jos55 instaslot88 Pusat Togel Online วีดีโอภาพยนตร์ "In Search of Excellence" - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

วีดีโอภาพยนตร์ “In Search of Excellence”

วีดีโอภาพยนตร์ “In Search of Excellence”

“In Search of Excellence” ของโทมัส ปีเตอร์ และโรเบิรต วอเตอร์แมน
เมื่อ ค.ศ 1982 ณ เวลาของการพิมพ์หนังสือเล่มนี้ อเมริกามองที่ญี่ปุ่นเป็น
พลังทางเศรษฐกิจที่ลุกขึ้น บริษัทอเมริกันศึกษาวิธีการบริหารแบบญี่ปุ่น
และมองที่จะเรียนรู้ความสำเร็จของพวกเขา “In Search ofExcellence”
ได้ต่อสู้แนวโน้มนี้ ด้วยการมุ่งบริษัทอเมริกัน และศึกษาอะไรทำให้บริษัทอเมริกันบรรลุความสำเร็จ หนังสือเล่มนี้ได้รายงานผลการวิจัยบริษัทอเมริกันดีเด่น 43 บริษัท จากหกอุตสาหกรรมที่สำคัญ
โทมัส ปีเตอร์ ได้เขียนหนังสืออีกเล่มหนึ่งชื่อ Thriving on Chaos และหนังสือเล่มล่าสุดของเขาชื่อ Liberation Management หนังสือเหล่านี้เป็นการต่อยอดจาก In Search of Excellence โทมัส ปีเตอร์ ได้สรุป In Search of Excellence ด้วยถ้อยคำ 6 คำ “Hard is Soft Soft is Hard” มันเป็นหัวใจของหนังสือเล่มนี้ มันเป็นหัวใจของงานของผม
วันนี้ มันเป็นหัวใจของหนังสือทุกเล่มของผม อะไรที่มองเป็นซอฟท์ – ความสัมพันธ์ บุคคล และวัฒนธรรม – สิ่งเหล่านี้ยากที่จะบริหาร อะไที่มองเป็นฮาร์ด – แผน ตัวเลข และแผนภูมิองค์การ – สิ่งเหล่านี้ง่ายที่จะบริหาร

ดีวีดีภาพยนตร์ “In Search of Excellence” มีความยาวประมาณ 90
นาที สร้างโดยจอห์น นาธาน และเเซม ไทเลอร์ เป็นภาพยนตร์การฝึกอบรมคลาสสิคและขายดีที่สุดตลอดกาล กรณีศึกษาจากดิสนีย์ 3 เอ็ม
สตูว์ เลียวนาร์ด ดานา
ไอบีเอ็ม และบริษัทอื่น ได้ให้ความเข้าใจต่อความเป็นเลิศและบริการลูกค้า
อย่างมาก ดีวีดีเรื่องนี้ ได้ปรับจากและอยู่บนพื้นฐานหนังสือขายดีที่สุด In Search of Excellence ของโทมัส ปีเตอร์ และโรเบิรต วอเตอร์แมน
การมองทีบริษัทอเมริกันแปดบริษัทและอะไรทำให้พวกเขาเจริญรุ่งเรือง โดยทั่วไปบริษัทบรรลุความสำเร็จเพราะว่าพวกเขาทำให้ทั้งลูกค้าและบุคคลของพวกเขามีความสุข บริษัทพยายามแสวงหาความดีเด่น ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดฉากด้วยผู้เขียนหนังสือ In Search of Excellence สองคน โทมัส ปีเตอร์ และโรเบิรต วอเตอร์แมน พวกเขา
ได้อธิบายเหตุผลของการเริ่มต้นค้นหาบริษัทดีเด่น ภายหลังจากสงคราม
โลกครั้งที่สอง ดูเหมือนว่าบุคคลภายในอเมริกาสามารถก่อตั้งบริษัทได้
เสียงรัวกลองคือ มันทุกอย่างลงมาที่บุคคล โทมัส ปีเตอร์ ได้กล่าว ณ ตอนเริ่มต้นของภาพยนตร์ In Search of Excellence ได้สรุปว่า
บริษัทอเมริกันอาจจะไม่เป็นที่ชอบของคุณ แต่ชอบหรือไม่ชอบ ธุรกิจ
ของอเมริกาตามที่เรารู้มันเป็นธุรกิจ และภายในเวลาที่ยุ่งยากเพิ่มขึ้น
เหล่านี้ มันเป็นบริษัทดีเด่นที่จะอยู่รอด
* ณ ดิสนีย์ เวิรลด์ เราจะมองเห็นงานหนักของการนำทางและการฝึกอบรมบุคคลเข้าใจว่าความผูกพันต่อคุณภาพและดูแลลูกค้าสำคัญต่อ
ความสำเร็จ บุคคลได้ถูกฝึกอบรม ราวกับพวกเขากำลังเข้ามาสู่ระเบียบทางศาสนา มิีคกี้ โดแนลด์ และกูฟี เป็นไอคอนที่จริงจัง ผู้มาเยี่ยมไม่ใช่
นักท่องเที่ยว พวกเป็นเเขกที่มีเกียรติ ดิสนี่ย์ ได้ต้อนรับบุคคลมากกว่า 23 ล้านคน และรายได้ขั้นต้น 730 ล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว และคาดหมายจะเพิ่มขึ้นทุกปี
ดิสนีย์ เวิรลด์ สามารถดึงดูดบุคคลมากมายได้อย่างไร การบริหารของดิสนีย์ได้ใช้ถ้อยคำว่าดิสนีย์ ทำให้บุคคลมีความสุข และพวกเขาทำมันด้วยการปลูกฝังค่านิยมของวอลท์ ดิสนี่ย์ แขกทุกคนต้องได้รับบริการที่คุ้มค่า สุภาพ เป็นกันเองและช่วยเหลือ บุคคลทุกคนได้รับการฝึกอบรมครั้งแรกภายในมหาวิทยาลัยดิสนีย์ และครั้งที่สองเป็นการฝึกอบรทำงานจริง ตลอดเวลาพวกเขาถูกอัดแน่นด้วยปรัชญาของดิสนี่ย์ บุคคลต้องระลึกอยู่เสมอว่าพวกเขาอยู่ภายในธุรกิจการแสดง พวกเขาเป็นนักแสดงไม่ใช่พนักงาน บริการด้วยบุคคล ณ ดิสนีย์ เริ่มต้นด้วยภาษาเฉพาะ ดิสนีย์
ไม่มีคำว่า พนักงาน พนักงานทุกคนเป็นนักแสดง และเเผนกบุคคลคือ
แผนกนักแสดง ทุกครั้งที่ทำงานอยู่กับประชาชน เราอยู่บนเวที
* ณ สตูว์ เลียวนาร์ด คุณจะมองเห็นความลุ่มหลงต่อลูกค้าได้ถูกถ่ายทอด
ไปสู่ความสำเร็ตทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่อย่างไร สตูว์ เลียวนาร์ด เป็นร้านขาย
ของชำบริหารโดยครอบครัว การแสดงหลักการของความใกล้ชิดลูกค้า
และการดำเนินธุรกิจที่เชี่ยวชาญมากกว่าหลักการอื่นของบริษัทดีเด่น
สตูว์ เลียวนาร์ด มีรายการสินค้าเพียงแค่ 750 อย่างเท่านั้นบนชั้นวาง ทำรายได้ 1.5 ล้านเหรียญต่อสัปดาห์ ซุปเปอร์มาร์เกตอื่นมีสินค้าแตกต่างกัน 16,000 อย่าง ทำรายได้ 200,000 เหรียญต่อสัปดาห์
แต่การหมุนเวียนสินค้าของร้านค้าสูงกว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตอื่น ยอดขาย
ที่สูงเกิดขึ้นจากการกระตุ้นความซื่อสัตย์ของลูกค้า ลูกค้าที่แสดงภายในภาพยนตร์มีความศรัทธาต่อร้านค้ามาก ทำไมสตู เลียวนาร์ดบรรลุความ
สำเร็จสูง สินค้าดีกว่า ณ ราคาต่ำกว่า และบรรยากาศสนุกสนาน
สตูว์ เลียวนาร์ด และลูกชายของเขาเดินสำรวจร้าน เพื่อรับฟัง
ความคิดเห็นของลูกค้าอยู่เสมอ พวกเขามีการประชุมฟังข้อเสนอแนะ
ของลูกค้าเป็นประจำ เพื่อที่จะปรับปรุงสินค้าและบริการให้ดีขึ้น กล่องรับฟังความคิดเห็นของพวกเขาเต็มไปด้วยข้อเสนอแนะทุกวัน สตูว์ เลียวนาร์ดทำตามข้อเสนอแนะของลูกค้าเท่าที่จะทำได้ มันทำให้การดำเนินธุรกิจ
ของพวกเขาขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
* ณ แอปเปิล คุณจะมองเห็นการกำเนิดของแมคอินทอช คอมพิวเตอร์
ส่วนบุคคล เพื่อการแข่งขันกับไอบีเอ็ม สตีฟ จ้อป อายุ 28 ปี ได้อธิบาย
วิธีการที่เขาคัดเลือกทีมงานบุคคลวัยหนุ่มสาว แรงจูงใจสูง และเข้าใจเทคโนโลยีดี แต่ประสบการณ์น้อย เพื่อการสร้างแมคอินทอช เขาได้
นำทีมการพัฒนาด้วยตัวเขาเอง และสามารถกระตุ้นความกระตือรือร้น
ของบุคคลทุกคนได้ดีดีมาก พวกเขาทำงานแยกตัวจากบริษัท เพื่อไม่ให้
ถูกขัดขวางจากระบบของบริษัท สตีป จ้อป เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้บริหาร
ที่เป็นผู้ฝึกสอน เขาได้กระตุ้นนวัตกรรม เสนอโอกาสที่ไม่น่าเบื่อ และยกย่อง
ผลงานของพวกเขา เขาเชื่อว่าบุคคลทำงานร่วมกันมองอะไรเหมือนกัน
บริหารตัวเองได้ดี ดังนั้นผู้บริหารควรจะกระตุ้นการใช้จินตนาการของ
บุคคลของพวกเขา เมื่อ ค.ศ 1984 แมคอินทอช คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ได้ปฏิรูปคอมพิวเตอร์
และเปลี่ยนแปลงโลก สตีฟ จ้อป เป็นตำนานด้วยเหตุผลหลายอย่าง
แต่ความสามารถของเขาอย่างหนึ่งที่ไม่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งคือ ความ
สามารถเป็นผู้สรรหาระดับโลก เขาสร้างทีมของบุคคลที่ผิดธรรมดา
และนำบุคคลสร้างงานที่ดีที่สุดของพวกเขา และเขาได้เปลี่ยนแปลง
อุตสาหกรรมดังที่เรารู้กัน เมื่อสตีฟ จ้อปได้ยึดครองแมคอินทอช ทีม บุคคลที่ยิ่งใหญ่ได้ถูกดึงดูดมาแอปเปิลเพราะว่า
บริษัทได้ระบุภารกิจและต้องการทำงานกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่ แน่นอน
สตีป จ้อป แสดงบทบาทที่สำคัญต่อการช่วยเหลือบุคคลมองเห็นสิ่งนี้
และให้พวกเขาด้วยงานที่ท้าทาย และสภาพแวดล้อมที่เหมะสมสร้าง
ผลิตภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่
* ณ 3 เอ็ม คุณจะมองเห็นบริษัทกระตุ้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ด้วยการ
ปฏิบัติต่อบุคคลทุกคนเป็นผู้ประกอบการ การเล่าเรื่องการบรรลุความ
สำเร็จของโพสท์ อิท โน้ต ของ 3 เอ็ม ผลิตภัณฑ์ทำกำไรสูงอย่างหนึ่งของ
บริษัท ในขณะนั้นแผนกการตลาดไม่ยอมให้มีการการผลิตโพ้สท์ อิท โน้ต
ตอนเเรก แต่ทีมพัฒนาเชื่อว่ามันมีโอกาสความสำเร็จสูง พวกเขาได้เเจกจ่ายตัวอย่างของโพ้สท์ อิท โน้ต ไปทั่วทั้งบริษัทและรอคอย ในไม่ช้าบุคคลติดกับดักโพ้สท์ อิท โน้ต
แผนกการตลาดได้ถูกร้องตัวอย่างมามากมาย ในที่สุดแผนกการ
ตลาดได้เห็นด้วยกับการเริ่มต้นผลิตโพ้สท์ อิท โน้ต ผลิตภัณฑ์ของ 3 เอ็ม
ทุกอย่างมุ่งที่ความสามารถแกนของบริษัทที่เกี่ยวพันกับเคลือบผิวและ
กาวเท่านั้น นักวิทยาศาสตร์ของ 3 เอ็มสามารถใช้เวลา 15% ของเวลา
ทำงานกับโครงการที่ไม่ใช่งานประจำวันของพวกเขา มันเป็นที่รู้จักกัน
ภายในบริษัทว่าเป็น การขโมยเวลา มันเป็นวิธีการที่ 3 เอ็มใช้รักษาการ
เป็นผู้ชนะ และกระตุ้นนวัตกรรม อารเธอร ฟราย
ปัจจุบันกฎ 15% ยังคงมีอยู่ ณ 3 เอ็ม เรื่องราวคลาสสิคของกฎ 15% คือ การค้นพบนวัตกรรมที่โด่งดังของ 3 เอ็ม โพสท์อิท โน้ต โดยนักวิทยาศาสตร์ชื่ออาร์เธอร์ ฟราย อาร์เธอร์ ฟราย นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งของ 3 เอ็ม
ต้องไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ กระดาษคั่นหน้าหนังสือเพลงสวดมักจะหล่นอยู่เสมอ ทำให้หาหน้าไม่เจอ ดังนั้นเขาได้เกิดความคิดอยากจะได้กระดาษคั่นที่มีกาวอ่อนติดและดึงออกโดยไม่มีร่องรอย และติดกับไปใหม่กับหน้าหนังสือเพลงสวดได้ เขาทราบว่า สเป็นเซอร์ ซิลเวอร์ นักวิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งของ 3 เอ็ม ได้ค้นพบกาวอ่อนนี้ แต่ได้ทิ้งไป เนื่องจาก 3 เอ็ม ต้องการกาวเหนียว ดังนั้นพวกเขาได้ร่วมมือกันโดยใช้กฏ 15% พัฒนาโพสท์อิสท์โน้ตขึ้นมาได้จนสำเร็จ

ณ ดานา คอรปอเรชั่น คุณจะมองเห็นการประชุมผู้จัดการโรงงาน การ
ท้าทายต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผ่านทางการปรึกษาหารือและ
ความร่วมมือร่วมใจไม่ใช่การเผชิญหน้า ปรัชญาของดานาคือการให้ความสำคัญแก่่บุคคลเหนือสิ่งอื่นใด เป้าหมายของบริษัทคือ การให้บุคคลทุกคนภายในโรงงานบริหารตัวเอง ผู้จัดการโรงงานแต่ละคนมีความเป็นอิสระ
สูง ตราบเท่าที่โรงงานสามารถทำกำไรอยู่ สำนักงานใหญ่ของบริษัทไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเลย เพื่อการมีส่วนร่วมของบุคคลภายในการบริหารของบริษัท ดานาเชื่อว่าบุคคลควรจะรู้ความเป็นไปและฐานะการเงินของบริษัท
เมื่อเรามีปัญหาเกิดขึ้นภายในโรงงาน บุคคลทุกคนอภิปรายปัญหา และค้น
หาทางเลือกข้อแก้ปัญหาร่วมกัน ด้วยการกระตุ้นบุคคลรับผิดชอบบริษัท
ของพวกเขาเอง ดานามองว่าสิ่งเหล่านี้สามารถสร้างความเป็นเจ้าของ
ภายในพวกเขาได้ วิธีการเหล่านี้บรรลุความสำเร็จสูงมาก ยอดขายเพิ่ม
ขึ้นเป็นสามเท่าต่อบุคคลหนึ่งคน
เรเน แมคเพอร์สัน ซีอีโอ ของดานา ได้โยนคู่มือนโยบายและระเบียบวิธีการปฏิบัติงานหนา 12 นิ้วของบริษัททิ้งไป และทดแทนด้วยคำแถลง
ปรัชญาหนึ่งหน้ามุ่งที่ประสิทธิภาพของบุคคล เขาได้เปลี่ยนแปลงจาก
บริษัทที่รวมอำนาจสูง ไปเป็นบริษัทที่การตัดสินใจเกิดขึ้น ณ ระดับโรง
งาน เขาได้ยกเลิกหกระดับการบริหาร การโยนนาฬิกาตอกเวลาทิ้งไป
เขามีชีวิตอยู่และหายใจด้วยประสิทธิภาพ นโยบายการเลื่อนตำแหน่งจากภายใน และข้อเท็จจริง 70% ของคนงานดานาเป็นผู้ถือหุ้น ได้กระตุ้นความผูกพันของคนงานต่อบริษัท เมื่อดานาเผชิญกับความยุ่งยาก และต้องปลด
บุคคลออกจากงาน บริษัืทค่อยปิดโรงงาน และส่งรายชื่อบุคคลที่ถูกออกจากงานไปยังผู้ผลิตอื่น ดานาได้รักษาการอุทิศต่อสิทธิของมนุษย์ไว้
*ณ นอรท อเมริกัน ทูล แอนด์ ไดน์ ภายในโอคแลนด์ แคลิฟอร์้นีย คุณจะมองเห็นทอม มาโลน จูงใจบุคคลของเขาทำงานเพื่อ ไม่มี เราได้พบกับเขา ยึดครองบริษัทเมื่อ 1978 เมื่อบริษัทกำลังเป็นธุรกิจที่ล้มเหลว คนงานของพวกเขาไม่มีทักษะ งานน่าเบื่อและ ทอม มาโลน ได้เพิ่มกำไร 700% เขากล่าวว่า ด้วย แก่คนงาน พวกเขาเป็นบุคคลที่ดี เขามักจะร้องให้เมื่อพูดถึง
ความรักของเขาต่อบุคคลของเขา
นอรท อเมริกัน ผลิตชิ้นส่วนให้กับบริษัทคอมพืวเตอร์หลายแห่งภายใน
ซิลิคอน แวลลี่ย์ ชิ้นส่วนเหล่านี้มีข้อกำหนดรายละเอียดมาก การผลิตทั้ง
ยุ่งยากและน่าเบื่อ ก่อนที่ทอม มาโลน จะเข้ามายึดครองบริษัทนี้ บริษัท
มีอัตราชิ้นส่วนชำรุดสูงและขาดทุน ทอม มาโลน ได้สร้างบรรยากาศของ
ความไว้วางใจภายในบริษัท เขาเชื่อว่าถ้าผู้บริหารไม่ซื่อสัตย์ต่อบุคคลแล้ว บริษัทไม่สามารถบรรลุความสำเร็จได้ เขาได้กำจัดความกลัวความ
ล้มเหลวออกไปจากจิตใจของบุคคล และได้กระตุ้นพวกเขาบรรลุความ
สำเร็จสูงขึ้นและสูงขึ้น ทอม มาโลนมีงานฉลอง บุคคลยอดเยี่ยมอยู่เป็น
ประจำ บุคคลทุกคนของบริษัทร่วมกันยกย่องและให้รางวัลแก่บุคคล
ที่คิดค้นสิ่งใหม่ ความสนใจที่ทอม มาโลนให้แก่บุคคลให้ผลคุ้มค่าอัตรา
ชิ้นส่วนชำรุดต่ำที่สุด บริษัททำกำไรสูง ทอม มาโลน พรั่งพรูอารมณ์
และสวมกอดบุคคล เมื่อเขาให้โบนัสแก่พวกเขา
* ณ แมคโดนัลด์ คุณจะมองเห็นบุคคลถูกให้รางวัลและกระตุ้นที่จะพยายาม การเเสดงการแข่งขันของบุคคลของเเมคโดนัลด์เมื่อ 2527
แมคคาทาลอน บุุคคลจากร้านแมคโดนัลด์ทุกแห่งของอเมริกาและทั่ว
ที่โลกแข่งขันกันทำเเฮมเบอรเกอรประมาณหกเดือน ผู้ชนะได้ไปเเข่งขันรอบสุดท้ายที่ลอสแอนเจลิสระหว่างการแข่งขันโอลิมปิคพอดี พวกเขา
ได้ใช้ชื่อว่า ผู้ืำเเฮมเบอรเกอร์ดีที่สุดเเละรวดเร็วที่สุดภายในโลก ด้วย
คำพูดจากภาพยนตร์ชี้ว่าการแข่งขันไม่ได้เป็นแค่การจูงใจ แต่เป็นแรง
บันดาลใจด้วย แมคโดนัลด์ทำให้การแข่งขันรอบสุดท้ายน่าสนใจมาก
ด้วยการใช้พิธีกเกมโชว์ การแข่งขันนี้ได้ถูกออกอากาศทั่วประเทศ
แมคโดนัลด์ มีชื่อเสียงความเชื่อถือได้ไปทั่วโลก ลูกค้าสามารถมั่นใจ
ที่จะพบบริการเป็นกันเอง สถานที่สะอาด และอาหารมีคุณภาพภายใน
ร้านอาหารทุกแห่งของแมคโดนัลด์ ข้อเท็จจริงที่น่าทึ่งคือ มากกว่า
75% ของร้านแมคโดนัลด์เป็นปฟรนไชส์อิสระ แมคโดนัลด์ใช้มาตรฐานดำเนินงานที่เข้มงวด เพื่อความมั่นใจว่ามาตรฐานของพวกเขาได้ถูกรักษา
ไว้ภายในร้านอาหารทุกแห่ง
* ณ ไอบีเอ็ม คุณจะมองเห็นไอบีเอ็มนำลำดับสูงสุด 10% ของกำลังขายของบริษัทจากทั่วโลกด้วยคู่สมรสของเขาเข้าร่วมโกลเด้น เซอร์เคิล ที่มี
เกียรติ ท่องเที่ยวภายในฮาวายสามวัน ใครก็ตาม มันได้ถูกใช้ยกย่องเพื่อผลการปฏิบัติงานที่ดีเด่น แต่มีความมุ่งหมายของการตลาด้วย คุณจะได้ยินคู่สมรสจำนวนมากพูดว่า คุณน่าจะนำฉันกลับมาที่นี่ปีหน้าอีก การฟังบัค โรเจอร์ตำนานพูดเกี่ยวกับค่านิยมของบริษัทต่อกำลังขาย ไอบีเอ็มให้
รางวัลแก่บุคคลที่บรรลุความสำเร็จสูงได้ผลคุ้มค่าบุคคลซื่อสัตย์ต่อบริษัทอย่างมาก และเเรงจูงใจเพื่อการบรรลุความสำเร็จที่สูง ไอบีเอ็มเชื่อต่อการ
ยกย่องและเคารพบุคคล บุคคลได้อำนาจหน้าที่ดำเนินหน่วยงานของ
พวกเขา ราวกับว่่าเป็นของพวกเขาเอง ไอบีเอ็มให้ความสนับสนุนอย่าง
เต็มที่แก่ผู้ชนะของพวกเขา รองประธานการตลาด บัคส์ โรเจอร์ กล่าว
ว่า ปรัชญาธุรกิจของไอบีเอ็มอยู่บนพื้นฐานความเชื่อสามอย่าง ข้อเเรก
การเคารพต่อบุคคลทุกคน ข้อสอง การให้บริการดีที่สุดแก่บริษัทใดก็ตาม
ภายในโลก และข้อสามการคาดหวังความเป็นเลิศจากอะไรที่บุคคลทำ
มันเป๋นความคิดของโทมัส วัทสัน เมื่อเขาเริ่มต้นธุรกิจย้อนหลังไปเมื่อ ค.ศ 1914 เขากล่าวว่าถ้าคุณทำธุรกิจกับไอบีเอ็ม คุณควรจะรู้สึกว่าคุณได้คุณค่าและบริการดีที่สุด ทุกปีไอบีเอ็มยกย่องพนักงานขายที่บรรลุหรือเกินโควต้าขายของพวกเขา ด้วยการนำพวกเขามาสู่คลับร้อยเปอร์เซ็นต์
พนักงานขายไอบีเอ็มฉลองการเป็นสมาชิกของพวกเขาภายในฮันเดรด
เปอร์เซนต์ คลับเมื่อ ค.ศ 1925 คลับไดัถูกพัฒนาเฉพาะเเก่พนักงานขาย
ที่บรรลุ 100% ของโควต้าขายต่อปีของพวกเขา สมาชิกได้รางวัลด้วย
การเข้าร่วมการประชุมฮันเดรด เปอร์เซ็นต์ คลับ
ประเพณีเริ่มต้นเมื่อ ค.ศ 1925 เมื่อประธานบริษัทไอบีเอ็ม โทมัท วัทสัน
ได้แสดงความยินดีต่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม 52 คน ณ การประชุมขาย
ทั่วทั้งบริษัทครั้งแรกของไอบีเอ็ม

เราทุกคนคุ้นเคยกับปรัชญา ลูกค้าลำดับแรกมายาวนาน ในระยะต่อมา
ได้กลายเป็นปรัชญาบุคคลลำดับเเรกลุกขึ้นมา เเต่กระนั้นโดยข้อเท็จจริง เราไม่สามารถมีบุคคลโดยไม่มีลูกค้า หรือลูกค้าโดยไม่มีบุคคล มันคล้าย
กับปริศนาไก่หรือไข่เกิดก่อนกัน เรื่องราวของ สตูว์ เลียวนาร์ด ได้แสดงปรัชญาของลูกค้าลำดับแรกได้ดีที่สุด โทมัส ปีเตอร์ ได้นำสตูว์ เลียวนาร์ด
ภายในนอร์วอลค คอนเนคติคัท มาสู่ความโดดเด่นภายในหนังสือขายดีที่สุดของเขา “In Search of Excellence” สิ่งเเรกที่มองเห็นเมื่อเดินไปสู่
สตูว์ เลียวนาร์ดคือ หินก้อนใหญ่หกตันวางอยู่ข้างหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต และถูกสลักด้วยกฏสองข้อของบริษัทบนก้อนหินนี้ว่า
กฏข้อ 1 ลูกค้าถูกต้องเสมอ
กฏข้อ 2 ถ้าลูกค้าผิด กลับไปอ่านใหม่กฏข้อ 1
ปรัชญาของเราได้ถูกสร้างบนตัวอักษรย่อชื่อของเรา – เอสทีอีดับบลัว
เอสหมายถึงความพอใจของลูกค้า มันเป็นงานสำคัญที่สุดของบุคคลทุกคน
ที หมายถึงการทำงานเป็นทีม การทำงานด้วยกันเป็นทีม อี หมายถึงความเป็นเลิศ ความพยายามเพื่อความเป็นเลิศภายในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ ความเป็นเลิศยืนยันคุณภาพและความสดของทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ และสุดท้าย ดับบลิว หมายถึงวาว การทำให้ลูกค้าพูดว่า วาว วาวเความสนุกสนานที่สตูว์ เลียวนาร์ด เป็นสถานที่ยิ่งใหญ่ที่จะซื้อสินค้าและทำงาน
สตูว์ เลียวนาร์ด ผู้ขายนมก่อนหน้านี้ เสียชีวิตเมื่ออายุ 93 ปี ผู้ก่อตั้ง
ตั้งดิสนี่ย์แห่งร้านขายนม เขาได้รวมบริการลูกค้าอย่างมุ่งมั่น ราคาต่ำ สินค้าคุณภาพสูง และของเล่น เช่น วัวร้องเพลง ไปสู่ร้านขายอาหาร
ค้าปลีกที่ยิ่งใหญ่ของโลก
นิวยอร์ค ไทม์ ได้เรียกชื่อพวกเขาเป็น ดิสนีย์แลนด์แห่งร้านขายนม และพวกเขาได้ถูกคัดเลือโดยวารสาร ฟอร์จูน 100 รายชื่อบริษัทที่ดีที่สุดเพื่อการทำงานภายในอเมริกาสิบปีติดต่อกัน พวกเขาไม่เป็นเพียงแต่ร้านขาย
นมใหญ่ที่สุดของโลกเท่านั้น แต่เป็นสถานที่ภายในกินเนส บุคต่อการมี
ยอดขายดอลล่าต่อตารางฟุตสูงที่สุดของพื้นที่การขายด้วย บริษัทได้รับ
การชื่นชมต่อความเป็นเลิศภายในบริการลูกค้าและคุณภาพ และได้ถูกนำ
แสดงภายในหนังสือของทอม ปีเตอร์ ด้วย สิ่งหนึ่งที่เขาชอบทำตลอด
ชีวิตของเขาคือ ยืนอยู่ที่ประตูหน้าของสตูว์ เลียวนาร์ด ทักทายลูกค้า
บ่อยครั้งด้วยชื่อ เขารักการให้คืนกลับแก่ชุมชนและมีหัวใจของการให้
ความฝันของเขาคือ การสร้างร้านขายนมตรงที่เด็กสามารถมองเห็นนม
ถูกบรรจุขวด ในขณะที่พ่อแม่ซื้อสินค้าของพวกเขาภายในบรรยากาศ
ตลาดของเกษตรกร
เมื่อปลายค.ศ 1960 นายสตูว์ เลียวนาร์ด ลูกชายของผู้เลี้ยงโคนม ณ นอร์วอล์ค คอนเนตติกัต ได้ทำธุรกิจครอบครัวคือฟาร์มโคนมอยู่ และได้รับรู้ว่าธุรกิจการจัดส่งนมแก่เพื่อนบ้านกำลังมีความต้องการลดลง เขารู้ว่าถึงเวลาแล้วที่จะเริ่มต้นบางสิ่งบางอย่างใหม่ เมื่อรัฐคอนเนตติกัต
ดีวีดี In Search of Excellence เป็นภาพยนตร์การฝึกอบรมคลาสสิคและขายดีที่สุดตลอดกาล กรณีศึกษาจากดิสนีย์ 3 เอ็ม สตูว์ เลียวนาร์ด ดานา และอย่างอื่น ให้ความเข้าใจต่อความเป็นเลิศและบริการลูกค้า ดีวีดีเรื่องนี้
ได้ปรับและอยู่บนพื้นฐานหนังสือขายดีที่สุด In Search of Excellence
ของโทมีส ปเตอร์ และโรเบิรต การมองที่แปดบริษัทอเมริกัน และอะไร
ทำให้พวกเขาเจริญรุ่งเรือง โดยทั่วไปบริษัทบรรลุความสำเร็จเพราะว่า
พวกเขาทำให้ทั้งลูกค้าและบุคคลของพวกเขามีความสุข บริษัทพยายาม
แสวงหาความดีเด่น เสียงรัวกลองคือ มันทุกอย่างลงมาที่บุคคล ทอม
ได้กล่าว ณ ตอนเริ่มต้นของภาพยนตร์ แต่ In Search of ได้สรุปว่า
บริษัทอเมริกันอาจจะไม่เป็นที่ชอบของคุณ แต่ชอบหรือไม่ชอบ ธุรกิจ
ของอเมริกาตามที่เรารู้มันเป็นธุรกิจ และภายในเวลาที่ยุ่งยากเพิ่มขึ้น
เหล่านี้ มันเป็นบริษัทดีเด่นที่จะอยู่รอด
ดังนั้นเราได้ไปหาดิสนีย์ เวิรลดภายในออรแลนโด ฟลอริดา บุคคล
ได้ถูกฝึกอบรม ราวกับพวกเขากำลังเข้ามาสู่ระเบียบทางศาสนา มิีคกี้
โดแนลด์ และกูฟี เป็นไอคอนที่จริงจัง ผู้มาเยี่ยมไม่ใช่นักท่องเที่ยว
ดีวีภาพยนตร์ “In Search of Excellence” ได้แสดง “ความสด” ของ
ปลา ณ สตูว์ เลียวนาร์ด ลูกค้าได้ใช้กล่องรับฟังข้อคิดเห็นร้องเรียนว่า
พวกเขาขายปลาไม่สดจริง ผู้จัดส่งปลาของสตูว์ ้ลียวนาร์ดโมโหต่อการร้องเรียนเพราะว่าเขาได้ซื้อปลาสดของเขาทุกวันตอนตีห้า ณ ตลาดปลาบอสตันและได้จัดส่งทันทีแก่สตูว์เลียวนาร์ด
ภายหลังการพูดคุยมากขึ้น
กับลูกค้าของพวกเขา ผู้จัดการร้านสตูว์ เลียวนาร์ด ได้ค้นพบว่าลูกค้า
บางคนเชื่อว่าปลาไม่สดเพราะว่ามันได้ถูกห่อภายในกระดาษแก้ว ดังนั้น
พวกเขาได้ตัดสินใจทดลอดด้วยการติดตั้งบาร์ปลาสดตรงที่ปลาวาง
บนบาร์น้ำแข็งเปิดเพื่อการขาย ผลตามมายอดขายปลาของพวกเขา
เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ครึ่งหนี่งของมีนมาจากบาร์น้ำแข็ง และครึ่งหนึ่งมา
จากมันยังคงห่อภายในกระดาษแก้ว สตูว์ เลียวนาร์ด เพิ่มยอดขายของ
พวกเขาเป็นสองเท่าด้วยการรัปฟังลูกค้า
สตูว์ เลียวนาร์ด นำปลาสดมาทุกวัน บรรจุภัณฑ์มันอย่างรอบคอบและ
เเสดงมันภายในตู้แช่เย็น ติดป้ายอย่างชัดเจนและภูมิใจว่าเป็น ปลาสด
สตูว์ เลียวนาร์ด ได้สร้างซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ที่สุดและผิดธรรมดามากที่สุดแห่งหนึ่ง และการนำหน้าของเขา ซุปเปอร์มาร์เก็ตอื่นหลายแห่งได้ลอกเลียนแบบอะไรที่เขาบุกเบิกอย่างมาก
สตูว์ เลียวนารด ได้สร้างถ้อยคำที่เหมาะสม – บุคคลที่ชอบปลาชอบปลา
สดจริงลูกค้าคนหนึ่งบอก สตูว์ เลียวนาร์ด ว่าเธอต้องการพวกเขามีปลาสดจริง เหมือนปลา ณ ตลาดปลาท่าเทียบเรือ ปลาวางอยู่ที่นี่บนแผ่นน้ำแข็ง ดังนั้นสตูว์ เลียวนาร์ดได้เเบ่งบาสดที่เข้ามาแต่ละวัน และแสดงปลาสดอย่างเดียวกันด้วยวิถีทางแตกต่างกันสองอย่างตามที่กล่าวมา

ปรัชญาการบริหารของสตูว์ เลียวนาร์ด ได้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ของลูกค้ารายหนึ่ง ผมกำลังยืนอยู่ทางเข้า ลูกค้าคนหนึ่งเดินมาหาผม และพูดอย่างไม่พอใจว่า เอกน็อกเปรี้ยวมาก(เครื่องดื่มสุราผสมไข่ไก่) ผมตอบว่า คุณผิดแล้ว เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าลูกค้าผิด ผมได้บอกว่าเราได้ขายเอกน็อกไปแล้วมากกว่า 300 แกลลอนเมื่อสัปดาห์นี้ คุณเป็นลูกค้ารายเดียวที่ไม่พอใจ ผมได้คืนเงินแก่ลูกค้าไป คำพูดสุดท้ายที่ได้ยินจากลูกค้าคือ ฉันจะไม่มาที่ร้านนี้อีกต่อไป ณ ที่บ้านตอนกลางคืน ผมไม่อาจจะลืมเหตุการณ์นี้ได้เลย และยอมรับว่าผมผิดไปแล้ว ข้อแรกผมไม่รับฟังลูกค้าเลย ข้อสองผมโต้เถียงและบอกว่าลูกค้าผิด และข้อสามผมได้ลบหลู่ว่าลูกค้าโกหก
สตูว์ เลียวนาร์ด พยายามจะสื่อสารกับลูกค้าให้ดีขึ้นอยู่เสมอ การใช้กล่องรับฟังข้อคิดเห็นภายในร้านที่ต้องเปิดอย่างเคร่งครัดทุกเช้า และการประชุมกับลูกค้าเป็นประจำ เพื่อที่จะรู้ว่าลูกค้าชอบหรือไม่ชอบอะไร นายสตูว์ เลียวนาร์ด ได้ใช้เวลาอย่างมากเดินดูรอบร้านและทักทายลูกค้าอยู่เสมอ
สตูว์ เลียวนาร์ด มุ่งเน้นการทำสด สิ่งแรกที่ลูกค้ามองเห็น เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาภายในร้านค้า บริษัทต้องการส่งเสริมภาพพจน์ของการเป็นตลาดอาหารสด สินค้าหลายอย่างขายภายใต้ฉลากของตัวเอง เช่น ธัญพืชอาหารเช้า สินค้านมมีชื่อเสียงมาก มาถึงร้านสดทุกวัน ภายใต้ฉลากว่า “คุณต้องมีวัวของตัวเองที่จะให้นมสดที่สุด”
หนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ ได้ขนามนาม สตู เลียวนาร์ดว่า “ร้านขายนมแห่งดิสนี่ย์แลนด์” เนื่องจากนักแสดงใส่เครื่องแต่งกาย ตารางเวลาความบันเทิง สวนสัตว์เลี้ยง และหุ่นยนต์สัตว์ ไปทั่วร้าน สตูว์ เลียวนาร์ด เป็นสถานที่สนุกสนานของเด็ก การแจกไอสครีมฟรี การสร้างความสนุกสนานแก่ครอบครัว เช่น วงดนตรีคันทรีการ์ตูนกล่องนมร้องเพลง กล้วยหอมร้องเพลง หรือไก่ร้องเพลง
สตูว์ เลียวนาร์ด ซุปเปอร์มาร์เก็ต ได้รับการสรรเสริญไปทั่วโลกต่อความความเป็นเลิศของการบริการลูกค้าและคุณภาพ และไดัถูกยกย่องภายในหนังสือยอดนิยมสองเล่มของทอม ปีเตอร์ คือ “Passion for Excellence” และ “Thriving on Chaos” แม้แต่โรนัลด์ รีแกน อดีตประธานาธิบดีของอเมริกา ยอมรับว่าสตูว์ เลียวนาร์ด มีความเป็นเลิศทางธุรกิจ
สตูว์ เลียวนาร์ด มีชื่ออยู่ 100 ลำดับของสถานที่การทำงานดีที่สุดภายในอเมริกาของวารสารฟอร์จูนเป็นประจำ สตูว์ เลียวนาร์ด จูงใจบุคคลด้วยการแบ่งกำไร และการใหัทุนการศึกษา เราไม่สามารถมีลูกค้าที่มีความสุขได้ ถ้าเราไม่มีบุคคลที่มีความสุข เราต้องให้รายได้และสวัสดิการที่ดีแก่พวกเขา เราไม่สามารถจ้างบุคคลที่เก่งได้ด้วยการจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำแก่พวกเขา

เมื่อเรเน แมคเพอร์สัน เป็นซีอีโอของดานา คอรปอเรชั่น เขาได้โยนทิ้ง
คู่มือนโยายยี่สิบสองนิ้วครึ่ง และทดแทนมันด้วยคำแถลงนโยบายหน้าเดียวของปรัชญามุ่งบุคคลที่มีประสิทธิภาพ เขาได้เข้าร่วมดานาเมื่อ ค.ศ 1952 เป็นวิศวกรขาย ความเชี่ยวชาญและทักษะภายในการทำงานกับบุคคลทำให้เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นซีอีโอของดานาเมื่อ ค.ศ 1972
วิถีทางการปฏิรูปต่อการบริหารของเขาอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อว่า
บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะควบคุมงานของพวกเขาเอง และร่วมภายในกำไร
ของบริษัท เขาได้สร้างนโยบายที่มอบอำนาจแก่แต่ละดิวิชั่นของบริษัืท
การยอมให้ผู้บริหารดำเนินงานบริษัทเล็กของพวกเขาเอง การร่วมการ
ตัดสินใจที่สำคัญกับผู้บริหารอาวุโสชองบริษัท การส่งเสริมบรรยากาศ
ของการสื่อสารโดยตรงที่เปิดกว้าง

เรเน แมคเพอร์สัน ได้ถูกยกย่องโดยวารสารฟอร์จูนเป็น “มาเวอริค”
เขามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประวัติของดานา เนื่องจากนโยบายที่ก้าว
หน้าของเขาต่อความสัมพันธ์ของผู้บริหารและบุคคล เขาได้ถูกยกย่องด้วยการทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่อุ้ยอ้ายไปสู่โมเดลประสิทธิภาพ
การก้าวไปอย่างเเรกของเรเน แมคเพอร์สัน เกี่ยวพันกับการกำจัดบุคคล 350 คนจากสายงานสนับสนุน 500 คน ณ บริษัท เรเน แมคเพอร์สัน ได้กระจายอำนาจระบบราชการของบริษัท ด้วยการกำหนดให้ผู้บริหารมี
ความรับผิดชอบมากขึ้นภายในการตัดสินใจ ณ การยืนยันของเขา ผู้บริหารต้องพบกับบุคคลไม่ใช่การส่งบันทึก เขาได้กระตุ้นผู้บริหารยกเลิกนาฬิกาบันทึกเวลาทำงาน สนับสนุนผู้บริหารช่วยเหลือบุคคลกำหนดเป้าหมายการผลิตของพวกเขาเอง และสร้างแผนการมีส่วนร่วมหุ้นของบริษัท

ดานา คอรปอเรชั่น ย้อนรอยต้นกำเนิดของมันไปยัง ค.ศ
1902 เมื่อแคลเรนซ์
สไปเซอร์ ได้คิดค้นข้อต่ออ่อนสไปเซอร์ใช้ภายในรถยนต์ แคลเรนซ์
สไปเซอร์ ได่ก่อตั้ง สไปเซอร์ ภายในเพลนฟิลด์ นิว เจอร์ซี่ย์ และเป็นประธานบริษัทตั้งแต่ ค.ศ 1910 ถึง ค.ศ 1914 เมื่อเขาได้ขอความช่วยเหลือจากอัยการ ชารลส์ ดานา เป็นผู้สืบทอดของเขา ชารส์ล ดานา ได้นำทางบริษัทนานกว่า 50 ปี และต่อมาเขาได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นดานา คอรปอเรชั่น
ระหว่าง ค.ศ 1960 ดานา คอรปอเรชั่น ได้กลายเป็นซัพพลายเออร์อิสระของส่วนประกอบและชิ้นส่วนทดแทนรถยนต์ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลกด้วยยอดขาบ500 ล้านเหรียญ
เรเน “เร็น” แมคเพอร์สัน ได้สืบต่อจากแจ็ค มาร์ติน เป็นซีอีโอของบริษัท
ด้วยความเป็นผู้นำที่มุ่งการปฏิรูป เขาได้ท้าทายโครงสร้างลำดับชั้นของ
ดานา ผลักดันการตัดสินใจและความรับผิดชอบไปจนสุดที่พื้นที่โรงงาน เขาได้ช่วยบุคคลลุกขึ้นไปสู่ความคาดหวังที่สูง ก่อตั้งมหาวิทยาลัยดานาสอนผู้บริหารระดับต้นเกี่ยวกับพื้นฐานของการควบคุมต้นทุน และการบริหารทรัพย์สิน โครงการฝึกอบรมภายในบริษัทแก่บุคคลที่ต้องการก้าวขึ้นไปผ่านทางลำดับชั้นของบริษัท
เรเน แมคเพอร์สันได้นำการบริหารแบบญี่ปุ่นมาสู่ดานาก่อนที่บุคคลส่วนใหญ่รู้มันเป็นอะไร เขาได้ถูกรับรู้อย่างกว้างขวางเป็นสถาปนิกของสไตล์การบริหารของดานา เรเน แมคเพอร์สัน ได้ปฏิรูปวัฒนธรรมบริษัทของ
ดานาที่จะสะท้อนได้ดีขึ้นต่อความเชื่อของบริษัทว่าบุคคลเป็นทรัพย์สินสำคัญที่สุดของพวกเขา

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *