INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ประวัติศาสตร์มนุษยชาติ​ (47)

ประวัติศาสตร์มนุษยชาติ​ 

ผู้เขียน อ.อดุลย์ มานะจิตต์

2:2 พระวิหารตั้งอยู่บนภูเขา

สถิตเนาสูงสุดไซร้ในภายหน้า นานาชาติพร้อมในหลั่งไหลมา ณ ภูเขาแห่งนี้ที่สำคัญ

2:4 ขจัดข้อโต้แย้งแจงเหตุผล

ในหมู่ชนชาติใหญ่หลายภาษา เขาตีดาบเป็นของใช้ผาลใดนา หอกดาบกล้าตีเป็นมีดลิดกิ่งไกว ชาติต่างๆ ไม่มีวันหันเข้าสู้ การรบสู้สงครามนี้ไม่มีใกล้ ไม่เตรียมตัวราวี ณ ที่ใด อีกต่อไปใจสงบเลิกรบกัน

ฝ่ายยิวไซออนิสต์ตีความว่า เพลงยอพระเกียรตินี้หมายถึงพระวิหาร บนภูเขาแห่งนครเยรูซาเล็ม ส่วยฝ่ายมุสลิมตีความว่าหมายถึงนครมักกะฮ์ อันเป็นที่ตั้งของมัสยิดอัล ฮะรอม ที่อิมามมะฮ์ดีจะมาปรากฏกาย ซึ่งเป็น องค์เดียวกันกับอัล มะชีอะห์ที่ฝ่ายยิวรอคอยเช่นกัน ส่วนฝ่ายคริสเตียน หมายถึงพระเยซูคริสต์

นับเป็นเรื่องน่าขำที่ว่า บรรพบุรุษของฝ่ายยิวไซออนิสต์ ได้เคยฆ่า สังหารบรรดาศาสดาในสายของตนนับเป็นจำนวนร้อยคน และเนรเทศ เสียอีกเป็นจำนวนมาก พวกเขาทำลายอาณาจักรของกษัตริย์สุลัยมานหรือโซโลมอนด้วยกับมืออันชั่วร้ายของพวกเขาเอง ดังได้กล่าวถึงแล้ว พวกเขา ต่างปฏิเสธพระเยซูคริสต์และหมิ่นประมาทมารดาผู้เป็นพรหมจารีของท่าน มิหนำยังวางแผนร่วมกับเจ้าเมืองโรมันผู้กราบไหว้เทวรูปเพื่อการฆ่าสังหาร ท่าน ด้วยเหตุนี้พระเยซูจึงถูกยกขึ้นสู่สวรรค์เพื่อจะกลับมาปราบยุคเข็ญ ที่พวกยิวได้ก่อขึ้นในนามของมะซีอะห์ อัดดัจญาลหรือมะซีอะห์ปลอม​ ขณะเดียวกันพวกยิวไซออนิสต์สามก๊กที่อาศัยอยู่ ณ นครมะดีนะฮ์ ตั้งตนเป็นศัตรูกับศาสดา มุฮัมมัดศาสนทูตท่านสุดท้ายของโลก ที่มายืน ยันคัมภีร์ต่างๆ และบรรดาศาสดาของพวกยิว แต่พวกเขากลับปฏิเสธการ เป็นศาสนทูตของพระเจ้าของศาสดามุฮัมมัด มาบัดนี้ที่เป็นเรื่องน่าขำก็คือพวกเขาอ้างว่าพวกเขากำลังรอคอยอัล มะซีอะห์ที่บรรดาศาสดาของพวกเขา ที่พวกเขาเคยฆ่าสังหาร ต่างพยากรณ์ไว้ว่าจะมีมาในยุคสุดท้าย

ตลอดเวลาครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ได้มีคำถามหนึ่งจากบรรดาผู้รัก ความเป็นธรรม ที่ถามอยู่เสมอมาว่า ชาวยิวที่นับถือศาสนายูดายทั้งหมด ล้วนเป็นไซออนิสต์กระนั้นหรือ ในเรื่องนี้นักวิชาการฝ่ายมุสลิม ได้ชี้แจง มาโดยตลอดว่า ชาวยิวทั้งหมดไม่ใช่พวกไซออนิสต์ และพวกไซออนิสต์ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชาวยิวและชาวคริสต์เท่านั้น แต่ความจริงนี้กลับไม่ ได้รับความสนใจจากประชาคมโลกเท่าที่ควร

มาบัดนี้ชาวยิวคณะหนึ่งที่เรียกตนเองว่า “ชาวยิวผู้สมานฉันท์เพื่อต่อต้านลัทธิไซออนิสต์” (Jews United Against Zionism) ซึ่งได้ทำการ รณรงค์เรื่องนี้มานานนับครึ่งศตวรรษ โดยคณะผู้รู้ของพวกเขา ได้ออก เดินทางเยี่ยมเยือนศูนย์กลางต่างๆ ของมุสลิม ในสหรัฐอเมริกาและเข้าพบ ผู้นำทางศาสนาอิสลามของประเทศมุสลิมบางประเทศ โดยเฉพาะในรอบครึ่ง ศตวรรษที่ผ่านมา และได้นำกิจกรรมต่างๆ ของพวกเขามารายงานไว้ใน เวบไซต์ของตนคือ www. netureikarta.org

จึงเห็นว่าเป็นความเหมาะสมที่จะได้นำบันทึกคำปราศรัยของผู้นำท่าน หนึ่งของคณะนี้ที่ได้แสดงไว้ ณ ศูนย์กลางอิสลามแห่งลองไอส์แลนด์ สหรัฐ

อเมริกา มานำเสนอต่อท่านผู้อ่าน ดังมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ความแตกต่างระหว่างศาสนายูดายกับลัทธิไซออนิสต์

นำเสนอโดยท่านรับไบ โดวิด ไวส์แห่งเอ็นดีไอ ณ ศูนย์กลางอิสลามแห่งลองไอส์แลนด์ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2544

ข้าพเจ้าของแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเจ้า ด้วยการวิงวอน โดย ขอให้คำปราศรัยของข้าพเจ้าเป็นความเหมาะควรและขอให้มันเข้าไปสู่จิต ใจของท่านทั้งหลาย เพื่อการรับใช้สัจธรรมและสันติภาพ

นับเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ประการหนึ่ง ที่ได้มีโอกาสมาสนทนาในครั้ง นี้ ต่อหน้าท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอขอบคุณเป็นการส่วนตัวต่อท่านข่านเคน ประธานของศูนย์กลางอิสลามแห่งนี้ ที่ได้จัดให้มีการพบปะ กันนี้ และความร่วมมือทั้งหมด ที่ท่านมอบให้กับพวกเราในวาระที่ผ่านมา

นับเป็นเวลามากกว่าหนึ่งศตวรรษแล้ว ที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ กลาย เป็นสถานที่ของความขัดแย้ง ความรุนแรงที่มีอยู่บ่อยๆ ระหว่างกลุ่มสอง สามกลุ่ม ยังคงมีการกรำศึกกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ และในช่วงที่ผ่านๆมา มีผู้ถูกสังหารนับเป็นจำนวนพันๆ คน มีสตรีและเด็กร่วมอยู่ด้วยเป็นจำนวน มาก ในจำนวนสองสามร้อยคนที่ถูกสังหารเมื่อเดือนที่ผ่านมา ที่พอมองเห็น ก็คือ ความทุกข์ทรมานนี้ยังไม่มีทางจบสิ้น

ความขัดแย้งส่วนใหญ่ทั้งหมดมีศูนย์กลางอยู่ ณ เมืองศักดิ์สิทธิ์ คือเยรูซาเล็ม ซึ่งคัมภีร์ไบเบิลได้บรรยายไว้ว่าเป็นเมืองแห่งสันติภาพ

ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา บรรดาผู้นำระดับชาติ ในตะวันออกกลาง และทั่วโลกต่างพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งนี้ และ นำสันติภาพกลับคืนมาสู่ภูมิภาคนี้ ความพยายามของพวกเขาทั้งหมดต่าง ล้มเหลว จักรวรรดิต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งอังกฤษและออตโตมาน ถูกดึง เข้ามาสู่ความขัดแย้งนี้ ณ วันนี้ ฝ่ายแรกนั้นเป็นเปลือกหอยของตัวตน ของตัวเอง ในขณะที่ฝ่ายหลังไม่มีอยู่อีกแล้ว ถึงกระนั้นความขัดแย้งที่ ติดตามพวกเขามา ก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ข้าพเจ้าประสงค์ที่

จะชี้ให้ท่านเห็นด้วยกันสองคำถามขั้นพื้นฐานอย่างที่สุดคือ

1) ความขัดแย้งในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ จริงๆ แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องอะไร!

2) อะไร ! เป็นต้นเหตุ และจะบรรเทาเบาบางลงได้อย่างไร!

ข้าพเจ้าคิดหวังที่จะตอบคำถามเหล่านี้ในวันนี้ แต่ก่อนอื่นเราจำ เป็นต้องให้คำนิยามสักสองสามประการก่อน

เป็นที่พูดกันอย่างติดปากในสื่อถึงเรื่องความขัดแย้ง ระหว่าง ยิว อาหรับหรือ ยิว ปาเลสไตน์ เหตุการณ์อื่นกล่าวอ้างถึงความขัดแย้งระหว่าง ยิว อิสลาม

ในทัศนะของเราแล้ว การบรรยายถึงความยุ่งยากต่างๆ ในตะวันออก กลางเหล่านี้ทั้งหมดถือเป็นเรื่องเท็จ เป็นเรื่องเท็จที่อันตรายที่สุด

เราขอยืนยันว่า ชาวยิวและศาสนายูดายไม่มีความขัดแย้งกับชาว อาหรับของมุสลิมชาวปาเลสไตน์หรือจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม

ความเข้าใจผิดนี้ เกิดจากการไม่ได้ให้คำนิยามที่ชัดเจนของคำว่า ศาสนายูดายและชาวยิว นักวิชาการชาวยิวบาบิโลน ในสมัยศตวรรษที่ 9 ท่านหนึ่งชื่อ ราฟ สะอาดญา กาออน เขียนไว้ว่า “เอกลักษณ์ประจำชาติ ของเราก็คือ คัมภีร์เตารอต”

นี่คือ จุดเริ่มต้นของการถกเถียงกันในเรื่องใดก็ตาม ที่เกี่ยวข้องกับ เรื่องศาสนายูดาย และเรื่องของชาวยิวดังกล่าว

เราเป็นผู้คนแห่งคุณธรรมแห่งคัมภีร์เตารอต เราเป็นผู้ที่ยึดมั่นอยู่ ในการเคารพเชื่อฟังพระเจ้า ดังที่ได้บันทึกไว้ในคัมภีร์เตารอต เราเข้าใจ ถึงชะตากรรมแห่งชาติของพวกเรา ดังที่ได้ถูกบันทึกไว้ในเตารอต

เรามองดู ความยากลำบากของพวกเราหรือความเจริญรุ่งเรือง ดังที่ มันถูกวิพากษ์วิจารณ์ไว้แล้วในคัมภีร์เตารอต

เรากำลังรอคอยการมาของพระมะซีอะฮ์ และความเป็นภารดรภาพ อันเป็นสากล ดังที่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าไว้แล้ว ในคัมภีร์เตารอต

ทัศนะความคิดเห็นใดๆ ในทางการเมือง สังคมหรือประวัติศาสตร์ของเรา จะต้องมีรากเหง้าอยู่ในคัมภีร์เตารอต และแน่นอนจะต้องไม่ขัดแย้ง กันกับตัวบทพระคัมภีร์

นี่คือ แนวทางที่ชาวยิวทั้งมวล นับจนถึงศตวรรษต่างๆ ที่ผ่านมา มีทัศนะต่อเอกลักษณ์ของพวกเขา พวกเขาต่างมีโครงการแห่งชาติ และเป็น ปัจเจกแบบหนึ่ง ซึ่งก็คือการเชื่อฟังปฏิบัติตามต่อพระประสงค์ของพระผู้ สร้างอย่างสมบูรณ์แบบ

ฉะนั้น เมื่อชาวยิวมองดูวิหารของพวกเขาต้องถูกทำลายล้าง ณ นครเยรูซาเล็ม และการอพยพลี้ภัยที่ติดตามมา ในหมู่ของประชาชาติต่างๆ พวกเขามองดูมันโดยผ่านทางดวงตาของคัมภีร์เตารอตและบรรดาศาสดา ภาพที่เห็นนั้นเป็นภาพที่ชัดเจน ผู้คนได้กระทำบาป และฉะนั้นจึงสูญเสีย แผ่นดินที่ตนเองอ้างว่าเป็นเจ้าของ การอพยพลี้ภัยของพวกเขาถือเป็นการ ลงโทษประการหนึ่ง พระเจ้าเท่านั้นที่พระองค์จะหยุดการลี้ภัยนี้ พระ องค์ทรงกระทำ เมื่อบาปของพวกเขาถูกลบล้าง และพวกเขาได้เรียนรู้ถึง บทเรียนของการเชื่อฟังปฏิบัติตามพระเจ้าอย่างสิโรราบ

ในวาระนั้น ประชาชาติทั้งมวลล้วนจะต้องมารับใช้พระเจ้า โดย ปราศจากการแทรกแซงใดๆของมนุษย์ การพยายามที่จะให้มนุษย์หลบ หนีออกจากการอพยพลี้ภัย นั่น ก็ถือเป็นการพูดได้ว่า คือการพุ่งตนเองออก จากพระบัญชาหนึ่งของพระเจ้า อันเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะเยาะ และเป็นการ ทะลึ่งอวดดีอย่างที่สุด

ว่ากันจริงๆ แล้ว นักบุญฝ่ายคัมภีร์ทัลมูดเอง ได้กล่าวล่วงหน้าไว้ แล้ว โดยหลักฐานของแหล่งอ้างอิงในหนังสือต่างๆของบรรดาศาสดาว่า ความพยายามที่จะให้มีผลสิ้นสุดลงของการอพยพลี้ภัยเสร็จสิ้นลงก่อน กำหนด ย่อมจะนำผลลัพธ์ของการหลั่งเลือดและความทุกข์ทรมานที่ไม่ เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน

นี่คือ แนวทางของยิวตลอดยุคสมัยที่ผ่านมา ชาวยิวอยู่อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน กระทำดีกับมวลมนุษย์ หากเมื่อได้รับอนุญาตพวกเขาก็ จะขวนขวายเพื่อเป็นพลเมืองที่รักชาติ ภารกิจของพวกเขาก็คือ การดำเนิน ชีวิตที่สงบเสงี่ยม ที่เป็นคุณธรรมความดี และอ่อนน้อม เพื่อสรรเสริญถึง พระนามของพระผู้อภิบาลด้วยกับการประพฤติปฏิบัติของพวกเขา

ในศตวรรษที่สิบเก้า สังคมของชาวยุโรปที่มีอยู่ด้วยกันมากมายหลาย ส่วน เริ่มเหวี่ยงเอาการดิ้นรนเพื่อสวรรค์ทิ้งไป การเคลื่อนไหวแบบนอก รีตมากมายหลายแนวทาง ต่างเติบโตขึ้น ซึ่งเป็นที่ดึงดูดสำหรับทั้งพวกยิว และผู้ไม่ได้เป็นชาวยิว (เยนไทล์) เช่น ลัทธิคอมมิวนิสต์ ลัทธิวิวัฒนาการ การวิจารณ์คัมภีร์ไบเบิล ลัทธิเสรีนิยมอีกมากมายหลายแบบ ทั้งทางด้าน ศาสนาและทางด้านโลกนิยม ขบวนการปฏิรูปต่างๆของชาวยิว และยังมี ความคิดแบบอื่นๆ อีกเป็นโหลๆ ที่ได้ลวงล่อผู้คนนับเป็นล้านๆ คนออก ไปจากพระเจ้าและบทบัญญัติของพระองค์

ลัทธิแนวคิดทั้งหลายเหล่านี้ ถือกำเนิดมาจากจิตวิญญาณที่ปฏิเสธ พระเจ้า เป็นการตัดขาดจากความเชื่อมโยงใดๆ กับคัมภีร์เตารอต และแบบ ฉบับของความเป็นยิว และเป็นการต่อต้านคัดค้านกับเสียงอันเกือบเป็น เอกฉันท์ของบรรดารับไบและนักบุญ เราจึงได้พบกับขบวนการเคลื่อน ไหวขบวนการหนึ่ง ในปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม ลัทธิ ไซออนิสต์

ขบวนการนี้อยู่ตรงกันข้ามกันเลยกับความเชื่อที่ชาวยิวผู้ศรัทธาได้ พิทักษ์รักษาไว้นานนับพันๆปี การเรียกร้องมนุษย์ให้ยุติการลี้ภัย ถือได้ ว่าเป็นการปฏิเสธกฎแห่งการตอบแทนรางวัลและการลงโทษของพระเจ้า ด้วยกับการเรียกร้องให้ชาวยิวกลับคืนสู่แผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันทั้ง หมด ถือเป็นการละเมิดความหมายขั้นพื้นฐานของการอพยพลี้ภัย ดังที่ ได้อธิบายไว้ในคัมภีร์ทัลมูด และในที่สุดด้วยกับการจับเอาบรรดาผู้ที่เชื่อตามแนวคิดนั้น ไปไว้ในตำแหน่งหนึ่ง ซึ่งในตำแหน่งนี้เป็นผลให้เกิด

 

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *