“ทรัมพ์”จะรอดจากการไต่สวนเพื่อถอดถอนได้หรือ
สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
“ทรัมพ์”จะรอดจากการไต่สวนเพื่อถอดถอนได้หรือ
ในที่สุดการสอบสวนเพื่อหาหลักฐานเอาผิด อันจะนำไปสู่การถอดถอนที่เรียกกันว่า Impeachment นายโดนัลด์ ทรัมพ์ให้พ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ก็กลายเป็นความจริง เมื่อประธานสภาผู้แทนสหรัฐ”แนนซี เพโลซี”ตัดสินใจดำเนินการนี้ หลังจากอิหลักอิเหลื่อกันมาพักหนึ่ง
ทั้งนี้ หลังที่ความพยายามเดินหน้าสอบสวนเอาผิดในข้อหาที่ว่า”ทรัมพ์”ปล่อยให้รัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่แล้วเพื่อเอาชนะ”ฮิลลารี คลินตัน”เป็นการนำเอาความมั่นคงแห่งชาติไปเสี่ยงหรือไม่ผ่านพ้นไป เหมือนสายลมพัด
ซึ่งในที่สุดแล้ว ข้อกล่าวหานี้ดูเหมือนจะเลือนๆ กันไปหลังจาก”โรเบอร์ต มึลเลอร์”(อดีตผู้อำนวยการซีไอเอ)ที่ปรึกษาพิเศษของกระทรวงยุติธรรมในฐานะ”อัยการพิเศษ” ไม่สามารถสรุปหลักฐานในรายงานได้ชัดๆ ว่า “ทรัมพ์”ทำอะไรผิดพลาด นอกจากจะทิ้งบางคำถามให้คาเติ่งเอาไว้ โดยไม่ตอบตรงๆ โดยเฉพาะไม่ระบุว่า”ทรัมพ์”มีส่วนสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซียหรือไม่ หรือระหว่างการสอบสวนนั้น(ซึ่งทำให้คนสนิทของ”ทรัมพ์”ติดคุกไปแล้วสองคน) “ทรัมพ์”ขัดขวางขบวนการยุติธรรมหรือไม่
ทั้งนี้ทางประธานสภาผู้แทนคือ”เพโลซี”แห่งพรรคเดโมแครตก็ยังรีรอ ไม่กล้าดำเนินการอะไรต่อ ด้วยเกรงว่าจะส่งผลลบต่อการรณรงค์หาเสียงของพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งครั้งหน้า
จนกระทั่งได้เบาะแสมาว่า เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ “ทรัพ์”ได้โทรศัพท์ติดต่อพูดคุยชี้ชวนให้ประธานาธิบดี”โวโลดีมีร์ เซเลนสกี”แห่งยูเครนช่วยเปิดโปงหลักฐาน(อะไรก็ไม่รู้)ที่เกี่ยวข้องกับ”โจ ไบเดน”อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐในสมัยที่”บารัก โอบามา”ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ด้วยแน่ใจว่ามีหลักฐานพร้อม
เพราะในตอนนี้”โจ ไบเดน”ประกาศตัวลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับ”ทรัมพ์”ในนามพรรคเดโมแครตสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขณะที่”ทรัมพ์”หวังจะชนะเพื่อบริหารประเทศเป็นสมัยที่ ๒
เมื่อวันที่ ๒๔ กันยานที่ผ่านมา “เพโลซี”จึงต้องประกาศเดินหน้าอย่างเป็นทางการ โดยมติเสียงส่วนใหญ่เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทน เพื่อสอบสวนหาหลักฐานเอาผิดและถอดถอน”ทรัมพ์”โดยตั้งข้อหาว่า”ทรัมพ์”กระทำผิดรัฐธรรมนูญในการแสวงหาความช่วยเหลือจากผู้นำต่างชาติ เพื่อใช้ทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมือง
ขบวนการในการสอบสวนดังกล่าวนั้น สภาผู้แทนจะทำหน้าที่หาหลักฐานเพื่อตั้งข้อกล่าวหา ขณะที่วุฒิสภาจะทำหน้าที่ลูกขุน โดยมีประธานคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดเป็นประธานในกระบวนการไต่สวน
ถามว่า ถึงแม้สภาผู้แทนจะสอบสวนได้หลักฐานแน่นหนาและโหวตส่งเรื่องถอดถอนต่อให้วุฒิสภาพิจารณา ในขณะที่ในวุฒิสภามีเสียงส่วนใหญ่เป็นของพรรครีพับลิกันและยากที่ชนะได้ เพราะจะต้องใช้เสียงถอดถอนถึง ๒ ใน ๓ คำตอบอยู่ที่ว่า ทางพรรคเดโมแครตหวังว่า เสียงที่ไม่เอา”ทรัมพ์”ในพรรครีพับลิกันอาจมีส่วนช่วยได้
หรืออีกอย่าง ระหว่างการสอบสวนในสภาผู้แทน ซึ่งจะมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงตลอด ก็อาจส่งผลทำให้เสียงในวุฒิสภาเอนเอียงมาเห็นด้วย กับข้อเท็จจริงที่เปิดเผยออกมา จึงอาจตัดสินเลิกไว้ใจ”ทรัมพ์”เพราะเห็นว่าไม่น่าเชื่อถือ แล้วหันมาโหวตถอดถอน
จะเห็นว่า การสอบสวนเอาผิดถึงกับถึงขั้นถอดถอนสำเร็จลุล่วง ไม่เคยเกิดมาก่อนในประวัติศาสตร์การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดย“บิล คลินตัน”รอดพ้นจากถูกถอดถอน เพราะคะแนนในวุฒิสภาไม่ถึง ๒ ใน ๓ ส่วน”ริชาร์ด นิกสัน”นั้นก็ชิงลาออกจากตำแหน่งเสียก่อนที่จะโดนถอดถอนจริงๆ
ต่อข้อถามที่ว่าขณะนี้ การสอบสวนของสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการไปถึงไหนแล้ว
ปรากฎว่าบุคคลแรก ที่ถูกคณะกรรมาธิการต่างๆ ของสภาผู้แทนราษฎรเรียกตัวไปสอบสวนก็คือ “ไมค์ ปอมเปโอ”รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ
ส่วนรายที่ ๒ ก็คือ “จูดี จิวลิอานี”ทนายส่วนตัวของ”ทรัมพ์”ผู้เคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีของนครนิวยอร์ก ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นการโทรศัพท์ไปถึงประธานาธิบดียูเครน
ส่วนจะมีใครเป็นคนต่อๆ ไป ก็ให้ติดตามกันเอาเอง
คณะกรรมาธิการของทั้งสองสภาอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นสภาผู้แทน หรือวุฒิสภา ล้วนมีอำนาจออกหมายเรียกตัวใครก็ได้ ไปให้ปากคำในเรื่องที่สำคัญๆ
ใครไม่ไปให้ปากคำถือว่าผิด ไม่เหมือนกับกรรมาธิการของสภาไทย ที่จะไปบังคับใครขนาดนั้นไม่ได้เลย
ถามว่า คณะกรรมาธิการัฐสภา ไม่ว่าสภาผู้แทนหรือวุฒิสภาของสหรัฐ จะส่งหมายเรียกประธานาธิบดีไปให้ปากคำได้หรือไม่
ตอบว่าเท่าที่ผ่านมายังไม่เคยมี แต่ก็สามารถเรียกตัวอดีตประธานาธิบดีไปให้ปากคำ เพื่อสอบถามถึงสิ่งที่เคยทำในช่วงดำรงตำแหน่งได้
การสอบสวนเพื่อหาหลักฐานเอาผิด”ทรัมพ์”คราวนี้ ดูๆ ไปก็คลับคล้ายคราวที่แล้ว ในกรณีที่ว่ากันว่า”ทรัมพ์”ขอให้รัสเซียช่วยเปิดเผยข้อมูลทำลายชื่อเสียงของ”ฮิลลารี คลินตัน”ไม่ผิดเพี้ยน เพื่อให้คนเสื่อมศรัทธา ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ
สำหรับในครั้งนี้ ใครจะชนะในการชิงไหวชิงพริบทางการเมืองระหว่างพรรคเดโมแครตกับ”ทรัมพ์” สิ่งที่จะเกิดขึ้นในกาลข้างหน้าในภายไม่กี่เดือนจากนี้เท่านั้น ที่จะบอกได้