สตีฟ จ้อป เปลี่ยนแปลงโลกด้วยไอพอด ไอโฟน และไอแพด
สตีฟ จ้อป เปลี่ยนแปลงโลกด้วยไอพอด ไอโฟน และไอแพด
เราจะยอมรับว่าบริษัทที่เปลี่ยนแปลงโลกจะมีน้อย และบริ็ษัทที่เปลี่ยนแปลงโลกได้มากกว่าหนึ่งครั้งจะยิ่งน้อยลง แอปเปิ้ลจะเป็นบริษัทหนี่งท่ามกลางพวกเขา ด้วยนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ตลอดประวัติ 42 ปีของแอปเปิ้ล สตีฟ จ้อป เสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่อะไรที่เป็นมรดกอย่างแท้จริงของชายที่ชื่อของเขาได้กลายเป็นถ้อยคำเดียวกับแอปเปิ้ล เขาจะเป็นผู้บุกเบิกการปฏิรูปคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล นับตั้งแต่ 30 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเขาได้ถูกยกย่องว่าเป็นบิดาของการปฏิรูปดิจิตอล และนักการตลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เขาได้ถูกยกย่องด้วยการปฏิรูปไม่เป็นเพียงแต่อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ แต่จะเป็นอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน แทปเล็ต ดนตรี และแม้แต่ภาพยนตร์ ด้วยการก่อตั้งบริษัทใหม่ของเขาเองชื่อพิกซาร์ เขาจะเป็นตำนานแห่งเทคโนโลยีเราเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจินตนาการโลกคล้ายกับอะไรโดยไม่มีสตีฟ จ้อป เราจะไม่มีแอปเปิ้ลปัจจุบันนี้ด้วย ถ้าไม่มีการผลักดันอย่างต่อเนื่องของสตีฟ จ้อป ไม่มีแอปเปิ้ลหมายถึงไม่มีแมคอินทอช ไอพอด ไอโฟน ไอแพด ไอแมค ไอทูนส์สตีฟ จ้อป ก่อตั้งร่วมแอปเปิ้ลภายในโรงเก็บรถยนต์ของพ่อแม่ของเขาเมื่อ ค.ศ 1976 เขาได้ถูกปลดออกไปเมื่อ ค.ศ 1985 เขาได้กลับมาชุบชีวิตแอปเปิ้ลที่ใกล้จะล้มละลายเมื่อ ค.ศ 1997 และเขาได้เสียชีวิตไปเมื่อ ค.ศ 2011 เขาได้สร้างแอปเปิ้ลให้เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดของโลก ตามเส้นทางที่ผ่านมา เขาได้ช่วยทำการปฏิรูปเจ็ดอุตสาหกรรม : คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ภาพยนตร์แอนนิเมชั่น ดนตรี โทรศัพท์มือถือ แทปเล็ต คอมพิวเตอร์ ร้านค้าปลีก และการพิมพ์ดิจิตอล ดังนั้นเขาจะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของปูชนียสถานหลุมฝังศพของนักนวัตกรรมที่ยิ่งของอเมริกาเคียงข้างโทมัส เอดิสัน เฮนรี่ฟอร์ด และวอลท์ ดีสนี่ย์ บุคคลเหล่านี้ไม่มีใครเลยจะเป็นนักบุญ แต่นานหลังจากนั้นบุคลิกภาพของพวกเขาจะถูกลืม ประวัติศาสตร์จะจดจำว่าพวกเขาได้ประยุกต์จินตนาการกับเทคโนโลยีและธุรกิจอย่างไรโมเดลธุรกิจของแอปเปิ้ลจะอยู่บนรากฐานของการขายผลิิตภัณฑ์ทางเทคนิค แอปเปิ้ลจะเป็นทั้งซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่บรรลุความสำเร็จ ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าไอโฟนจะเป็นไอคอนของวันนี้้ของเราแอปเปิ้ลจะสร้างผลิตภัณฑ์คอมซูมเมอร์ อีเล็คโทรนิคที่มีการออกแบบและการใช้งานอย่างน่าทึ่ง และรวมมันกับผลิตภัณฑ์ซอฟทแวร์ที่จะยึดลูกค้าไว้ภายใต้การจากไปของสตีฟ จ้อปไม่นานมานี้ คำถามอย่างหนึ่งภายในใจของผู้นำธุรกิจจะคล้ายกัน : อะไรจะเกิดขึ้นกับแอปเปิ้ลถ้าไม่มีสตีฟ จ้อป เป็นผู้นำ ผลิตภัณฑ์อะไรที่แอปเปิ้ลจะปล่อยออกมา และโมเดลธุรกิจของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรโดยไม่มีสตีฟ จ้อปนำไปสู่ธุรกิจใหม่ วิสัยทัศน์ของสตีฟ จ้อป สามารถอยู่ได้อย่างยาวนานแค่ไหนเรายังคงมีเวลาที่จะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงการนำเสนออย่างสำคัญของแอปเปิ้ล ไอแพด ไอพอด และไอโฟนยังคงเป็นอุปกรณ์อีเล็คโทรนิคส่วนบุคคลอยู่ แม้ว่าเราจะไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ลูกค้าจะตื่นเต้น และถ้าข่าวลือเกี่ยวกับโทรทัศน์แอปเปิ้ลเป็นความจริง นี่จะเป็นการขยายวิสัยทัศน์ไปสู่ตลาดผลิตภัณฑใหม่ระยะหนึ่ง เราไม่มีทางที่จะรู้เลยว่าความคิดอื่นจำนวนเท่าไรได้ถูกปรุงอยู่โดยสตีฟ จ้อป กำลังรอที่จะปล่อยออกมาไม่กี่ปีข้างหน้าแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ จะเป็นบริษัทข้ามชาติที่ผลิตคอมซูมเมอร์ อีเล็คโทรนิค คอมพิวเตอรส่วนบุคคล และคอมพิวเตอร์ซอฟทแวร์ และจะเป็นผู้จัดจำหน่ายดิจิตอลของเนื้อหาสื่อ และบริษัทจะมีร้านค้าปลีกลูกโซ่เรียกว่าแอปเปิ้ล สโตร์ ด้วย สายผลิตภัณฑแกนของแอปเปิ้ลคือ สมาร์ทโฟนไอโฟน แทปเล็ตไอแพด เครื่องเล่นสื่อพกพาไอพอด และคอมพิวเตอร์แมคอินทอชสตีฟ จ้อป และสตีฟ วอซเนียก สองแฮกเกอร์วัยหนุ่ม พวกเขาได้ลาออกจากมหาวิทยาลัย ก่อตั้งแอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ 1976 ภายในโรงเก็บรถยนต์ของพ่อแม่ของสตีฟ จ้อป พวกเขาได้สร้างวิสัยทัศน์บริษัทของการเปลี่ยนแปลงที่บุคคลมองคอมพิวเตอร์ สตีฟ จ้อป และสตีฟ วอชเนียก ต้องการสร้างคอมพิวเตอร์ที่เล็กเพียงพอแก่บุคคลที่จะมีมันไว้ภายในบ้านหรือสำนักงานของพวกเขา พวกเขาเพียงแต่ต้องการให้คอมพิวเตอร์ใช้งานง่าย พวกเขาต้องการเงินทุน 1,350 เหรียญที่จะเริ่มต้นแอปเปิ้ล ดังนั้นสตีฟ จ้อป ได้ขายวีดับบลิว ไมโครบัสของเขา และสตีฟ วอชเนียก ได้ลงทุนด้วยเครื่องคิดเลขเอชพีของเขาสตีฟ จ้อป ได้แสดงความสนใจแต่เริ่มแรกต่ออีเล็คโทรนิคและเครื่องมือ ในขณะที่อยู่โรงเรียนมัธยม เขาได้กล้าหาญไปเยี่ยมฮิวเลตต์ แพคกราด ที่จะขอชิ้นส่วนเพื่อโครงการของโรงเรียน ด้วยความประทับใจต่อสตีฟ จ้อป วิลเลียม ฮิวเลตต์ ผู้ก่อตั้งร่วม ไม่เพียงแต่ให้ชิ้นส่วนแก่เขา แต่ได้เสนอการฝึกงานภาคฤดูร้อนแก่เขา ณ ฮิวเลตต์ แพคการ์ด ด้วย ณ ที่นี่ พวกเขาได้เริ่มต้นสร้างแอปเปิ้ลวันภายในโรงเก็บรถยนต์ของสตีฟ จ้อปด้วยความมุ่งหมายของการขายแอปเปิล วันคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก สตีฟ วอชเนียกจะสร้างด้วยมือและใช้ไม้แต่แอปเปิ้ลวันจะขาดความสมบูรณ์ การขาดอุปกรณ์ส่วนประสานกับผู้ใช้เหมือนเช่นแป้นพิมพ์หรือแม้แต่ตัวกล่อง แอปเปิ้ล วัน ได้ถูกแสดงต่อประชาชนครั้งแรก ณ โฮมบริว คอมพิวเตอรฺ คลับ ราคาขาย 666.66 เหรียญ ด้วยจำนวนและระยะเวลาที่จำกัด แอปเปิ้ล ทู จะเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรกที่บรรลุความสำเร็จทางตลาดมวลชน ณ ช่วงเวลาหนึ่ง แอปเปิ้ล ได้เริ่มต้นดิ้นรนภายหลังจากคณะกรรมการบริษัทได้ปลดสตีฟ จ้อป จากบริษัทเมื่อ ค.ศ 1985 เมื่อ สตีฟ จ้อป กลับมาที่แอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ 1997 บริษัทใกล้จะล้มละลายอยู่แล้ว ต่อจากนั้นสตีฟ จ้อป ได้ดำเนินการฟื้นฟูอย่างน่าทึ่ง ด้วยการแนะนาไอพอดเมื่อ ค.ศ 2001 ไอโฟน ค.ศ 2007 และไอแพด ค.ศ 2010 ผลลัพธ์ : แอปเปิ้ลมีกำไรเกือบ 40 พันล้านเหรียญเมื่อ ค.ศ 2014 สตีฟ จ้อป ได้เสียชีวิต เมื่อ ค.ศ 2011 นับตั้งแต่นั้นมาบริษัทได้ถูกนำโดยทิม คุกแอปเปิ้ล จะเป็นผู้กำหนดแนวโน้มแห่งซิลิคอน แวลลี่ย์ นานเกือบสี่ทษวรรษ แอปเปิ้ล ทู แมคอินทอช ไอพอด ไอโฟน และไอแพด ได้ถูกเลียนแบบอย่างกว้างขวาง โดยคู่แข่งขันของแอปเปิ้ลความสำเร็จของแอปเปิ้ลจะเกิดขึ้นจากจุดมุ่งที่ลุ่มหลงต่อประสบการณของผู้ใช้ แอปเปิ้ลจะเป็นบริษัทนักออกแบบ – อยู่ตรงศูนยกลาง พวกเขาชอบที่จะสร้างชิ้นส่วนทุกอย่างของผลิตภัณฑ์ – ฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ และบริการออนไลน์ – ด้วยตัวเอง แถบด้านข้างของการรายงานของสื่อจากการเสียชีวิตของสตีฟ เมื่อ ค.ศ 2011 จะเป็นคำถามเก่าว่า ชื่อของแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ มาจากที่ไหน การเดาได้ล่องลอยขึ้นมาหลายอย่างสตีฟ จ้อป และสตีฟ วอชเนียก ต้องการธุรกิจเริ่มต้นของพวกเขาอยู่ข้างหน้าอตาริภายในสมุทรโทรศัพท์พวกเขาต้องการจะห่างไกลจากภาพพจน์ที่เย็นชาและซับซ้อนที่สร้างโดยบริษัทคอมพิวเตอรฺอื่น ณ เวลานั้น – ด้วยชื่อเหมือนเช่นไอบีเอ็ม ดิจิตอล อีควิปเม้นต์ และซินคอมการรำลึกถึงแอปเปิ้ล เรคคอร์ด ค่ายเพลงของเดอะ บีตเติ้ลเพื่อการค้นหาคำตอบที่ไว้ใจได้ เราควรจะมุ่งไปที่ผู้ก่อตั้ง ภายในชีวประวัติของสตีฟ จ้อป สตีฟ จ้อปได้บอกแก่วอลเตอร์ ไอแซคสันว่า เขาจะอดอาหารด้วยการกินผลไม้ และเพิ่งกลับจากสวนแอปเปิ้ล และคิดว่าชื่อดูแล้วดี สนุกสนานสตีฟ วอชเนียก ผู้ก่อตั้งร่วมของแอปเปิ้ล ได้อธิบายว่ามันจะเป็นสองสามสัปดาห์ต่อมาเมื่อได้เราได้ค้นพบชื่อของความเป็นหุ้นส่วน ผมกำลังกำลังขับรถยนต์รับสตีฟ จ้อป กลับมาจากสนามบินตามทางหลวง 85 สตีฟ จ้อป ได้กลับจากการไปเยี่ยมโอเรกอน เขาได้ไปยังสถานที่เรียกว่า สวนแอปเปิ้ล สตีฟ จ้อป ได้แนะนำชื่อหนึ่ง – แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ข้อคิดเห็นอย่างแรกจากปากของผม แอปเปิ้ล เรคคอร์ดเป็นไงบ้าง นี่จะเป็นค่ายเพลงที่บิตเติ้ลเป็นเจ้าของอยู่ เราทั้งสองได้พยายามจะคิดค้นชื่อดูแล้วเป็นเทคนิค แต่เราไม่สามารถคิดชื่ออื่นที่ดีกว่าแอปเปิ้ลได้นานกว่าสามทศวรรษ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์จะเป็นผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงของคอมพิวเตอรส่วนบุคคลที่มีทั้งแอปเปิ้ลทู แมคอินทอช และพาวเวอร์ แมค แต่พวกเขาได้เผชิญกับยอดขายและส่วนแบ่งตลาดที่ตกต่ำลงระหว่าง ค.ศ 1990 สตีฟ จ้อป ที่ได้เคยถูกให้ออกไปจากบริษัทเมื่อ ค.ศ 1985 ได้กลับมาที่แอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ 1996 ภายหลังจากที่บริษัทของเขาชื่อเน็กซ์ ได้ถูกซื้อโดยแอปเปิ้ล มูลค่า 400 ล้านเหรียญ และได้แต่งตั้งเขาเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการบริษัท และซีอีโอของแอปเปิ้ลคือ กิลเบิรต อเมลิโอ เมื่อสิ้น ค.ศ 1997 แอปเปิ้ลได้ประกาศผลขาดทุนรายไตรมาส 708 ล้านเหรียญ กิลเบิรต อเมลิโอ ได้ลาออก และสตีฟ จ้อปได้กลายเป็นซีอีโอชั่วคราวของบริษัทที่ต่อมากลายเป็นถาวร ที่จริงแล้วเมื่อ ค.ศ 1997 สถานการณ์ทางการเงินของแอปเปิ้ลจะน่ากลัวมาก จนไมเคิล เดลล์ ผู้ก่อตั้งเดลล์ คอมพิวเตอร์ ครั้งหนึ่งได้เคยพูดว่าถ้าเขาอยู่ในฐานะของสตีฟ จ้อป เขาจะปิดบริษัทและคืนเงินกลับไปแก่ผู้ถิอหุ้นแต่เมื่อต้น ค.ศ 1998 ณ เวิร์ลด เอ็กซ์โป ภายในซานฟรานซิสโก สตีฟ จ้อป ได้จบการปราศัยของเขาด้วยการประกาศว่า ขอบคุณต่อทิศทางผลิตภัณฑ์ของจ้อปและความช่วยเหลือของไมโครซอฟท์ ในที่สุดแอปเปิ้ลได้ทำกำไรอีกครั้งหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นเมื่อ ค.ศ 1998 สตีฟ จ้อป ได้จ้างผู้บริหารระดับสูง ทิม คุก เพื่อที่จะนำการดำเนินงานทั่วโลกของแอปเปิ้ล ทิม คุกได้ทำงานอยู่กับบริษัทจนในที่สุดได้กลายเป็นซีอีโอของแอปเปิ้ลภายใต้เบื้องหลังความสำเร็จ สตีฟ จ้อปได้ทำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญบางอย่างแก่บุคคล ณ แอปเปิ้ล ภายใต้สตีฟ จ้อป ร้านอาหารของแอปเปิ้ลจะมีอาหารที่ดีมาก บุคคลจะถูกห้ามนำสัตว์เลี้ยงของพวกเขามาที่บริษัท เขาต้องการให้บุคคลทุกคนมุ่งที่แอปเปิ้ลสตีฟ จ้อป ได้ทำข้อตกลงกับไมโครซอฟท์ที่จะช่วยรับรองความอยู่รอดของแอปเปิ้ล ภายใต้ขัอตกลงไมโครซอฟท์จะลงทุน 150 ล้านเหรียญเป็นผู้มีส่วนได้เสียข้างน้อยภายในแอปเปิ้ล และบริษัทตกลงจะร่วมมือการขายและเทคโนโลยีกับแอปเปิ้ลสตีฟ จ้อป ได้เริ่มต้นปลูกฝังปรัชญาบริษัทใหม่ของผลิตภัณฑ์ การเริ่มต้นด้วยไอแมคเมื่อ ค.ศ 1998 เขาจะเป็นหัวหอกของการพัฒนาไอแมค ไอแมค คอมพิวเตอร์ที่ทุกอย่างอยู่ภายในเครื่องเดียวมและสมรรถนะสูง การออกแบบร่วมกันโดยสตีฟ จ้อป และโจนาธาน ไอฟ์ ไอแมคจะมีสีหลากหลาย ครั้งแรกที่โลกจะได้รับรสชาติของความรู้สึกได้ทางการออกแบบของโจนาธาน ไอฟ์ ไอแมคเครื่องแรกนี้ขายได้ 800,000 เครื่องภายในห้าเดือนแรกเริ่มแรกสตีฟ จ้อป ได้โยนชื่อว่า แมคแมน แก่ไอแมคใหม่นี้ เค็น ซีแกลล์ ผู้บริหารบริษัทโฆษณาของแอปเปิ้ล ณ เวลานั้น ได้เสนอแนะชื่อ ไอแมค “ไอ” จะหมายถึงอินเตอร์เน็ตต่อมาสตีฟ จ้อป ได้ดำเนินขั้นตอนแรกเลยพ้นไปจากแมคด้วยไอพอด เครื่องเล่นดนตรีดิจิตอล ด้วยคำสัญญาว่า “1,000 เพลงภายในกระเป๋าของเรา” แต่ไอพอด ได้เริ่มต้นค่อนข้างช้า เพราะว่ามันเริ่มต้น ณ ราคาที่แพง 399 เหรียญ และต้องใช้กับแมคเท่านั้นเมื่อ ค.ศ 2003 แอปเปิ้ลได้เปิดร้านดนตรีไอทูนส์ด้วยโมเดลการกำหนดราคาที่ใหม่ 0.99 เซ็นต์ต่อเพลง เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงไอพอดให้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลสื่อดิจิตอลภายใต้การแนะนำเครื่องเล่นดนตรีที่บรรลุความสำเร็จไอพอดเมื่อ ค.ศ 2001 และไอทูนส์ เมื่อ ค.ศ 2003 แอปเปิ้ลได้สร้างตัวเองใหม่เป็นผู้นำภายในอุตสาหกรรมลคอมซูมเมอร์ อีีเล็คโทรนิค การนำไปสู่การเอา “คอมพิวเตอร์” ออกไปจากชื่อของบริษัทเมื่อ ค.ศ 2007 เมื่อ ค.ศ 2015 แอปเปิ้ลจะเป็นบริษัทมหาชนใหญ่ทีสุดภายในโลกด้วยมูลค่าตลาดหนึ่งล้านล้านเหรียญ รายได้ต่อปีทั่วโลกของแอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ 2010 เท่ากับ 65 พันล้านเหรียญ
รายได้ต่อปีทั่วโลกของแอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ 2010 เท่ากับ 65 พันล้านเหรียญ เพิ่มสูงขึ้นเป็น 127.8 พันล้านเหรียญเมื่อ ค.ศ 2011 และ 156 พันล้านเหรียญเมื่อ ค.ศ 2012
การลุกขึ้นของแอปเปิ้ลจากการกลับมาของสตีฟ จ้อปเมื่อ ค.ศ 1966 จนถึงการเสียชีวิตของเขาไม่นานมานี้ได้กลายเป็นนิยายเปรียบเทียบของบริษัทเล่าขานกันตามระเบียงของสำนักงานเหมือนกับตำนานของอคิลลีสและเบวูลฟ์ที่เล่าขานกันภายในห้องปะชุมกลางทุ่งหญ้า ในขณะนี้เรากำลังเผชิญกับคำถามว่าแอปเปิ้ลสามารถรักษาแรงเหวี่ยงนี้โดยไม่มีวีรษุรุษของพวกเขาได้หรือไม่ที่จริงแล้วเหตุผลที่สำคัญของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของแอปเปิ้ลจะเกิดขึ้นจากประวัติทางนวัตกรรมของพวกเขา ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีแอปเปิ้ลจะเป็นบริษัทที่ปฏิรูปมากที่สุดบริษัทหนึ่งปัจจุบันนี้ ตั้งแต่แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์เครื่องแรกเมื่อ ค.ศ 1976 ไปจนภึงไอโฟน ค.ศ 2017 ที่เปิดตัวใหม่ บริษัทได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง แอปเปิ้ลจะวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เมื่อแอปเปิ้ลได้ขายหุ้นแก่ประชาชนครั้งแรกเมื่อ ค.ศ 1980 บริษัทจะมีมูลค่าประมาณ 100 ล้านเหรียญ ภายใต้ความเป็นผู้นำของสตีฟ จ้อป เมื่อเขาไ้ด้เข้ามาร่วมใหม่เมื่อ ค.ศ 1997 เขาได้เผชิญกับการฟื้นฟูขององค์การที่ใกล้จะล้มละลาย ลำดับแรกของธุรกิจของเขา : การยกเลิกโครงการที่ต้นทุนสูง การหดตัวจุดมุ่งของบริษัท และเขาได้ปล่อยไอแมค ค.ศ 1998 ออกมา ผลิตภัณฑที่ขายได้เกือบ 800,000 เครื่องภายในไม่กี่เดือนแรก การส่งสัญญานจุดพลิกผ้นที่สำคัญของบริษัทโลกของเทคโนโลยีกำลังเป็นพยานของจุดพลิกผัน แอปเปิ้ลได้เผชิญกับการตกต่ำครั้งแรกของยอดขายและกำไรภายในสิบสามปี การจุดชนวนการขายหุ้นราคาถูกภายในตลาดการเงินที่มูลค่าตลาดของบริษัทได้หายไปถึง 43 พันล้านเหรียญ การแสดงถึงความยุ่งวุ่นวายภายในโลกของไฮเทคแต่กระนั้นเมื่อ ค.ศ 2016 68% ของรายได้ของบริษัทจะมาจากไอโฟนตามมุมมองของสตีฟ จ้อป สิ่งที่ยิ่งใหญ่คือดีเอ็นเอของแอปเปิ้ลไม่ได้เปลี่ยนแปลง จุดที่แอปเปิ้ลได้ยืนหยัดอยู่สองทษวรรษที่ผ่านมาคือ คอมพิวเตอร์เทคโนโลยีและตลาดคอมซูมเมอรอีเล็คโทรนิคกำลังเข้าหากันดังนั้นมันจะไม่เหมือนกับที่เราจะต้องข้ามแม่น้ำไปที่ใดที่หนึ่ง ด้านหนึ่งของแม่น้ำกำลังมาหาเรา ตั้งแต่การเป็นผู้ผลิตพีซี แอปเปิ้ลได้รุกคืบทีละน้อยไปสู่อุปกรณ์การบริโภค นักวิเคราะห์ได้กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงจะสงบ ภายหลังจากการปล่อยไอพอดออกมา แอปเปิ้ลได้หยุดที่จะเป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์พวกเขาได้เข้าไปสู่อาณาจักรของอีเล็คโทรคนิคเพื่อการบริโภค ด้วยการปล่อยไอทูนส์ ออกมา แอปเปิ้ลได้กลายเป็นบริษัทสื่อ ริชาร์ด โดเฮอร์ที นักวิเคราะห์ ได้กล่าวว่า ภายในโลกของอีเล็คโทรนิคเพื่อการบริโภค เราจะพูดเกี่ยวกับแอปเปิ้ลในขณะนี้อยู่เสมอ วิถีทางที่บุคคลได้พูดเกี่ยวกับโซนี่ ณ ที่เครื่องทำน้ำเย็น หรือห้องประชุมคณะกรรมการบริษัท พวกเขาจะถามว่าแอปเปิ้ลกำลังทำอะไรอยู่ต่อไป ภายหลังจากการแนะนำไอพอด รายได้ของแอปเปิ้ลได้เพิ่มสูงขึ้นจาก 5.3 พันล้านเหรียญเมื่อ ค.ศ 2001 เป็น 13.9 พันล้านเหรียญเมื่อ ค.ศ 2005 ระหว่างช่วงเวลาเดียวกัน ราคาหุ้นของแอปเปิ้ลได้เพิ่มสูงขึ้น 305% จากไม่ถึง 10 เหรียญเป็นสูงกว่า 40 เหรียญส่วนแบ่งตลาดของแอปเปิ้ลภายในตลาดพีซีจะเป็น 4% ครึ่งแรกของ ค.ศ 2005 ภายหลังจากเป็น 2.5% ถึง 3.7% อยู่หลายปี ภายใต้คอมพิวเตอร์รวม 4.5 ล้านเครื่อง แอปเปิ้ลจะขายได้หนึ่งล้านเครื่องเมื่อ ค.ศ 2005 แก่ผู้ใช้วินโดว์ที่ได้เปลี่ยนมาใช้แมค นักวิเคราะห์ได้อ้างถึงการไอพอดจะเป็นเหตุผลหนึ่งของการสับเปลี่ยน จุดแข็งของแอปเปิ้ลภายใน ค.ศ 2006 จะขึ้นอยู่กับพวกเขาจะเปลี่ยนผู้ใช้วินโดว์มาใช้แมคได้ดีแค่ไหน แอปเปิ้ลไม่สามารถใช้อำนาจของการนำแต่เริ่มแรกที่ได้สร้างภายในธุรกิจพีซี ด้วยการรักษาลิขสิทธ์ของระบบปฏิบัติการไว้ การให้โอกาสแก่ไมโครซอฟท์และอินเทลไปข้างหน้าและยึดครองส่วนแบ่งตลาดก่อนที่จะกลับมาแอปเปิ้ลไม่นาน สตีฟ จ้อป ได้กล่าวภายในการสัมภาษณ์ว่าเขารู้อย่างแน่นอนว่าอะไรที่ต้องถูกกระทำที่จะแก้ไขบริษัท พวกเขาจะอยู่ภายใต้ความต้องการทิศทางที่หมดหวัง สตีฟ จ้อปได้ให้ทิศทางด้วยการแก้ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแอปเปิ้ลทันที เขาได้ทำลายโคลนแมคอินทอช เขาได้เปลี่ยนแปลงจุดมุ่งของบริษัทกลับไปที่แมคอินทอช และได้เริ่มต้นหดตัวทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับบริษััท
นับตั้งแต่สตีฟ จ้อปได้ประกาศไอโฟนเมื่อ ค.ศ 2007
แอปเปิ้ลขายไอโฟนได้เกือบ 1.5 ล้านเครื่อง บุคคลทั่วโลกได้ใช้ไอโฟนเป็นคอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป เครื่องเล่นตรี เครื่องสื่อสาร เครื่องจีพีเอส และเครื่องชำระเงิน เท่านั้นของพวกเขา ไอโฟนได้ใส่โลกไว้ภายในกระเป๋าของเรา ที่จริวแล้วก่อนไอโฟน สมารฺทโฟนส่วนใหญ่จะเลียนแบบแบล็คเบอรรี่ ภายหลังจากไอโฟน สมาร์ทโฟนจะเลียนแบบแอปเปิ้ลเมื่อ 9 มกราคม ค.ศ 2007 แอปเปิ้ล ได้แนะนำโลกด้วยไอโฟน ด้วยจอสัมผัสและการออกแบบเป็นเงางาม ไอโฟน ได้ใช้วิถีทางที่แตกต่างอย่างมากแก่
สมาร์ทโฟนที่ได้ถูกกำหนดโดยผู้มาก่อนเหมือนเช่นแบล็ค เบอร์รี่ สตีฟ จ้อป ได้เปิดเผยไอโฟนว่าแนวคิดได้ถูกบันดาลใจจากคอมพิวเตอร์ ด้วยความละเอียดของจอที่สามารถแสดงส่วนต่อประสานกับผู้ใช้อะไรก็ตามและตัวชี้คล้ายกับเม้าท์ นั่นคือทำไมไอโฟนไ้ด้ยกเลิกแป้นพิมพ์ ในกรณีของตัวชี้ สตีฟได้เลือกอุปกรณชี้ ” เราทุกคนเกิดติดตัวมากับ” นิ้วของเรา ณ ช่วงเวลาที่เราได้เรียนรู้ว่าสตีฟ จ้อป ไม่ชอบการใช้สไตลัสด้วยไอโฟนเครื่องแรกได้เปิดตัวเมื่อ ค.ศ 2007 แต่ประวัติของไอโฟนได้เริ่มต้นเมื่อแอปเปิ้ลได้เปิดตัวไอพอด อุปกรณ์ที่ได้ปฏิรูปวิถีทางที่เราได้ฟังดนตรี ไอพอดนิยมแพร่หลายจนไอโฟนได้ถูกออกแบบที่จะเลียนแบบคุณลักษณะที่นิยมแพร่หลายของไอพอด ในขณะที่เพิ่มการใช้งานเหมือนเช่นการโทรศัพท์และการค้นหาเว็บไอไฟนเครื่องแรกบรรลุความสำเร็จสูงมาก ลูกค้าจำนวนมากเข้าแถวซื้อไอโฟน และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางสถานภาพที่จะมีรุ่นใหม่สุดของไอโฟนทันสมัยที่สุด ผู้นำก่อนหน้านี้ภายในโลกของสมาร์ทโฟน แบล็คเบอร์รี่ ได้ยึดครองตำแหน่งเป็นผู้นำของโลกสมาร์ทโฟนอยู่ไม่กี่ปี แต่ในที่สุดพวกเขาได้พ่ายแพ้แก่ไอโฟนการรวมกันคุณลักษณะของไอพอดกับโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ ไอโฟนสามารถทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์ ฟังดนตรี และเปิดดูอินเตอร์เน็ตบนอุปกรณ์จอสัมผ้สเดียว ท่ามกลางผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลที่สำคัญที่สุดคือไอโฟน ทำนองเดียวกับตลาดคอมพิวเตอร์ แอปเปิ้ลไม่ไ้ด้ยึดครองตลาดทั้งหมด คู่แข่งขันที่น่ากลัวมากที่สุดรายหนึ่งของแอปเปิ้ลภายในตลาดสมารทโฟนคือ ซัมซุง บริษัทเกาหลีใต้ผลิตทั้งคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและสมาร์ทโฟน ซัมซุงจะมีชื่อเสียงกับสมาร์ทโฟนกาแล็กซี่ กาแล็กซี่ของซัมซุงได้ทำให้ยอดขายของไอโฟนลดลงอยู่หลายปี ราคาที่ต่ำกว่ากำลังทำให้ซัมซุงกาแล็กซี่เป็นทางเลือกที่ดึงดูด ปัจจุบันนี้ซัมซุงได้พัฒนาจนกลายเป็นบริษัทใหญ่ที่สุดและกำไรมากที่สุดทั้งภายในภูมิภาคเอเซียและโลก ซัมซุงกำลังยึดครองตลาดสามาร์ทโฟนด้วยส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดทิม คุก ซีอีโอปัจจุบันนี้ ของแอปเปิ้ล ได้กล่าวภายในการสัมภาษณ์ว่า การมีส่วนช่วยอย่างสำคัญที่สุดต่อโลกคือ “บริษัทและวัฒนธรรม” การมีส่วนช่วยและของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสตีฟ จ้อปคือ บริษัทและวัฒนธรรม เขาจะห่วงใยอย่างมากเกี่ยวกับบริษัทและวัฒนธรรม เขาได้ทุ่มเทเวลาอย่างมาก เพื่อการออกแบบแนวคิดของวิทยาเขตใหม่ของเรา มันจะเป็นของขวัญของรุ่นต่อไป มหาวิทยาลัยแอปเปิ้ลจะเป็นตัวอย่างหนึ่ง เขาต้องการใช้มันที่จะเจริญเติบโตยุคต่อไปของผู้นำ ณ แอปเปิ้ล และเราจะต้องมั่นใจว่าบทเรียนของอดีตจะไม่ถูกลืมไป ทิม คุก ได้กล่าวถึงสตีฟ จ้อปว่า ครูที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมาแอปเปิ้ลจะเป็นบริษัทหนึ่งที่มีว้ฒนธรรมองค์การเข้มแข็งมาก บุคคลของแอปเปิ้ลจะภูมิใจต่อการทำงานภายในบริษัทที่บรรลุความสำเร็จมากที่สุดบริษัทหนึ่งของโลก และพวกเขาจะมีการเสียสละอย่างสำคัญ ความพยายามสร้างผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงโลก แอปเปิ้ลจะเป็นบริษัทที่มีลำดับชั้น การตัดสินใจทางผลิตภัณฑ์จะถูกกระทำโดยนักออกแบบอาวุโสและผู้บริหารการขาย บุคคลระดับล่างจะมีอำหน้าที่จำกัด เมื่อเราทำงานที่แอปเปิ้ลภายใต้สตีฟ จ้อป เราจะมีความตึงเครียดแพร่กระจายลงถึงระดับล่าง ความตึงเครียดจะเป็นสิ่งที่ดี มันจะขับเคลื่อนบุคคลไปสู่ความเป็นเลิศ มันสามารถทำให้บุคคลเหนื่อยล้าได้ ปัจจุบันนี้ทิม คุกได้สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายเล็กน้อย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราไม่มีแรงกดดันของแอปเปิ้ลตามปรกติที่จะทำงานหนักแอปเปิ้ลจะมีวัฒนธรรมความลับ บุคคลของแอปเปิ้ลจะไม่เพียงแต่ถูกห้ามจากการบอกแก่สาธารณะเกียวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์แอปเปิ้ลเท่านั้น แม้แต่ภายในแอปเปิ้ลพวกเขาจะถูกห้ามดวย เราจะได้ข้อมูลบนพื้นฐานต้องการรู้เท่านั้น สตีฟ จ้อปจะไม่ปราณีต่อการไล่ออกผู้นำ นโบายที่จะช่วยมั่นใจได้ว่าสาธารณจะประหลาดใจเมื่อเขาได้เปิดเผยผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างเป็นทางการความลับจะเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของแอปเปิ้ลที่จะลดการขโมยข้อมูลที่มีลิขสิทธ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาให้น้อยที่สุด ความลับจะเป็นวิถีทางกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่ทำให้แอปเป้ลสามารถมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันเหนือกว่าคู่แข่งขันด้วย ภายใต้วัฒนธรรมองค์การของแอปเปิ้ล บุคคลจะถูกกระตุ้นและคาดหวังที่จะรักษาข้อมูลทางธุรกิจไว้ภายในบริษัท
ที่จริงแล้วการเจริญเติบโต การตกต่ำ และการกลับมาแอปเปิ้ล ของสตีฟ จ้อปจะเป็นส่วนใหญ่ของตำนานของผูู้ก่อตั้งแอปเปิ้ล เมื่อสตีฟ จ้อป ได้เข้ามาถือบังเหียนของแอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ 1997 บริษัทจะไม่มีกลยุทธ์ที่ชัดเจน และกำลังขาดทุนสิบล้านเหรียญทุกไตรมาสภายหลังจากที่สตีฟ จ้อป กลับมาแอปเปิ้ลเป็นซีอีโอชั่วคราวเมื่อ ค.ศ 1996 ถึง ค.ศ 1997 บริษัทกำลังต่อสู้และใกล้จะล้มละลายด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นภาระจนเกินไป เมื่อ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ 1996 บิสซิเนสวีึค ได้วางเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงของแอปเปิ้ลบนหน้าปกแสดงเรื่องราว “การตกต่ำของอเมริกัน ไอคอน” เรารู้ไหมว่าสตีฟ จ้อปจะทำอะไรภายหลังจากเขากลับมาแอปเปิ้ล นักวิเคราะห์หลายคนคิดว่าสตีฟ จ้อปจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ก้าวหน้า แต่เขาได้กระทำสิ่งที่ไม่ได้คาดหวังที่ซีอีโอใครก็ตามจะกล้าทำ ต่อไปนี้จะเป็นการสังเกตุของริชาร์ด รูเมลท์ เกี่ยวกับการฟื้นฟูแอปเปิ้ลภายในหนังสือของเขาชื่อ Good Strategy/Bad Strategyภายในหนึ่งปีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าประหลาดได้เกิดขึ้น ณ แอปเปิ้ล แม้ว่านักวิเคราะห์หลายคนคาดหวังว่าสตีฟ จ้อป จะเร่งความเร็วการพัฒนาผลิตภัณฑที่ก้าวหน้า เขาไม่ได้ทำตามที่คาดหวังไว้เลย สิ่งที่เขากระทำจะทั้งเห็นได้ชัดเจนและไม่ได้คาดหวังไว้ เขาได้หดตัวแอปเปิ้ลลงจนถึงขนาดและขอบเขตที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของการเป็นผู้ผลิตเพื่อตลาดเฉพาะกลุ่ม ภายในธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่แข่งขันสูง เขาได้ย้อนกลับแอปเปิ้ลไปยังผลิตภัณฑ์แกนที่สามารถอยู่รอดได้สตีฟ จ้อป รู้ว่าผลิตภัณฑ์ไม่กี่อย่างเท่านั้นที่ทำกำไร ดังนั้นเขาได้รักษาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไว้ และหยุดการผลิตผลิตภัณฑ์อื่นที่ขาดทุน ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ภายในสินค้าคงเหลือของแอปเปิ้ล ณ เวลานั้นจะขาดทุนสูงมาก ดังนั้นเขาได้ตัดผู้จัดจำหน่ายและลดพวกเขาจากหกรายเป็นหนึ่งราย ด้วยการกระทำดังกล่าวนี่ เขาได้ช่วยให้แอปเปิ้ลรอดพ้นจากการใกล้ล้มละลาย และได้เริ่มจุดมุ่งและพลังกลับมาใหม่ภายในบริษัทสตีฟ จ้อป ได้กระทำอย่างเด็ดเดี่ยว เขาได้ยกเลิก 70% ของผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ล และปลดบุคคลออกจากว่นมากกว่า 3,000 คน เขาสามารถทำให้บริษัทที่กำลังขาดทุนหนึ่งพันล้านเหรียญเมื่อ ค.ศ 1997 กลายเป็นทำกำไรได้ 300 ล้านเหรียญเมื่อ ค.ศ 1998ิ ต่อจากนั้นเขาได้เริ่มต้นสร้างผลิตภัณฑ์ที่กลายเป็นตำนานของซิลิคอน แวลลี่ย์เมื่อ ค.ศ 1998 สตีป จ้อป ได้เปิดตัวคอมพิวเตอรส่วนบุคคลรุ่นใหม่ ไอแมค ที่ได้กลายเป็นไอคอนของตัวกล่องพลาสติ ที่ถูกผลิตด้วยสีสันหลากหลาย คอมพิวเตอร์ที่มีสีสันสดใส ลักษณะโค้ง และราคาถูกที่สุดเท่าที่แอปเปิิลได้เคยผลิตเมื่อ ค.ศ 2001 แอปเปิ้ลได้เปิดตัวเครื่องเล่นตรีไอพอด ลูกค้าจะชอบส่วนประสานวงลัอคลิกทีสวยงาม ที่สำคัญกว่าไอพอดจะทำงานอย่างไร้รอยต่อกัยไอทูนส์ ซอฟท์แวร์ตู้ดนตรีของแอปเปิ้ลสำหรับแมค การค้นหาเพลงได้ง่ายจากซีดีไปยังไอพอด และต่อมาจากร้านดนตรีไอทูนส์ เมื่อสิ้นทษวรรษแอปเปิ้ลขายไอพอดได้มากกว่า 200 ล้านเครื่อง เมื่อ ค.ศ 2007 ไอพอดสร้างรายได้ต่อปีแก่แอปเปิ้ลมากกว่า 8 พันล้านเหรียญสตีฟ จ้อปได้เดิมพันกับวิถีทางใหม่ของการฟังดนตรีจากซีดีทั้งอัลบั้มแอปเปิ้ลทำให้มันเป็นไปได้ที่จะซื้อเพลงอะไรก็ตามเพียง 99 เซ็นต์ และเราไม่จำเป็นต้องซื้อทั้งอัลบั้ม 1,000 เพลงภายในกระเป๋าของเรา นี่คือโมเดลธุรกิจใหม่ของดนตรีที่ทำให้ไอพอดนิยมแพร่หลายอย่างรวดเร็วณ เวลานั้น ไอพอดได้เผชิญกับข้อสงสัยอย่างมาก ทำไมแอปเปิ้ล บริษัทคอมพิวเตอร์ ได้ผลิตเครื่องเล่นดนตรีพกพาได้ สตีฟ จ้อป ได้กล่าวระหว่างการแนะนำไอพอดว่า เรารักดนตรี และมันจะเป็นสิ่งที่ดีอยู่เสมอที่จะทำบางสิ่งบางอย่างที่เรารัก มันได้พิสูจน์ว่าแอปเปิ้ลจะมีกำไรงามด้วย บริษัทขายไอพอดได้หลายร้อยล้านเครื่องภายในทษวรรษที่แล้ว แม้ว่ายอดขายได้เจริญเติบโตช้าลง และจากนั้นได้ตกต่ำลง แอปเปิ้ลจะมีส่วนแบ่ง 70% ของตลาดเครื่องเล่นดนตรีอย่างต่อเนื่องสตีฟ จ้อป ได้คาดดคะเนอุปสงค์ของไอพอดจากช่วงเริ่มต้น เขาได้กล่าวว่า ดนตรีจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของบุคคลทุกคน ดนตรีจะต้องมีอยู่ตลอดไป นี่ไม่ได้เป็นตลาดที่เสี่ยงโชค และเนื่องจากดนตรีจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของบุคคลทุกคน ดนตรีจะเป็นตลาดเป้าหมายที่กว้างใหญ่มากทั่วโลก ไอพอดไดปฏิรูปโชคชะตาของแอปเปิ้ลใหม่ ราคาหุ้นของบริษัทได้เพิ่มสูงขึ้นห้าเท่าภายในห้าปีต่อมา ไอพอดได้เปลี่ยนแปลงระดับพื้นฐานของบริษัทด้วยการเปลี่ยนแปลงจากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ไปเป็นผู้ผลิตคอมซูมเมอร์ อีเล็คโทรนิค เมื่อ ค.ศ 2007 บริษัทได้ทำให้การปฏิรูปนี้สมบูรณ์ ด้วยการประกาศว่าแอปเปิ้ลได้เปลี่ยนแปลงชื่อของบริษัทจากแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ เป็น แอปเปิ้ล อิงค. ภายในวันเดียวกันนั้นพวกเขาได้เปิดตัวไอโฟนด้วยเมื่อ ค.ศ 2006 สตีฟ จ้อป ได้เปิดตัวไอโฟนต่อโลกว่าเป็นผลิตภัณฑ์สามอยางภายในผลิตภัณฑ์อย่างเดียว “ไอโฟนจอกว้างด้วยการควบคุมแบบสัมผัส การปฏิรูปโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณการสื่อสารที่ก้าวหน้า ไอโฟนจะเป็นการปฏิรูปวิถีทางของการรับรู้โทรศัพท์ ไอโฟนจะไม่ใช่เป็นเพียงแต่โทรศัพทฺ ไอโฟนจะเป็นคล้ายกับการมีมินิคอมพิวเตอร์ภายในกระเป๋า ไอโฟนจะเป็นการปฏิรูปของส่วนประสานจอสัมผัส การปฏิรูปโทรศัพท์มือถือด้วยวิถีทางอย่างเดียวกับที่แมคอินทอชได้ปฏิรูปคอมพิวเตอรส่วนบุคคล 23 ปีก่อนหน้านี้ แอปเปิ้ลขายไอโฟนได้ 500 ล้านเครื่องแอปเปิ้ลได้ขยายความสำเร็จของไอโฟนเมื่อ ค.ศ 2010 ด้วยไอแพด แทปเล็ต คอมพิวเตอร์บนพื้นฐานของซอฟท์แวร์อย่างเดียวกัน แอปเปิ้ลขายไอแพดไ้ด้ 200 ล้านเครื่องผลิตภ้ณฑ์เหล่านี้ทุกอยางได้ถูกประดิษฐโดยฝีมือนักออกแบบสุดยอดของแอปเปิ้ล โจนาธาน ไอฟ์ หรือโจนี่ ไอฟ์สตีฟ จ้อป จะเป็นบุคคลที่ฉลาดทางการตลาด เขาได้แสดงการกลับมาแอปเปิ้ลของเขาด้วยการรณรงค์โมฆณา “คิดแตกต่าง” การเชื่อมโยงแอปเปิ้ลกับนักคิดที่ยิ่งใหญ่เหมือนเช่นอัลเบิร์ต ไอสไตน์ และมหาตมะ คานธี เขาได้แนะนำผลิตภัณฑฺใหม่ ณ การปราศัยที่สำคัญที่ได้กลายเป็นเหตุการณ์ทางสื่อที่สำคัญด้วยตัวเอง และเขาได้พัฒนาร้านค้าแอปเปิ้ลลูกโซ่ เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑฺฺของแอปเปิ้ลได้ถูกนำเสนอภายใต้แสงที่ดีสตีฟ จ้อป จะเป็นนักเจรจาต่อรองที่ฉลาดมากภายในซิลิคอน แวลลี่ย์ เขาได้ทำการปฏิวัตครั้งสำคัญเมื่อ ค.ศ 2003 ด้วยการชักจูงให้ค่ายเพลง “ยักษใหญ่ห้าราย” ยอมให้แอปเปิ้ลขายดนตรีของพวกเขาภายในร้านดนตรีไอทูนส์ การช่วยสร้างความนิยมแพร่หลายแก่ไอพอด การติดสินใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งคือการสร้างคอมพิวเตอรที่สวยงาม ความเข้าใจว่าพีซีจะเป็นส่วนบุคคลมากกว่าสิ่งอื่นใด เขาได้รับรู้ว่ากล่องสีเทาใหญ่จะไม่ดึงดูดต่อกระแสลูกค้าที่เพิ่งจะเริ่มต้นซื้อพีซีที่จะเข้าสู่อินเตอร์เน็ต สตีฟ จ้อปได้มองเห็นความสำเร็จของวิศวกรอุตสาหกรรมชื่อโจนาธาน ไอฟ์ ที่ผลิตไอแมคเครื่องแรกการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างระหว่างที่สตีฟ จ้อป เป็นซีอีโอ ไม่ได้จำกัดอยู่ที่แมคเท่านั้น บางทีการเปลี่ยนแปลง
ยิ่งใหญ่ที่คือ สตีฟ จ้อป ได้ริเริ่มการรุกคืบแอปเปิ้ลไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ผลิตคอมคอมพิวเตอร์และซอฟทแวร์ เข้าไปสู่โลกของคอมซูมเมอร์ อีเล็คโทรนิคที่มีกำไรงาม การเปลี่ยนแปลงได้กลายเป็นทางการ ค.ศ 2007 เมื่อแอปเปิ้ลได้เลิกใช้ คอมพิวเตอร์ จากชื่อของบริษัทด้วยการ เพียงแต่เรียกชื่อพวกเขาว่า แอปเปิ้ล อิงค์การเปลี่ยนแปลงได้เริ่มต้นด้วยไอพอด เมื่อแอปเปิ้ลได้เปิดตัวเครื่องเล่นดนตรีของพวกเขาเมื่อ ค.ศ 2011 ตลาดเครื่องเอ็มพีสามจะอยู่ภายในขั้นตอนเริ่มแรก อุปกรณ์ ณ เวลานั้น จะมีหน่วยความจำน้อยที่บรรจุเพลงไ้ด้น้อย แอปเปิ้ลได้สร้างนวัตกรรมด้วยไอพอด ขนาดความจุห้าจีบีของอุปกรณ์ได้สร้างพื้นที่จัดเก็บด้วยถ้อยคำของแอปเปิ้ลว่า ใส่ 1,000 เพลงภายในกระเป๋าของเราภายใต้ความเป็นผู้นำของสตีฟ จ้อป แอปเปิ้ลจะมีภาพรวมของผลงานของการแย่งตลาดของผลิตภัณฑ์ของเขาเอง เมื่อ ค.ศ 2005 อุปสงค์ของไอพอด มินิ ยังคงสูงอย่มาก นาโนได้ถูกปล่อยออกมาการทำลายกระแสรายได้อย่างมากของผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ บทั้่งที่ยอดขายของไอพอดยังคงไปสู่หลังคา เขาได้ปล่อยไอโฟนที่รวมกันของไอพอด เซลล์ โฟน และอินเตอร์เน็ตภายในอุปกรณ์เดียวกัน ภายหลังสามปีจากการปล่อยไอโฟน ไอแพดได้มีการวางตลาด และเพิ่มโอกาสที่จะแย่งยอดขายของแมค ดังนั้นการตัดสินใจที่แน่วแน่ของแอปเปิ้ลคือ การทำธุรกิจที่มีกำไรสูงต่ออนาคตที่ไม่รู้ ดังที่สตีฟ จ้อป ได้กล่าวว่า “ถ้าเราไม่กินเนื้อตัวเราเอง บุคคลบางคนจะกินเนื้อเรา” บริษัทจะมีเคล็ดลับเพื่อการร่วมเทคโนโลยีใหม่กับโมเดลธุรกิจที่สร้างสรรค์ การสร้างไอทูนส์และแอปเปิ้ลแอพสโตร์ จะเป็นตัวอย่างที่ดี แอปเปิ้ลได้ค้นพบวิถึทางใหม่ที่จะสร้างรายได้ด้วยการให้บุคคลบริโภคไมโครคอนเท้นต์สตีฟ จ้อป ได้มองเห็นโอกาสของบุคคลที่ชอบดนตรี พวกเขาต้องการดนตรี แต่ไม่ต้องการจะเดินทางไปยังร้านดนตรีที่จะซื้อซีดีราคาแพง เมื่อ ค.ศ 2003 ร้านเพลงไอทูนส์ได้ถูกเปิดตัว และในไม่ช้าได้กลายเป็นผู้ค้าปลึกดนตรีลำดับสูงสุด ทำนองเดียวกัน สตีฟ จ้อป ได้ค้นพบแอพ สโตร์ เมื่อ ค.ศ 2008ที่ได้นำนักพัฒนาจำนวนมากที่อยากจะทำเงินเข้ามา ไม่มีอะไรเลยเหมือนกับแอพ สโตร์ที่เคยมีมาก่อน และมันได้เปลี่ยนแปลงทางพื้นฐานของโลกสตีฟ จ้อป มองเห็นว่าแอปเปิ้ลจะต้องสร้างผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม ใช้ได้ง่าย และทรงพลังมากขึ้น เป้าหมายเหล่านี้จะเกี่ยวพันกับวิธืการแก้ปัญหาบนพื้นฐานทางเทคโนโลยีและการออกแบบ แทนการเพียงแต่กระจายสายผลิตภัณฑ์ของบริษัทด้วยความหวังของการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด เขารู้ว่าวิถีทางเดียวเท่านั้นที่จะกระทำได้คือ การใช้ความสามารถของบุคคลที่ดีที่สุดของเขาและยกระดับฐานะของพวกเขาภายในบริษัท นับตั้งแต่สตีฟ จ้อป ได้กลับมา แผนกออกแบบของแอปเปิ้ลจะมีอำนาจหน้าที่เหนือแผนกอื่นทุกแผนก ครั้งหนึ่งสตีฟ ได้กล่าวว่า มันไม่มีเหตุผลเลยที่จะจ้างบุคคลที่ฉลาดและบอกพวกเขาต้องทำอะไร เราได้จ้างบุคคลที่ฉลาด ดังนั้นพวกเขาสามารถบอกเราต้องทำอะไร ผู้นำที่ฉลาดจะมีความสามารถจ้างบุคคลที่ฉลาดกว่าพวกเขา การผลักดันพวกเขาด้วยความคิดที่หลากหลาย และขับเคลื่อนธุรกิจของพวกเขาไปข้างหน้าแอปเปิ้ลจะมองเลยพ้นไปจากองค์การของพวกเขา บริษัทจะมองคู่แข่งขันกำลังทำอะไร และจะทำเลยพ้นไปหนึ่งก้าว ผู้นำจะต้องออกไปจากอาคารและ สำนักงานที่หรูหรา การกวาดสายตาดูว่าธุรกิจที่แข่งขันกำลังทำอะไรอยู่ สตีฟ จ้อป มักจะมองว่ากูเกิ้ลกำลังอะไรกับระบบแอนดรอยด์ แม้แต่เขาได้คุกคามที่จะกำจัดระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากเขารู้สึกว่ามันจะเป็นการเลียนแบบของไอโฟน ผมกำลังจะทำลายแอนดรอยด์ เพราะมันคือผลิตภัณฑขโมยณ เวลาของการวางตลาดไอโฟนครั้งแรก สมาร์ทโฟนที่แข่งขันเหมือนเช่นแบล็คเบอรรี่ กำลังใช้แป้นพิมพ์ แอปเปิ้ลได้ใช้วิถีทางที่แตกต่างกันต่อไอโฟนเครื่องแรกเมื่อ ค.ศ 2007 ด้วยการเพิ่มจอสัมผัส การออกแบบที่เรียบง่ายแต่สร้างสรรค์ได้ปรับปรุงสไตล์ของสมาร์ทโฟน การขับเคลื่อนแอปเปิ้ลเป็นผู้นำของเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ แบล็ค เบอร์รี่ ยักษ์ใหญ่เมื่อครั้งหนึ่งไม่สามารถจะแข่งขันได้ สมาร์ทโฟนของบริษัทได้พ่ายแพ้ไปมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ของแอปเปิ้ลจะมาจากไอโฟน แมคและไอแพดจะเป็นแหล่งที่มาที่สำคัญของรายได้ด้วยสตีฟ จ้อป ได้เสียชีวิตจากมะเร็งตับอ่อน เมื่อ ค.ศ 2011 นับตั้งแต่นั้นมาแอปเปิ้ลได้ถูกบริหารโดยทิม คุก รองลงมาจากสตีฟที่ยาวนาน ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต สตีฟ จ้อป ได้เตือนทิม คุก ว่า เขาจะต้องไม่พยายามบริหารแอปเปิ้ลด้วยการถามว่าสตีฟ ได้จัดการการตัดสินใจแต่ละอย่างอย่างไร สตีฟได้กล่าวว่า “เพียงทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง” แอปเปิ้ล ได้กล่าวถึงสตีฟ จ้อป ว่า “ต้นตอของนวัตกรรมที่สุดจะนับได้ที่เพิ่มคุณค่าและปรับปรุงชีวิตของเราทุกคนและทำให้โลกดีขึ้นอย่างล้นพ้น”ผู้นำของบริษัทเทคโนโลยีแนวหน้าหลายคนต่างได้แสดงการรำลึกถึงการเสียชีวิตของสตีฟ จ้อป บิลล์ เกตส์ แห่งไมโครซอฟท์ ได้กล่าวว่า “ผลกระทบที่ลึกซึ้ง ของสตีฟ จ้อป ต่อโลกของเทคโนโลยี ได้ปล่อยทิ้งแก่หลายรุ่นที่จะตามมา”
มาร์ค ซัคเกอร์เบิรค ผู้ก่อตั้งเฟซบุค ได้กล่าวขอบคุณสตีฟ จ้อปว่า “การแสดงว่าสิ่งที่คุณสร้างสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ” ซัมซุงของเกาหลีใต้ ได้ยกย่องสตีฟ จ้อป ต่อ “การเปลี่ยนแปลงทางวิวัฒนาการหลายอย่างของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีข้อมูล” ของเขา “จิตวิญญานทางนวัตกรรมและความสำเร็จที่มีชื่อ
เสียงของเขาได้ถูกจดจำอยู่ตลอดไปโดยบุคคลทั่วโลก” โอวาร์ด สตรินเกอร์ ซีอีโอ ของโซนี่ ได้กล่าวว่า “ยุคดิจิตอลได้สูญเสียดวงประทีปไปเสียแล้ว”สตีฟ จ้อป จะเป็นผู้ก่อตั้งร่วมแอปเปิ้ลและวิสัยทัศน์เบื้องหลังนวัตกรรมทางคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแนวหน้าของโลก บุคคลไม่กี่คนจะมีข้อสงสัยต่อความสามารถของเขา แต่เราจะมองที่ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่เปลี่ยนเขาให้เป็นผู้นำธุรกิจที่ฉลาดหลักแหลม ตามมุมมองของจอห์น สคัลลี่ย์ ซีอีโอคนก่อนของแอปเปิ้ล นั่นคืออะไร ความสามารถที่จะรับฟังจอห์น สคัลลี่ย์ ซีอีโอของแอปเปิ้ลอยู่หนึ่งทษวรรษ ตั้งแต่ ค.ศ 1983 ถึง ค.ศ 1993 ได้บอกแกซีเอ็นเอ็นว่าความสามารถนั้นของสตีป จ้อปไม่ได้มาตามธรรมชาติ แต่มันได้ใช้เวลา 12 ปีและการจากไปที่ถกเถียงกันจากแอปเปิ้ล เพื่อที่จะขัดเกลามันสตีฟ จ้อป ได้ลาออกไปอย่างมีชื่อเสียงจากแอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ 1985 อายุ 27 ปี เนื่องจากความขัดแยังกับจอห์น สคัลลี่ย์ ภายในช่วงเวลา12 ปีตามมา สตีฟ จ้อป ได้ก่อตั้งบริษัทซอฟท์แวร์ คอมพิวเตอร์ของเขาเองชื่อ เน็กซ์ ก่อนที่จะกลับมาแอปเปิลเมื่อ ค.ศ 1997 จอห์น สคัลลี่ย์ ได้กล่าวว่า เมื่อสตีฟ จ้อป ได้กลับมาที่แอปเปิ้ลเมื่อ ค.ศ 1997 ตามาด้วยการซื้อเน็กซ์โดยแอปเปิ้ล เขาจะเป็น “บุคคลที่แตกต่าง” เขาได้อธิบายการยึดครองสองครั้งของสตีฟ จ้อป ณ แอปเปิลว่าเป็นจ้อป 1.0 และจ้อป 2.0 จ้อป 1.0 จะมีคุณลักษณะของความทะเยอทะยานที่ไม่โอนเอน แต่จ้อป 2.0 จะมีวุฒิภาวะมากขึ้นและความเต็มใจมากขึ้นที่จะรับฟังบุคคลอื่น สตีฟจะมีความฉลาดภายในการมองว่าโลก 20 ปีในอนาคตจะอยู่ที่ตรงไหน เขาจะมีพรสวรรค์ชักจูงตัวเขาเองและชักจูงบุคคลอื่นว่า เขาจะถูกต้องอยู่เสมอ จอห์น สคัลลี่ย์ ได้กล่าวถึงจ้อป 1.0ปัจจุบันนี้ภายใต้ความเป็นผู้นำของทิม คุก เขาได้ทดแทนสตีฟ จ้อป เป็นซีอีโอก่อนการเสียชีวิตของเขาไม่นานเมื่อ ค.ศ 2011 แอปเปิ้ลจะอยู่ลำดับสองของบริษัทใหญ่ที่สุดของโลกด้วยมูลค่าทางการตลาด บริษัทจะนำหน้ายักษ์ใหญ่เทคโนโลยี ไมโครซอฟท์ จอห์น สคัลลี่ ได้มองสัตยา นาเดลล่า ชีอีโอของไมโครซอฟท์เป็นตัวอย่างของผู้รับฟังที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง จอห์นสคัลลี่ย์ ได้กล่าวว่าเขาได้พบกับจอห์น ทอมป์สัน ประธานไมโครซอฟท์ และถามว่าเขาจะให้เหตุผลความสำเร็จของ สัตยา นาเดลลาอย่างไร จอห์น ทอมป์สัน ตอบว่า เขาจะเป็นนักฟังที่ยอดเยี่ยมและเขาจะเป็นบุคคลที่ใจกว้างบุคคลส่วนใหญ่จะรู้จัก จ้อป 2.0 ซีอีโอที่บรรลุความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง เขาจะหลักแหลมและสร้างผลิตภัณฑ์ที่บรรลุเป้าหมายส่วนบุคคลระยะยาวของเขา เมื่อจอห์น สคัลลี่ย์ ได้พบจ้อป 1.0 เขาจะมีอายุ 26 ปี เขาจะมีเพียงวิสัยทัศน์ หลักแหลม และสร้างสรรค์ แต่มันจะเป็นเวลาที่แตกต่างกัน เราจะยังคงอยู่ภายในระยะเริ่มแรกของกฎของมัวร์ คอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำหลายสิ่งที่สตีฟ จ้อปได้จินตนาการไว้ สตีฟ จ้อป ได้สรรหาผมมาที่แอปเปิ้ล เพราะว่าเขาชื่นชอบกับการรณรงค์ “เป้ปซี่ ชาแลนจ์” ของผม แนวคิดใหม่ที่ช่วยให้เป้ปซี่มีส่วนแบ่งตลาดสูงกว่าโคคา โคล่า สตีฟ จ้อป ต้องการแนวคิดนี้เพื่อที่เขาจะสามารถชนะไอบีเอ็มได้
สตีฟ จ้อป และจอห์น สคัลลี่ย์ ได้พบกันทุกวันสุดสัปดาห์เป็นเวลาห้าเดือน เมื่อสตีฟ จ้อป ได้พยายามชักจูงจอห์น สคัลลี่ย์ มาทำงานที่แอปเปิ้ล ตอนนั้นจอห์น สคัลลี่ย์ เป็นซีอีโออยู่ ณ เป้ปซี่โค พวกเขาได้พบกันครั้งแรกหลังวันขอบคุณพระเจ้าเมื่อ ค.ศ 1982 เราต้องรู้จักกันและกันให้ดี และจอห์น สคัลลี่ย์ ได้กล่าวว่า ” สตีฟ ผมได้พิจารณาแล้ว ผมคงจะไม่มาอยู่แอปเปิ้ล” สตีฟ จ้อป หยุดคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง และเขาอยู่ห่างผมไม่มาก เขามองหน้าผมและพูดว่า ” คุณต้องการขายน้ำอัดลมไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณหรือหรือคุณจะมากับผม เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงโลก ด้วยคำพูดทิ้งท้ายนี้ ได้ทำให้จอห์น สคัลลี่ย์ ต้องเปลี่ยนใจ ตามสตีฟ จ้อป มาอยู่ที่แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ในที่สุดจอห์น สคัลลี่ย์ ได้กล่าวว่า เราน่าจะจำสตีฟ จ้อป ได้ว่าเขาเป็นยักษฺ์ใหญ่ภายในอุตสาหกรรม บุคคลที่เปลี่ยนแปลงโลก สร้างหลุมภายในจักรวาล เมื่ผมรู้จักสตีฟ จ้อป เขามีอายุ 27 ปี เขายังอยู่ขั้นตอนเริ่มแรกของการสร้างหลักการพื้นฐานที่แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ได้ถูกสร้างขึ้นมาวันนี้เมื่อผมไปปรากฏตัวที่แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ผมไม่แน่ใจว่าผมได้อยู่ ณ ถูกที่แล้ว เพราะว่าอาคารพาณิชย์รายรอบไม่มีเลย ผมมองเห็นแต่เพียงบ้าน สตีฟ จ้อป อยู่บนชั้นสองของบ้าน อาคารที่สตีฟ จ้อป กำลังสร้างแมคอินทอชอยู่ และมีเสาธงโจรสลัดโบกสบัดอยู่บนสุดของอาคารจอห์น สคัลลี่ย์ ซีอีโอของเป้ปซี่ โค ได้ตัดสินใจลาออกจากบริษัท เพื่อที่จะเข้ามาฟื้นฟูแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ตามการชักชวนของสตีฟ จ้อปจอห์น สคัลลี่ย์ ได้กลายเป็นซีอีโอของแอปเปิ้ล เมื่อ ค.ศ 1983 จนถึง ค.ศ 1993 เขาสามารถทำให้แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นจาก 569 ล้านเหรียญเป็น 8.3 พันล้านเหรีญทั้งที่เขาขาดความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี เริ่มแรกเขาและสตีป จ้อป ได้มองตากันถึงกลยุทธ์การตลาดจอห์น สคัลลี่ย์ ได้กล่าวว่า สตีฟ จ้อป ต้องการผมมาอยู่ ณ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ เนื่องจากเขาเชื่อว่าในที่สุดคอมพิวเตอร์จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค ความคิดที่ท้าทายเมื่อย้อนกลับไปต้น ค.ศ 1980 เนื่องจากบุคคลมองว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นเพียงแต่รุ่นหนึ่งของคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่กว่าเท่านั้น นั่นคือการมองของไอบีเอ็มสตีฟ จ้อป จะชอบและชื่นชมโซนี่มาก เราได้เคยไปเยี่ยมอกิโอะ โมริตะ ผู้ก่อตั้งโซนี่ เขามีแบบอย่างมาตรฐานสูงเยี่ยมที่สตีฟ จ้อบนับถือ โซนี่มีผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม จอห์น สคัลลีย์ กล่าวว่าอกิโอะ โมริตะได้ให้โซนี่ วอล์คแมน เครื่องแรกแก่เราด้วยความสำเร็จของแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ มักจะถูกอ้างถึงสตีฟ จ้อปอยู่เสมอ และชัดเจนเขาสมควรจะได้รับการยกย่องอย่างมาก แต่เรามีซีอีโออีกคนหนึ่งคือจอห์น สคัลลี่ย์ ทำให้แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ จากบริษัทล้านเหรียญกลายเป็นบริษัทพันล้านเหรียญได้จอห์น สคัลลี่ย์ ผู้ถือหางเสือของบริษัทตำนานสองบริษัทคือ เป้ปซี่โค และแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ บริษัทสองบริษัทนี้มีลักษณะร่วมกันหรือไม่ เราสามาถวิเคราะห์สูตรแห่งความสำเร็จของพวกเขาได้หรือไม่ เมื่อ ค.ศ 1970 จอห์นสคัลลี่ย์ อายุ 29 ปี ณ เวลานั้นเป้ปซี่ขายได้ 10 : 1 โคคา-โคล่า ขาย 50% ภายในอเมริกา เรายอมรับว่าโคคา-โคล่า เป็นตราสินค้าที่มีคุณค่ามากที่สุดภายในโลก ดังนั้นเรามองว่าโคคา-โคล่าเป็นเจ้าของความเป็นจริง แต่การรับรู้นำไปสู่ความเป็นจริงได้ ดังนั้นถ้าเราเป็นเจ้าของการรับรู้ เราอาจจะเปลี่ยนแปลงกฏพิ้นฐานการแข่งขันได้เราได้สร้างการรณรงค์เรียกว่า “เป้ปซี่ ชาแลนจ์” ขึ้นมาที่แตกต่างจากอะไรก็ตามที่ทุกคนทำอยู่ภายในการตลาดขณะนั้น แทนที่บริษัทจะพูดว่า ผลิตภัณฑ์ของเราดีแค่ไหน เราเพียงแต่ทำตรงกันข้าม เราได้กล่าวว่า รับเอา เป้ปซี่ ชาแลนจ์ แล้วให้รสชาติของคุณตัดสินใจ เรามีการทดสอบแบบอำพรางไปทั่วประเทศ และบุคคลได้มองเห็นว่านี่คือการท้าทายรสชาติที่แท้จริงระหว่างเป้ปซี่และโค้ก ในที่สุดเป้ปซี่โคสามารถนำหน้าโคคา-โคล่า ได้สำเร็จ ตราสินค้าที่แท้จริงคือ ประสบการณ์ของลูกค้า ตราสินค้าที่ยั่งยินคือ การตอบสนองความพอใจของลูกค้าและให้ประสบการณ์ที่เหลือเชื่อแก่พวกเขาจอห์น สคัลลี่ย์ ได้กล่าวว่า เมื่อผมได้พบสตีฟ จ้อป เขาถามผมว่า คุณทำได้อย่างไร คุณนำหน้าโคคา-โคล่าได้อย่างไร ผมได้ตอบเขาว่า เราใช้การตลาดแบบประสบการณ์ จุดมุ่งของเราอยู่ที่การขายประสบการณ์ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ สตีฟ จ้อป กล่าว่า เขาต้องการให้จอห์นสคัลลี่ย์ มาอยู่่ที่แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ และสอนเขาว่า เราจะทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไรเนื่องจากการรณรงค์ เป้ปซี่ ชาแลนจฺ ที่เป็นตำนานของจอนหฺ์ สคัลลี่ย์ สตีฟ จ้อปหวังว่าพรสวรรค์ทางการตลาดของจอห์น สคัลลี่ย์ สามารถสร้างแอปเปิ้ลให้เป็นตราสินค้าเพื่อการบริโภคได้ ที่จริงแล้วสตีฟ จ้อปต้องการเป็นซีอีโอของแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ แต่คณะกรรมการบริษัทมองว่าเขายังขาดประสบการณ์ทางการบริหาร ดังนั้นคณะกรรมการบริษัทขอให้เขาสรรหาซีอีโอคนใหม่จากภายนอกจอห์น สคัลลี่ย์ ได้กล่าวว่า ผมอายุ 76 ปีแล้ว ผมไม่เคยหยุดการเรียนรู้เลย คำตอบที่แท้จริงคือ เราต้องอยากรู้อยากเห็น เราต้องเป็นปัจจุบัน ผมมีเพื่อนหลายคนเพื่อนบางคนหนุ่มกว่าผมที่ได้เลิกทำงาน แล้วต้องมาเป็นที่ปรึษาหรือคณะกรรมการบริษัท ถ้าเราออกจากตลาดหกหรือเจ็ดปี โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก เรายากที่จะกลับมาได้อีก ถ้าเราอยากรู้อยากเห็น ใจต้องกว้าง เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง สร้างเครือข่ายอย่างมั่นคง และรักษาการมีส่วนร่วม อายุไม่ได้เป็นปัจจัยข้อจำกัดจอห์น สคัลลี่ย์ มีประสบการณ์ทางการตลาดเป็นส่วนใหญ่จากเป้ปซี่ โค. และรอบรู้คอมพิวเตอร์น้อยมาก และยอมรับว่าเขาไม่สามารถบริหารแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ได้ดี ถ้าเขาไม่พัฒนาทักษะทางเทคนิคให้มากขึ้น จอห์น สคัลลี่ย์ ได้กล่าวว่า ” ผมคือผู้นำแบบสัญชาตญาน และรู้ว่าจะใช้สัญชาตญานกับบางสิ่งบางอย่างที่เราเข้าใจเท่านั้น ”จอห์น สคัลลี่ย์ มองว่าการวางแผนดั้งเดิมมักจะเริ่มต้นกับว่าเราอยู่ที่ไหน เราต้องการบรรลุความสำเร็จอะไร และเราจะคาดคะเนบนพื้นฐานของสมมุติฐานว่า เราต้องไปที่ไหนปีหน้า นี่ไม่ใช่การบริหารบริษัทของผู้นำที่ยิ่งใหญ่เลย ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะเริ่มต้นด้วยปัญหาที่ยิ่งใหญ่ของลูกค้าที่ต้องแก้ไขด้วยวิถีทางที่ดีกว่าในอดีต แผนลูกค้าได้กลายเป็นความสำคัญกว่าแผนธุรกิจ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ต้องเข้าใจว่าองค์การอยู่ภายในธุรกิจที่จะต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าสตีป จ้อป มองว่าบริษัทต้องมีการกระจายอำนาจ เพราะว่าเป็นวิถีทางเดียวเท่านั้นที่จะสร้างบุคคลให้เป็นผู้ประกอบการ ด้วยการให้โอกาสแก่บุคคลบริหารธุรกิจขนาดเล็กของพวกเขาภายในบริษัทใหญ่ แต่จอห์น สคัลลี่ย์มองว่าเราต้องมีแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์เดียว เราแข่งขันกับตัวเราเองมากเกินไป เราต้องใช้การรวมอำนาจกับการบริหาร เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์กำลังสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อตลาด และไม่ใช่แข่งขันระหว่างกันเองภายในแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ความเชื่อมั่นระหว่างสตีฟ จ้อป และจอห์น สคัลลี่ย์ ได้เริ่มต้นตกต่ำลง สตีฟ จ้อป ไม่เชื่อมั่นว่าผมสามารถบริหารแอปเปิ้ลได้ เนื่องจากผมรู้ไม่เพียงพอเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และผมคิดว่าสตีฟ จ้อป รู้ไม่เพียงพอเกี่ยวกับการบริหารด้วยจอห์น สคัลลี่ย์ อายุ 50 ปี ซีอีโอ สืบทอดต่อจากสตีป จ้อป เมื่อ ค.ศ 1985 กำลังนำบริษัทด้วยคำพูดของเขาว่า “การเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ” ที่จะเปลี่ยนแปลงแอปเปิ้ลมองโลกอย่างไร และโลกมองแอปเปิ้ลอย่างไรแอปเปิ้ลเป็นบริษัทสมองซีกขวาอยู่เสมอ การสร้างจินตนาการ และความคิดที่ลอยไปลอยมา ในขณะนี้เขามุ่งหมายจะปรับปรุงสมองซีกซ้าย การวิเคราะห์ และการใช้เหตุผลจอห์น สคัลลี่ย์ ยอมรับว่าวัฒนธรรมองค์การของแอปเปิ้ลต้องถูกเปลี่ยนแปลง บริษัทไม่สามารถรับภาระโครงการทุกอย่างที่ศึกษาอยู่ได้ การตลาดต้องถูกยอมรับและมีบทบาทที่เข้มแข็งมากขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ของจอห์น สคัลลี่ย์ได้ถูกต่อต้านจากบุคคลหลายคนของแอปเปิ้ล วารสารฟอร์จูน ได้กล่าว่า บุคคล ณ แอปเปิ้ล ได้ตอบโต้ต่อความไม่แน่นอนของวิถีทางทุกอย่างที่บริษัทได้กระทำอยู่ การเจ็บปวดกับการสูญเสียสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย สถานที่นี้ไม่มีความร่าเริงเหมือนเมื่อก่อนแล้วการเปลี่ยนแปลงของจอห์น สคัลลี่ย์ ได้ถูกสนับสนุนจากการตกต่ำของกำไร ณ แอปเปิ้ล ส่วนหนึ่งของการลดลงของกำไรได้เกิดขึ้นจากการตัดสินใจที่เคยชิน เมื่อต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น แอปเปิ้ลได้ขึ้นราคาของแมคอินทอช คอมพิวเตอร์ ในขณะที่ราคาของคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปกำลังลดลง ราคาที่สูงขึ้นทำให้แอปเปิ้ลต้องเสียลูกค้าไปความขัดแย้งระหว่างสตีฟ จ้อป และจอห์น สคัลลี่ย์ ได้รุนแรงจนต้องนำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทตัดสินใจ คณะกรรมการบริษัทได้สนับสนุนจอห์น สคัลลี่ย์ ในฐานะที่เป็นซีอีโอ สตีฟ จ้อป ได้ลาออกไปในที่สุด จอห์น สคัลลี่ย์ ได้เป็นซีอีโออยู่ ณ แอปเปิ้ล 10 ปี ลาออกไปเมื่อ ค.ศ 1913 และได้ยืนยันว่าเขาไม่ได้ไล่สตีฟ จ้อป ออกไป ภายหลังลาออกไปจากแอปเปิ้ลแล้ว สตีป จ้อป ได้ก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ ชื่อบริษัทเน็กซ ์และบริษัทภาพยนตร์แอนนิเมชั่น ชื่อบริษัทพิกซ่าร์ ของเขาเองขึ้นมาเมื่อ ค.ศ 1996 คณะกรรมการบริษัทมองว่าแอปเปิ้ลต้องมีสตีฟ จ้อป ดังนั้นบริษัทได้ตัดสินใจซื้อเน็กซ์จากสตีฟ จ้อป มูลค่า 402 ล้านเหรียญ เพื่อที่จะดึงสตีฟ จ้อป กลับมายังแอปเปิ้บ คณะกรรมบริษัทได้ปลด จิล แอมมิลิโอ ซีอีโอ ของแอปเปิ้ล ออกไป สตีฟ จ้อปได้กลับมาเป็นซีอีโอของแอปเปิ้ล อีกครั้งหนึ่ง และประกาศตัวเองว่าเป็นซีอีโอ ชั่วคราว เนื่องจากเขาต้องยุ่งอยู่กับบริษัทพริกซ่าร์สตีฟ จ้อบได้เรียกชื่อตำแหน่งของเขาว่า ไอซีอีโอ และขอรับเงินเดือน 1 เหรียญ ต่อปี ขณะนั้นแอปเปิ้ลกำลังตกต่ำลงมาก ยอดขายเมื่อปลายปี 1966 ลดลง 30 % สตีป จ้อป ได้เริ่มต้นการปรับปรุงโครงสร้างสายผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างสำคัญ จนทำให้แอปเปิ้ลทำกำไรและรอดชีวิตได้ และกลายเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหนึ่งจนทุกวันนี้ แต่เขาได้ลาออกไปเมื่อ ค.ศ 2001 เนื่องจากความเจ็บป่วย และได้เสียชีวตลงเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ 2011 อายุ 56 ปีสตีป จ้อป ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีที่มีบารมี ได้กลายเป็นตำนานไปแล้ว เขาได้ปฏิรูปอุตสาหกรรมครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ไปจนถึงดนตรีและภาพยนตร์ มรดกของเขาจะมีทั้ง แอปเปิ้ลทู แมคอินทอช ไอแมค ไอพอด ไอโฟน และไอแพด โดยเฉพาะไอโฟนของเขาจะเป็นนวัตกรรม
ที่ได้เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ
Cr : รศ สมยศ นาวีการ