม
เรามีเรื่องราวของเด็กหญิงสองคนจากสองโลกที่แตกต่างกันมาก เชื่อมโยงกันโดยอุตสาหกรรมโลกที่หาประโยชน์จากกองทัพเด็ก คุกกี้และเเรงงานเด็ก
โอลิเวีย ชาฟฟิน ลูกเสือหญิงภายในเทนเนสซี่ เป็นผู้ขายคุกกี้ลำดับสูงสุดภายในกองลูกเสือของเธอ เมื่อเธอได้ยินครั้งแรกป่าฝนกำลังถูกทำลาย เพื่อการขยายการเพาะปลูกน้ำมันปาล์ม เด็กหญิงคนหนึ่งบนการเพาะปลูกภายในทวีปที่ห่างไกล อิมา ชาวอินโดนีเซีย อายุ 10 ปี เหมือนกับเด็กหลายแสนคน
กำลังช่วยพ่อแม่ของเธอเก็บเก็่บวผลปาล์มที่น้ำมันได้ถูกใช้ผลิตตราสินค้าอาหารและเครื่องสำอางของตะวันตก รวมทั้งคุกกี้เกริล สเก้าท์ ด้วย
อิมาอยู่ท่ามกลางเด็กหลายแสนคนทำงานเคียงข้างพ่อเเม่ของพวกเขาภายในอินโดนีเซียและมาเลเซีย
จัดหา 85% ของน้ำมันพืชมากที่สุดของโลก การตรวจสอบของแอซโซซิเอท
เพรส พบว่าเด็กเหล่านี้ได้รายได้น้อยหรือไม่ได้เลย สัมผัสเคมีเป็นพิษ และ
สภาวะอีนตรายอย่างอื่น เด็กบางคนไม่เคยไปโรงเรียน หรือเรียนรู้ที่จะอ่านและเขียน เด็กบางคนได้ลักลอบข้ามพรมแดน และเสี่ยงภัยต่อการค้ามนุษย์และการละเมิดทางเพศ
นาย 100 ปี ครอบครัวได้จมอยู่กับวงจรแห่งความยากจน และพวกเขาไม่รู้อะไรเลยนอกจากการทำงานการเพาะปลูกน้ำมันปาลฺม ผู้พิมพ์รายงานแรงงานเด็กบนการเพาะปลูกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซีย ได้บอก แอซโซิเอท เพรส
เมื่อฉันถามเด็กพวกเขาต้องการเป็นอะไรเมื่อพวกเขาเจริญเติบโตขึ้น เด็กหญิงบางคนกล่าวว่า หนูต้องการเป็นภรรยาของคนงานน้ำมันปาล์ม
โอลีเวีย ชาฟฟิน อายุ 14 ปี ขุ่นเคืองเมื่อเธอได้เรียนรู้การเชื่อมโยงของเธอกับแรงงานเด็ก ภายในการตอบสนอง เธอได้เขียนจดหมายไปยังเกิรล สเก้าท์ ยูเอสเอ
เรียกร้องคำตอบเกี่ยวกับน้ำมันปาล์มได้ถูกจัดหาเพื่อองค์การของคุกกี้อย่างไร เธอได้เริ่มต้นร้องขอที่จะกำจัดน้ำมันปาล์มออกจากสูตร และเธอได้ปฏิเสธที่จะขายคุกกี้ต่อไปอีกแล้ว โอลีเวียได้รับแหนบจากการขายคุกกี้มากกว่า 600 กล่อง เธอขายคุกกี้เกิรล สเก้าท์ มาหลายปี แต่เธอไม่รู้สึกว่าเธอสามารถขายคุกกี้เกิรล สเก้าท์ ได้ต่อไปอีกเเล้ว เพราะว่ามันใช้น้ำมันปาล์ม ป่าฝนได้ถูกทำลายที่จะปลูกปาล์มผลิตน้ำมันปาล์ม
ความห่วงใยทางสิ่งเเวดล้อมได้จูงใจโอลีเวียครั้งแรก อายุ 11 ปี ที่จะตรวจสอบแหล่งของน้ำมันปาล์มภายในคุกกี้เกิรล สเก้าท์ ที่เธอขาย
เมื่อ ค.ศ 2017 เธอได้เขียนไปยังประธานของเกิรล สเก้าท์ คุกกี้ ห่วงใยน้ำมันปาล์มภายในคุกกี้ เธอได้รับตอบกลับและบอกเธอว่ามันเป็นน้ำมัน
ปาล์มที่ยั่งยืน หมายความว่าป่าฝนไม่ได้ถูกทำลายที่จะปลูกต้นปาล์มที่ได้น้ำมันปาล์ม แต่บนกล่องมันเขียนว่าน้ำมันปาล์มยั่งยืนผสม เธอได้ทำการวิจัย
และพบว่า ผสม หมายความว่า แหล่งยั่งยืนและไม่ยั่งยืนได้รวมกันภายในต้นตำรับคุกกี้ ความยั่งยืนผสมหมายถึงส่วนหนึ่งของน้ำมันปาล์มเท่านั้นยั่งยืน
หมายถึงมันไม่รู้ว่าน้ำมันปาล์มที่ยั่งยืนมากแค่ไหนภายในคุกกี้ มันอาจจะเป็นจำนวนมากได้ เหตุผลโดยปรกติที่น้ำมันปาล์มถูกใช้ มันถูกกว่าน้ำมันอื่น
ในขณะนี้ โอลีเวีย อายุ 14 ปี อยู่ที่โจนส์โบโรห์ เทนเนสซี่ ได้ยื่นคำร้องขอให้เอาน้ำมันปาลมออกจากคุกกี้ และเธอได้หยุดการขายคุกกี้ไปแล้ว เธอได้กล่าวว่า ฉันไม่ได้เป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งไม่สามารถทำอะไรก็ตามเกี่ยวกับสิ่งนี้…… เด็กสามารถทำการเปลี่ยนแปลงภายในโลกได้ และพวกเรากำลังทำ
องค์การลูกเสือหญิงของอเมริกา กล่าวว่าแรงงานเด็กไม่มีที่ภายในคุกกี้ไอคอนของพวกเขา และได้เรียกร้องสองบริษัทที่ทำคุกกี้ให้กระทำอย่างรวดเร็วที่จะจัดการการละเมิดใดก็ตามเชื่อมโยงกับน้ำมันปาล์มภายในลูกโซ่อุปทานของพวกเขา
คุกกี้เกิรล สเก้าท์ ถูกผลิตโดยผู้ทำขนมปังอเมริกันสองราย ลิตเติ้ล บราวน์
เบเกอร์ และเอบีซี เบเกอร์ ภายในเวอร์จิเนีย
ภายในอินโดนีเซีย อิมา นำหน้าห้องเรียนของเธอภายในคณิตศาสตร์ และฝันที่จะกลายเป็นหมอ จากนั้นพ่อของเธอให้เธอออกจากโรงเรียนช่วยให้บรรลุเป้าหมายของบริษัทบนการเพาะปลูกน้ามันปาล์มตรงที่เธอเกิด แทนที่จะเข้าโรงเรียน เธอต้องนั่งยองภายใต้ความร้อนที่ไม่หยุด เก็บเมล็ดกระจายอยู่บนพื้น
บางครั้งเธอทำงาน 12 ชั่วโมงต่อวัน ใส่รองเท้าแตะและไม่มีถุงมือ ร้องให้เมื่อความคมของผลไม้แทงมือเลือดออก หรือแมงป่องต่อยมือของเธอ เธอต้องแบกกระสอบที่หนักไปโรงงานป้อนแก่ลูกโซ่อุปทานของคุกกี้ของโอลีเวีย หนู
ฝันว่าว้นหนึ่งหนูสามารถกลับไปโรงเรียนได้ เธอได้บอกแก่เอพี
แรงงานเด็กเป็นคราบดำมายาวนานของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มโลก 65 พันล้านเหรียญ การระบุเป็นปัญหาอย่างหนึ่งโดยสหประชาชาติ ด้วยการเข้าหาที่เลี้ยงเด็กไม่ได้ เด็กน้อยบางคนภายในทั้งสองประเทศต้องตามพ่อเเม่ของพวกเขาไปยังไร่ ภายในบางกรณี ทั้งครอบครัวอาจจะมีรายได้ต่อวันไม่ถึงกล่องของของเกิรล สเก้าท์ 5 เหรียญ
การตรวจสอบของเอพีต่อแรงงานเด็กเป็นส่วนหนึ่งของการมองที่ลึกและกว้างขึ้น ณ อุตสาหกรรมที่แสดงการข่มขืน เเรงงานบ้งคับ การค้ามนุษย์ และการเป็นทาส
การพัฒนาน้ำมันปาล์มได้สร้างปัญหาน่ากลัวหลายอย่าง เช่น การละเมิดสิทธิมนุษย์ การเป็นทาสสมัยใหม่ แรงงานเด็ก และการเปลียนแปลงภูมิอากาศ และเครือข่ายถนนใหม่ ได้ทำให้ผู้ลักลอบฆ่าสัตว เข้าไปสู่ ตรงที่พวกเขาจับและขายสัตว์ป่า ใช้มันเป็นยารักษา หรือฆ่ามันเพื่อชิ้นส่วนร่างกาย แม้ว่าสัตวจำนวนมากเสี่ยงภัยเนื่องจากการทำลายป่า สัญลักษณ์มากที่สุดของพวกมัน
คือลิงอุรังอุตัง มันได้ถูกประมาณว่าลิงอุรังอุตังมากกว่า 50 ตัวถูกฆ่าทุกสัปดาห์
เนื่องจากการทำลายป่าและสูญเสียที่อยูอาศัย บ่อยครั้งบ้านป่าของพวกมันได้ถูกทำลายโดยการใช้เครื่องจักรหนัก ด้วยเหตุนี้ลิงอุรังอุตังถูกปล่อยให้หิวด้วยไม่มีแหล่งอาหาร หรือถูกบังคับให้ตระเวนภายในพื้นที่อันตรายและการเพาะปลูก เพื่อที่จะหาอาหารและน้ำ ทำให้พวกม้นเสี่ยงภัยต่อผู้ลักกลอบค้าสัตว์
น่าเศร้าใจบริษัทน้ำมันปาล์มมองลิงอุรังเป็นสัตวรบกวน เมื่อพวกมันมักจะทำลายต้นปาล์มหวังที่จะหาอาหาร การรุกล้ำของลิงอุรังอุตังได้ถูก
กำหนดเป็นนโยบายโดยบริษัทน้ำมันปาล์ม บริษัทเหล่านี้ได้จ้างคนท้องที่เพื่อการควบคุมสัตว์รบกวน รับใช้บริษัทด้วยการฆ่าสัตวป่าใดก็ตามรวมทั้งลิงอุรังอุตัง ทำลายต้นปาล์มภายในการเพาะปลูก
ลิงอุรังอุตัง มากกว่า 50,000 ตัวบนเกาะบอร์เนียวและสุมาตราเสียชีวิตเพราะว่าการทำลายป่าของน้ำมันปาล์ม ที่อยูอาศัยของลังอุรังอุตังได้ถูกทำลาย มัน
มักจะต้องเข้าไปหมู่บ้านและการเพาะปลูกน้ำมันปาล์มเพื่อที่จะหาอาหารตรงที่มันได้ถูกจับหรือฆ่าโดยเกษตรกรปฏิบัติต่อมันเหมือนสัตวเลี้ยง เมื่อ ค.ศ 2016 รายงานชี้ว่าลิงอุรังอุตังเพียงแค่ 45,000 ตัวยังคงอยู่ภายในบอร์เนียว ณ อัตรานี้ มันอาจจะสูญพันธุ์ไปภายในป่าเพียงแค่ 25 ปี
น้ำมันปาล์มเป็นสาเหตุที่สำคัญของการสูญพันธุ์ของลิงอุรังอุตัง มันอยู่ภายในประมาณ 50% ของผลิตภัณฑ์ครัวเรือนและอาหารขายภายในตะวันตก น้ำมันปาล์มเป็นส่วนผสมขอวแชมพู ยาสีฟัน คุกกี้ ทุกปีได้ถูกประมาณว่าลิงอุรังอุตังระหว่าง
1,000 ภึง 5,000 ตัวถูกฆ่าภายในการให้สัมปทานน้ำมันปาล์ม นั่นคือสัดส่วนที่สำคัญของพลเมืองลิงอุรังอุตังได้หายไปทุกปี การคุกคามที่สำคัญต่อการมีชีวิตอยู่ของลิงอุรังอุตังภายในป่า เป็นการขยายตัวอย่างมากมายของการเพาะปลูกน้ำมันปาลม์ภายในบอร์เนียวและสุมาตรา
วิลลี่ สมิทส์ นักจุลชีววิทยา ผู้รักษาป่า และผู้ประกอบการเพื่อสังคม ไม่เคยคาดหวังจะกลายเป็นผู้ประกอบการเพื่อสังคม แต่เมื่อเขาได้พบลูกลิงอุรังอุตังที่ถูกทอดทิ้งให้ตายภายในกองขยะเมื่อ ค.ศ 1989 ในขณะที่กำลังทำงานภายในอินโดนีเซีย อาชีพของเขาได้เปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว วิลลี่ สมิทส์ ได้ทำงานกับลิงอุรุงอุตังที่ได้พัฒนาไปสู่มูลนิธิการอยู่รอดของลิงอุรังอุตังแห่งบอร์เนียว พวกเขาไม่เพียงแต่ทำงานช่วยเหลือลิงอุรุงอุตังที่กำพร้าหรือตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น แต่ได้ช่วยเหลือท้องที่เรียนรู้วิธีการทำเกษตรอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูป่าด้วย
วิลลี่ สมิทส์ อยู่ภายในอินโดนีเซียนับตั้งแต่ ค.ศ 1985 และเป็นพลเมืองอินโดนีเซีย ในขณะที่เขาทำงานเป็นนักวิจัยป่าภายในกาลิมันตังตะวันออก อินโดนีเซียเมื่อ ค.ศ 1989 วิลลี่ สมิทส์ ได้มองเห็นลูกลิงอุรังอุตังอยู่ภายในกรงที่ตลาด และต่อมากลับมาพบมันถูกทิ้งบนกองขยะ นี่จะเป็นจุดพลิกผันภายในอาชีพของเขา เขาได้นำลิงอุรังอุตังกลับบ้าน และเลี้ยงดูจนมีสุขภาพดี ในไม่ช้าเขาได้รับลิงอุรังอุตังตัวอื่นมาดูแล และงานของการช่วยชีวิต การฟื้นฟู และการปล่อยลิงอุรังอุตังภายในป่าได้ถูกพัฒนาจนกลายเป็นมูลนิธิการอยู่รอดของลิงอุรังอุตังแห่งบอร์เนียว นานกว่ายี่สิบปี วิลลี่ สมิทส์ ได้ทำงานเพื่อความอยู่รอดของลิงอุรังอุตังที่ถูกคุกคามนี้ ระหว่างช่วงเวลานี้งานของเขาได้ขยายไปสู่การเกษตรอย่างยั่งยืนด้วย
วิลลี่ สมิทส์ ได้ทุ่มเทชีวิตของเขาที่จะรักษาป่าที่อยู่อาศัยของลิงอุรังอุตัง
“นักคิดแห่งป่า” เมื่อเมือง การเกษตร และสงคราม ได้รุกล้ำป่าพี้นเมือง วิลลี่
สมิทส์ ได้ทำงานที่จะรักษาอะไรที่เหลืออยู่
เขาได้ทำงานอยู่กับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของมนุษยชาติ โลกของสัตว์ และโลกสีเขียวของเรา ภายในงานเริ่มแรกของเขาจะเป็นผู้รักษาป่าภายในอินโดนีเซีย
วิลลี่ สมิทส์ ได้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของความสัมพันธ์สามอย่างนั้น เมื่อเขาได้มองเห็นพลเมืองที่เพิ่มขึ้นของสุลาเวสีย้ายไปสู่ป่าบ้านของลิงอุรังอุตัง สัตว์ที่ฉลาดเหลานี้ได้ถูกฆ่าเป็นอาหาร ขายเป็นสัตว์เลี้ยง หรือไม่เติบโต เมื่อบ้านป่าของมันเสื่อมลง วิลลี่ สมิทส์ เชื่อว่าถ้าจะสร้างใหม่พลเมืองลิงอุรังอุตัง เราจะต้องฟื้นฟูป่าของมันก่อน หมายความว่าการช่วยให้บุคคลท้องที่พบทางเลือก ไม่ใช่การแก้ไข้ระยะสั้นของการเก็บเกี่ยวป่าเพื่อความอยู่รอด มูลนิธิมาซารารังของเขาได้ระดมเงินทุน และความตระหนักที่จะฟื้นฟูป่าทั่วโลก และการให้อำนาจแก่บุคคลท้องที่ วิลลี่ สมิทส์ ได้ทุ่มเทชีวิตของเขาที่จะรักษาป่าที่อยู่อาศัยของลิงอุรังอุตัง “นักคิดของป่า”
หลายครั้งต่อปี ผู้ก่อตั้งสแนปเปอร์ เอ็กซ์ ทอม ไนท์เอ็น เดินทางไปอินโดนีเซียที่จะเยี่ยมองค์การที่ไม่มุ่งหวังกำไรที่เราได้บริจาค 1% ของยอดขายต่อปีของเรา เราได้ให้เงินทุนแก่มูลนิธิมาซารัง ก่อตั้งโดยวิลลี่ สมิทส์ ผู้คุ้มครองดีเด่นที่สุดของโลกของลิงอุรังอุตังและที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของมัน วิลลี่ สมิทส์ ได้ทำงานอย่างสม่ำเสมอที่จะแก้ไขสาเหตุพื้นฐานของการตัดไม้ทำลายป่า และรักษาความสัมพันธ์ระหว่างโลกของสัตว์ โลกของเรา และมนุษยชาติ ทำไมเราเลือกที่จะสนับสนุนมูลนิธิมาซารังของเขา เนี่องจากเราเชื่อว่านี่จะสร้างพลเมืองของลิงอุรังอุตังใหม่ สิ่งที่สำคัญคือ การสร้างที่อยู่อาศัยของมันใหม่ และแก้ไขสาเหตุทางสังคมของการตัดไม้ทำลายป่าและการสูญเสียที่อยู่อาศัยของลิงอุรังอุตัง ด้วยการให้อำนาจแก่คนท้องที่ที่จะค้นหาทางเลือกของการเก็บเกี่ยวป่า ถ้าพวกเขาทำเงินได้อย่างมากจากการเพาะปลูกปาล์มน้ำมัน เราสามารถนำเสนอทางเลือกแก่พวกเขาได้อย่างไร
ดังนั้นวิลลี่ สมิทส์ ได้เริ่มการรักษาพื้นที่ประมาณ 5,000 เอเคอร์ภายในบอร์เนียวที่ได้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงด้วยการตัดไม้อย่างชัดเจน ป่าฝนที่สร้างสุขภาพและความหลากหลายทางชีวภาพนี้ในขณะนี้จะเป็นบ้านของลิงอุรังอุตังอยู่อาศัยจำนวนมาก เพื่อจะเจริญเติบโต ป้องกัน และรักษาพื้นที่ป่าด้วยตัวมันเอง ข้อแก้ปัญหาของเขาจะเรียบง่าย วิลลี่ สมิทส์ ได้นำเสนอที่ดินไม่เสียเงินแก่คนท้องที่ที่จะเพาะปลูกภายในป่า ภายในการตอบแทนกลับทั้งที่ดินและรายได้การเกษตร ชาวบ้านจะต้องคุ้มครองป่าฝนและสัตว์อาศัยอยู่ที่นี่ ด้วยการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชาวบ้านประมาณ 3,000 คน วิลลี่ สมิทส์ ได้ให้สิ่งจูงใจทรงพลังเพื่อการรักษาทางนิเวศและเศรษฐกิจระยะยาว
ต้นตาลจะให้พลังงานสีเขียว อาหารสุขภาพ ป่ามากขึ้น งานและความก้าวหน้าแก่พลเมืองท้องถิ่นอย่างไร วิลลี่ สมิทส์ ได้ปลูกป่าใหม่ภายในส่วนที่แตกต่างกันภายในอินโดนีเซีย การมุ่งส่วนใหญ่ที่บอร์เนียวและสุลาเวสี เขาได้ใช้ที่ดินไร้ประโยชน์ต่อทั้งบุคคลและธรรมชาติเรียกว่าทุ่งหญ้าที่ถูกกัดกร่อนจากการตัดไม้และไฟป่าก่อนหน้านี้ วิลลี่ สมิทส์ ได้พัฒนากระบวนการที่เขาสามารถทำให้ป่าเจริญเติบโตใหม่ภายในหลายปี ภายหลังจากห้าปี ป่าไม้ที่เหมาะสมได้กลับมา ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพของชีวิตสัตว์และต้นไม้ได้กลับมาด้วย
แต่กระนั้นวิลลี่ สมิทส์ ได้ไปเลยพ้นจากเพียงแค่ปลูกป่าทดแทนเท่านั้น เพื่อที่จะทำให้ป่าเป็นประโยชน์มากขึ้นต่อทั้งธรรมชาติและมนุษย์ เขาได้ทำการปลูกต้นตาล
ต้นตาลจะไม่เหมือนกับปาล์มน้ำมัน ต้นตาลนี้จะเจริญเติบโตภายในเกือบทุกที่
แม้แต่บนดินที่ไม่ดีและที่ลาดชัน วิลลี่ สมิทส์ ได้มองเห็นว่าต้นตาลนี้เจริญเติบโตได้ดีที่สุดระหว่างต้นไม้อื่นภายในป่า การหลีกเลี่ยงที่จะตัดต้นไม้อื่น โดยสรุปเขามองว่าต้นตาลจะเป็นแหล่งที่มาของรายได้แก่พลเมืองในขณะที่รักษาป่าในเวลาเดียวกัน ที่จริงแล้วเขาได้คิดที่จะรักษาป่าฝนผ่านทางวนเกษตรได้อย่างไร การใช้หัวหอกโดยต้นตาล ขอบคุณรายได้จากต้นตาล เกษตรกรไม่ถูกยั่วใจที่จะขายที่ดินของพวกเขาแก่บริษัทปาล์มน้ำมันต่อไปอีก
Cr : รศ สมยศ นาวีการ