คามาลา แฮร์รีส และอันตรายของหน้าผาแก้ว
คามาลา แฮร์รีส และอันตรายของหน้าผาแก้ว
คามาลา แฮร์รีส ได้ทำลายเพดานเเก้ว สร้างความก้าวหน้าอย่างสำคัญภายในการเมืองเธอกลายเป็นรองประธานาธิบดีผู้หญิง ผิวดำ เอเซียใต้ คนเเรกของอเมริกาเมื่อ ค.ศ 2021 ก่อนหน้านี้เธอเป็นวุฒิสมาชิกจากแคลิฟอร์เนียและอัยการสูงสุดของรัฐ ความสำเร็จของกมลา แฮร์รีส เป็นพินัยกรรมต่อความสำคัญของความอุตสาหะ ความยืดหยุ่น และความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงสภาวะเดิมคามาลา แฮร์รีส ได้ทำลายเพดานแก้วต่อผู้หญิงทุกคน แต่เธอเป็นมากกว่าสัญลักษณ์ต่อผู้หญิง เธอมีความสามารถสูง ความฉลาด และความมีเหตุผล – เเต่ครั้งเเรกโดยเจอราลดีน เฟอร์ราโร ในที่สุดมันไม่ได้เป็นความฝันต่อเธอ ต่อผู้หญิงอเมริกัน เพดานแก้วได้ถูกทำลายในที่สุดการคัดเลือกคามาลา แฮร์รีสของโจ ไบเดน เป็นคู่หูไม่เพียงแค่เกี่ยวกับเป็นการเลือกสัญลักษณ์ที่จะชนะการออกเสียง มันเป็นการยอมรับว่่าภายในอเมริกา เรามีผู้หญิงที่มึความสามารถหลายล้านคนที่มีความฉลาด ความมีเหตุผล ความผูกพัน และเเรงจูงใจ ผู้หญิงผิวดาเหมือนเช่นคามาลา แฮร์รีส เป็นแกนนำของพรรคเดโมเเครตสมัยใหม่
ความก้าวหน้าของวันนี้ถูกสร้างบนมรดกของผู้หญิงที่มาก่อน ผู้บุกเบิกเหมือนเช่นคามาลา แฮร์รีส ได้ขึ้นเสียงของพวกเธอ เดินขบวนเพื่อสิทธิของพวกเธอ แข่งขันเลือกตั้ง ผู้หญิงที่ทำลายเพดานแก้ว ดังนั้นผู้หญิงคนอื่นสามารถทำลายมันได้ คามาลา แฮร์รีสผู้ทำลายเพดานแก้วที่มีชีวิตอยู่กับความฝันอเมริกันของเธอภายในการปราศัยครั้งเเรกเป็นรองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์รีส ได้
จดจำแม่ของเธอ”เมื่อเธอมาสู่ที่นี่จากอินเดียตอนอายุ 19 ปี เธออาจจะไม่่ได้คิดถึงช่วงเวลานี้ แต่เธออย่างลึกซึ้งภายในอเมริกา ตรงที่ช่วงเวลาทำนองนี้เป็นไปได้” แฮร์รีส กล่าวว่า เธอเป็นรองประธานาธิบดีผู้หญิงคนเเรก แต่เธอจะไม่เป็นคนสุดท้ายเมื่อ 20 ธันวาคม ค.ศ 2021 รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์รีสได้สร้างประวัติศาสตร์ กลายเป็นผู้เหญิงคนเเรก ผู้หญิงผิวดำคนเเรก และผู้หญิงเอเซียคนเรก เรื่องราวของเธอปีนไปสู่รองประธานาธิบดีบันดาลใจอย่างแท้จริง มันไม่น่าเชื่อผู้หญิงผิวดำคนแรก กลายเป็นรองประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจการสื่อสารในฐานะของผู้นำไม่ได้เกี่ยวกับอะไรที่คุณพูดอย่างเดียวมันเกี่ยวกับความสามารถของคุณยึดความสนใจอย่างธรรมชาติจากบุคคลทุกคนภายในห้อง และได้ทิ้งการปรากฏตัวของคุณไว้ คามาลาแฮร์รีสไม่ได้ทำลายเพดานเเก้วเป็นผู้หญิงผิวดำและชาวเอเชียคนแรกกลายเป็นรองประธานาธิบดีของอเมริกาเท่านั้นแต่เธอได้ปล่อยออกมาการปรากฏตัวอย่างผู้บริหาร ผ่านความเห็นออกเห็นใจ และการสื่อสารและความเป็นผู้นำอย่างเเท้จริงของเธอคามารา แฮร์รีส ได้แสดงความเป็นของผู้หญิงภายในสปอร์ตไลท์ ณ ช่วงเวลาประวัตืศาสตร์นี้ เมื่อถามว่าการเป็นรองประธานาธิบดีหญิงคนแรกมีความหมายอะไรต่อความเป็นผู้นำของผู้หญิง ไม่เพียงแต่คามาลาแฮร์รีส ได้ทำลายเพดานแก้วเท่านั้น เธอได้แสดงการสื่อสารและสไตล์ความเป็นผู้นำที่เห็นอกเห็นใจ ความแท้จริงและปล่อยออกมาอะไรที่เราสามารถเรียก “การปรากฏตัวอย่างผู้บริหาร”เมื่อคุณสังเกตุการพูดของเธอ คุณสามารถมองเห็นได้ว่าเธอไม่กลัวต่อการให้บุคลิกภาพ และสไตล์เพศหญิงของเธอกลมกลืนกับความเชื่อมั่นและความจริงจังของเธอ นี่ได้ถ่ายทอดบุคลิกภาพที่มีพลัง เธอมีรอยยิ้มทั้งอบอุ่นและแพร่หลาย ทำให้การเข้าถึงได้ของเธอ รวมกับระดับอย่างลึกซึ้งและเสียงที่กังวาลสามารถทำให้เกิดความเงียบสงบตามธรรมชาติเชื่อถือได้และมีอำนาจถ้อยคำ การปรากฏตัวอย่างผู้บริหารปรากฏครั้งแรกภายในหนังสือของซิลเวีย ฮิวเลตต์ “The Sponsor Effect” เป็นแนวคิดค่อนข้างไม่นานมานี้ วิวัฒนาการตอบสนองความต้องการของความเป็นผู้นำสมัยใหม่ อธิบายส่วนหนึ่งทำไมมันยากที่จะให้คำตอบแน่นอนต่อคำถาม การปรากตัวอย่างผู้บริหารคืออะไร มันเป็นแนวคิดไม่ได้ถูกศึกษาอย่างเพียงพอ หรือพูดกันภายในรายละเอียดยิ่งกว่านั้นแนวคิดการปรากฏตัวอย่างผู้บริหารเป็นสัญชาติญานสูง มันจะไม่ง่ายหรือยุติธรรมประเมินมันโดยใช้เครื่องวัด เช่น คุณสามารถจะพูดได้ง่ายผู้นำมีสายตาที่ดีเพื่อตัวเลข หรือทักษะการสื่อสารที่ยิ่งใหญ่ เเต่คุณไม่สามารถรู้ว่าผู้นำจะมีการปรากฏตัวอย่างผู้บริหารหรือไม่โดยไม่สังเกตเขาตลอดช่วงเวลาภายในสถานการณ์แตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อบุคคลบางคนได้ถาม การปรากฏตัวอย่างผู้บริหารคืออะไร บุคคลส่วนใหญ่พบตัวพวกเขาเองค้นหาถ้อยคำที่ถูกต้องภายในบทความของวารสารฟอร์บ ได้อธิบายการปรากฏตัวของผู้บริหารไว้ต่อไปนี้การปรากฏตัวอย่างผู้บริหารเกี่ยวกับความสามารถของคุณบันดาลใจความเชื่อมั่น – บันดาลใจผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของคุณ คุณเป็นผู้นำ พวกเขาต้องการเดินตามบันดาลใจความเชื่อมั่นท่ามกลางเพื่อนร่วมงานที่คุณสามารถและเชื่อถือได้ และสำคัญที่สุด บันดาลใจความเชื่อมั่นท่ามกลางผู้นำอาวุโสที่คุณมีศักยภาพเพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่คามาลา แฮร์รีส เกิดเมื่อ ค.ศ 1964 ภายในโอคแลนด์ แคลิฟอร์เนีย เป็นลูกสาวของผู้อพยพ บิดาคือ โดนัลด์ แฮร์รีส นักเศรษฐศาสตร์จากจาไมก้า และมารดาคือ ชยามาลา โกพาลาน นักวิจัยมะเร็งจากอินเดีย มารดาของเธอได้เลือกชื่อคามาลา เป็นการพยักหน้าทั้งต่อต้นกำเนิดอินเดีย คามาลา หมายถึงดอกบัวเธอได้ถูกบันดาลใจโดยมารดาของเธอ นักวิทยาศาสตร์มะเร็งเต้านมและผู้บุกเบิกต่อสิทธิของเธอเองได้อพยพจากอินเดียมาสู่อเมริกาตอนอายุ 19 ปี เข้ามหาวิทยาลัยเเคลิฟอร์เนีย เบิรคเลย์ และได้รับปริญญาเอกของเธอภายในปีเดียวกับที่คามาลา แฮร์รีส ได้กำเนิด และเธอได้พบกับบิดาชาวจาไมก้าของ คามาลา แฮร์รีส โดนัลด์ แฮร์รีส มารดาชยามาลา โกพาลานทำอาชีพเป็นนักวิจัยมะเร็งเต้านมที่มีชื่อเสียง ในขณะที่โดนัลด์ แฮร์รีสไกลายเป็นอาจารย์เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มารดาของเธอยืนยันว่าคามาลา เเฮร์รีสและน้องสาวของเธอ มายา รักษายึดกับมรดกอินเดีย ด้วยการเลี้ยงดูพวกเธอด้วยความเชื่อฮินดู และนำพวกเธอกลับบ้านอยู่เสมอ บิดามารดาของคามาลาแฮร์รีส หย่าขาดจากกัน เมื่อเธออายุเจ็ดปีทั้งบิดาและมารดาของคามาลา แฮร์รีส จะกระตือรือร้นต่อสิทธิมนุษยชน และได้ปลูกฝังต่อเธอความผูกพันเพื่อที่จะสร้างแนวร่วมต่อสู้เพื่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลทุกคน พวกเขาได้นำเธอเดินขบวนภายในรถเข็นเด็ก และสอนเธอเกี่ยวกับวีรบุรุษเหมือนเช่น ผู้พิพากษาศาลฎีกา เธอร์กูดมาร์แชล และผู้นำสิทธิมนุษยชน คอนสเเตนซ์ มอทลีย์ เธอได้ถูกนำไปสู่การแสดงสิทธิมนุษยชนเป็นเด็กวัยหัดเดินและร้องเพลงภายในการร้องประสานเสียงแบบติสท์บิดามารดาของคามาลาแฮร์รีส ต่างมีส่วนร่วมภายในการเคลื่อไหวสิทธิมนุษยชน และมุ่งเน้นความสำคัญของการรวมบุคคลเข้าด้วยกันต่อสู้สิทธิเเละเสรีภาพของบุคคลทุกคน ณ ตอนวัยเด็ก เธอมีส่วนร่วมภายในการเดินขบวนสิทธิมนุษยชน แม้แต่การเข้าร่วมตอนเป็นเด็กวัยหัดเดินบิดามารดาของเธอได้เลิกกัน เมื่อเธออายุเจ็ดปี เธอได้ย้ายไปที่มอนทรีลตอนอายุสิยสองปีกับมารดาของเธอและน้องสาวของเธอ มายา มันเป็นที่นี่คามาลาและน้องสาวของเธอ ได้ทำการการประท้วงได้สำเร็จต่อสู้เจ้าของอาคารอพาร์ตเม้นท์ของพวกเขา ไม่ยอมให้เด็กเล่นบนสนามของอาคารเธอจบรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโฮวาร์ด และจบกฏหมายจากฮาสติ้ง คอลเลจมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เธอได้รับเลือกตั้งเข้าสู่การเมืองท้องถิ่นเมื่อ ค.ศ 2003 เป็นอัยการเขตนครซานฟรานซิสโก เเละได้รับเลือกเป็นอัยการสูงสูดของแคลิฟอร์เนียในฐานะของผู้บุกเบิกคนหนึ่งตลอดทั้งอาชีพของเธอ คามาลา แฮร์รีสได้ผูกพันต่อการทำตามคำแนะนำของมารดาของเธอ มารดาของฉันจะมองดูที่ฉัน และเธอได้กล่าวว่า คามาลาคุณอาจจะเป็นบุคคลแรกทำอะไรหลายอย่าง แต่มั่นใจได้เลยคุณไม่ได้เป็นบุคคลสุดท้าย คามาลาแปลว่าดอกบัว สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของชาวอินเดีย การแสดงการมีรากหยั่งลึกภายในน้ำ ในขณะที่ส่วนของดอกอยู่เหนือน้ำเบ่งบานรับแสงอาทิตย์
ก่อนหน้านี้บุคคลไม่กี่คนนอกอเมริการู้จักชื่อ คามาลา แฮร์รีส ในขณะนี้บุคคลส่วนใหญ่ภายในโลกรู้จักกันว่าเธอเป็นใคร เธอบรรลุความสำเร็จอะไร และเธอยืนหยัดเพื่ออะไร ตลอด 231 ปีที่ผ่านมา ผู้ชายผิวขาวยึดรองประธานาธิบดี และคามาลา แฮร์รีส รองประธานาธิบดีหญิงผิวดำคนแรกส่งสัญญานความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ และได้แสดงว่าการปรับปรุงความหลากหลาย อยู่บนแนวหน้าและศูนย์กลางของการเมืองอเมริกาคามาลา แฮร์รีส ได้กลายเป็นผู้หญิงคนแรก ผู้หญิงผิวดำคนแรก ผู้หญิงอเมริกันอินเดียคนแรก และผู้หญิงจบมหาวิทยาลัยผิวดำคนเเรกได้สาบานตัวเป็นรองประธานาธิบดีของอเมริกา ดังที่เธอได้กล่าวภายในคำปราศัยการยอมรับการเลือกตั้งของเธอ เธอ “อาจจะเป็นคนเเรก เเต่เธอจะไม่เป็นคนสุดท้าย” คามาลาแฮร์รีส ได้ใช้ชีวิตของเธอทำลายเพดานแก้วลูกสาวของผู้อพยพชาวอินเดียและชาวจาไมก้า คามาลา แฮร์รีส น่าจะเผชิญกับความอคติอย่างมากตามเส้นทาง คามาลา แฮร์รีสได้ถูกมองเป็นผู้นำที่มีบารมี เพราะว่าเธอสามารถบันดาลใจความเชื่อมั่นและพลังภายในบุคคลอื่น ในฐานะของรองประธานาธิบดี เธอได้ทำงานนำบุคคลมารวมกันก้าวหน้าโอกาสนำส่งเพื่อครอบครัว เเละคุ้มครองเสรีภาพพื้นฐานทั่วประเทศ เธอได้นำการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของผู้หญิง ตัดสินใจเกี่ยวกับร่างกายของพวกเธอเอง เสรีภาพอยู่อย่างปลอดภัยจากความรุนแรงของปืน เสรึภาพออกเสียง และเสรีภาพดื่มน้ำสะอาด และหายใจอากาศบริสุทธิ์ ณ ทุกย่างจะก้าวบนเส้นทาง ฉันได้ถูกนำทางด้วยคำพูดที่ฉันได้พูดจากครั้งแรกฉันยืนอยู่ภายในห้องพิจารณาคดี : คาลามา แฮร์รีสเพื่อบุคคลคามาลา แฮร์รีส ได้กล่าวว่า เมื่อมารดาของฉัน ชยามาลา แฮร์รีส ซื้อบ้านหลังเเรกของเรา ฉันอายุสิบสามปี เธอภูมิใจมาก และน้องสาวของฉัน และฉันตื่นเต้นมาก ชาวอเมริกันหลายล้านคนรู้ว่าความรู้สึกของการเดินผ่านประตูหน้าของบ้านของพวกเขาเองครั้งแรก ความรู้สึกขการมาถึงโอกาสและพบมันในขณะที่สร้างประวัตอศาสตร์ ณ ที่บ้าน เธอได้เป็นตัวแทนของชาติแก่ต่างประเทศการรับเอาการเดินทางต่างประเทศหลายครั้ง การเดินทางไปมากกว่า19 ประเทศ และประชุมกับผู้นำโลกมากกว่า 150 คน การทำให้พันธมิตรโลกเข้มเเข็งขึ้นไม่เพียงแต่คามาลา แฮร์รีสได้แตกเพดานแก้วเป็นผู้หญิงผิวดำและผู้หญิงเอเชียคนเเรก กลายเป็นรองประธานาธิบดีอเมริกา เธอมีสไตล์การสื่อสารและความเป็นผู้นำที่มึความเข้าอกใจบุคคลอื่น ความเป็นแท้จริงและปล่อยอะไรที่เรียกกัน “การปรากฏตัวแบบผู้บริหาร”การเดินทางของคามาลา แฮร์รีสเป็นการทดสอบต่อความยืดหยุ่น ความอุตสาหะ และความมุ่งมั่น เธอเป็นผู้บุกเบิก ทำลายอุปสรรค และบันดาลใจบุคคลไปทั่วโลก เธอนิยามใหม่อะไรที่เป็นไปได้ต่อผู้หญิงภายในการเมือง ความสำเร็จชองเธอ ตั้งแต่การได้รับใช้เป็นอัยการสูงสุดหญิงคนเเรกของเเคลิฟอร์เนีย การไปสู่ผู้หญิงผิวดำคนที่สองเลือกตั้งไปสู่วุฒิสภาอเมริกา ได้บันดาลใจรุ่นของผู้หญิงที่แสวงหาความฝันของพวกเธออย่างไร้ความกลัว มารดาของฉันได้กล่าวว่า คามาลา เธอไม่ได้เป็นคนแรกทำหลายสิ่ง แต่มั่นใจได้ว่าเธอไม่ได้เป็นคนสุดท้ายนั่นคือ ทำไมการทำลายอุปสรรคเหล่านี้มันคุ้มค่า มากเท่ากับอะไรอีกไหม มันได้สร้างเส้นทางนั้นเพื่อบุคคลจะมาทีหลังเราด้วยความเป็นผู้นำหญิงภายในสปอร์ตไลน์ ขอให้ดูการปรากฏตัวแบบผู้บริหารของคามาลา แฮร์รีส ความเป็นผู้นำแบบแท้จริงและเห็นอกเห็นใจและการสื่อสารของเธอได้ช่วยต่อความก้าวหน้าของเธอ การสื่อสารในฐานะของผู้นำไม่ได้เกี่ยวกับอะไรที่คุณพูดเท่านั้น แต่มันเกี่ยวกับความสามารถของคุณมีอำนาจเหนือห้องประชุม และทำให้การปรากฏตัวของคุณรู้สึก คามาลา แฮร์รีส ไม่ได้แตกเพดานแก้วเท่านั้นเป็นผู้หญิงผิวดำและเชียคนเเรกกลายเป็นรองประธานาธิบดีอเมริกา แต่เธอได้แสดงการปรากฏตัวแบบผู้บริหารผ่านการสื่อสาร และความเป็นผู้นำอย่างเห็นอกเห็นใจและเป็นแท้จริงของเธอการวิเคราะห์วิถึทางที่คามาลา แฮร์รีสให้คำปราศัย หรือวิถีทางที่เธอพูดเมื่อสัมภาษณ์ เธอสื่อสารอย่างไม่ต้องพยายามด้วยความเชื่อมั่นและความจริงจัง และไม่กลัวที่จะยอมให้บุคลิกภาพและสไตล์เพศหญิงของเธอส่องผ่าน การสร้างความไว้วางใจเป็นความสำคัญอย่างเหลือเชื่อ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ควรจะเป็นทั้งความน่าเชื่อถือและความสม่ำเสมอ ต่อผู้นำบางคนแล้ว มันสามารถเป็นความท้าทายที่จะให้ถ้อยคำที่มีพลังภายใต้การการตรวจสอบอย่างเข้มข้นของบุคคลอื่น แต่คามาลา แฮร์รีสดูเหมือนทำสิ่งนี้ด้วยความง่ายที่สง่างามเธอเป็นตัวเธอเองอย่างแท้จริง การอยู่อย่างตื่นตัวและผ่อนคลายในขณะเดียวกัน และสบายใจอย่างชัดเจนต่อผิวของเธอเอง คุณลักษณะทุกอย่างทำให้เธอน่าเขื่อถือ และน่าสัมพันธ์อย่างมาก คามาลา แฮร์รีส แสดงความสามารถที่หายากด้วยการพูดที่มีพลัง เธอมีความนิ่่มนวลและความจริงจัง แต่บางทีที่สำคัญกว่า เธอได้พบพานความสัมพันธ์และความเป็นแท้จริงตัวเธอเอง เธอตื่นตัว แต่ผ่อนคลาย และสบายใจต่อผิวของเธอเองหลายสัปดาหฺ์ก่อนการเลือกตั้ง คามาลา แฮร์รีส ได้แสดงคุณลักษณะอย่างหนึ่งของผู้นำที่ดีควรจะมีความสง่างามภายใต้ความกดดันคุณจะไม่ลืมวิถีทางที่คาเมลา แฮร์รีสรับมือกับการขัดจังหวะของไมค์ เพนซ์ระหว่างการอภิปรายรองประธานาธิบดี เธอได้หยุดการขัดจังหวะซ้ำของเขาด้วยการยิ้ม สบสายตาโดยตรง ท่ายกฝ่ามือ และพูดซ้ำด้วยคำพูดที่ธรรมดา และถ้อยคำเหล่านี้จะลงไปสู่ประวัติศาสตร์ตลอดไป”คุณรองประธานาธิบดี ฉันกำลังพูด” เมื่อเขายังพูดต่อเธอ เธอด้วยรอยยิ้ม พูดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง “ฉันกำลังพูด”โดยส่วนรวมความสามารถของคามาลา แฮร์รีส สื่อสารใช้การแสดงออกทางสีหน้าอย่างมาก มองทางหางตา หรือยกสายตาเมื่อไม่เชื่อถือความอบอุ่นของเธอ ความมีเกียรติของเธอ และการหัวเราะของเธอทำให้เธอเป็นโมเดลบทบาทธรรมชาติต่อผู้หญิงทุกคนเพราะว่าเมื่อเธอสูงขึ้น เราทุกคนสูงขึ้นบางทีเหนือสื่งอื่นใด ความาลา แฮร์รีส พูดจากหัวใจของเธอด้วยความหลงใหล คำพูดของเธอสอดคล้องกับความเชื่อของเธอ และถูกสื่อสารได้อย่างสอดคล้องกันผ่านทางร่างกาย ลมหายใจ และน้ำเสียงของเธอคามาลาแฮร์รีส ได้กล่าวว่า ใครก็ตามยืนยันว่าเป็นผู้นำต้องพูดเหมือนผู้นำ นั่นหมายถึงพูดด้วยความซื่อสัตย์และความจริงต่อผู้หญิงรับผิดชอบมากที่สุดต่อการปรากฏตัวของฉันที่นี่วันนี้คือมารดาของฉัน ชยามานา เเฮร์รีส อยู่ภายในหัวใจของเราอยู่เสมอ เมื่อเธอมาจากอินเดียตอนอายุ 19 ปี บางทีเธอไม่ได้จินตนาการช่วงเวลานี้ แต่เธอจะเชื่ออย่างลึกซึ้งว่าภายในอเมริกาตรงที่ผู้หญิงอย่างนี่เป็นไปได้ และคามาลา แฮร์รีส ได้กล่าวระหว่างคำปราศัยชัยชนะของเธอ ฉันคิดเกี่ยวกับเธอ และเกี่ยวกับรุ่นของผู้หญิง ผู้หญิงผิวดำ ชาวอเชีย ชาวผิวขาว ชาวลาติน และชาวพื้นเมืองอเมริกันตลอดประวัติศาสตร์ชาติของเรา ปูเส้นทางเพื่อช่วงเวลานี้คืนนี้ ผู้หญิงที่ได้ต่อสู้ และเสียสละอย่างมากเพื่อความเสมอภาค เสรีภาพ เเละความยุติธรรมเพื่อทุกคน รวมทั้งผู้หญิงผิวดำบ่อยครั้งเกินไปได้ถูกมองข้ามแต่บ่อยครั้งได้พิสูจน์ว่าพวกเธอเป็นกระดูกสันหลังของประชาธิปไตยของเรามันเป็นพินัยกรรมต่อโจ ไบเดนที่เขามีความกล้าหาญทำลายอุปสรรคเป็นจริงมากที่สุดอยู่ภายในประเทศของเรา และเลือกผู้หญิงเป็นรองประธานาธิบดีของเขา แต่แม้ว่าฉันเป็นผู้หญิงคนแรกภายในตำแหน่งนี้ ฉันจะไม่เป็นคนสุดท้าย เพราะว่าเด็กหญิงทุกคนกำลังชมคืนนี้มองว่านี่เป็นประเทศแห่งโอกาสเรามีการพูดกันมากเกี่ยวกับความสำคัญของทั้งความเห็นอกเห็นใจและความเเท้จริงภายในความเป็นผู้นำ ความเป็นผู้นำแบบความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นและความเป็นแท้จริงเป็นโมเดลที่สามารถปูเส้นทาง บนผิวเผินเเล้วมันอาจจะปรากฏคล้ายกับคุณลักษณะส่วนบุคคลไม่ใช่แนวคิดของความเป็นผู้นำ อย่าตัดสินบุคคลบางคน จนกว่าคุณเดินหนึ่งไมล์ภายในรองเท้าของพวกเขาแม้แต่ฮาร์วาร์ด บิสซิเนส รีวิว ได้ทุ่มเทหมึกอย่างมากไปสู่ความเป็แท้จริงและความเข้าอกเข้าใจต่อความเป็นผู้นำ การระบุพวกเขา ท่ามกลางแกนขับเคลื่อนของความไว้วางใจ บุคคลมักจะไว้วางใจคุณเมื่อพวกเขาคิดพวกเขากำลังเกี่ยวพันกับตัวจริงของคุณ – ความเป็นแท้จริง – เมื่อพวกเขามีความศรัทธาต่อดุลยพินิจ และความสามารถและตรรกะของคุณ และเมื่อพวกเขาเชื่อว่าคุณดูแลพวกเขา- ความเห็นอกเห็นใจ – การยิืนยันโดยอาจารย์คณะบริหารธุรกิจฮาร์วาร์ดฟรานเซส ไฟร์ และผู้ประกอบการ แอนนี มอร์รีสตามบทความของพวกเขา “Begin with Trust” ภายในเอสบีอาร์ 2020ฟรานเซส ไฟร์ เป็นอาจารย์คณะบริหารธุรกิจฮาร์วาร์ดนานหลายปี เธอได้มุ่งการศึกษาของเธอต่อความเป็นผู้นำสามารถสร้างสภาวะเพื่อองค์การและบุคคลสร้างความไว้วางใจและการเจริญเติบโตอย่างไร ภายใน ค.ศ2017 เธอได้ถูกเสนอโอกาสเฉพาะนำเรื่องการวิจัยของเธอลงสู่การปฏิบัติอูเบอร์ กำลังเผชิญกีบปัญหาความไว้วางใจกับผู้มีส่วนได้เสียจำนวนมากทั้งภายในและภายนอกองค์การ และเธอได้ถูกเชิญที่จะช่วยเหลือพวกเขาสร้างใหม่ความไว้วางใจที่สูญเสียไปความไว้วางใจเป็นรากฐานเพื่อเกือบทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ มันเป็นรากฐานที่กฏหมายและสัญญาของเราถูกสร้าง มันเป็นเหตุผลที่เราเต็มใจแลกเปลี่ยนรายได้ที่ยากลำบากของเราเพื่อสินค้าและบริการตามฟรานซิส ไฟร์ และเเอนนี มอร์รีส ความไว้วางใจประกอบด้วยแรงขับเคลื่อนแกนสามตัว : ความเป็นแท้จริง ตรรกะ และความเห็นอกเห็นใจมันได้สร้างสามเหลี่ยมของความไว้วางใจ เเรงขับเคลื่อนแต่ละตัวแสดงแต่ละจุดบนสามเหลี่ยม จุดของสามเหลี่ยมที่คุณมักจะดิ้นรนกับสิ่งที่พวกเขาระบุเป็น ความโยกเยกของความไว้วางใจของคุณ เมื่อความไว้วางใจหายไสาเหตุสามารถถูกย้อนรอยไปยังแรงขับเคลื่อนสามตัวเหล่านี้ ตัวหนึ่งอาจจะหายไป ความไว้วางใจเริ่มต้นค่อยเลือนหายไปความโยกเยกเป็นส่วนที่สำคัญต่อสามเหลี่ยมความไว้วางใจ ขอให้คิดความไว้วางใจเป็นม้านั่งสามขา ถ้าความเป็นแท้จริง ความเห็นอกเห็นใจ หรือตรรกะ หลุดไป ขาหนึ่งสั้นลงไป มันได้สร้างความโยกเยกสามเหลี่ยมของความไว้วางใจ แนวคิดบุกเบิกโดยฟรานซิส ไฟร์ เป็นกรอบข่ายพื้นฐานเพื่อความเข้าใจและการปลูกฝังความไว้วางใจภายในทั้งองค์การและความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ความไว้วางใจ องค์ประกอบที่สำคัญต่อความสัมพันธ์ใดก็ตาม สร้างกระดูกสันหลังของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ความร่วมมือร่วมใจ และสุขภาพองค์การโดยส่วนรวมความไว้วางใจส่งเสริมสภาพเเวดล้อมที่ปลอดภัยตรงที่ความคิดเฟื่องฟูการรัยเอาความเสี่ยงภัย และการสร้างการเชื่อมโยงที่จริงใจ
มิเชลล์ ไรอัน และอเล็กซานเดอร์ ฮาสแลม อาจารย์ชาวอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยเอ็กซีเตอร์ ได้ถูกยกย่องด้วยการสร้างถ้อยคำหน้าผาแก้วเมื่อ ค.ศ 2004 ภายหลังจากเพดานแก้ว เรามีหน้าผาแก้วที่ซีอีโอผู้หญิงถูกโยนไปหรือไม่ บุคคลทุกคนรู้เกี่ยวกับเพดานแก้วแต่หน้าผาเเก้วเกี่ยวกับอะไร มันเป็นความคิดที่ผู้หญิงน่าจะถูกแต่งตั้งมากขึ้นที่จะนำบริษัทภายในเวลาวิกฤติ และเพราะว่าสิ่งนี้ พวกเธอมักจะถูกสร้างขึ้นที่จะล้มเหลวเมื่อเพดานแก้วได้แตกกระจายแล้ว เราไม่มีการรับประกันว่าซีอีโอเพศหญิงจะไม่ถูกผลักลงจากหน้าผาแก้ว เพดานแก้วลำบากต่อผู้หญิงภายในความเป็นผู้นำที่จะทำให้แตกกระจาย แต่เรามีปรากฏการณ์อีกอย่างหนึ่งที่ผู้หญิงไม่กี่คนที่ทำลายเพดานแก้วต้องเผชิญ หน้าผาที่แหลมคมรู้จักกันว่าเป็น หน้าผาแก้วหน้าผาแก้วอาจจะถูกคิดถึงการวางภายในตำแหน่งที่จะล้มเหลวถ้อยคำนี้ได้มาจากถ้อยคำเพดานแก้ว อ้างถึงการจำกัดที่มองไม่เห็น และไม่พูดที่ผู้หญิงสามารถขึ้นไปสูงมากน้อยแค่ไหนภายในองค์การ ผู้หญิงต้องเผชิญอุปสรรคที่มองไม่เห็นภายในโลกของธุรกิจที่มักจะอ้างถึงเป็นเพดานแก้ว แต่อะไรเกิดขึ้นภายหลังจากในที่สุดผู้หญิงที่มีประสิทธิภาพสูงทำให้เพดานแก้วนี้แตกกระจาย และก้าวขึ้นไปบนสูงสุด การวิจัยเสนอแนะว่าพวกเธออยู่ได้ไม่นานผู้นำหญิงโดยสถิติน่าจะล้มเหลวมากกว่าบรรลุความสำเร็จ และไม่ใช่เพราะว่าผู้ชายเป็นผู้นำที่ดีกว่า
ตาทที่กล่าวมาแล้ว การวิจัยทำโดยมิแชล ไรอัน และอเล็กซานเดอร์ ฮาสลาม เผยให้เห็นว่าเนื่องจากผู้หญิงที่มีประสิทธิภาพสูงมักจะถูกเลื่อนตำแหน่งระหว่างเวลาที่ยุ่งยาก เมื่อพวกเธอน่าจะล้มเหลวมากที่สุด ปรากฏการณ์อ้างถึงในขณะนี้เป็นหน้าผาแก้วเราอาจจะไม่คุ้นเคยกับถ้อยคำ เพราะว่ามันได้เพิ่มเข้ามาใหม่ต่อภาษาพูดของสถานที่ทำงาน
Cr : รศ สมยศ นาวีการ