ผลกระทบของราชินีแดง
ผลกระทบของราชินีแดง
ผลกระทบของราชินีเเดงสามารถถูกระบุเป็นแรงกดดันเพิ่มขึ้นเพื่อที่จะปรับตัวและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอเพียงแค่อยู่รอด ไม่ใช่เพียงแค่ชนะ แต่เป็นเพียงแค่อยู่รอด ถ้อยคำได้ถูกนำมาจาก “Through the Looking Glass” ของเลวิส แคร์รอลล์ภายในดินเเดนมหัศจรรย์ ราชินีสีแดงได้พูดกับอลิซว่า เธอกำลังวิ่งให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่เธอสามารถ เเต่เธอไม่ได้เคลื่อนที่ไปเธอติดอยู่ภายในที่เดิม ในขณะที่โลกรอบเธอเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมันเป็นความรู้สึกโดยทั่วไปภายในโลกสมัยใหม่ คุณรู้สึกคล้ายกับว่าคุณกำลังล้าหลัง ในขณะที่บุคคลอื่นวิ่งนำหน้าคุณได้พลาดโอกาสในขณะที่บุคคลอื่นยึดโอกาส เเต่กระนั้นความรู้สึกของปรากฏการณ์นี้ไม่ได้ใหม่นั่นคืออลิซจากดินเเดนมหัศจรรย์ รู้สึกอย่างไรภายในหนังสือคลาสสิคของเลวิส แคร์รอลล “Through the Looking Glass”ผลกระทบของราชินีแดงหมายความว่าการอยู่ภายในที่เดิมเป็นการล้าหลัง การอยู่รอดอีกวันหนึ่ง หมายความว่าเราจะต้องวิวัฒนาการร่วมกับระบบที่เราเกี่ยวพันระหว่างกัน ถ้าสัตว์ทุกอย่างได้วิวัฒนาการ ณ อัตราเดียวกันเราจะไมมีการเปลี่ยนแปลงความเกี่ยวพันระหว่างกันสัมพันธ์กันระหว่างสายพันธุ์ แต่กระนั้นไม่ใช่สัตว์ทุกอย่างได้วิวัฒนาการ ณ อัตราเดียวกัน ดังที่ชารลด์ ดาร์วิน ได้สังเกตุว่า สัตว์บางอย่างตอบสนองต่อเปลี่ยนแปลงมากกว่าสัตว์อื่นสายพันธุ์ที่ตอบสนองเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าสามารถมีข้อได้เปรียบมากกว่าสายพันธ์อื่นที่มันได้แข่งขัน และเพิ่มโอกาสของความอยู่รอดภายในระยะสั้น ข้อได้เปรียบเล็กน้อยเหล่านี้ไม่ได้สร้างความแตกต่างมาก แต่เมื่อการเเพร่พันธุ์ผ่านไป ข้อได้เปรีียบจะสะสม ภายในหนังสือของเลวิส แคร์รอลล์ ราชินีแดงได้บอกอลิซว่าโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากข้างล่างเท้าของเธอที่เธอต้องรักษาการวิ่งเพียงแต่รักษาตำแหน่งของเธอไว้”ปรับตัวหรือตาย” มันเป็นการสรุปรวมของทฤษฎีวิวัฒนาการผลกระทบของราชินีสีแดง ถ้อยคำผลกระทบของราชินีเเดงมาจาก เลวิส แคร์รอลล์ เขาไม่ได้เป็นนักเขียนเท่านั้น แต่จะเป็นนักสังเกตุการณ์ที่ดีของธรรมชาติมนุษย์ด้วย ผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขาคือ “Alice’s Adventures in Wonderland” และภาคต่อมาของมัน “Through the Looking Glass”ได้กลายเป็นคลาสสิคไร้กาลเวลาภายใน Through the Looking Glass อลิซ เด็กสาว ได้ถูกสั่งสอนโดยราชินีเเดงภายในบทเรียนชีวิตที่สำคัญเราหลายคนไม่ได้สนใจ อลิซพบตัวเธอเองวิ่งเร็วขึ้นและเร็วขึ้น แต่ยังคงอยู่ภายในที่เดิมความอยู่รอด – มันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่เราทุกคนพยายาม และธุรกิจไม่แตกต่างกัน บริษัทต้องปรับตัวตามให้ทันกับการแข่งขันหรือการพังทลายภายในโลกธุรกืจ แต่ความอยู่รอดเป็นวิถีทางเท่านั้นที่จะอยู่ลอยตัวหรือ เมื่อไรคุณรู้ว่าคุณได้ทำเพียงพอแล้วหรือ ถ้อยคำผลกระทบราชินีเเดงได้กลายเป็นความหมายอย่างเดียวกับความสำเร็จหรือความล้มเหลวภายในอุตสาหกรรม เมื่อธุรกิจต้องตามให้ทันการแข่งขันหรือความเสี่ยงภัยของความล้าหลังผลกระทบของราชินีแดงเป็นถ้อยคำของการมุ่งเน้นความต้องการของวิวัฒนาการที่จะยังคงแข่งขันและอยู่รอด ราชินีแดงได้บอกอลิซนี่ไงเธอเห็นไหม มันต้องใช้การวิ่งทุกอย่างที่เธอสามารถทำได้ที่จะรักษาที่เดิม เเต่ถ้าเธอต้องการไปที่อื่น เธอต้องวิ่งให้เร็วที่สุดอย่างน้อยสองเท่าที่เธอเคยวิ่ง อลิซ ได้รับรู้อย่างรวดเร็วว่าถ้าเธอหยุดวิ่ง เธอจะล้าหลัง ราชินีแดงได้บอกอลิซว่านั่นเป็นวิถีทางของชีวิตภายในอาณาจักรของเธอ ไม่เหมือนประเทศที่เชื่องช้า เธอต้องวิ่งอย่างต่อเนื่องที่จะยังคงอยู่ภายในที่เดิม ต้องวิ่งให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่คุณสามารถแต่เธอไม่ได้เคลื่อนที่เธอติดอยู่ภายในที่เดิม ในขณะที่โลกรอบเธอเปลี่ยนแปลงอย่างเร็วรวดเร็วมากผลกระทบของราชินีแดงเป็นคำพูดเปรียบเทียบใช้ภายในโลกธุรกิจอธิบายความพยายามที่ไม่บรรลุความสำเร็จของบริษัทที่จะนำหน้าการแข่งขัน โดยทั่วไปบริษัทศึกษาการแข่งขัน และได้ดำเนินการกลยุทธ์ช่วยเพิ่มยอดขายของพวกเขา แต่กระนั้นไม่อาจจะบรรลุเป้าหมายของพวกเขา เพราะว่าคู่เเข่งขันของพวกเขาได้ใช้กลยุทธ์อย่างเดียวกันทั้งที่บริษัทได้พยายามเหนือการเเข่งขัน บริษัทไม่ได้เจริญเติบโตหรือก้าวไปข้างหน้าด้วยเหตุนี้คุณพบตัวคุณเองวิ่งภายในที่เทียบเคียงกันและกัน ถ้าคุณหยุด คุณจะล้าหลัง มันคล้ายกับการแข่งขันวิ่งทางไกล ตรงที่คุณได้ใช้ความพยายามวิ่งนำหน้าคู่แข่งขันของคุณ แต่คุณได้พบตัวคุณอยู่เสมออยู่ภายในตำเเหน่งเทียบเคียงเหมือนกัน เพื่อการก้าวไปข้างหน้า คุณจะต้องวิ่งอย่างน้อยที่สุดเร็วเป็นสองเท่าผลกระทบของราชินีเเดงเหมือนกับบุคคลทุกคนวิ่งบนลู่เดียวกันและเพื่อที่จะหลบหนีมันคุณจะต้องเข้าใจว่าโลกนี้หลากหลายมาก เราไม่ได้มีเพียงแค่ลู่เดียวนี้คุณต้องหลุดพ้นไปจากมัน คุณสามารถสร้่างลู่ใหม่ผลกระทบของราชินีแดงเป็นความคิดว่ามันไม่เพียงพอที่จะอยู่เหมือนเดิมเราจะหลีกเลี่ยงธุรกิจของเราตกไปสู่กับดักของผลกระทบราชินีแดงอย่างไร การวาดความแตกต่างระหว่างคุณและการแข่งขันของคุณเป็นวิถีทางที่สำคัญที่จะชนะผลกระทบของราชินีเเดงภายในธุรกิจได้ คุณถอยหลังออกมา และมองที่อสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรม คู่แข่งขันของคุณกำลังทำอะไร มันมีแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่คุณสามารถใช้ประโยชน์หรือไม่และพยายามระบุพื้นที่ของโอกาสเพื่อการเจริญเติบโตมันจะให้ความเข้าใจที่ดีขึ้นแก่คุณของตรงไหนธุรกิจของคุณสามารถสอดคล้อง เมื่อคุณมองเห็นแนวโน้มของอุตสาหกรรมแล้ว มันเป็นเวลาที่จะกำหนดตัวคุณเองเหนือการแข่งขัน การค้นหาวิถีทางวางตำแหน่งธุรกิจของคุณให้มีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันเหนือคู่แข่งขันของคุณและมันสามารถเป็นอะไรก็ตามตั้งแต่การนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ไปจนถึงการสร้างบริการลูกค้า และมาตรฐานสนับสนุนแนวหน้าของอุตสาหกรรม ถามตัวคุณเองอะไรทำให้ธุรกิจของคุณไม่เหมือนใคร และสร้างความเเตกต่างตัวคุณเองภายในตลาดอย่างไร การทำบางสิ่งบางอย่างแตกต่างกัน สามารถช่วยคุณหลีกเลี่ยงกับดักของผลกระทบราชินีเเดงด้วยการให้คุณข้อได้เปรียบทางการแข่งขันเหนือการแข่งขันของคุณไม่ใช่จมอยู่ภายในวงจรของการปรับตัวตั้งรับ นวัตกรรมจะสำคัญต่อการหลีกเลี่ยงผลกระทบราชินีแดง ความพยายามเพื่อความสำเร็จผ่านนวัตกรรมและการคิดไปข้างหน้าจะช่วยให้คุณอยู่นำหน้าการแข่งขันการสนับสนุนสภาพแวดล้อมของความคิดสร้างสรรค์การระดมความคิดตรงที่คุณสามารถทดลองความคิดใหม่ การมองหาวิถีทางใหม่แก้ปัญหาภายในอุตสาหกรรมของคุณ และอย่ากลัวที่จะรับความเสี่ยงภัยของมันผลกระทบของราชินีแดงคาดคะเนว่า ข้อได้เปรียบทุกอย่างจะชั่วคราวดังนั้นคุณไม่สามารถชะล่าใจหรือคุณจะล้าหลัง เพื่อที่จะอยู่คุณต้องวิ่งให้เร็วขึ้น เเละเร็วขึ้น และคุณจะต้องวิวัฒนาการร่วมกับบุคคลและระบบที่คุณเกี่ยวพันระหว่างกันผลกระทบของราชินีเเดงเตือนใจเราว่าความชะล่าใจเป็นศัตรูของความก้าวหน้า ทำนองเดียวกับสายพันธุ์ต้องวิวัฒนาการที่จะอยู่รอด บุคคลและองค์การต้องตอบสนองที่จะเปลี่ยนแปลง เพื่อการนำหน้าการแข่งขัน และ ภายในอาณาจักรของ ธุรกิจผลกระทบของราชินีเเดงแสดงความสำคัญของการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและนวัตกรรมผลกระทบของราชินีแดงเป็นแนวคิดยืมมาจากการสนทนาระหว่างอลิซและราชินีแดง ภายในเรื่องราว ราชินีแดงได้บอกอลิซ มันต้องใช้การวิ่งทุกอย่างที่คุณสามารถทำ รักษาภายในที่เดิม ความคิดนี้ได้ถูกประยุกต์ใช้ภายในทั้งชีววิทยาและธุรกิจ ภายในสภาพเเวดล้อมของธุรกิจแล้วผลกระทบของราชินีแดงถูกใช้อธิบายความต้องการ เพื่อการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและนวัตกรรมเพียงแค่ตามให้ทันคู่แข่งขัน บริษัทอาจจะต้องการลงทุนภายในการวิจัยและการพัฒนา รับเอาเทคโนโลยีใหม่หรือปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการเป็นประจำที่จะยังคงแข่งขันภายในตลาดผลกระทบราชินีแดงยืนยันความคิดว่าภายในสภาพเเวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงและเเข่งขัน การยืนอยู่นิ่งคล้ายกับล้าหลัง การปรับตัวและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจำเป็นที่จะหลีกเลี่ยงความล้าสมัย และการรักษาความสอดคล้องไว้คุณต้องหาวิถีทางที่สร้างสรรค์ เพื่อการสร้างความแตกต่างตัวคุณเองจากคู่แข่งขันของคุณ การคิดภายนอกกล่องอย่างต่อเนื่อง การพิจารณาคุณสามารถปรับปรุงโมเดลธุรกิจของคุณนำหน้าคู่แข่งขันอย่างไร การมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคู่เเข่งขันของคุณ การนำหน้าพวกเขาต้องการการคิดภายนอกกล่องอย่างสม่ำเสมอ คุณต้องพยายามคิดนวัตกรรมใหม่ที่ล้ำหน้านวัตกรรมเดิมอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ผลกระทบของราชินีแดงทำให้คุณอย่ตรงที่ที่คุณอยู่ในขณะที่วิ่งเร็ว
นว้ตกรรมส่วนเพิ่มทำให้คุณตามทันคู่แข่งขันของคุณ คู่แข่งขันของคุณกำลังวิ่งอย่างรวดเร็วเท่าที่พวกเขาสามารถอยู่บนสายพานวิ่งเดียวกันด้วย คำถามที่กลายเป็นมาตรฐานเมื่อพูดเกี่ยวกับนวัตกรรมคือ คุณจะลบล้างตัวคุณเองอย่างไร แต่นวัตกรรมส่วนเพิ่มไม่ได้ทำให้คุณไปข้างหน้า คุณปรับปรุงธุรกิจของคุณและคุณกลายเป็นมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่มันไม่ได้ลบล้างธุรกิจ คุณต้องการสายตาที่แตกต่างกันบนโอกาส และสายตาเหล่านี้เป็นสายตาของลูกค้าของคุณ การหลบหนีราชินีสีเเดงจะผ่านทางนวัตกรรมลบล้างโมเดลธุรกิจส่วนใหญ่จะอยู่บนพื้นฐานวิถีทางสมัยเดิมของการกำหนดกลยุทธ์ การนำไปสู่การเปลี่ยนเเปลงเพิ่มขึ้นไม่ใช่ลบล้างธุรกิจ เรารู้ว่าธุรกิจไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยเพียงแค่การวิ่งให้เร็วขึ้น แต่ด้วยการวิ่งที่แตกต่างและฉลาดกว่าคู่แข่งขัน ภายในสภาพแวดล้อมธุรกิจของวันนี้กำหนดโดยการลบล้าง ขออย่ากลัวที่จะลบล้างธุรกิจของคุณเอง ก่อนที่บุคคลอื่นทำมันแก่คุณ การกระตุ้นวัฒนธรรมของนวัตกรรมและความอยากรู้ภายในองค์การของคุณ บริษัทที่ดำรงอยู่ได้ล้มเหลวที่จะตอบสนองต่อนวัตกรรมลบล้าง เนื่องจากพวกเขามุ่งโอกาสกำไรและลูกค้าเดิมมากเกินไปผลกระทบของราชินีเเดงได้ถูกสะท้อนภายในแนวคิดของ การทำลายอย่างสร้างสรรค์ด้วย ถ้อยคำที่สร้างโดยโจเซฟ ชุมปีเตอร์ ตรงที่นวัตกรรมใหม่ได้แทนที่นวัตกรรมเก่า เมื่อคุณตกอยู่ภายในสถานการณ์ผลกระทบของราชินีแดง มันอาจจะยุ่งยากอย่างมาก ที่คุณจะหลบหนีและตระเตรียมเพื่ออนาคตคำตอบจะได้มาจากนักเศรษฐศาสตร์ชาวออสเตรีย โจเซฟ ชุมปีเตอร์เขามีชื่อเสียงต่อการยืนยันของเขาว่า นวัตกรรมเป็นการทำลายอย่างสร้างสรรค์ นวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการเป็นเครื่องยนต์ของความเป็นจริงทางเศรษฐกิจใหม่นวัตกรรมทางเทคโนโลยีสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการเเข่งขันด้วยการสร้างธุรกิจใหม่ การพยากรณ์นวัตกรรมใหม่สามารถทำให้องค์การตัดสินใจอย่างฉลาด องค์การควรจะอยู่รอดด้วยการวิ่งอย่างน้อยที่สุดสองเท่ารวดเร็วกว่าคู่แข่งขัน แต่ควรจะวิ่งอย่างฉลาดกว่าและเเตกต่างกันด้วย
เคลย์ ตัน คริสเตนเซน นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยฮารวาร์ด ได้สร้างถ้อยคำนวัตกรรมแบบลบล้างเมื่อ ค.ศ 1997 ภายใน “The Innovator’s Dilemma” ถ้อยคำนี้ได้กลายเป็นที่แพร่หลายจากวอลล์ สตรีทไปจนถึงซิลิคอน แวลลี่ย์ ถ้อยคำหนึ่งที่ถูกเข้าใจผิดและประยุกต์ใช้ผิดมากที่สุดภายในพจนานุกรมธุรกิจนวัตกรรมแบบลบล้างไม่ใช่เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ดีดีขึ้น แต่มันจะเป็นนวัตกรรมที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เข้าหาได้ และถูกลงมากขึ้น การหามาได้แก่บุคคลจำนวนมาก เคลย์ตัน คริสเตนเซน ได้กล่าวว่าทำไมบริษัทที่ยิ่งใหญ่ได้ล้มเหลวโดยเฉพาะจากน้ำมือของบริษัทที่เพิ่งจะเริ่มต้น เล็กกว่า และทรัพากรน้อยกว่า คำตอบคือ นวัตกรรมแบบลบล้าง นวัตกรรมแบบลบล้างจะเป็นนวัตกรรมที่ถูกกว่าและใช้งานไม่ดีกว่ากว่าผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ภายในตลาด นวัตกรรมแบบลบล้างมักจะมุ่งกลุ่มลูกค้าของผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนเกินไปหรือแพงเกินไป หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการ ผู้บริหาร และนักลงทุนเข้าใจว่าสตาร์ทอัพเหล่านี้ในที่สุดสามารถคว่ำตลาดของพวกเขานวัตกรรมคือ การสร้างบางสิ่งบางอย่างที่ใหม่ ตามที่ไมเคิล ทัชแมนนักวิชาการ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้อธิบายว่า นวัตกรรมอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐาน หรือการเปลี่ยนแปลงส่วนเพิ่ม นวัตกรรมพื้นฐานคือ การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้ทดแทนผลิตภัณฑ์เดิมหรือเทคโนโลยีเดิมอย่างสิ้นเชิง เช่น เวิรลด์ ไวด์ เว็บ คือนวัตกรรมพื้นฐาน นวัตกรรมส่วนเพิ่มหรือนวัตกรรมยั่งยืน คือ การสร้างผลิตภัณฑ์จากการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมที่ไม่ได้ทำให้เทคโนโลยีเดิมล้าสมัย เช่น โทรศัพท์ไร้สายที่เล็กลง โจเซฟ ชุมปีเตอร์ นักเศรษศาสตร์ชาวออสเตรีย ได้สร้างถ้อยคำที่ดูแล้วเหมือนข้ดแย้งกันคือ การทำลายอย่างสร้างสรรค์ ภายในหนังสือของเขาชื่อ “Capitalism, Socialism, and Democracy” 1942 เขาได้มองการเป็นผู้ประกอบการเป็นกระบวนการอย่างหนึ่งของการทำลายอย่างสร้างสรรค์ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ได้ถูกทำลายไป และทดแทนด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ดังนั้นการเป็นผู้ประกอบการจะมุ่งการค้นพบและการแสวงหาประโยชน์จากโอกาสที่มีกำไร การเป็นผู้ประกอบการเป็นกลไกที่สำคัญ เพื่อที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง บริษัทที่กระตุ้นการเป็นผู้ประกอบการต้องยอมรับความเสี่ยงภัย ผูกพันกับนวัตกรรม และใช้การกระทำเชิงรุก ไม่ใช่การรอคอยโอกาสที่สร้างโดยบริษัทอื่นนวัตกรรมมักจะเป็นเหตุการณ์ทันทีทันใดและทำลาย นวัตกรรมส่วนใหญ่ได้ถูกมองว่าเป็นผลงานสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการมันจะปรากฏเป็นระยะจุดชนวนความไม่ต่อเนื่องอย่างมากภายในเส้นทางของการพัฒนาทางเศรษฐกิจ โจเซฟ ชุมปีเตอร์ได้กำหนดบทบาทที่สำคัญของนวัตกรรมแก่ผู้ประกอบการภายในผลงานเขียนชิ้นเอกของเขา “Theory of Economic Development”เขาได้มองการพัฒนาเศรษฐกิจว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่ต่อเนื่องที่เกิดจากผู้ประกอบการด้วยการจัดการการรวมกันใหม่ของปัจจัยการผลิตที่เขาเรียกว่านวัตกรรม ด้วยคำพูดอีกอย่างหนึ่ง ตามมุมมองของโจเซฟ ชุมปีเตอร์ ผู้ประกอบการ จะเป็น “ผู้ทำลายอย่างสร้างสรรค์” พวกเขาจะสร้างหรือทำให้เกิดการขาดดุลยภาพภายในเศรษฐกิจด้วยการทำให้นวัตกรรมเป็นธุรกิจ
ตัวอย่างผลกระทบของราชินีแดงที่ดีมากแสดงปรากฏการณ์นี้ได้ถูกอ้างอิงต่อข้อวิจารณ์การลงทุนภายในอุตสาหกรรมสิ่งทอของวอร์เรน บัฟเฟตต์ เมื่อ ค.ศ 1962 วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ซื้อหุ้นภายในเบิรคไชร์ฮาธเวย์ บริษัทสิ่งทอ เขาคิดว่าเขาสามารถฟื้นฟูมันด้วยการลงทุนกับอุปกรณ์ใหม่ การลดต้นทุน และการกระจายไปสู่ธุรกิจอื่นเขามองเห็นว่าเบิรคไชน์ ฮาธเวย์ สามารถลงทุนอย่างสำคัญที่ลดต้นทุนผันแปรได้ และเพิ่มประโยชน์ทางเศรษฐกิจแต่มันไม่เพียงพอการประหยัดต้นทุนผันแปรได้จะถูกตัดราคาโดยคู่แข่งขันผ่านราคาที่ลดลง การลงทุนภายในข้อเสนอที่สูญเสียมันคือสาเหตุและผลกระทบของราชินีสีแดง โดยทั่วไปท่ามกลางหลายบริษัท การมุ่งอยู่ลอยตัวภายในอุตสาหกรรมที่ไม่ดี และด้วยเหตุนี้เงินทุนที่เสียไปต่อผลตอบแทนที่ไม่ดีของมัน มันจะทำให้เกิดระลอกคลื่อนทั่วทั้งองค์การแต่ในไม่ช้าเขาได้รับรู้ว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอหายนะ เมื่อการนำเข้าถูกกว่าจากต่างประเทศทะลักสู่ตลาด ไม่ว่าเขาเขาลงทุนมากน้อยแค่ไหน เขาไม่สามารถตามทันสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงเขาได้บันทึกระบุว่าเงินที่เขาเทภายในบริษัทสิ่งทอจะเป็นข้อผิดพลาดของการลงทุนยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาเท่าที่เขาเคยทำ
ในที่สุดเขาได้ปิดการดำเนินงานสิ่งทอเมื่อ ค.ศ 1985 และได้มุ่งที่การใช้เบิรคไชน์ ฮาธเวย์เป็นบริษัทผู้ถือหุ้นต่อการลงทุนอื่นของเขาเขาได้เรียนรู้จากความผืดพลาดของเขา และได้ประยุกต์ใช้ผลกระทบของราชีนีแดงต่อกลยุทธ์การลงทุนของเขา และเขาทำให้เบิรคไชน์ ฮาธเวย์กลายเป็นบริษัทที่บรรลุความสำเร็จและเคารพมากที่สุดภายในโลกผลกระทบของราชินีแดง หมายความว่าการยังคงอยู่ภายในที่เดิมคือ การล้าหลัง มันเป็นความต้องการที่จะปรับตัวและวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องภายในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บริษัทจะต้องคิดค้นอยู่เสมอ และค้นหาวิถีทางใหม่นำหน้าการแข่งขัน ด้วยคำพูดอีกอย่างหนึ่งของผลกระทบของราชินีแดง ธุรกิจต้องวิ่งให้เร็วอย่างน้อยที่สุดสองเท่า คุณสามารถมองเห็นผลกระทบของราชินีเเดงทุกแห่งภายในธรรมชาติมันเป็นทำไมสัตว์และพืชจะต้องแข่งขันและวิวัฒนาการอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่นกบต้องจับแมลงที่จะกิน และเเมลงต้องหนีจากกบที่จะมีชีวิตอยู่ดังนั้นกบได้พัฒนาลิ้นให้ดีขึ้น และเเมลงได้พัฒนาปีกให้ดีขึ้นมันเป็นการเเข่งขันที่ไม่เคยสิ้นสุด ตรงที่ไม่มีใครสามารถชนะ มันเป็นอะไรที่ชารลส์ ดาร์วินได้ค้นพบเมื่อเขาได้เขียนหนังสือที่มีชื่อเสียงของเขา “On the Origin of Species” เมื่อ ค.ศ 1859 เขาได้มองเห็นว่าธรรมชาติไม่สงบสุขแต่วุ่นวาย”ผู้ปรับตัวได้ดีที่สุดคือผู้อยู่รอดไม่ใช่ผู้เข้มแข็งที่สุดหรือฉลาดที่สุด” ข้อความนี้โดยชารลส์ ดาร์วิน อธิบายอย่างมากเกี่ยวชีวิตการอยู่รอดและชนะการแข่งขัน เมื่อเราวางสปอรตไลน์บนโลกธุรกิจ มันสามารถจะมองเห็นได้ง่ายว่าผู้นำธุรกิจทุกคนอยู่บนรากฐานภายในราชินีแดงของพวกเขาเองมันเป็นคำพูดเปรียบเทียบใช้ภายในโลกของธุรกิจระบุความพยายามที่ไร้ผลของธุรกิจที่จะเหนือกว่าการแข่งขันโดยทั่วไปบริษัทศึกษาการแข่งขันของพวกเขา จุดเเข็งและจุดอ่อนของพวกเขาที่จะคิดกลยุทธ์เพิ่มยอดขายและกำไรของพวกเขามันค่อนข้างจะเป็นวิถีทางปฏิบัติอย่างหนึ่งของการอยู่นำหน้าการแข่งขันแต่บริษัทอาจจะล้มเหลวที่จะบรรลุเป้าหมายของพวเขา แม้ว่าพวกเขามีความพยายามที่จะชนะการเเข่งขัน บริษัทล้มเหลวก้าวไปข้างหน้าหรือเจริญเติบโตแต่ทำไม สาเหตุคือ ผลกระทบของราชีนีเเดงถ้าสัตว์ทุกอย่างวิวัฒนาการ ณ อัตราเดียวกันเราจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงภายในการเกี่ยวพันสัมพันธ์กันระหว่างสายพันธุ์ แต่กระนั้นไม่ใช่ว่าสัตว์ทุกอย่างวิวัฒนาการ ณ อัตราเดียวกัน ตามที่ชารลส์ ดาร์วิน มองเห็น สัตว์บางอย่างตอบสนองเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าสัตว์อื่นมันไม่ได้เป็นความเข้มแข็งที่สุดของสายพันธ์ที่อยู่รอด หรือฉลาดที่สุด แต่เป็นสายพันธ์ุที่ตอบสนองเปลี่ยนแปลงได้มากที่สุด ภายใน “Deep Simplicity” จอห์น กริบบอน ได้อธิบายหลักการของราชนีเเดงกับกบเรามีวิถีทางหลายอย่างที่กบต้องการจะกินแมลง และเเมลงต้องการหลีกเลี่ยงจะถูกกิน กบอาจจะวัวัฒนาการให้ลิ้นยาวขึ้นต่อความมุ่งหมายที่จะจับแมลง แมลงอาจจะวิวัฒนาการบินให้เร็วขึ้นที่จะหลบหนีกบ แมลงอาจจะวิวัฒนาการเป็นรสชาติไม่น่าพอใจ หรือเเม้แต่ขับถ่ายยาพิษอันตรายต่อกบ และอย่างอื่นเราจะเลือกความเป็นเป็นไปได้อย่างหนึ่ง ถ้ากบมีลิ้นที่เหนียว มันจะพบง่ายขึ้นที่จะจับแมลง แต่ถ้าแมลงมีร่างกายที่ลื่นมันจะพบง่ายขึ้นที่จะหลบหนีกบ เเม้ว่าลิ้นได้สัมผัสมัน ขอให้คิดถึงถึงสถานการณ์ที่กบจำนวนหนึ่งอาศัยอยู่บนบ่อน้ำ และกินแมลงจำนวนหนึ่งรอบมันแต่ละปี เนื่องจากการเกลายพันธุ์ของกบตัวหนึ่งพัฒนาลิ้นที่เหนียวทากขึ้นเปรียบเทียบกับกบตัวอื่น และยีนเพื่อลิ้นที่เหนียวมากขึ้นจะแพร่กระจายผ่านฝูงกบตอนเเรก สัดส่วนของแมลงมากขึ้นจะถูกกิน แต่เเมลงที่ไม่ถูกกินจะเป็นแมลงที่ลื่นมากขึ้นดังนั้นยีนของความลื่นมากขึ้นของแมลงจะแพร่กระจายผ่านฝูงเเมลง ภายหลังจากนั้นไม่นาน เราจะมีจำนวนของกบบนบ่อเท่าเดิมก่อนหน้านี้ และสัดส่วนของแมลงเท่าเดิมจะถูกกินแต่ละปี มันดูราวกับไม่มีอะไรเลยเปลี่ยนแปลง แตกบมีลิ้นเหนียวมากขึ้น และเเมลงจะมีร่างกายลื่มากขึ้นผลกระทบของราชินีสีแดงไม่ได้หยุดอยู่ภายในธุรกิจมันได้ก้าวข้ามไปสู่การแพทย์และสุขภาพด้วย “The Emperor of All Maladies เป็นชีวะประวัติของมะเร็ง ครอบคลุมประวัติของการรักษาและการวิจัยมะเร็งตั้งแต่สมัยโบราณมาถึงปัจจุบัน สาระสำคัญของหนังสือคือ ผลกระทบของราชินีแดงภายในการรักษามะเร็งสิทธัตถะ มุกเคอร์จี ได้เปรียบเทียบการรักษามะเร็งต่อผลกระทบราชีนีเเดงของเลวิส คาร์รอลลกับทั้งเเพทย์และผู้ป่วย ราชินีเเดงได้บอกอลิซว่าโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใต้เท้าของเธอที่เธอต้องวิ่งเพียงแค่รักษาตำแหน่งของเธอ มันเป็นสถานการณ์ด้วยมะเร็งของเรา เราถูกบังคับให้รักษาการวิ่งเพียงแค่อยู่นิ่งสิทธัตถะ มุกเคอร์จี ภายในหนังสือได้รางวัลพูลิตเซอร์ของเขา “The Emperor of All Maladies : A Biography of Cancer” จักพรรดิ์แห่งโรคร้าย ชีวะประวัติโรคมะเร็ง เขาได้อธิบายการแข่งขันทางอาวุธวิวัฒนาการระหว่างยาและมะเร็ง มะเร็งเป็นความเจ็บป่วยที่มีชีวิต หายใจ ปรับตัว และไม่จบสิ้น สิทธัตถะ มุกเคอร์จี ได้บันทึกอย่างเข้มงวดความพยายามของมนุษย์ทุกอย่างทำให้มะเร็งสูญไป พวกเขาทุกคนต่างล้มเหลวภายในเป้าหมายในที่สุดของพวกเขา แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้สร้างความก้าวหน้า เขาได้ยกคำพูดอ้างอิงภายในหนังสือของ “Through the Looking Glass” ของเลวิส แคร์รอลล ราชินีเเดงได้บอกอลิซว่าโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใต้เท้าของเธอที่เธอต้องวิ่งเพียงแค่รักษาตำแหน่งของเธอ นี่เป็นสถานการณ์ของเรากับมะเร็ง เราถูกบังคับให้ให้วิ่งเพียงแค่ที่จะอยู่นิ่งหนังสือเล่มนี้เป็นชีวะประวัติภายในความรู้สึกแท้จริงที่สุดของถ้อยคำมันเป็นความพยายามเข้าไปสู่จิตใจของความเจ็บป่วยอมตะนี้เพื่อเข้าใจบุคลิกภาพของมัน ทำให้พฤติกรรมของมันเข้าใจง่ายขึ้น เขาอาจหาญลงไปสู่ขอบเขตของความเป็นไปไม่ได้ เมื่อเขาได้สัญญาที่จะตั้งคำถามสองข้อ การสิ้นสุดของมะเร็งเป็นไปได้ในอนาคตหรือไม่ มันเป็นไปได้ที่จะกำจัดความเจ็บป่วยนี้จากร่างกายและสังคมของเราตลอดกาลหรือไม่สิทธัตถะ มุกเคอร์จี ได้อธิบายราชินีแดงภายในสภาพเเวดล้อมของยาและโรคมะเร็ง เขาเป็นแพทย์อเมริกันเชื้อสายอินเดียได้เล่าเรื่องประว้ติของการวิจัยและการรักษาโรคมะเร็ง และการพัฒนาของมันตลอดเวลาหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงการสำรวจวิถีทางแตกต่างกันที่มะเร็งได้ถูกเข้าใจภายในยุคแตกต่างกัน ตั้งแต่ความคิดของกรีกที่มันเกิดขึ้นจากน้ำดีดำไปถึงความเชื่อของศตวรรษที่สิบเก้าการผ่าตัดที่รุนแรงเป็นการรักษาที่ดีที่สุดเมื่อ ค.ศ 2000 เจอร์รี เมย์ฟิลด์ ตำรวจหลุยเซียนาอายุสี่สิบเอ็ดปีเป็นซีเอ็มเเอล เริ่มต้นรักษาด้วยกลีวิค มะเร็งของเมย์ฟิลด์ ตอบสนองอย่างรวดเร็วเริ่มแรก ส่วนหนึ่งของเซลล์ลูคีเมียภายในไขกระดูกของเขาลดลงตลอดหกเดือน เลือดของเขาเป็นปรกติและอาการของเขาดีขึ้น เขารู้สึกกระปี้กระเปร่า เหมือนเป็นคนใหม่บนยามหัศจรรย์แต่การตอบสนองอายุสั้น ภายในฤดูหนาว ค.ศ 2003 ซีเอ็มแอลของเมย์ฟิลด์ได้หยุดตอบสนอง แพทย์ได้เพิ่มปริมาณของกลีวิคและเพิ่มมันอีกครั้งหนึ่งความหวังที่จะแซงหน้าลูคีเมีย แต่ไม่มีการตอบสนองอย่างใดเลย เซลล์ลูคีเมียได้อพยพใหม่ไปสู่ไขกระดูกและเลือดของเขา และบุกม้ามของเขา มะเร็งของเมย์ฟิลด์ได้กลายเป็นต่อต้านการรักษาแบบมุ่งเป้า เราได้ถูกคุมขังภายในการสู้รบตลอดไป เมื่อซีเอ็มแอลเตะกลีวิคออกไป เเละเมื่อมันเจริญเติบโตเร็วกว่ายานั้น เราย่อมจะต้องการยารุ่นใหม่สิทธัตถะ มุกเคอร์จี ได้เเสดงมะเร็งวิวัฒนาการอย่างสม่ำเสมอและโรคกลายพันธุ์อย่างไรมันได้ปรับตัวต่อการบำบัตแตกต่างกันและยาที่มนุษย์ได้พ้ฒนาต่อสู้มัน เขาได้เขียนว่า มะเร็งไม่ได้อยู่ภายในค่ายกักกันแต่มันร่วมอย่างน้อยที่สุดคุณลักษณะอย่างหนึ่งภายในประวัติของค่ายน่าเวทนามากที่สุด ความสามารถที่ไม่หยุดยั้งจดจำและเผยเเพร่ความเจ็บปวดของตัวมันเอง เซลล์มะเร็งไม่เหมือนเซลล์ธรรมดาผลกระทบของราชินีแดงภายในการรักษามะเร็งหมายความว่าแพทย์และนักวิจัยต้องรักษาการวิ่งให้เร็วขึ้นและเร็วขึ้นเพียงแค่อยู่ภายในที่เดิมพวกเขาต้องรักษาพัฒนายาใหม่ การผสมกันใหม่ กลยุทธ์ใหม่ และเทคโนโลยีใหม่ ตามให้ทันกับลักษณะที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของมะเร็ง แต่ทว่าภายนอกของมะเร็ง ผลกระทบราชินีแดงได้ถูกใช้กับความก้าวหน้าทางการเเพทย์โดยส่วนรวม และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีภายในสาขาวิชาอื่นด้วยความก้าวหน้า ทางการแพทย์ถูกขับเคลื่อนโดยความต้องการเเก้ปัญหา ปรับปรุงผลลัพธ์ และยกระดับคุณภาพขีวิต แต่มันได้สร้างปัญหาใหม่ ความท้าทายใหม่และความคาดหวังใหม่ด้วยความตายจากมะเร็งโดยส่วนรวมได้ลดลง มันได้ลดลง 15% ระหว่างค.ศ 1990 และ 2005 เนื่องจากการป้องกันดีขึ้น การคัดกรองดีขึ้นและความก้าหน้าของการบำบัด แต่เราไม่มีที่รู้จบของสงครามนี้ สิทธัตถะมุกเคอร์จี ได้ยกคำพูดราชินิสีเเดงของเลวิส คาร์รอลล มันต้องใช้การวิ่งทุกอย่างที่คุณสามารถ รักษาภายในที่เดิมผลกระทบราชินีแดงภายในความก้าวหน้าทางการแพทย์หมายความว่าแพทย์และนักวิจัยต้องรักษานวัตกรรม การเรียนรู้ และการปรับปรุง ตามให้ทันกับการความต้องการและอุปสงค์ที่เปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย สังคมและสภาพแวดล้อม
ผลกระทบราชินีสีแดงเป็นสมมุติฐานวิวัฒนาการที่เสนอแนะว่าสิ่งมีชิวิตต้องปรับตัว วิวัฒนาการ และแพร่พันธ์อย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแค่สืบพันธุ์อย่างต่อเนื่อง แต่เพียงแแค่รอดชีวิตภายในที่อยู่อาศัยแข่งขันกัน มันเป็นหลักการที่กระทบทุกด้านของชีวิตรวมทั้งธุรกิจสมมุติฐานราชินีสีแดงได้ถูกสร้างเป็นถ้อยคำภายในชีววิทยาวิวัฒนาการที่จะอธิบายว่าสายพันธ์ุ ต้องปรับตัวและวิวัฒนาการ ไม่เพียงแค่เพื่อข้อได้เปรียบการสืบพันธุ์เท่านั้น แต่เพื่อการรอดชีวิต เพราะว่าสิ่งมีชีวิตที่เเข่งขันกันกำลังวิวัฒนาการด้วย ทุกสายพันธุ์อยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างต่อเนื่องที่จะวิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดีกว่า เพื่อที่จะอยู่รอดท่ามกลางการแข่งขัน ตัวอย่างเช่น กระต่าย ต้องวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องที่จะวิ่งให้รวดเร็วตลอดเวลา หรือสายพันธุ์ของพวกมันจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงโดยสุนัขจิ้งจอก กลับกันสุนัขจิ้งจอกจะต้องวิวัฒนาการอย่างสม่ำเสมอที่จะวิ่งให้เร็วตลอดเวลา หรือพวกมันไม่สามารถล่ากระต่ายเป็นอาหารเพื่อความอยู่รอดของพวกมันได้สมมุติฐานราชินีสีแดงถูกเสนอครั้งแรกโดยลีห์ แวน วาเลน นักชีววิทยาอเมริกันเมื่อ ค.ศ 1973 ชื่อสมมุติฐานมาจากการวิ่งแข่งของราชินีสีแดงภายในนวนิยายของเลวิส แคร์รอล ค.ศ 1871 “Through the Looking Glass” สมมุติฐานราชินีสีแดงคือวิวัฒนาการร่วมกันของสายพันธุ์ ระบุว่าสายพันธุ์ต้องปรับตัวและวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องที่จะถ่ายทอดยีนไปยังรุ่นต่อไป และไม่ทำให้สูญพันธุ์ด้วย เมื่อสายพันธุ์อื่นภายในความสัมพันธ์แบบอยู่ร่วมกันกำลังวิวัฒนาการวิวัฒนาการเป็นการเปลี่ยนแปลงภายในสายพันธ์ุตลอดเวลา แต่กระนั้นด้วยวิถีทางของระบบนิเวศทำงานบนโลกหลายสายพันธุ์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและสำคัญระหว่างกัน เพื่อที่จะมั่นใจความอยู่รอดของมัน ความสัมพันธ์แบบอยู่ร่วมกันเหล่านี้ เหมือนเช่นความสัมพันธ์ของนักล่าและเหยื่อ การทำให้ชีวภาคดำเนินไปอย่างถูกต้อง และรักษาสายพันธุ์ไม่ให้สูญพันธุ์ นี่หมายความว่าเมื่อสายพันธุ์หนึ่งวิวัฒนาการ มันจะกระทบต่อสายพันธุ์อื่นภายในวิถีทางบางอย่างการวิวัฒนาการร่วมกันของสายพันธุ์นี้คล้ายกับวิวัฒนาการการแข่งขันทางอาวุธที่ยืนยันว่าสายพันธุ์อื่นภายในความสัมพันธ์ต้องวิวัฒนาการที่จะอยู่รอดด้วย ภายใน “Through the Looking Glass” ภาคต่อของ “Alice’s Advantures in Wonderland” โดย เลวิส คาร์ลอล อลิซ เด็กหญิงน้อยได้ถูกสอนโดยราชินีแดง ภายในบทเรียนที่สำคัญของชีวิตที่เราส่วนใหญ่ล้มเหลวที่จะสนใจ อลิซ ได้พบตัวตัวเธอเองวิ่งเร็วขึ้น และเร็วขึ้น แต่เธอได้พูดว่าอยู่ที่เดิมการแข่งขันนี้ได้ถูกขยายนำไปสู่การพัฒนาของสมมุติฐานราชินีแดง – ผลกระทบของราชินีสีแดง หรือการแข่งขันราชินีสีแดง การเน้นย้ำความต้องการของสิ่งมีชีวิตต้องปรับตัวและวิวัฒนาการ ไม่เพียงแค่เพื่อข้อได้เปรียบทางการสืบพันธุ์ แต่เพื่ออยู่รอดด้วยเพราะว่าสิ่งมีชีวิตที่แข่งขันกันกำลังวิวัฒนาการ
ภายใน “Through the Looking Glss” อลิซได้พัวพันภายในการวิ่งแข่งกับราชินีแดงที่เธอได้วิ่งเร็วขึ้น และเร็วขึ้น แต่เธออยู่ภายในที่เดิมอยู่เสมอ ราชินีแดงได้บอกอลิซว่าโลกได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วภายใต้เท้าของเธอที่เธอต้องรักษาการวิ่งเพียงแค่รักษาตำแหน่งของเธอ ภายในอาณาจักรของฉัน เมื่อราชินีแดงได้บอกอลิซภายในดินแดนอัศจรรย์ ที่นี่เราต้องวิ่งให้เร็วเท่าที่เราสามารถ เพียงแค่อยู่ภายในที่เดิม และถ้าเราต้องการไปที่อื่น เราต้องวิ่งเร็วเป็นสองเท่าการเเข่งขันเพื่อความอยู่รอดสามารถถูกอ้างเป็น การแข่งขันของราชีนีแดง ชื่อตัวแสดงภายใน “Through the Looking Glass”ของเลวิส คาร์รอล ภายในนิยายเรื่องนี้อลิซ ได้พบกับราชินีสีแดง ตัวหมากรุกที่มีชีวิตชีวา วิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้นอย่างไมย่อท้อไม่เคยหยุด
พวกเขาได้เริ่มต้นอย่างไรทุกอย่างที่อลิซจำได้คือ พวกเราวิ่งจับมือกัน และราชินีสีแดงวิ่งเร็วมากที่เธอสามารถทำทุกอย่างที่จะตามให้ทันเธอ และราชินีแดงยังคงร้อง เร็วขึ้น เร็วขึ้น แต่อลิซรู้สึกว่าเธอไม่สามารถวิ่งเร็วขึ้น แม้กระทั่งไม่มีลมหายใจที่จะพูดอย่างนั้นส่วนที่อยากรู้อยากเห็นที่สุดของสิ่งที่เป็นคือ ต้นไม้และสิ่งอื่นรายรอบพวกเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงที่ของพวกเขาเลย แต่กระนั้นพวกเขาวิ่งเร็วเท่าไร พวกเขาไม่เคยดูเหมือนที่จะผ่านอะไรก็ตามฉันประหลาดใจถ้าทุกสิ่งเคลื่อนตามไปกับเราหรือไม่ ความคิดสงสัยที่น่าสงสารของอลิซราชีนีสีแดงเหมือนที่จะเดาความคิดของเธอ ดังนั้นเธอได้ร้องว่า วิ่งให้เร็ว อย่าพยายามพูดในที่สุดราชินีสีแดงได้หยุดวิ่งและแลพยุงอลิซพิงต้นไม้ และบอกเล่าส่วนที่เหลืออยู่แก่เธอ อลิซมองไปรอบเธอด้วยความประหลาดใจ ทำไมฉันต้องเชื่อเราอยู่ใต้ต้นไม้นี้ตลอดเวลา อลิซพูด ยังคงหายใจเหนื่อยเล็กน้อยอยู่ราชินีแดงพูด “เดี๋ยวนี้ ตรงนี้ เธอมองเห็น มันต้องใช้การวิ่งทั้งหมดที่เราสามารถทำได้ที่จะทำให้เราอยู่ที่เดิม ถ้าเราต้องการไปที่อื่น เราต้องวิ่งอย่างน้อยที่สุดให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่า”ด้วยคำพูดอีกอย่างหนึ่ง หลักการของราชินีสีแดง หมายความว่า เราไม่สามารถพอใจ หรือเราตกอยู่ข้างหลัง เพื่อที่จะอยู่รอดอีกวันหนึ่งภายในอุตสาหกรรมที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราต้องวิ่งและเรียนรู้อย่างรวดเร็วและหนัก เราต้องวิวัฒนาการร่วมกับระบบและสิ่งแวดล้อม หลักการราชินีสีแดงถูกต้องไม่เพียงแต่ภายในธรรมชาติเท่านั้น แต่เรามีหลายตัวอย่างของธุรกิจด้วยโมเดลธุรกิจ
Cr : รศ สมยศ นาวีการ