คิดอย่างคานธี (2)
คิดอย่างคานธี (2)
จรัญ มะลูลีม
วัตถุประสงค์ในการเคลื่อนไหวของสรรโวทัย
ขบวนการสรรโวทัยมีเป้าหมายในการก่อตั้งเครือข่ายทั้งหมดของชุมชนที่เป็นหมู่บ้านพึ่งพาตนเอง ความสัมพันธ์ในครอบครัวซึ่งปัจจุบันถูกจำกัดไว้เฉพาะกลุ่มก้อนเดียวกันจะขยายครอบคลุมทั้งหมู่บ้าน ลบความไม่เสมอภาคทางเชื้อชาติ ลัทธิ วรรณะ ภาษา และปัจจัยอื่นๆ เช่นความเหลื่อมล้ำให้หมดไป (คานธีเคยกล่าวว่าเขาจะไม่ใส่เสื้อจนกว่าคนอินเดียทุกคนจะมีเสื้อใส่) การวางแผนการเกษตรจะช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีอาหารเพียงพอสำหรับทุกคน จนกว่าทุกคนในหมู่บ้านจะมีงานทำ อุตสาหกรรมนี้จะดำเนินการอยู่ในที่ทำงานที่เป็นกระท่อม สภาหมู่บ้านซึ่งเป็นหน่วยงานที่เป็นตัวแทนของทั้งหมู่บ้าน จะรับผิดชอบในการกำหนดกฎเกณฑ์ของชุมชน
หลักการของสรรโวทัย
สำหรับสรรโวทัยแล้วจะไม่มีการรวมศูนย์อำนาจ แต่มีบรรยากาศทางการเมืองและเศรษฐกิจในหมู่บ้าน มีดวงวิญญาณแห่งความรัก ความเป็นพี่น้องกัน มีความจริง และการไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งนี้การเสียสละจะแทรกซึมอยู่ในทุกคน รากฐานของสังคมจะเป็นอหิงสา จะไม่มีระบบพรรคและการปกครองโดยเสียงข้างมาก และสังคมจะปราศจากความชั่วร้ายของการกดขี่ข่มเหงที่มาจากเสียงข้างมาก สังคมนิยมในความหมายที่แท้จริง ในสังคมสรรโวทัย มาตรฐานทางจริยธรรม สังคม และการเงินจะใช้ในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด ศักยภาพสูงสุดในการพัฒนาอยู่ในบุคลิกภาพของแต่ละคน
สังคมสรรโวทัยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาคและเสรีภาพ ไม่มีที่ว่างสำหรับการแข่งขันที่ไม่เหมาะสม การเอารัดเอาเปรียบ และความเกลียดชังทางชนชั้น สรรโวทัยจึงเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าสากล ทุกคนควรทำงานอย่างอิสระและยึดแนวคิดของการไม่ครอบครอง เป้าหมายของสรรโวทัยจึงอยู่ที่งานของแต่ละคนจะเป็นไปตามความพยายามของเขา (Each according to his ability) และแต่ละคนจะเป็นไปตามความต้องการของเขาซึ่งจะบรรลุผลได้ในที่สุด
จะไม่มีทรัพย์สินส่วนตัวใด ๆ ซึ่งทำหน้าที่เป็นอาวุธในการแสวงหาผลประโยชน์และเป็นบ่อเกิดของอคติและความเกลียดชัง เช่นเดียวกับแรงจูงใจในการทำกำไรจะหายไป ค่าเช่าและดอกเบี้ยก็จะหายไปเช่นกัน ขบวนการสรรโวทัยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง อหิงสา และการปฏิเสธตนเอง ขบวนการสรรโวทัย พยายามอย่างจริงจังและกล้าหาญเพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่จำเป็นในการรวมผู้คนเหล่านี้เข้าด้วยกันด้วยความไว้วางใจที่แน่วแน่ในสวัสดิภาพของทุกคน
ประโยชน์แก่บุคคลย่อมมีอยู่น้อย การเติบโตของคุณภาพแต่ละอย่างจะขึ้นอยู่กับคุณภาพอื่นๆ หากคุณภาพทุกอย่างได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น คนๆ นั้นก็จะได้รับประโยชน์มากขึ้น
4. สวาเดชี
การรวมกันของคำศัพท์สันสกฤตสองคำทำให้ได้คำภาษาอังกฤษว่า “Swadeshi” ซึ่งมีรากมาจากภาษาสันสกฤต Swa และ desh ซึ่งหมายถึงตนเองหรือชาติของตน ดังนั้น Swadeshi จึงหมายถึงบ้านเกิดเมืองนอน คำคุณศัพท์ของคำว่า สวาเดชี ซึ่งแปลว่า “ประเทศของตนเอง” ในภาพกว้างๆ จึงสามารถแปลอย่างหลวมๆ ได้ว่า “ความพอเพียง”
เครื่องหมุนปั่นด้าย (Charkha)
คานธียืนยันว่าเครื่องหมุนปั่นด้ายมีความแตกต่างในด้านความสามารถในการจัดการกับปัญหาความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจด้วยวิธีที่สมเหตุสมผลที่สุด ตรงไปตรงมา ราคาย่อมเยา และเป็นมืออาชีพ มันหมายถึงทั้งความมั่งคั่งและอิสรภาพของประเทศ มันแสดงถึงสันติภาพทางการค้ามากกว่าความขัดแย้งทางการค้า เป็นชีวิตที่เรียบง่าย ที่มาพร้อมกับการช่วยเหลือผู้อื่น การใช้ชีวิตโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น และการหล่อหลอมสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างคนรวยกับคนจน ทุนและแรงงาน เครื่องหมุนปั่นด้ายจึงใช้ได้กับทุกคน
5. ผู้ดูแลผลประโยชน์ (Trusteeship)
ภาวะทรัสตีเป็นองค์ประกอบสำคัญของเศรษฐศาสตร์คานธีที่เน้นความเป็นเจ้าของที่ไม่รุนแรง แนวคิดนี้นำมาจากกฎหมายอังกฤษโดยคานธี แสดงถึงการเป็นผู้จัดการมรดกมากกว่าการเป็นเจ้าของสิ่งของ รวมถึงทักษะหรือความสามารถ ซึ่งล้วนต้องใช้เพื่อประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม และประโยชน์ส่วนตนจะอยู่ในบั้นปลาย ในระบบนี้ ทรัพย์สินทางวัตถุไม่ได้ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะที่เพิ่มความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเอง การเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จในการลดการบริโภคที่มากเกินไป เศรษฐกิจอาจได้รับการปรับสมดุลใหม่ภายใต้การเป็นทรัสตีและให้ความสำคัญกับความต้องการเร่งด่วน
คานธีเชื่อว่าการมีความต้องการมากกว่าหนึ่งอย่างจำเป็นต้องทำให้ผู้อื่นสูญเสียความต้องการของตนไป คานธีกล่าวว่ามีเพียงพอบนโลกนี้ที่จะตอบสนองความต้องการของทุกคน แต่ไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความโลภของทุกคน
ความเกี่ยวข้องของปรัชญาคานธีในปัจจุบัน
เศรษฐศาสตร์ (Economics)
Make in India เป็นการแสดงถึงอุดมคติแห่งความพอเพียงของคานธี ปรัชญาของคานธีจะมุ่งไปที่การเติบโตอย่างครอบคลุมซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างชนบทอินเดียให้ฟื้นคืนชีพ เขาเชื่อใน “การผลิตโดยมวลชน” มากกว่าการผลิตจำนวนมาก ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
สิ่งแวดล้อม
คานธีเตือนประเทศที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมที่ไม่มีข้อจำกัดและการแสวงหาผลประโยชน์จากธรรมชาติเพราะความโลภของมนุษย์ ผลของการไม่ยึดมั่นในการปกป้องสิ่งแวดล้อมของคานธีคือการทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรงและการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน
การบริหาร
การทำตามรูปแบบและค่านิยมของการไม่ใช้ความรุนแรงและสัตยากราหะของคานธี ที่มีต่อเรื่องความขัดแย้งภายในของอินเดีย เช่น ปัญหาการก่อความไม่สงบในแคชเมียร์ หรือรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียอาจได้รับการจัดการที่ดีขึ้น
การระหว่างประเทศ
แม้แต่นโยบายต่างประเทศของอินเดียก็ตั้งอยู่บนการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งเห็นได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าอินเดียไม่มีส่วนร่วมในการรุกรานใดๆ ในพื้นที่ต่างๆ ของโลก แม้ว่าภัยคุกคามด้านความปลอดภัยจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
อาจกล่าวได้ว่าคำสอนส่วนใหญ่ของมหาตมคานธี ยังคงมีความเกี่ยวข้องอยู่กับในโลกปัจจุบัน