เราคือนักกลยุทธ์หรือเพียงแต่นักบริหาร
เราคือนักกลยุทธ์หรือเพียงแต่นักบริหาร
ฮานส์ ฮินเตอร์ฮิวเบอร์ และวูลฟแกง ปอพพ์ มหาวิทยาลัยอินสบรูค ออสเตรีย ได้เขียนบทความ Are You a Strategist or Just a Manager ? ภายในฮาร์วาร์ด บิสซิเนส รีวิว พวกเขาได้แปลตัวอย่างของเฮลมุท วอน มอลท์เคอ จอมพลเยอรมันและเสนาธิการกองทัพปรัสเซียนานกว่า 30 ปี
เป็นถ้อยคำทางธุรกิจ พวกเขาได้สร้างคำถามที่ช่วยวัดความสามารถทางการบริหารเชิงกลยุทธ์ ผู้บริหารและผู้ประกอบการจะใช้คำถามนี้ทดสอบตัวพวกเขาเองได้ บทความของพวกเขาได้ถูกอ่านอย่างกว้างขวางโดยผู้บริหารทั่วโลก และเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรเอ็มบีเอของคณะบริหารธุรกิจฮาร์วาร์ด
บางทีนักกลยุทธ์ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลจะไม่เป็นนักบริหารธุรกิจหรือผู้ประกอบการ แต่เป็นนายพลทหาร เฮลมุท วอน มอลท์เคอ หัวหน้าคณะเสนาธิการกองทัพปรัสเซีย จาก ค.ศ 1858 – 1888 เขาได้ยกเครื่องกลยุทธ์เบื้องหลังชัยชนะ เขาจะครอบครองคุณลักษณะที่สำคัญสองอย่างที่ทำให้เขาเป็นนักกลยุทธ์ที่เหนือกว่า
* ความสามารถที่จะเข้าใจความสำคัญของเหตุการณ์โดยไม่ถูกอิทธิพลด้วย
ความคิดเห็นในขณะนี้ เปลี่ยนแปลงทัศนคติ หรืออคติของเขาเอง
* ความสามารถที่จะตัดสินใจอย่างรวดเร็วและทำการปฏิบัติการโดยไม่ยับยั้ง
จากอันตรายที่รับรู้
ิิ กลยุทธ์ที่เหนือกว่าของเฮลมุท วอน มอลท์เคอ จะชนะสงครามออสเตรีย – ปรัสเซีย เมื่อ ค.ศ 1866 และสงครามฝรั่งเศส – ปรัสเซียเมื่อ ค.ศ 1871 เฮลมุท วอน มอลท์เคอจะเป็นบุคคลพูดจริงทำจริง เขาจะมีมนุษยธรรรม วัฒนธรรม และสงบเสงี่ยม แทนที่จะออกคำสั่งโดยเฉพาะ มอลท์เคอจะออกคำแนะนำ แนวทางเพื่อการตัดสินใจอย่างอิสระ
ภายในอดีตนายทหารปรัสเซียไม่กล้าจะกระทำด้วยตัวของพวกเขาเอง
ผู้บัญชาการทหารจะควบคุมการกระทำส่วนใหญ่จากข้างบน แต่มอลท์เคอได้ยกเลิกประเพณีนี้ด้วการให้นายทหารของเขาแสดงความคิดริเริ่ม มอลท์เคอยืนยันว่ากลยุทธ์จะเป็นสามัญสำนึกประยุกต์และไม่สามารถสอนได้ ความคิดโดยทั่วไปของกลยุทธ์ของเฮลมุท วอน มอลท์เคอ – การมองปัจจัยที่เห็นชัดทุกอย่างภายในมุมมองที่ถูกต้อง ไม่สามารถสอนภายในโรงเรียนใดก็ตาม เพราะว่าทุกโรงเรียนจะมุ่งความเป็นธรรมดา
เราจะไม่มีการทดสอบใดสามารถประเมินได้อย่างแน่นอนถึงความสามารถทางกลยุทธ์ของบุคคล แต่เราอาจจะมีคำถามสำคัญที่คำตอบสามารถชี้ระดับของความสามารถทางกลยุทธ์ได้ คำถามของเราจะสรุปเกณฑ์ที่เราใช้ระบุนักกลยุทธ์ที่ดี เมื่อผู้ประกอบการและผู้บริหารได้ทาการทดสอบนี้ พวกเขาจะถามตัวพวกเขาเองด้วยคำถามสิบข้อ จากนั้นคำตอบจะแสดงภาพลักษณ์ที่แสดงความสามารถทางกลยุทธ์ของบุคคล คำถามสิบข้อคือ
1 ผมมีวิสัยทัศน์ทางการเป็นผู้ประกอบการหรือไม่
2 ผมมีปรัชญาของบริษัทหรือไม่
3 ผมมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันหรือไม่
4 วัฒนธรรมบริษัทสอดคล้องกับกลยุทธ์หรือไม่
5 บุคคลของผมได้ใช้ความสามารถกระทำอย่างเสรีภายในผลประโยชน์
ของบริษัทหรือไม่
6 ผมได้สร้างองค์การที่ดำเนินการวิสัยทัศน์ของผมหรือไม่
7 ผู้บริหารปฏิบัติการมีส่วนร่วมภายในการวางแผนกลยุทธ์หรือไม่
8 ผมได้ชี้ทิศทางและใช้วิถีทางใหม่หรือไม่
9 ผมโชคดีภายในชีวิตที่ผ่านมาหรือไม่
10 ผมได้สร้างการมีส่วนช่วยต่อการพัฒนาสังคมหรือไม่
วิธีการประเมินของเราสามารถช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงแยกความแตกต่างระหว่างผู้บริหารธรรมดาและนักกลยุทธ์ที่ดีได้
ใครคือนักกลยุทธ์ธุรกิจยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล บุคคลที่สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนมากที่สุดภายในสาขาวิชาของกลยุทธ์จะมีทั้ง
* ไมเคิล พอร์เตอร์ ผู้เขียน Competitive Strategy
* เคลย์ตัน คริสเตนเซน ผู้เขียน The Innovator’s Dilemma
* เคนอิชิ โอมาเนะ ผู้เขียน The Mind of the Strategist
* เฮนรี่ มิงท์เบิรก ผู้เขียน The Rise and Fall of Strategic Planning
* แกรี ฺฮาเมล ผู้เขียน Competing for the Future
* ชาน คิม ผู้เขียน Blue Ocean Strategy
กลยุทธ์ทางธุรกิจจะเป็นการขยายของกลยุทธ์ทางทหาร และผลงานต้นแบบ
ภายในสาขาวิชานี้จะมีทั้ง
* ซุนวู ผู้เขียน The Art of War
* มิยาโมโต้ มูซาชิ The Book of Five Rings
* คาร์ล วอน เคลาเชวิทซ์ On War
ิThinkers50 ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ 2001 เรียกชื่อว่า ออสการ์ แห่งการคิดทางการบริหาร จะระบุ ลำดับ และร่วม
ความคิดทางการบริหารที่ดีที่สุดทั่วโลกทุกสองปี Thinkers 50 จะนำเสนอการเรียงลำดับโลกของนักคิดทางธุรกิจที่มีอิทธิพลมากที่สุด 50 คน นักคิดลำดับสูงสุดก่อนหน้านี้จะมีทั้งปีเตอร ดรัคเกอร์ ไมเคิล พอร์เตอร์ เคลย์ตัน คริสเทนเซน และซีเค พราฮาลาด เมื่อ ค.ศ 2019 เราจะมีบุคคลมากกว่า 5,000 คน มีส่วนร่วมภายในกระบวนการประเมิน การยื่นการนำเสนอเพื่อการเรียงลำดับและรางวัลแห่งความสำเร็จยอดเยี่ยม
ิ เดส เดียร์เลิฟ และสจ็วต แครเนอร์ จะเป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการของ Thinkers50 นานเกือบสองทศวรรษ พวกเขาได้เคยเป็นนักวิจารณ์ธุรกิจนานกว่ายี่สิบปี และได้ทำงานกับนักคิดทางธุรกิจยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกบางคนมาแล้ว Thinkers50 จะเป็นความคิดที่เกิดขึ้นตอนอาหารเที่ยงเมื่อ ค.ศ 2001 ความคิดที่จะเรียงลำดับนักคิดทางการบริหารสำคัญที่สุด การเรียงลำดับครั้งแรกได้ถูกเผยแพร่เมื่อ ค.ศ 2001 มันจะเป็นการเรียงลำดับทั่วโลกของนักคิดทางการบริหาร และได้ถูกเผยแพร่ทุกสองปีนับแต่นั้นมา
เดส เดียร์เลิฟ และสจ็วต แครเนอร์ จะเป็นผู้ชำนาญที่ยอมรับของการค้นหาและการส่งเสริมนักคิดทางธุรกิจและการบริหารทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญที่รับรู้ระหว่างประเทศของความคิดทางธุรกิจ พวกเขาจะเป็นผู้เขียนหนังสือมากกว่า 15 เล่มของ 20 ภาษา บรรณาธิการของ The Financial Times Handbook of Management และทั้งสองจะเป็นนักเขียนคอลัมน์ก่อนหน้านี้ของเดอะไทม์
พวกเขาได้แนะนำนักคิดและองค์การทั่วโลก
เมื่อ ค.ศ 2013 ออสการ์ แห่งโลกกูรูของการบริหาร ได้มีขึ้นภายในลอนดอน Thinkers50 การเรียงลำดับทุกสองปีของนักคิดทางการบริหารมีอิทธิพลมากที่สุดของโลก ได้เสนอชื่อนักวิชาการคณะบริหารธุรกิจฮารวารด เคลยตัน คริสเทนเซน เป็นผู้นำการคิดสูงสุดภายในโลกเป็นครั้งที่สอง เคลย์ตัน คริสเตนเซน จะรู้จักกันดีที่สุดจากผลงานนวัตกรรมแบบลบล้างของเขา และผู้เขียนของ The Innovator’s Dilemma เขาจะตามมาด้วยชาน คิม ผู้เขียนหนังสือขายดีที่สุด Blue Ocean Strategy โรเจอร์ มาร์ติน คณบดีก่อนหน้านี้ของคณะบริหารรอตแมน มหาวิทยาลัยโตรอนโต
รายชื่อจะเป็นผลิตผลของผู้ก่อตั้งสองคนของ Thinkers50 การเรียงลำดับ
จะเกิดขึ้นทุกสองปี และอยู่บนการออกเสียง ณ เว็บไซต์ของ Thinkers50 มากกว่า 12,000 เสียงได้ถูกสร้างเป็นรายชื่อ ค.ศ 2013
Thinkers50 ได้ประกาศการเรียงลำดับ ค.ศ 2019 ของนักคิดทางการบริหารที่มีอิทธิพลมากที่สุดของโลก ชาน คิม และเรเน โมบอญ อยู่บนสูงสุดของลำดับ เป็นผู้นำการคิดทางธุรกิจที่มีอิทธิพลมากที่สุดของโลกจากผลกระทบทั่วโลกของแนวคิดและการปฏิบัติของทะเลสีน้ำเงินของพวกเขา ตำแหน่งที่ก่อนหน้านี้ได้ถูกยึดครองโดยปีเตอร์ ดรัคเกอร์ ไมเคิล พอร์เตอร์ ซีเค พราฮาลาด และเคลย์ตัน คริสเทนเซน
ิทฤษฎีทะเลสีน้เงินของชาน คิม ได้ถูกรับรู้ว่าเป็นทฤษฎีของกลยุทธ์ที่กระทบมากที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา มันได้ถูกสอนภายในมหาวิทยาลัยมากกว่า 2,500 แห่ง และเกือบทุกประเทศภายในโลกด้วยหนังสือของพวกเขา Blue Ocean Strategy หนังสือเล่มนี้จะขายได้มากกว่า 4 ล้านเล่ม และหนังสือไม่นานมานี้ของพวกเขา Blue Ocean Shift จะเป็นหนังสือขายดีที่สุดของนิวยอรค ไทม์ และวอลล สตรีท เจอร์นัลด์
เมื่อ ค.ศ 1986 ชาน คิม และเรเน โมบอญ ได้มีการบรรยาย ณ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยมิชิแกน ผมได้กล่าวว่า ทำไมกลยุทธ์ได้มุ่งที่การแข่งขันมากเหลือเกิน กลยุทธ์ควรจะเกี่ยวกับการสร้างด้วยหรือไม่ กลยุทธ์ควรจะเกี่ยวกับการสร้างวันพรุ่งนี้ในขณะที่แข่งขันวันนี้หรือไม่ ถ้าเป็นดังนี้ื ทำไมกลยุทธ์ควรจะเป็นส่วนของการสร้างที่ขาดหายไปภายในกลยุทธ์หรือไม่
คำถามเหล่านี้ได้จุดเชื้อการเดินทางวิจัย 30 ปีของเราไปสู่ทะเลสีน้ำเงิน ผลลัพธ์เริ่มแรกของเราจะเป็นลำดับของบทความทางวิชาการและการบริหาร การรวบรวมสะสมภายในหนังสือของเรา Blue Ocean Strategy ค.ศ 2005 และ ค.ศ 2015
เราได้แสดงการสร้างและการแข่งขันควบคู่ระหว่างกันและทำงานด้วยกันเป็นส่วนประกอบเฉพาะของกลยุทธ์อย่างไร
เมื่อ Thinkers50 ได้ถูกเปิดตัวเมื่อ ค.ศ 2001 Thinkers50 จะเป็นการเรียงลำดับนักคิดทางการบริหารของโลกครั้งแรก
งานการมอบรางวัลของ Thinkers50 ได้ถูกเรียกชื่อว่า ออสการ์ของการคิดทางการบรอหารโดยไฟแนนเชี่ยล ไทม์
ไมเคิล พอร์เตอร์ นักวิชาการคณะบริหารธุรกิจฮาร์วาร์ด จะเป็นนักคิดทางธุรกิจที่มีอิทธิพลมากที่สุดภายในโลก เขาจะได้รับรางวัลความสำเร็จตลอดชีวิตของ Thinkers50 จากการมีส่วนช่วยอย่างมากต่อการคิดทางการบริหารตลอดสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ไมเคิล พอร์เตอร์ จะอยู่สูงสุดของการเรียงลำดับ
ของ Thinkers50 ของนักคิดทางธุรกิจแนวหน้าของโลกถึงสองครั้ง ค.ศ 2005 และ ค.ศ 2015
Thinkers50 จะเรียกไมเคิล พอร์เตอร์ วัย 68 ปี ว่า “บิดาของกลยุทธ์ธุุรกิจสมัยใหม่” ในฐานะของผู้เชี่ยวชาญทางความสามารถแข่งขัน เขาจะเป็นที่ปรึกษาแก่บริษัทหลายบริษัท และรัฐบาลของประเทศจำนวนหนึ่งรวมทั้งอังกฤษ โมเดลพลังห้าตัวของเขาจะเป็นวิถีทางไม่มีกำหนดนานทศวรรษ และยังคงถูกสอนอยู่ภายในทุกคณะบริหารธุรกิจของโลก
ไมเคิล พอร์เตอร์ “พระเจ้าของกลยุทธ์การแข่งขัน” เขาจะเป็นรูปแบบที่ไม่เปลี่ยนแปลงของสิบลำดับสูงสุดของ Thinkers50 นับตั้งแต่การเรียงลำดับถูกรวบรวมครั้งแรกเมื่อ ค.ศ 2001 ไมเคิล พอร์เตอร์ ได้ประยุกต์ใช้แนวคิดเศรษฐศาสตร์และกลยุทธ์ต่อความท้าทายยิ่งใหญ่ที่สุดของบริษัทและประเทศ ได้เผชิญอยู่
โดยทั่วไปนักธุรกิจจากญี่ปุ่น เกาหลี และจีน ได้สร้างแรงบันดาลใจภายในการกำหนดและการดำเนินกลยุทธ์ของพวกเขาจากผลงานยุคโบราณหลายอย่าง เผยแพร่อย่างกว้างขวางและอ่านกันภายในเอเชียตะวันออก แต่รู้จักกันน้อยภายในตะวันตก เราจะมีผลงานที่น่าสนใจเหล่านี้อยู่สามอย่างคือ
The Art of War ของซุนวู The Book of Five Rings ของมิยาโมโต้ มูซาชิ
และ Romance of the Three Kingdoms ของหลอก้วนจง
มิยาโมโต้ มูซาชิ ผู้เขียน The Book of Five Rings : คัมภีร์ห้าห่วง
จะเป็นจอมดาบของช่วง ค.ศ 1603-1868 เขาได้ต่อสู้มากกว่า 60 การสู้รบระหว่างชีวิตของเขา และไม่เคยแพ้เลย หนังสือของเขาได้ถูกพิจารณาเป็นผลงานยิ่งใหญ่ที่สุดของการเป็นนักดาบ เราจะมีบทเรียนจากนักดาบซามูไร 400 ปี – มิยาโมโต้ มูซาชิ A Book of Five Rings
เขาจะมุ่งเน้น “วิถีทางของกลยุทธ์” การใช้มุมมองโดยส่วนรวมของความขัดแย้ง และการระบุวิธีการที่ดีที่สุด เพื่อการต่อสู้กับการโจมตีของศัตรู
ไม่เพียงแต่มุ่งทักษะทางเทคนิคและการปฏิบัติการ เขาได้สอนลูศิษย์ของเขา
ที่จะคาดคะเนการก้้าวต่อไปของคู่ต่อสู้และขัดขวางมัน
มิยาโมโต้ มูซาชิ จะเป็นนักดาบ นักปรัชญา นักเขียน และโรนินของญี่ปุ่น
เขาได้กลายเป็นมีชื่อเเสียงจากเรื่องราวของความยอดเยี่ยมของเขาและนักดาบคู่ไม่เหมือนใคร ศิลปของของการต่อสู้ด้วยสองดาบ มิยาโมโต้ มูซาชิืจะเป็นนักดาบคนแรกต่อสู้ด้วยสองดาบ ดาบยาวและดาบสั้น เขาพัฒนาเทคนิค
ของถารถือดาบยาวด้วยมือหนึ่งไม่ใช่สองมือ และมักจะต่อสู้ด้วยดาบยาวภายในมือหนึ่ง และดาบสั้นหรืออาวุธอื่นภายในอีกมือหนึ่ง
The Book of Five Rings จะหนังสือของกลยุทธ์ทางทหาร เป็นแหล่งที่มาของกลยุทธ์คลาสสิคของโลก มันจะมีอิทธิพลเลยพ้นไปจากโรงเรียนทหาร ไปสู่วัฒนธรรมธุรกิจของญี่ปุ่นและวัฒนธรรมตะวันตก
หนังสือจะอธิบายวิธีการของเขาเพื่อความสำเร็จภายในการสู้รบ ในฐานะของซามูไร วิธีการและปรัชญาของมิยาโมโต้ มูซาชิจะดำเนินตามหลักการหลายอย่างกำหนดไว้ภายในคำสอนของเซ็น เนื่องจากหวิง ชุน
ได้รับอิทธิพลจากเซ็นด้วย เราจะมีการคู่ขนานระหว่างวิธีการที่มูซาชิใช้
และวิธีการที่หมิงชวนใช้ ตัวอย่างเช่น มูซาชิืจะส่งเสริมการใช้สองดาบถือ
ภายในแต่ละมือ ไม่ใช่ดาบเดียวที่ถือโดยสองมือ วิธีการนี้จะส่งเสริมการขัดขวางและการโจมตีพร้อมกัน
The Book of Five Rings จะเป็นหนังสือที่บรรจุภาพรวมของ นิ เทน อิชิ ริว หรือวิถีทางของกลยุทธ์ สิ่งนี้จะเป็นหัวใจของวิธีการและความคิดของนักรบซามูไร หนังสือจะถูกแบ่งเป็นห้าวง : ดิน น้ำ ลม ไฟ และว่างเปล่า ห้าวงของ
สำนักอิชิจะได้มาจากธรรมะห้าข้อของศาสนาพุทธ มิยาโมโต้ มูซาชิ จะกำเนิดภายในชนชั้นซามูไร นอกจากสถานภาพทางสังคมที่สูงของซามูไรแล้ว พวกเขาจะรักษา
ประเพณีการป้องกันตัวของพวกเขามีชีวิตอยู่ภายในรูปแบบของเคนโด
แปลว่า “วิถีทางแห่งดาบ” เคนโดจะได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนานิกายเซ็นและลัทธิขงจื้อของจีน ซามูไรอุดมคติจะเป็นนักรบที่รู้แจ้ง พวกเขาจะให้คุณค่าต่อการรับใช้นายและรัฐเหนือสิ่งอื่นใด และพร้อมที่จะยอมรับความตายได้ทุกเวลา
มิยาโมโต้ มูซาชิ ได้เปรียบเทียบการเรียนรู้กับการเป็นช่างไม้ ครูไม่สามารถบังคับการเรียนรู้จากนักเรียนได้ และนักเรียนไม่สามารถเรียนรู้ภายในการแยกตัวออก
ครูจะเป็นเหมือนเข็ม วินัยจะเป็นเหมือนด้าย เราจะต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
ภายในการสู้รบ โดยปรกติ มิยาโมโต้ มูซาชิจะใช้สองดาบ ดาบหนึ่งสั้น และดาบหนึ่งยาว เขาได้สัมผัสความสำคัญของการใช้ทุกอย่างของอาวุธของเราภายในการต่อสู้และชีวิต นี่จะเป็นความจริง เมื่อเราได้เสียสละชีวิตของเรา เราจะต้องใช้อาวุธของเราทั้งหมด มันจะผิดถ้าไม่ทำอย่างนั้น และตายด้วยอาวุธยังไม่ดึงกลีบ
วิถีทางของกลยุทธ์จะถูกแสดงเป็นคัมภีรห้าเล่มภายใน The Book of Five Rings
1 คัมภีร์ดิน
คัมภีร์ดินจะอธิบายกรอบข่ายโดยทั่วไป เพื่อความเข้าใจวิถีทางกลยุทธ์ การวางรากฐานของสำนักกลยุทธ์อิชิ
แต่กระนั้นมิยาโมโต้ มูซาชิ ได้กล่าวว่ามันเป็นไม่ได้ที่จะเรียนรู้วิถีทางกลยุทธ์เพียงแต่จากการอ่านเกี่ยวกับมัน บุคคลต้องปฏบัติอย่างสม่ำเสมอและมีประสบการณ์กับมันที่จะบรรลุความชำนาญ ร่างกายของวิถีทางกลยุทธ์จากมุมมองของสำนักอิชิจะถูกอธิบายภายในคัมภีร์ดิน มันยากที่จะรับรู้วิถีทางที่แท้จริง
เพียงแต่การฟันดาบ เขาได้กล่าวว่าบุคคลจะต้องรู้สิ่งเล็กที่สุดและสิ่งใหญ่ที่สุด สิ่งตื้นที่สุดและสิ่งลึกที่สุด
มันจะเป็นเส้นทางแสดงแผนที่บนดิน สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถอธิบายภายในรายละเอียด หลักการของกลยุทธ์คือ การมีสิ่งหนึ่ง รู้เป็นหมื่นสิ่ง เมื่อเราบรรลุวิถีทางของกลยุทธ์ ไม่มีสิ่งเดียวที่ไม่สามารถมองเห็น เราต้องศึกษาอย่างหนัก
คัมภีรดินจะให้รากฐานที่จะเข้าใจคัมภีร์เล่มอื่น คัมภีร์น้ำจะอธิบายเทคนิคที่ใช้โดย
มิยาโมโต้ มูซาชิ คัมภีร์ลม จะเล่าถึงเทคนิคที่ใช้โดยสำนักอื่น คัมภีร์ไฟจะให้กลยุทธ์รวมความรู้จากคัมภีร์ลมและน้ำ และคัมภีร์ว่างเปล่า จะกล่าวถึงวิถีทางกลยุทธ์จะเป็นวิถีทางธรรมชาติ
2 คัมภีร์น้ำ
คัมภีร์น้ำจะบรรจุภูมิปัญญาของการประยุกต์ใช้และขนาด มิยาโมโต้ มูซาชิ ได้กล่าวว่าถ้าเราชนะบุคคลหนึ่ง จากนั้นเราจะชนะบุคคลสิบล้านคน นักกลยุทธ์ที่แท้จริงสามารถทำให้สิ่งเล็กเป็นสิ่งใหญ่ ทำนองเดียวกับการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ของตัวเองกับกองทัพ หลักการของกลยุทธ์คือ การมีสิ่งหนึ่่ง ที่จะรู้หมื่นสิ่ง
ด้วยน้ำเป็นรากฐาน จิตวิญญานจะกลายเป็นคล้ายน้ำ น้ำจะรับเอารูปร่างของการเก็บ บางครั้งมันจะไหลหยด และบางครั้งมันจะเป็นทะเลกว้าง น้ำจะมีสีฟ้าใส ถ้าเราได้เข้าใจหลักการของการฟันดาบ เมื่อเราได้ชนะบุคคลหนึ่ง
อย่างเสรี เราสามารถชนะใครก็ได้ภายในโลก จิตวิญญานของการชนะบุคคลหนึ่งจะเป็นอย่างเดียวกับบุคคลสิบล้านคน นักกลยุทธ์ทำสิ่งเล็กให้เป็นสิ่งใหญ่
หลักการของกลยุทธ์คือการมีสิ่งเดียวที่จะรู้หมื่นสิ่ง
คัมภีร์น้ำจะมุ่งความยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ ความหมายของน้ำสัมพันธ์กับชีวิตคือ ความยืดหยุ่น น้ำจะแสดงความยืดหยุ่นตามธรรมชาติเมื่อมันเปลี่ยนแปลงที่จะสอดคล้องกับพรมแดนที่เก็บน้ำ การแสวงหาเส้นทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนั้นเราควรจะครอบครองความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ จิตวิญญานของนักรบจะต้องคล้ายกับน้ำ ใจเย็นหรือดุร้ายเมื่อสถานการณ์ต้องการ
3 คัมภีร์ไฟ
คัมภีร์ไฟจะเกี่ยวกับการต่อสู้ มิยาโมโต้ มูซาชิ ได้อธิบายความเป็นสากลของกลยุทธ์ไว้ว่าวิถีทางของการสู้รบจะเหมือนกันสำหรับการต่อสู้ตัวต่อตัว และสำหรับการต่อสู้แสนคน เราจะต้องซาบซึ้ง
เกี่ยวกับการต่อสู้ จิตวิญญานของไฟจะโหดร้าย ไม่ว่าไฟจะดวงเล็กหรือดวงใหญ่ วิถีทางของการสู้รบจะเหมือนกันสำหรับการต่อสู้คนต่อคนและการต่อสู้แสนคน อะไรใหญ่จะรับรู้ได้ง่าย อะไรเล็กจะรับรู้ได้ยาก โดยสรุป มันจะยากต่อบุคคลจำนวนมากที่จะเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการเคลื่อนไหวของพวกเขา
สามารถคาดคะเนได้ง่าย บุคคลเดียวสามารถเปลี่ยนจิตใจของเขาได้ง่าย
ดังนั้นการเคลื่อนไหวของเขาจะคาดคะเนได้ยาก เราจะต้องซาบซึ้งสิ่งเหล่านี้
เราจะต้องฝึกอบรมทั้งวันและคืน เพื่อที่จะทำการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ภายในกลยุทธ์ มันจำเป็นจะต้องปฏิบัติการฝึกอบรมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตปรกติด้วยจิตวิญญานที่ไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นการสู้รบภายในสงครามได้ถูกอธิบายในคัมภีร์ไฟ
คัมภีร์ไฟจะอธิบายทฤษฎีการรบ มันสำคัญที่จะรู้ทิศทางของแสงบนสนามรบ เข้าใจสภาพของพื้นดิน และระบุอุปสรรค เพื่อที่จะใช้มันเป็นข้อได้เปรียบของเราเอง และข้อเสียเปรียบของศัตรู การรู้ถึงศัตรูของเรา พยายามป้องกันเขาจากการใช้จุดแข็งของเขา จากนั้นโจมตีจุดอ่อนของเขา
4 คัมภีร์ลม
คัมภีร์ลมจะไม่เกี่ยวพันกับสำนักอิชิ แต่กับสำนักอื่นและประเพณีของกลยุทธ์ โดยลมเราหมายถึงประเพณีเก่า ประเพณีปัจจุบันนี้ และประเพณีครอบครัวของกลยุทธ์ ดังนั้นเราได้อธิบายชัดเจนกลยุทธ์ของโลก สิ่งนี้คือประเพณี มันยากที่จะรู้จักตัวเราเอง ถ้าเราไม่รู้จักบุคคลอื่น ต่อวิถีทางทุกอย่าง เราจะมีทางเลื่ยง ถ้าเราศึกษาวิถีทางทุกวัน และจิตวิญญานของเราเบี่ยงเบน เราอาจจะคิดว่าเราเชื่อฟังวิถีทางที่ดี แต่มันไม่ได้เป็นวิถีทางที่แท้จริง ถ้าเรากำลังทำตามวิถีทางที่แท้จริงและเบี่ยงเบนเล็กน้อย ต่อมาสิ่งนี้จะกลายเป็นความเบี่ยงเบนใหญ่ขึ้น เราจะต้องรับรู้สิ่งเหล่านี้ ความแตกต่างที่สำคัญที่มูซาชื
ได้ระบุระหว่างสำนักอิชิและสำนักอื่นคือ สำนักอื่นไม่ได้สอนความหมายที่กว้างของกลยุทธ์ เราจะมีกลยุทธ์เหนือการฟันดาบ นักกลยุทธ์ของโลกบางคนจะมุ่งการฟันดาบเท่านั้น และจำกัดการฝึกอบรมของพวกเขาที่จะเฟื่องฟูดาบยาวและท่าทางของร่างกาย
5 คัมภีร์ความว่างเปล่า
คัมภีร์ความว่างเปล่าจะเป็นบทสุดท้าย ความว่างเปล่าหมายถึงไม่มีการเริ่มต้นและไม่มีการสิ้นสุด การบรรลุหลักการนี้หมายถึงไม่บรรลุหลักการ
วิถีทางของกลยุทธ์จะเป็นวิถีทางของธรรมชาติ เมื่อเราเข้าใจและซาบซึ้งพลังของธรรมชาติ การรู้ถึงจังหวะของสถานการณ์อะไรก็ตาม เราสามารถโจมตีข้าศึกให้สอดคล้องกับจังหวะ สิ่งนี้จะเป็นวิถีทางของความว่างเปล่า
ความว่างเปล่าคือ ความไม่มี การจะเข้าถึงความว่างเปล่าได้ต้องรับรู้ถึงความไม่มี การรู้ถึงสิ่งที่มีอยู่ เราสามารถรู้ถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่ นั่นคือความว่างเปล่า
ความว่างเปล่าจะไม่ถูกรวมภายในความรู้ของบุคคล บุคคลภายในโลกนี้มองสรรพสิ่งอย่างผิดพลาด และคิดว่าสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจต้องเป็นความว่างเปล่า
นี่ไม่ได้เป็นความว่างเปล่าที่แท้จริง มันจะเป็นความสับสน ภายในวิถีทางของกลยุทธ์ บุคคลที่ศึกษาเป็นนักรบคิดว่าอะไรก็ตามที่พวกเขาไม่สามารถเข้าใจภายในความชำนาญของพวกเขาคือ ความว่างเปล่า นี่ไม่ได้เป็นความว่างเปล่าที่แท้จริง เรามุ่งหมายที่จะแสดงการทำตามวิถีทางที่แท้จริงตามธรรมชาติของคัมภีร์ความว่างเปล่าอย่างไร
มิยาโมโต้ มูซาชิ ซามูไรภายในปลายศตวรรษที่สิบหกถึงเริ่มต้นศตววรษที่สิบเจ็ด
ภายในตอนชีวิตเริ่มแรกของเขา มิยาโมโต้ มูซาชิ ได้กลายเป็นนักศึกษาทุ่มเทของปรัชญาเซน และแสวงหาความสัมพันธ์ระหว่างการเป็นนักดาบและเซน เซนไม่ได้เป็นศาสนาภายในประเพณีคริสเตียน มิยาโมโต้ มูซาชิ ได้ระบุหลักการที่สำคัญหลายอย่างของความสำเร็จ 1 ความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสถานการณ์และมองสถานการณ์จากหลายมุมมอง
2 การแสวงหาความรู้และข้อมูล 3 การมีความความอดทน 4 การฝึกอบรมและการรักษาวินัยด้วยตัวเอง 5 การซ่อนเร้นอารมณ์และความมุ่งหมายที่แท้จริง 6 การครอบครองความยืดหยุ่นได้ 7 การใช้การเบี่ยงเบนเป็นกลยุทธ์การโจมตี 8 การแบ่งแยกและการได้ชัยชนะ และ 9 การประเมินสภาพภูมิประเทศ
มิยาโมโต้ มูซาชิ ชื่อต้นกำเนิด มิยาโมโต้ มาซานะ เขาได้เริ่มต้นอาชีพของเขาเป็นนักต่อสู้ตอนเริ่มต้นของชีวิต เมื่ออายุ 13 ปี เขาได้ฆ่าบุคคลหนึ่งภายในการต่อสู้ครั้งเดียว เขา
จะเป็นนักดาบชาวญี่ปุนที่มีชื่อเสียง เขาจะเป็นนักดาบที่มีความสามารถมากที่สุดคนหนึ่งภายในประวัติศาสตร์ ตามตำนาน
เขาได้เขียนผลงานที่มีชื่อเสียงเกีี่่่ยวกับกลยุทธ์ โกะ ริง โนะ โซะ 1645 ได้ถูกแปลเป็น The Book of Five Rings ผลงานคลาสสิคของกลยุทธ์ ยุทธวิธี และปรัชญา ตำราของเคนจุตสุ วิถีทางของดาบ
และศิลปการต่อสู้โดยทั่วไปของญี่ปุ่น มันจะไม่เป็นเพียงแต่เทคนิคของการต่อสู้ด้วยดาบ ปรัชญาเซนของมันจะเสนอกลยุทธ์และยุทธวิธีแก่ความสำเร็จส่วนบุคคลวันนี้เหมือนกับซามูไรศตวรรษที่สิบเจ็ด ตามมาด้วยการแปลเป็นภาษาอังกฤษครั้งแรกของมันเมื่อ ค.ศ 1974 หนังสือได้ถูกศึกษาอย่างจริงจังโดยผู้บริหารภายในตะวันตก เพื่อที่จะเข้าใจได้ดีขึ้นต่อการบริหารและกลยุทธ์ของญี่ปุ่น
เราจะมีถ้อยคำพูดอ้างอิงที่บันดาลใจของมิยาโมโต้ มูซาชิ ต่อไปนี้
ภายในการสู้รบ ชัยชนะจะเป็นของนักรบที่ศึกษาทุกย่างก้าวของศัตรู
ก่อนการย่างก้าวของของตัวเอง การรู้ถึงศัตรูจะสำคัญ เพราะว่าจุดอ่อนที่ซ่อนเร้นจะกลายเป็นเห็นได้ การรู้ถึงศัตรู เราสามารถมีข้อได้เปรียบ อย่าคิดถึงตัวเองสูงส่งว่าเราไม่สามารถเรียนรู้จากบุคคลข้างล่างเรา
ไม่เคยหยุดความพยายามที่จะปรับปรุง อย่ามองหาวิธีการที่ง่าย ฝึกอบรมหนักและจริงจัง
สิ่งที่อยู่ไกลสามารถถูกมองเห็นรายละเอียดได้น้อยกว่าสิ่งที่อยู่ใกล้เข้ามา
ตำแหน่งที่ดีที่สุดจะเป็นตำแหน่งที่เรามีทางเลือกมากที่สุด
มันเป็นไปได้ที่จะชนะการต่อสู้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว แต่เทคนิคนี้จะต้องสมบูรณ์ ตระเตรียมที่จะเปลี่ยนแปลง
สนามรบของเราสามารถเป็นสภาพแวดล้อมอะไรก็ตาม
การโจมตีครั้งแรกของเราจะต้องรวดเร็วและมั่นคง การมุ่งที่จะชนะการต่อสู้ การประหยัดพลังงานบางอย่างไว้ อย่าใช้จนหมดภายในการโจมตีครั้งแรก
้เราจะไม่มีอะไรเลยภายนอกตัวเราเองที่สามารถทำให้เราดีขึ้น เข้มแข็งขึ้น รวดเร็วขึ้น หรือฉลาดชึ้น ทุกสิ่งทุอย่างอยู่ภายใน ทุกสิ่งทุกอย่างมีอยู่ การแสวงหาไม่มีอะไรภายนอกตัวเราเอง
เราจะต้องเข้าใจว่าเส้นทางไปสู่ยอดเขาจะมีมากกว่าหนึ่งเส้นทาง
ความมุ่งหมายสุดท้ายของศิลปการต่อสู้ป้องกันตัวคือ การไม่ใช้มัน
ถ้าเราต้องการที่จะควบคุมบุคคลอื่น เราต้องควบคุมตัวเราเองก่อน
ถ้าเราไม่ได้ควบคุมศัตรู ศัตรูจะควบคุมเรา
เหตุผลเดียวเท่านั้นที่นักรบจะมีชีวิตอยู่คือการต่อสู้ และเหตุผลเดียวเท่านั้นที่นักรบต่อสู้คือ การชนะ
เราอย่าเสียใจสิ่งที่เราได้กระทำไป
Thinkers50 2019 ได้ประกาศชื่อ ชาน คิม และเรเน โมบอญ นักวิชาการกลยุทธ์และการบริหารระหว่างประเทศของอินซีด เป็นนักคิดทางการบริหารมีอิทธิพลมากที่สุดของโลก นักคิดทางธุรกิจหมายเลข 1 ภายในโลก
การเรียงลำดับและรางวัล Thinkers50 2019 ได้เกิดขึ้น ณ ลอนดอน โดยนักวิชาการและกูรูทางการบริหารจากทั่วโลกได้เข้าร่วม เรเน โมบอล จะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งหมายเลขหนึ่ง ในขณะที่ชาน คิม จะเป็นบุคคลแรกจากเอเชีย มันจะเป็นครั้งแรกที่นักวิชาการจากคณะบริหารธุรกิจของยุโรปติดลำดับสูงสุด
Blue Ocean Strategy ได้ถูกยกย่องเป็นหนังสือกลยุทธ์ทีมีผลกระทบมากที่สุด หนังสือเล่มนี้ขายได้มากกว่าสี่ล้านเล่ม และพิมพ์ทำลายสถิติ 46 ภาษา มันจะเป็นหนังสือขายดีที่สุดข้ามห้าทวีป กระหน่ำรายชื่อหนังสือขายดีที่สุดมากกว่า 30 เล่มทั่วโลก
ไฟแนนเชียล ไทม์ เรียกว่า หนืงสือทางธุรกิจขาดีที่สุดเล่มหนึ่งแห่งศตวรรษ
และอีโคโนมิสท์ เรียกว่า หนังสือการวางแผนหลักธุรกิจบรรลุความสำเร็จมากที่สุด Blue Ocean Strategy ได้ถูกคัดเลือกเป็นหนึ่งของหนังสือมีอิทธิพลมากที่สุด 40 เล่มภายในประวัติศาสตร์ของจีน ค.ศ 1949 – 2009 ร่วมกับ The Wealth of Nations ของอดัม สมิธ และ Free to Choose ของ มิลตัน ฟรีดแมน
ชาน คิม จะเป็นนักทฤษฎีทางธุรกิจของเกาหลีใต้ ภายในบทความฮาร์วาร์ด บิสซิเนส รีวิว 1999 ของพวกเขา Creating New Market Space ชาย คิม และเรเน โมบอญ ได้นำเสนอโมเดลหลังพอร์เตอร์ ภายในบทความนี้พวกเขาได้อธิบายโมเดล “นวัตกรรมคุณค่า” ที่บริษัทจะต้องมองภายนอกกรอบแนวคิดปัจจุบันของพวกเขาที่จะค้นหาข้อเสนอคุณค่าใหม่ วิถีทางของพวกเขาจะเติมเต็มการคิดของไมเคิล พอร์เตอร์ มากที่สุด โดยเฉพาะแนวคิดของการสร้างความแตกต่าง ชาน คิม ได้ถูกเสนอชื่อเป็นนักวิชาการคณะบริหารธุรกิจดีที่สุดห้าคนของโลกด้วย
ผลลัพธ์ของการวิจัยเริ่มแรกของเราจะอยู่ภายในบทความของกลยุทธ์และการบริหารที่พิมพ์ภายในวารสารทางธุรกิจของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และวารสารทางวิชาการ เราได้สรุปไว้ภายในหนังสือเล่มแรกของเรา The Blue Ocean Strategy ค.ศ 2005 และได้ปรับปรุงและขยายออกไปเมื่อ ค.ศ 2015 หนังสือของเราได้กลายเป็นหนังสือขายดีที่สุดภายในห้าทวีปด้วยความรวดเร็วและความกระตือรือร้้นที่เราไม่ได้คาดหวังไว้ บุคคล รัฐบาล และบริษัททั่วโลก ได้เริ่มต้นมองโลกของพวกเขาผ่านเลนซ์ของทะเลสีแดงและทะเลสีน้ำเงิน ถ้อยคำว่า ทะเลสีแดง ทะเลสีน้ำเงิน และกลยุทธ์ทะเลสีน้ำเงินในไนไม่ช้าได้เข้าไปสู่ภาษาพูดทางธุรกิจ และการอภิปรายได้ก้าวจากกลยุทธ์ทะเลสีน้ำเงินคืออะไร ไปสู่ เราจะประยุกต์ใช้แนวคิดและเครื่องมือของมันที่จะเปลี่ยนแปลงจากทะเลสีแดงไปสู่ทะเลสีน้ำเงินอย่างไรเพื่อที่จะเผชิญกับความท้าทายใหม่ เราได้ศึกษาองค์การที่ได้ประยุกต์ใช้แนวคิดของเราที่จะสร้างและยึดครองทะเลสีน้ำเงิน เราได้วิเคราะห์ความสำเร็จและความล้มเหลวของพวกเขา และดึงบทเรียนที่จะเข้าใจไม่เพียงแต่ปัจจัยร่วมที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของทะเลสีน้ำเงินที่บรรลุความสำเร็จเท่านั้น แต่จะเป็นหลุมพรางและอุปสรรคที่เกิดขึ้นด้วย ภายหลังนานกว่าทศวรรษของการวิเคราะห์ใหม่ เราได้พิมพ์หนังสือเล่มที่สองชื่อ Blue Ocean Shift หนังสือขายดีที่สุดของนิว ยอร์ค ไทม์ และวอลล สตรีท เจอร์นัลด์ หนังสือเล่มนี้จะให้แผนแก่บริษัทที่สามารถประยุกต์ใช้ก้าวจากทะเลสีแดงไปสู่ทะเลสีน้ำเงินด้วยวิถีทางที่บุคคลของพวกเขาเป็นเจ้าของ และขับเคลื่อนกระบวนการไปสู่ความสำเร็จนวัตกรรมทางคุณค่าจะเป็นเสาหลักของกลยุทธ์ทะเลสีน้ำเงิน นวัตกรรมทางคุณค่าจะถูกสร้างจากการรุกคืบทางกลยุทธ์เพื่อความแตกต่างของผลิตภัณฑ์
ตามแนวคิดของนวัตกรรมทางคุณค่าของชาน คิม นวัตกรรมทางคุณค่าจะอ้างถึงการแสวงหาพร้อมกันของทั้งความแตกต่างและต้นทุนต่ำ การสร้างการก้าวกระโดดภายในคุณค่าต่อทั้งลูกค้าและบริษัท เนื่องจากคุณค่าต่อลูกค้าจะมาจากอรรถประโยชน์ที่นำเสนอลบราคาของมัน และเนื่องจากคุณค่าต่อบริษัทจะมาจากราคาที่นำเสนอลบต้นทุนของมัน นวัตกรรมทางคุณค่าจะบรรลุได้ต่อเมื่อระบบทั้งหมดของอรรถประโยชน์ ราคา และต้นทุน ได้ถูกวางเป็นแนวเดียวกัน
คุณลีกษณะที่สำคัญที่สุดของกลยุทธ์ทะเลสีน้ำเงินคือ การไม่ยอมรับหลักการพื้นฐานของกลยุทธ์การแข่งขันสมัยเดิม ชาน คิมจะไม่เห็นด้วยกับกลยุทธ์การแข่งขันของไมเคิล พอร์เตอร์การศึกษากลยุทธ์ทะเลสีน้ำเงินจะชี้ให้เห็นว่าบริษัทที่สร้างทะเลสีน้ำเงินจะมุ่งทั้งความแตกต่างและต้นทุนต่ำพร้อมกัน ตรงกันข้ามกับมุมมองของไมเคิล พอร์เตอร์ ของการมุ่งความแตกต่างหรือต้นทุนต่ำ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยง การติดอยู่ตรงกลาง ชาน คิม ได้อธิบายข้อยืนยันของพวกเขาของการใช้ทั้งสองอย่าง ด้วยการยืนยันว่าการลดต้นทุนให้ต่ำลงและการเพิ่มคุณค่าแก่ลูกค้าพร้อมกัน บริษัทสามารถบรรลุการก้าวกระโดดภายในคุณค่าของทั้งตัวเองและลูกค้า
หนังสือเล่มนี้จะกล่่างถึงเครื่องมือหลายอย่างที่จะช่วยให้เราอยู่ห่างไกลตัวเราเองจากทะเลสีแดงของคู่แข่งขัน และสร้างทะเลสีน้ำเงินของตลาดที่ไร้การแข่งขัน ตารางยกเลิก ลด เพิ่ม สร้าง จะเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่เรียบง่ายของกลยุทธ์ทะเลสีน้ำเงินที่ขับเคลื่อนบริษัทให้มุ่งพร้อมกันของการยกเลิก การลด การเพิ่ม และการสร้าง ระหว่างที่กำลังเปิดทะเลสีน้ำเงินใหม่
การยกเลิก ปัจจัยที่ควรจะถูกยกเลิก เพราะว่าอุตสาหกรรมได้แข่งขันกันมานาน มันไม่ได้เพิ่มคุณค่าต่อไปอีกแล้ว
การลด ปัจจัยที่ควรจะถูกลดลงต่ำกว่ามาตรฐานของอตสาหกรรม เพราะว่ามันจะมีต้นทุนสูง แต่สร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันน้อย
การเพิ่ม ปัจจัยที่ควรจะถูกเพิ่มให้สูงกว่ามาตรฐานของอุตสาหกรรม และสามารถเพิ่มคุณค่าแก่ลูกค้าได้
การสร้าง ปัจจัยที่ควรจะสร้าง เพราะว่าอุตสาหกรรมไม่เคยนำเสนอและสามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ได้เครื่องมือนี้จะสนับสนุนกรอบข่ายการกระทำสี่ข้อ มันจะผลักดันบริษัทไม่เพียงแต่ที่จะถามคำถามของกรอบข่ายคำถามสี่ข้อเท่านั้น แต่มันจะถูกใช้สร้างเส้นคุณค่าใหม่ด้วย ภายในการเปิดทะเลสีน้ำเงินใหม่กรอบข่ายหกเส้นทางจะเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของการกำหนดกลยุทธ์ทะเลสีน้ำเงิน บริษัทจะต้องสร้างพรมแดนตลาดขึ้นมาใหม่ หลักการข้อแรกและสำคัญที่สุดภายในการสร้างกลยุทธ์ทะเลสีน้ำเงิน เราจะมีหกเส้นทางของการการสร้างพรมแดนตลาดใหม่ เส้นทางเหล่านี้จะใช้กำหนดกลยุทธ์ภายในพรมแดนของตลาดด้วยการแหกออกมาจากพรมแดนที่รู้จักกัน การช่วยให้พวกเขาก้าวออกมาจากทะเลสีแดง และสร้างทะเลสีน้ำเงิน
Cr : รศ สมยศ นาวีการ