jos55 instaslot88 Pusat Togel Online รากเหง้าของยิว : Over the Rainbow - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

รากเหง้าของยิว : Over the Rainbow

รากเหง้าของยิว : Over the Rainbow

ดนตรีระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองจะมีผลกระทบอย่างคาดไม่ถึงต่ออเมริกา การให้แรงบันดาลใจและปลอบใจต่อบุคคลทั้งภายในบ้าน และบุคคลภายในสงคราม ไกลออกไปจากบ้าน ไม่เหมือนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเกิดขึ้นภายในยุคก่อนวิทยุ เมื่อ ค.ศ 1941 ทุกครัวเรือนของอเมริกา 96.2% เป็นเจ้าของวิทยุ อย่างไม่เคยมีมาก่อนเพลงได้ถูกออกอากาศไปยังชาวอเมริกันหลายล้านคนทั้งบุคคลที่สนับสนุนสงครามอยู่ที่บ้าน และกองทหารรับใช้อยู่ทั่วโลกต่อชาวอเมริกันจำนวนมาก การแพร่กระจายมวลชนของดนตรีได้สร้างความรู้สึกรักชาติและเป็นหนึ่งเดียว ด้วยการเพิ่มขวัญของกองทหารต่างประเทศ และจูงใจและบันดาลใจชาวอเมริกันที่บ้าน การสนับสนุนเต็มที่ทุกด้านของความพยายามทางสงคราม เพลงภายในสงครามโลกครั้งที่สองแสดงบทบาทที่สำคัญของการกระทบขวัญของชาติด้วยการกระตุ้นบ้าน-แนวรบ และการรักษาทหารบนแนวหน้าที่ยั่งยืน ด้วยการมีอยู่ทุกหนทุกแห่งของวิทยุทั้งภายในบ้านและบริเวนการต่อสู้ เพลงที่นิยมแพร่หล่ายได้กลายเป็นประสบการณ์ร่วมกันที่สำคัญภายในสงครามระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองทหารบนทุกแนวหน้าของการสู้รบพบการปลอบใจภายในการร้องเพลงที่เตือนใจพวกเขาถึงบ้านและบุคคลที่รักทิ้งไว้ข้างหลัง เพลงที่นิยมแพร่หลายเหมือนเช่น White Cliffs of Dover ของเวอรา ลินน์ นักร้องชาวอังกฤษ ถูกร้องภายในทั้งค่ายทหารและสนามรบ และช่วยทหารรับมือกับความเครียดของสงครามและรักษาความรู้สึกของความหวังและความเป็นเพื่อนกันเมื่อโลกได้รำลึกถึงของการฉลองการยกพลขึ้นบก ดี เดย์ เราได้จดจำเพลงที่ได้ช่วยนำการปลอบโยนท่ามกลางความน่ากลัวของสงครามโลกครั้งที่สอง ตั้งเเต่เวอรา ลินน์ ไปจนถึงดอริส เดย์ เราจะมีเพลงที่ไพเราะมากที่สุดบางเพลงนิยมแพร่หลายภายในเวลาของสงครามเวอรา ลินน์ ได้ถูกรู้จักกันต่อเพลงเหมือนเช่น We’ll Meet Again ได้ยกจิตวิญญานของบุคคลระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ โบริส จอห์นสัน ได้กล่าวว่าเวอรา ลินน์ มีเสียงที่อัศจรรย์ และยกประเทศของเรา ภายในชั่วโมงที่มิดสนิทของเรา เสียงของเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปยกหัวใจของรุ่นที่จะมาถึง เพลงของเวอรา ลินน์ ได้กลายเป็นที่นิยมแพร่หลายท่ามกลางกองทหารระหว่างสงคราม จนเธอถูกเรียกชื่อเล่นว่า ขวัญใจทหารหาญ ระหว่างการสู้รบ เวอรา ลินน์ได้เดินทางหลายพันไมล์พบกับทหาร ณ แนวหน้าใกล้ตรงที่การสู้รบได้เกิดขึ้นเพลง Over the Rainbow เป็นหนึ่งของเพลงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดภายในโลก ไม่ว่าคุณจะรู้จักมันจากการชมจูดี การ์แลนด์ เป็นโดโรธี เกล ภายในภาพยนตร์ The Wizard of Oz หรือแม้แต่กีตาร์ตัวเล็กที่ผ่อนคลายของอิสราเอล คามาวิโวโอเล หรือไอเเซด คุณจะรู้จักเพลงนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเราหลายคนสามารถเกี่ยวพันกับเพลง เราทุกคนเผชืญกับความยุ่งยากภายในชีวิตของเรา โดยเฉพาะเมื่อคุณได้ประยุกต์ใช้เพลงนี้ Over the Rainbow กับชาวยิวและการทำลายล้างที่เพลงได้รับเอาความหมายใหม่ทั้งหมด เพลง Over the Rainbow ได้ถูกเขียนเกี่ยวกับประสบการณ์ของชาวยิวระหว่างการทำลายล้างเพลงได้ถูกเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ 1939 ณ เวลาเมื่อชาวยิวของยุโรปกำลังอยู่ภายใต้ความเกลียดชังมากขึ้น เสรีภาพของพวกเขาได้ถูกยึดไปเอกลักษณ์ของพวกเขาถูกลากผ่านความสกปรก พวกเขาหลายคนจะรู้สึกโดดเดี่ยว พวกเขาติดกับดัก ไม่สามารถที่จะบินเหนือสายรุ้งได้เพลงเกี่ยวกับความหวัง นั่นคือเวลาที่เลวร้ายวันหนึ่งจะจบลง มันจะเป็นความรู้สึกของความหวังนี้ภายในเพลงที่เราสามารถสัมพันธ์กับมัน และมันเป็นความหวังที่ช่วยชาวยิวผ่านพ้นการทำลายล้าง คุณไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไรต่อชาวยิว เมื่อเขาเขียนเพลงนี้ เนื้อร้อง ปล่องไฟที่พ้นหลังคารับเอาความหมายใหม่ที่เจ็บปวดในขณะนี้ที่เรารู้ความน่ากลัวของการทำลายล้าง เรามั่นใจว่าชาวยิวจำนวนมากมองที่ท้องฟ้าข้างบนปล่องไฟของเอาสชวิทซ์ มายาวนานก่อนที่พวกเขาจะเป็นอิสระบางทีเพลงสะเทือนอารมณ์มากที่สุดเกิดขึ้นจากการอพยพของมวลชนจากยุโรปคือ Over the Rainbow เนื้อร้องได้ถูกเขียนโดยยิป ฮาร์เบิรก ลูกคนเล็กของสี่คนกำเนิดจากผู้อพยพรัสเซีย-ยิว ทำนองของเพลงได้ถูกเขียนโดยฮาร์โรลด์ อาร์เลนเป็นลูกของนักร้องนำของโบสถ์ยิวและพ่อเเม่ของเขามาจากลิธัวเนีย ทั้งสองได้เขียนเพลง Over the Rainbow และได้ถูกออกเสียงเป็นเพลงลำดับ 1 ของศตวรรษที่ 20 โดยสมาคมบันทึกเสียงของอเมริกาภายในการเขียนเพลง บุคคลสองคนได้ลงลึกไปสู่จิตสำนึกของชาวยิวอพยพของพวกเขา วางกรอบโดยการสังหารหมู่ของอดีตและการทำลายล้างกำลังจะเกิดขึ้น และได้เขียนทำนองที่น่าจดจำแตะถ้อยคำทำนายใกล้เข้ามา เมื่อเราอ่านเนื้อร้องภายในบริบทของชาวยิวแล้ว ทันทีถ้อยคำจะไม่เกี่ยวกับพ่อมดและออซต่อไปอีกแล้วมันจะเกี่ยวกับการอยู่รอดของชาวยิว……ชาวยิวของยุโรป ไม่สามารถบินเหนือปล่องไฟเอาสชวิทซ์ พวกเขาไม่สามารถหลบหนีเลยพ้นสายรุ้งได้ยิป ฮาร์เบิรก เกือบจะรู้ล่วงหน้า เมื่อเขาได้พูดเกี่ยวกับความต้องการบินเหมือนนกสีฟ้าหลบหนีจากปล่องไฟเหนือหลังคา ตอนยุคหลังเอาสชวิทซ์ปล่องไฟเหนือหลังคา ได้รับเอาความหมายที่แตกต่างกันจากความหมายที่พวกเขามี ณ ตอนเริ่มต้นของการเขียนเพลง Over the Rainbow 1939 เพราะว่านาซียังไม่ได้สร้างเตาเผาศพและห้องแก้สที่ได้ถูกใช้ระหว่างการทำลายล้าง มุมมองของพวกเขาได้ถูกมองย้อนหลังที่เพลงผ่านเลนซ์ของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ว่าเขาเสนอแนะเหตุการณ์เหล่านี้บันดาลใจเพลงตัวมันเองสงครามโลกครั้งที่สองทำให้เกิดความท้าทาย และความไม่แน่นอนอย่างมาก ระหว่างช่วงเวลาที่มืดเหล่านี้ ฮอลลีวูด ได้แสดงบทบาทที่สำคัญต่อการยกจิตวิญญานของบุคคล ท่ามกลางดาราที่โชตช่วงของยุคคือ จูดี้การ์แลนด์ใช้ความสามารถและความดึงดูดใจของเธอช่วยเหลือส่งเสริมพันธบัตรสงครามระหว่างการสู้รบ เธอช่วยขายพันธบัตรสงครามระดมเงินทุนเพื่อการทำสงคราม และสนับสนุนองค์การกุศลช่วยเหลือบุคคลเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองได้เกิดขึ้น อุตสาหกรรมความบันเทิงเผชิญความไม่แน่นอน เเต่กระนั้นพลังดาราของจูดี้ การ์แลนด์ได้ส่องแสงอยู่ต่อไป และเธอได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและความยืดหยุ่นต่อชาวอเมริกัน การแสดงทั้งชีวิตและจิตใจ และเพลงที่ยกจิตวิญญานของเธอให้การหลุดพ้นจากความเป็นจริงที่น่ากลัวของสงครามโลกครั้งที่สองความสามารถของจูดี การ์แลนด์ สร้างพลังที่จะรวมบุคคลเป็นหนึ่งเดียว และได้บันดาลใจพวกเขาเผชิญกับความท้าทายแห่งเวลา จูดี การ์แลนด์ ร้อง Over the Rainbow แก่กองทหารอเมริกันภายในการแสดงวิทยุเมื่อ ค.ศ 1943 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองตอนที่เธอมีอายุ21 ปี คลาสสิคที่ไร้กาลเวลา เพลงได้เปิดตัวครั้งเเรกภายในภาพยนตร์ The Wizard of Oz เมื่อ 1939 คลาสสิค เอฟเอ็ม ได้เรียกชื่อมันเป็นเพลงยามสงครามที่สะเทือนอารมณ์มากที่สุด เพลงนี้ได้ถูกเขียนเพื่อภาพยตร์ The Wizard of Oz การบันทึกพิเศษของเพลงนี้กับทอมมี ออร์เครสต้าได้เปิดตัวและส่งไปให้แก่ทหาร เป็นคำสัญญาของวันที่ดีกว่าจะมาถึง ตลอดเวลา Over the Rainbow ได้กลายเป็นเพลงลายเซ็นของเธอ เพลงชนะอคาเดมี อวอร์ด และเพลงได้ถูกรู้จักกันเป็นเพลงSomewhere Ovet the Rainbow ด้วย กองทัพอเมริกันภายในยุโรประหว่างสงครามโลกครั้งที่สองรับเอาเพลงนี้เป็นสัญลักษณ์ของอเมริกา จูดี การ์แลนด์ ร้องเพลงต่อกองทัพอเมริกันเป็นส่วนหนึ่งของการเเสดงตามคำสั่ง 1943

ตามมุมมองของฮาร์โรลด์ อาร์เลน และยิป ฮาร์เบิรกเเล้ว The Wizard of Oz และ Over the Rainbow อาจจะสะท้อนการเปรียบเทียบที่แตกต่างกันพร้อมกัน บนรากลึกภายในประสบการณ์ชาวยิวของพวกเขาการเปิดฉายอย่างเป็นทางการของ The Wizard of Oz เมื่อ 1939 ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เยอรมันได้บุกโปแลนด์และเปิดตัวสงครามโลกครั้งที่สอง และมันไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลที่เราจะคาดเดาว่าเนื้อร้องของ Over the Rainbow เป็นการสะท้อนประสบการณ์ชาวยิวของฮาร์โรลด์อาร์เลนและยิป ฮาร์เบิรก พ่อเเม่ของยิป ฮาร์เบิรกเป็นชาวยิวรัสเซีย และพ่อของฮาโรลด์ อาร์เลนเป็นนักร้องนำของโบสถ์ยิวชาวลิธัวเนีย และพวกเขาได้เขียน Over the Rainbow ด้วยกันเพื่อ The Wizard of Oz ออกฉายวันปีใหม่1939 ไม่ถึงสองเดือนภายหลังคริสทัลล์นัชท์ คืนกระจกแตกของนาซีที่น่ากลัวและชั่วร้ายของการปล้นและการทำลายธุรกิจของชาวยิวและสุเหร่ายิวภายในเยอรมันเมื่อ ค.ศ 1938 ผู้นำนาซี ได้ปล่อยลำดับของการสังหารหมู่ชาวยิวอย่างโหดร้ายภายในเยอรมัน เหตุการณ์นี้ได้ถูกเรียกกันว่าคริสทัลล์นัชท์ ตามตัวอักษร คืนแห่งกระจก มักจะถูกอ้างเป็น คืนแห่งกระจกแตก เนื่องจากกระจกที่ได้แตกกระจายบนถนน ภายหลังการทำลายทรัพย์สิน การทำลายธุรกิจ สุเหร่า และบ้านของชาวยิว ชื่อได้อ้างถึงคลื่นของการสังหารหมู่ต่อต้านชาวยิว คลื่นของความรุนแรงนี้ได้เกิดขึ้นทั่วทั้งเยอรมันเอสเอและเยาวชนอิตเลอร์ได้ทุบกระจกของร้านและธุรกิจของชาวยิวประมาณ 7,500 แห่ง บ้านเรือนของชาวยิวทั้งหมดได้ถูกรื้อค้นและปล้นทั่วทั้งเยอรมัน
ขอให้ฟังเนื้อร้องภายในบริบทนี้เเละทันที เนื้อร้องไม่ได้เกี่ยวกับพ่อมดและออซต่อไปแล้ว เเต่มันเกี่ยวกับการอยู่รอดของชาวยิว มันไม่ใช่ไม่มีเหตุผลที่จะจินตนาการว่าพวกเขากำลังคิดผู้นับถือศาสนาร่วมหลายล้านคนของพวกเขาถูกจับเป็นนักโทษภายในยุโรปของฮิตเลอร์ ความฝันของดินแดนที่มีแสงแดดส่อง ตรงที่ความฝันของพวกเขากลายเป็นความจริง และพวกเขาจะมีชีวิตอยู่เป็นบุคคลที่เสรีภายในดินเเดนของพวกเขาเอง
ที่จริงแล้ว ยิป ฮาร์เบิรก พูดถึงความเชื่อของเขาอยู่เสมอว่าอย่างไรก็ตามนับพันปีของการต่อต้านยิว ชาวยิวได้ต่อสู้และชนะการสู้รบของพวกเขาอยู่เสมอ เพื่อความอยู่รอด และจะทำอย่างนี้อยู่ต่อไปการอ่านเนื้อร้องของยิป ฮาร์เบิรกจากมุมมองนี้และบริบทประวัติศาสตร์ของพวกเขา มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่จินตนาการที่เขาดึงจากขบวนการไซออร์นิสท์ – ขบวนการชาตินิยมของชาวยิวกำเนิดภายในยุโรปเมื่อศตวรรษที่ 19 ด้วยเป้าหมายของการสร้างและการสนับสนุนชาวยิว

Somewhere over the rainbow
Way up high
There’s a land that I heard of
Once in a lullaby
Somewhere over the rainbow
Skies are blue And the dreams that you dare to dream
Really do come true
ที่ใดที่หนึ่งเหนือสายรุ้ง ขึ้นไปให้สูง มีดินเเดงหนึ่งที่ฉันครั้งหนึ่งได้ยิน
เพลงกล่อมให้นอน ที่ใดที่หนึ่งเหนือสายรุ้ง ท้องฟ้าสีคราม และความฝัน
ที่เธอกล้าฝัน กลายเป็นเป็นจริง
Someday I’ll wish upon a star
And wake up where the clouds are far behind me
Where troubles melt like lemon drops
Away above the chimney tops
That’s where you’ll find me
บางวัน ฉันอยากไปอยู่บนดาวดวงหนึ่ง และตื่นขึ้นมตรงที่ก้อนเมฆอยู่
ข้างฉัน ตรงที่ความวุ่นวายละลายดังมะนาวตกลงมา ห่างไกลข้างบน
ปล่องไฟ นั่นเป็นตรงที่เธอจะพบฉัน
Somewhere over the rainbow
Bluebirds fly
Birds fly over the rainbow
Why then, oh, why can’t I?
ที่ใดที่หนึ่งเหนือสายรุ้ง
นกสีฟ้าโบยบิน
นกบินเหนือสายรุ้ง
แล้วทำไม โอ ทำไมฉันไม่สามารถ
If happy little bluebirds fly
Beyond the rainbow
Why, oh why can’t I?
ถ้านกสีน้ำเงินตัวน้อยที่มีความสุขได้บินเลยพ้นสายพ้นทำไม โอ ทำไมฉันไม่สามารถ

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *