jos55 instaslot88 Pusat Togel Online ฝากเตือนผ่านทูตสหรัฐถึง”โดนัลด์ ทรัมพ์” - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ฝากเตือนผ่านทูตสหรัฐถึง”โดนัลด์ ทรัมพ์”

สบาย สบาย สไตล์เกษม

เกษม อัชฌาสัย

ฝากเตือนผ่านทูตสหรัฐถึง”โดนัลด์ ทรัมพ์”

นับแต่เกิดสงครามกลางเมืองเมื่อ ๑๕๙ ปีที่ผ่านมาเพราะการเลิกทาสในสหรัฐอเมริกาแล้ว ผมว่ายังไม่เคยมีประธานาธิบดีคนไหนนอกจาก”โดนัลด์ ทรัมพ์”ที่สร้างความแตกแยกภายในชาติได้เช่นที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้จะด้วย โดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือจะด้วยความเล่ห์กระเท่ห์ (หรือไม่)ก็ตาม

เมื่อวันจันทร์(๑มิย.)ที่ผ่านมา”ทรัมพ์”แถลงโดยใช้อำนาจบริหาร ขู่ผู้ว่าการรัฐต่างๆว่า พร้อมจะส่งกองกำลังรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(National Guard)เข้ารักษาความสงบ ถ้ารัฐนั้นๆ(ที่การประท้วงลุกลามไปถึง) ไม่สามารถจัดการกับผู้ประท้วงที่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมกรณีตำรวจฆ่าคนดำใน”มินเนอาโปลิส”เมื่อวันจันทร์ก่อน(๒๕พค.)แต่แปรสภาพเป็นการก่อจลาจล ใช้ความรุนแรงปะทะเจ้าหน้าที่ เข้าปล้นร้านค้า ทำลายทรัพย์สินและจุดไฟเผา

ความรุนแรงครั้งนี้ เกิดจากสาเหตุ”น้ำผึ้งหยดเดียว”กรณีตำรวจผิวขาว”เดเร็ก โชวิน”ฆ่าคนดำ(จอร์จ ฟลอยด์) โดยใช้เข่ากดคอจนสิ้นลมหายใจ ในสภาพที่แสนทรมาน สะท้อนการเหยียดผิวที่ฝังลึกอยู่ในสันดานคนขาว มาตั้งแต่สมัยซื้อทาสอาฟริกันมาใช้งานในไร่ฝ้ายโน่น

ขอเล่าสั้นๆว่าความร้าวฉานครั้งใหญ่ ที่เคยเกิดมาแล้วในอดีต ก็คือสงครามกลางเมืองในสหรัฐระหว่างรัฐฝ่ายเหนือและรัฐฝ่ายใต้ช่วงในปี ๑๘๖๑-๑๘๖๕ ที่เกิดจากความพยายามเลิกทาสซึ่งดำริขึ้นมาโดยประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น

โดยรัฐฝ่ายเหนือหรือฝ่ายสหภาพซึ่งเชิดชูรัฐธรรมนูญมีประธานาธิบดีลินคอล์นเป็นผู้นำและรัฐฝ่ายใต้หรือฝ่ายสหพันธ์มีประธานาธิบดีเจฟเฟอร์สัน เดวิส เป็นผู้นำซึ่งสนับสนุนสิทธิของมลรัฐเพื่อคงไว้ซึ่งสถาบันทาส จนเกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมากมาก (สองฝ่ายเสียชีวิตระหว่าง ๖๒๐,๐๐๐-๗๕๐,๐๐๐ คน มูลค่าความเสียหายราว ๕.๒ พันล้านเหรียญสหรัฐ) โดยรัฐฝ่ายใต้เป็นฝ่ายยอมแพ้

แต่ความร้าวฉานครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งในการรักษาอุดมการณ์หรือผลประโยชน์ของฝ่ายใดอย่างในสงครามกลางเมือง แต่เกิดจากอคติ การยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตน ซึ่งฝังลึกอยู่ในจิตสำนึกลึกๆ ของคนขาวอเมริกันที่กลายเป็นเหยื่อ ถูก”โดนัลด์ท ทรัมพ์”ซึ่งปกติก็เป็นคนเหยียดผิวและเผ่าพันธุ์อยู่แล้ว นำมายุยงหาเสียง หวังได้รับการสนับสนุนจากคนขาว เลือกตั้งเขาขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้

ต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างของจริง ที่สะท้อนการวิจารณ์ในย่อหน้าที่แล้ว ถึงสัญญานความแตกแยก ที่กำลังเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งและน่าจะเป็นอันตรายในอนาคตความเป็นหนึ่งเดียว(Solidarity)ของสังคมอเมริกัน ซึ่งกระพร่องกระแพร่งตลอดมา ตั้งแต่สถาปนาขึ้นเป็นชาติพ้นจากอำนาจของสหราชอาณาจักร เพราะเป็นสังคมหลากหลายชนชาติ ตั้งแต่คนขาวซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ที่สุด กับกลุ่มชนผิวสี ตั้งแต่ผิวดำ ผิวเหลือง ผิวแดง(อเมริกันอินเดียน)และคนต่างศาสนา ที่ไม่ใช่ชาวคริสต์กับชาวยิว ไม่เคยสร้างความ”เสมอภาพ”ที่แท้จริง ขึ้นมาได้สักที

เสียงสะท้อนความแตกแยกนี้ มาจากนายกเทศมนตรีเมือง”ชิคาโก”ซึ่งเป็นสตรีผิวดำชื่อ”ลอรี ไลท์ฟูต”เธอออกมาโจมตี”ทรัมพ์”ชัดๆ อย่างเจ็บแสบ สะใจ ชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน

“นาว ธิส นิวส์” Now This News สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งไม่ใช่สื่อกระแสหลักและในเมืองไทย ไม่เคยมีใครรู้จัก และว่ากันว่า เป็น”สื่อปีกซ้าย” นั้น ได้แพร่ภาพและเสียงของ”ลอรี ไลท์ฟูต” ผ่าน”ยูทูบ”โจมตี”ทรัมพ์”อย่างไม่ยั้งและไม่กลัว ดังที่จะถอดความต่อไปนี้

“เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา“ทรัมพ์”พูดออกมาในลักษณะที่ส่ออันตรายอย่างลึกซึ้ง พวกเราจึงต้องยืนหยัดอย่างมั่นคงและบอกว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้  อย่าไปสนใจว่าใครพูด ขอพวกเรา มองเห็นเกมที่เขาเล่น มันชัดเจนมาก เพราะเขาไม่เนียนพอ”

“ทรัมพ์”ต้องการแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของผู้นำเดโมแครตระดับท้องถิ่น เพื่อรักษาสิ่งดีๆไว้เป็นฐานของเขา เป้าหมายของเขาก็คือ ทำลายเสถียรภาพของฝ่ายบริหารท้องถิ่นและกระตุ้นยุยงจุดเปลวไฟในพวกเหยียดผิว พวกเราจะต้องไม่ยอมให้เขา(”ทรัมพ์”)มามีอำนาจเหนือ”

“ดิฉันขอส่งรหัสอักษรในสิ่งที่อยากจะพูดถึง”โดนัลด์ ทรัมพ์”ด้วยคำสองคำ” คือคำที่ขึ้นต้นด้วย F และลงท้ายด้วย U

“ดิฉันจะไม่เงียบ ขณะที่ชายคนนี้พยายามเยาะเย้ยถากถางสร้างความไม่น่าเชื่อถือให้เกิดขึ้น จากความเจ็บปวดรวดร้าวขณะนี้ เพื่อตัวเองจะได้ประโยชน์ทางการเมือง”

“ค่ำที่ผ่านมา ดิฉันเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เศร้าสลดที่สุด นั่นคือเหตุการณ์ในมินเนอาโปลิสเมืองใหญ่ของสหรัฐ ดิฉันเฝ้าดูสถานีตำรวจมินเนอาโปลิส”เขต ๓ ถูกเผาวินาศลงมา  ดิฉันดูข่าวพฤติกรรมอันอุกอาจที่จับกุม”โอมาร์ เจมิเนซ”นักข่าวซีเอ็นเอ็นและทีมที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม”

“ดิฉัน ดูข่าวด้วยความตระหนกเมื่อประธานาธิดี”ทรัมพ์”ทวีตออกคำขู่ว่าจะยิงประชาชนตามท้องถนน เป็นไปไม่ได้นะ ที่สตรีผิวดำอย่างดิฉันจะกลายเป็นเป้าการเหยียดผิว ในเส้นทางของชีวิต โดยไม่ถูกฆ่าอย่าง”จอร์จ ฟลอยด์” เห็นเขาร้องขอชีวิต ขอหายใจและเห็นเขาสิ้นใจบนถนน ดิฉันรู้สึกโกรธมาก รู้สึกป่วยขึ้นมากะทันหัน ความรู้สึกทุกอย่างประดังประเดขึ้นมาพร้อมๆ กัน”

“เป็นคนดำในอเมริกา ไม่ควรจะถูกตัดสินให้ต้องตาย”

“เราไม่ควรหวาดกลัวต่อการเสียชีวิตของคนที่เรารัก พวกแม่ๆ ก็ไม่ควรจะกลัว เมื่อคนหนุ่มสาวก้าวออกไปสู่โลกที่ต้องเผชิญ”

“ดิฉันจะสวดอ้อนวอนให้ครอบครัวของ”จอร์จ ฟลอยด์”และเมืองมินเนอาโปลิส จะสวดอ้อนวอนให้พวกเราทุกคน ในการแสวงหาสันติ ซึ่งยากมากในห้วงเวลาอันแสนจะเจ็บปวดเช่นนี้”

“ดิฉันจะสวด เพื่อวันใหม่ของชาติเรา เมื่อเราสามารถขจัดภัยพิบัติที่กำลังเผชิญ ทั้ง”โควิด 19”และการเหยียดผิว”

ทั้งหมดนี้ ผมถือว่าเป็นการสะท้อนความเจ็บปวดรวดร้าวของ”คนดำ”ทั่วทั้งในสหรัฐต่อ”ทรัมพ์” ในสามประการด้วยกันคือ

๑ สะท้อนความฉ้อฉลเจ้าเล่ห์ของผู้นำชาติปัจจุบัน(แม้ในชาติที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบระบอบประชาธิปไตย) ก็สามารถใช้ความสกปรกโสมมสร้าง”ความเกลียดชัง”หาเสียงได้ โดยไม่ละอายใจ ไร้จริยธรรม

๒ ฟ้องชาวโลก ให้ได้เห็นความป่าเถื่อนที่เกิดขึ้นได้ ในระบอบประชาธิปไตยเสรี หากบังเอิญเลือกได้ผู้นำไร้คุณธรรม ซึ่งกลายเป็น”กรรมะ”ของส่วนรวมที่พึงตระหนักยิ่ง ที่จะไม่หลงกล”คนชั่ว”ที่หลอกลวงแล้วเลือกเขาขึ้นมาบริหารประเทศ

๓ เตือนว่าเริ่มเกิดความร้าวฉานขึ้นแล้ว(อย่างใหญ่หลวง) ในระบอบบริหารแบบประชาธิปไตย ที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ซึ่งถ้าผู้นำมีสันดานโน้มเอียงที่จะเป็นเผด็จการแล้ว นั่นคืออันตรายที่ยิ่งยวดต่อชาติส่วนรวม เพราะมีโอกาสพลาดพลั้งก่อให้เกิดความแตกแยกในชาติได้

ดีที่ ในขณะนี้ยังไม่มี(คณะทหาร)ฝ่ายใด แอบซ่องสุมตั้งตนเป็นศัตรูกับรัฐบาลสหรัฐอย่างชัดเจน  เพราะเชื่อว่ายังคงยึดมั่นและศรัทธาในระบอบการปกครองที่มีอยู่

แต่ถ้าหากผู้นำประเทศกดดันแต่ละรัฐมาก ๆ เพื่อเล่นการเมืองและแสวงหาสมัครพรรคพวก อย่างไร้คุณธรรมต่อๆไปในอนาคตแล้ว เป็นไปได้ว่า ในที่สุดสหรัฐก็มีโอกาส ที่จะกลายเป็นอย่างเวเนซุเอลา ที่แตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย การเมืองทะเลาะกันรุนแรงและเงินเฟ้อหนัก

จงอย่าคิดว่าที่ยกตัวอย่างเวเนซุเอลา”ไม่น่าจะเกิด”กับสหรัฐ… ถ้าหากคนอเมริกัน ยังคงเลือกได้ผู้นำอย่าง”ทรัมพ์”เข้ามาอีก สำหรับสี่ปีข้างหน้า

ที่น่ากลัวมากก็คือ ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้าหากวันนี้พรุ่งนี้ “ทรัมพ์”จะถูกลอบสังหารอย่างประธานาธิบดี”อับราฮัม ลินคอล์น”

แต่นี่ เป็นเพียงคำเตือนครับ ไม่ใช่คำขู่

จึงใคร่เรียน ให้ท่านทูตอเมริกันประจำประเทศได้รับทราบและรายงานถึงกรุงวอชิงตัน ดีซี ด้วย

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *