jos55 instaslot88 Pusat Togel Online กิติมา อมรทัต  ไร่นาน อรุณรังษี สองปัญญาชนมุสลิมร่วมสมัย (24) - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

กิติมา อมรทัต  ไร่นาน อรุณรังษี สองปัญญาชนมุสลิมร่วมสมัย (24)

กิติมา อมรทัต  ไร่นาน อรุณรังษี สองปัญญาชนมุสลิมร่วมสมัย (24)

จรัญ มะลูลีม

คำนำของชัยค์ แห่งอัลอัซฮัร (ต่อ)        

เรื่องที่ ดร.ฮัยกัลอ้างว่าวิธีการนี้เป็นวิธีการสมัยใหม่นั้น  ออกจะเป็นเรื่องที่เป็นปัญหาในการอ้างเอาเช่นนี้  ดร.ฮัยกัลกำลังปรองดองกับนักวิชาการผู้ซึ่งจะเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ท่าน   ตัวท่านเองก็ได้ยอมรับว่าวิธีการนี้เป็นวิธีของกุรอาน   และเป็นวิธีการของนักวิชาการมุสลิมในอดีตด้วย  ลองคิดถึงหนังสือกะลาม (ตรรกศาสตร์) ต่างๆ ดูเถิด  บางเล่มก็ยืนยันว่าหน้าที่อันแรกของผู้ใหญ่ก็คือการรู้จักพระผู้เป็นเจ้า  บางเล่มก็ถือว่าหน้าที่อันจำเป็นประการแรกก็คือการตั้งข้อสงสัยเพราะจะไม่มีความรู้เกิดขึ้นได้นอกจากวิธีพิสูจน์และถกเถียง  ถึงแม้ว่ากระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริงจะเป็นการอนุมาน (คือการสรุปลงความเห็นโดยพิจารณาจากหลักทั่วไป)  ขอบเขตของการหาเหตุผลเช่นนี้จะต้องเป็นการหาหลักฐานด้วยตนเอง   การรู้สึกโดยการครุ่นคิดหรือการรู้สึกขึ้นมาในทันทีทันใด   หรือการขึ้นอยู่กับการทดลองที่ไม่มีข้อผิดพลาดและการหานัยทั่วไป  การทำตามกฎเกณฑ์แห่งตรรกวิทยา    ความผิดพลาดแม้แต่น้อยที่สุดในเหตุผลใด   หรือในรูปแบบของการให้เหตุผลย่อมทำให้ข้อพิสูจน์ทั้งหมดเป็นโมฆะไป

อัลฆ็อซาลี  บรมครูก็ใช้วิธีการเช่นเดียวกันนี้จริงๆ ในหนังสือเล่มหนึ่งของท่าน  ท่านได้รายงานว่าท่านได้ตัดสินใจที่จะทำให้ความนึกคิดของท่านว่างเปล่าปราศจากการติดยึดกับความคิดเห็นเก่าๆ แต่จะคิดและพิจารณาจะเปรียบเทียบความเหมือนกัน  และข้อแตกต่างกันแล้วก็จะเอาข้อพิสูจน์และหลักฐานพยานทั้งหมดมาคิดใหม่ไปทีละขั้นๆ   หลังจากการสร้างวิธีการใหม่นี้ขึ้นมาใช้แล้วท่านก็บรรลุถึงข้อสรุปว่า   อิสลามเป็นความจริงแท้  ดังนั้นท่านจึงได้สร้างความคิดเห็นและข้อถกเถียงขึ้นมาจำนวนหนึ่ง    ที่เกี่ยวข้องกับลักษณะของอิสลาม    ท่านทำทั้งหมดเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงจากความคิดแบบเก่าๆ เพื่อจะได้มาซึ่งความศรัทธาโดยอาศัยความแน่นอนซึ่งสร้างขึ้นบนความจริงและการถกเถียงกัน  มุสลิมทั้งมวลได้เห็นพ้องแล้วว่าอันความศรัทธาแบบนี้ที่เกิดขึ้นจากความมั่นใจในเหตุผลนั้น     ย่อมเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากจะเป็นความจริงแท้และจะนำมาซึ่งความรอดพ้น

วิธีการเช่นเดียวกันนี้  หรือการเจตนาปฏิเสธความเชื่อทั้งหลายเสียก่อน  เพื่อเป็นขั้นต้นของการสำรวจตรวจสอบและการศึกษาอย่างนักวิชาการนี้จะพบได้ในหนังสือกะลามส่วนมาก   ความจริงความสงสัยนั้น   เป็นวิธีการที่เก่าแก่พร้อมกับการทดลองและการตั้งหลักการทั่วไป    ส่วนอย่างหลังนั้นสร้างขึ้นบนการสังเกต   สำหรับพวกเรานั้นมันไม่ใช่ของใหม่เลย  แต่เมื่อมันถูกละเลยและลืมเลือนไปในตะวันออก   นับตั้งแต่ที่ตะวันออกมายึดเอาลัทธิอนุรักษ์นิยมและลัทธิไม่ใช้เหตุผล    วิธีการเก่าเนี้ตะวันตกจึงรับเอาไปชำระล้างเสียให้สะอาด     แล้วใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลแก่วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม    บัดนี้เรากำลังเอามันคืนจากตะวันตกโดยคิดว่าเรากำลังนำเอาวิธีการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์แบบใหม่มาใช้อยู่

ดังนั้นวิธีการนี้จึงเป็นทั้งวิธีเก่าและวิธีใหม่  อย่างไรก็ตามการรู้วิธีนั้นเป็นเรื่องง่าย    แต่การใช้มันนั้นเป็นเรื่องยาก   มนุษย์มิได้แตกต่างกันมากนัก    ในเรื่องความรู้ในกฎเกณฑ์บางอย่างแต่ในการนำเอากฎเกณฑ์เหล่านั้นมาใช้มนุษย์ยืนอยู่ห่างกันมาก

เพื่อจะหยุดยั้งอดีตทั้งมวลเพื่อจะสังเกตการณ์ ทำการทดลอง เปรียบเทียบ อนุมาน  แต่สำหรับผู้ที่กำลังยืนอยู่ภายใต้มรดก   ซึ่งเป็นภาระหนักหน่วงทั้งทางกายและใจ   ต้องดิ้นรนต่อสู้กับสิ่งแวดล้อมที่กดขี่ในบ้าน  หมู่บ้าน โรงเรียน เมืองและประเทศ   ต้องทนทุกข์ภายใต้น้ำหนักอันมหาศาลของเงื่อนไขที่เกิดจากอารมณ์  สุขภาพ  โรคภัยไข้เจ็บ   และกิเลสตัณหา  แล้วเขาจะใช้กฎหมายได้ง่ายๆ อย่างไรกัน   นั่นคือปัญหาไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน  นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มีทรรศนะและคำสอนอยู่หลากหลาย  นั่นคือเหตุผลที่มีการเคลื่อนไหว  และเปลี่ยนแปลง  ทรรศนะเหล่านี้ในหมู่ประเทศและผู้คนต่างๆ ในทุกรุ่น   ปรัชญาและวรรณกรรมย่อมจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าใหม่ๆ  เหมือนกับที่ผู้หญิงแต่ง     แทบจะไม่มีทฤษฎีหรือหลักการใดที่จะเป็นเหมือนป้อมปราการที่ตีไม่แตก   ความเปลี่ยนแปลงมักจะเข้าโจมตีทฤษฎีแห่งความรู้ซึ่งเป็นที่นับถือมาเป็นเวลานาน   ทฤษฎีสัมพันธภาพได้นำเอาพายุหมุนมาสู่หลักการวิทยาศาสตร์    อันเป็นที่ยอมรับ  แต่ในไม่ช้ามันก็ถูกโจมตีเหมือนกัน  ในทำนองเดียวกันทฤษฎีอาหารและโรคภัย   สาเหตุและการรักษาต่างๆ ก็กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ  เพราะฉะนั้นถ้ามองดูให้ใกล้ชิดเข้าไปก็จะทำให้เรามั่นใจว่าไม่มีความมั่นคงสำหรับผลิตผลแห่งความคิดจิตใจของเรา    จนกว่าทฤษฎีต่างๆ เหล่านั้นจะมีข้อพิสูจน์ที่แน่นอนเป็นเครื่องรองรับ  แต่ส่วนสัดระหว่างผลผลิตแห่งความคิดจิตใจกับการเปลี่ยนแปลงของทฤษฎีต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นมาจากความคิดฟุ้งซ่าน ฉายออกมาโดยจิตใจที่เจ็บป่วย  ถูกยัดเยียดโดยเรื่องการเมืองหรือถูกสร้างขึ้น  โดยนักวิทยาศาสตร์ผู้เพียงแต่ชอบทำตัวให้แตกต่างไปจากพรรคพวกเพื่อนฝูงเท่านั้น  จะเป็นเช่นไร?   บางทีความคิดนี้อาจจะทำให้บรรดานักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการที่ทะนงในเหตุผล   และขึ้นอยู่กับเหตุผลแต่อย่างเดียวจนเกินไปเหล่านั้นค่อยมีสติขึ้นบ้างก็ได้  และสักวันหนึ่งความคิดเช่นนี้อาจจะนำพวกเขาไปสู่สัจธรรม   ทำให้พวกเขาเข้าไปพักพิงอยู่ภายใต้ความมั่นใจอย่างเต็มที่     ซึ่งเกิดจากสัจธรรมนั้นนั่นคือความมั่นใจในวะหฺยุที่แท้จริง    ในพระมหาคัมภีร์กุรอานและในสุนนะฮฺ (จริยวัตรของท่านศาสดา) ที่แท้จริง

บัดนี้ขอให้เราหันกลับมายัง ดร.ฮัยกัลกับหนังสือของท่านบ้าง  มุตะกัล ลิมีน จำนวนหนึ่งถือว่าความรู้ที่ได้มาจากดาราศาสตร์  และการผ่าตัดร่างกายของมนุษย์นั้นเป็นเครื่องชี้อย่างชัดเจนให้เห็นว่าพระปรีชาญาณของพระผู้เป็นเจ้านั้น    รวมไปถึงรายละเอียดที่เล็กที่สุดของชีวิต  ข้าพเจ้าเห็นด้วยว่าการค้นพบและการสร้างกฎต่างๆ และความลี้ลับของธรรมชาตินั้นนอกจากจะช่วยความนึกคิดของมนุษยชาติ   ให้แทงทะลุลงเข้าไปในสิ่งที่แต่ก่อนนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจไม่ได้นั้นในที่สุดก็จะสนับสนุนศาสนา

ในเรื่องนี้พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะแสดงให้พวกเขาเห็นสัญลักษณ์ของเราที่ขอบฟ้าและในตัวของพวกเขาเองว่าการเปิดเผยของเรานั้นเป็นความจริงแท้  ยังไม่เป็นการเพียงพออีกหรือที่พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นพยานในทุกสิ่งทุกอย่าง”  (กุรอาน 41 : 53)  การค้นพบไฟฟ้าและบรรดาทฤษฎีและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่เกิดจากการค้นพบนั้นทำให้เราสามารถเข้าใจได้ว่าสสารอาจถูกเปลี่ยนรูปเป็นพลังงานและพลังงานอาจแปลงรูปเป็นสสารได้อย่างไร  การเชื่อด้านจิตวิญญาณ  ได้ช่วยให้เราเข้าใจ  ลักษณะที่นอกเหนือธรรมชาติของดวงวิญญาณและรู้ถึงความเป็นไปได้ที่มันจะอยู่แยกออกไป  รู้ถึงความสามารถที่ดวงวิญญาณจะท่องเที่ยวไปในที่ว่างและกาลเวลาได้   มันจะได้ช่วยอธิบายถึงเรื่องราวหลายอย่างซึ่งมนุษย์เข้าใจแตกต่างกันเนื่องจากความไม่รู้ ดร.ฮัยกัลใช้ความรู้อย่างใหม่นี้ในการอธิบายถึงเรื่องของอิสรออฺ (การเดินทางสู่ทรวงสวรรค์) ของท่านศาสดามุฮัมมัดให้ฟังในแบบใหม่

หากจะบรรยายถึงข้อดีต่างๆ ที่มีอยู่ในหนังสือของ ดร.ฮัยกัลเล่มนี้ก็จะเปลืองหน้ากระดาษไปหลายหน้า   ฉะนั้นจึงเป็นการเพียงพอแล้วที่จะชี้ให้เห็นประโยชน์เหล่านี้เป็นการทั่วๆ ไป   ไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านผู้อ่านจะได้ทราบถึงคุณค่าของงานชิ้นนี้   และจะได้เรียนรู้เป็นอย่างมากจากข้อถกเถียงที่มีเอกสารรองรับเป็นอย่างดีของ ดร.ฮัยกัล    การให้เหตุผลที่ดีและความเข้าใจที่ลึกซึ้งของท่าน  ท่านผู้อ่านจะได้ประจักษ์ว่า ดร.ฮัยกัลนั้นอุทิศตนให้แก่สัจธรรมเท่านั้นและจะได้ทราบวาท่านทำงานของท่านด้วยดวงใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแสงสว่าง  และทางนำของวะหฺยุของท่านศาสดามุฮัมมัด (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน)  รวมทั้งมีความรู้สึกนับถืออย่างใหญ่หลวง

ดร.ฮัยกัลมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าศาสนาของท่านศาสดามุฮัมมัด (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน) นี้จะช่วยปลดปล่อยมนุษยชาติให้พ้นจากความสงสัยคลางแคลง  และจากการนิยมวัตถุอย่างมืดมนได้อย่างแน่นอนและจะเปิดนัยน์ตาของมนุษย์  ให้ได้แลเห็นแสงสว่างแห่งความมีสำนึก   และจะนำทางพวกเขาไปสู่แสงสว่างแห่งพระผู้เป็นเจ้าซึ่งจะทำให้เขาได้ทราบถึงความเมตตากรุณาอันไม่สิ้นสุดของพระองค์ ดร.ฮัยกัลมีความมั่นใจว่าในไม่เร็วก็ช้ามนุษย์จะได้รู้ถึงบารมีของพระผู้เป็นเจ้า  เหมือนดั่งที่ฟากฟ้าและแผ่นดินได้รับรู้แล้ว  และได้สรรเสริญพระอำนาจของพระองค์  ซึ่งสรรพสิ่งที่มีชีวิตทั้งมวลจักอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เบื้องหน้า  ท่านได้เขียนไว้ว่า “อันที่จริงนั้นข้าพเจ้าไปไกลกว่านั้น  ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าการศึกษาเช่นนี้อาจจะชี้ทางแก่มวลมนุษย์ทั้งปวง  ให้ไปสู่อารยธรรมใหม่ ซึ่งมนุษยชาติกำลังควานหาอยู่ในปัจจุบัน   ถ้าหากว่าชาวคริสเตียนตะวันตกจะหยิ่งทะนงเกินไปในการที่จะค้นหาแสงสว่างใหม่ในอิสลาม และในตัวศาสดาของอิสลาม  แต่กลับเต็มใจที่จะรับมันไว้จากลัทธิที่เชื่อว่ามนุษย์จะสำเร็จได้ด้วยญาณของอินเดียและศาสนาอื่นๆ ของตะวันออกไกล    ครั้นแล้วมันก็ตกทอดเป็นมรดกของนักบูรพคดีเอง  หรือมุสลิม หรือยิว หรือคริสเตียนที่จะทำการศึกษานี้ในจุดมุ่งหมายและความยุติธรรมทั้งมวล  เพื่อที่จะบรรลุถึงความจริงแท้และเพื่อสร้างความแท้จริง   ความคิดแบบอิสลามนั้นวางอยู่บนวิธีการที่เป็นเชิงวิทยาศาสตร์และสมัยใหม่ในทุกเรื่องที่นำมนุษย์ไปเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ    ในด้านนี้มันเป็นสภาพที่เป็นจริงอย่างสมบูรณ์  แต่มันจะกลายเป็นส่วนตัวในทันทีที่มันทิ้งธรรมชาติมาคำนึงถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์กับจักรวาลทั้งหมดและกับพระผู้สร้างของเขา”    ดร.ฮัยกัลกล่าวต่อไปว่า “อย่างไรก็ตามนักต่อสู้ผู้บุกเบิกซึ่งต่อสู้กับลัทธิป่าเถื่อนที่มีอยู่ทั่วไป  ในสมัยปัจจุบันนี้ย่อมสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนภายใต้การสังเกตกระแสเหตุการณ์ปัจจุบันอย่างใกล้ชิด   บางทีพลังริเริ่มเหล่านี้อาจจะเติบโตขึ้นและมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น   เมื่อนักวิชาการได้พบคำตอบแก่ปัญหาด้านจิตวิญญาณเหล่านี้ได้   โดยอาศัยการศึกษาชีวิตของท่านศาสดามุฮัมมัด (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน) คำสอนของท่าน ยุคสมัยของท่านและการปฏิวัติโลกด้านจิตวิญญาณซึ่งท่านได้ริเริ่มขึ้น”

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *