การทำตามความฝัน คือ การไม่อยู่กับความจริงในปัจจุบันหรือไม่?
การทำตามความฝัน คือ การไม่อยู่กับความจริงในปัจจุบันหรือไม่?
โดย พระไพศาล วิสาโล
Q – หลวงพ่อคะ มีเรื่องเรียนถามค่ะ หนูมีความฝันที่จะเป็นนักกีฬาระดับโลก แต่ด้วยที่หนูมีภาระหน้าที่ต้องทำงานเป็นเภสัชกรซึ่งหนูเรียนเพื่อให้เป็นอาชีพเพื่อหาเงินตามที่แม่ต้องการ ซึ่งมันก็ให้เงินเดือนหนูเยอะมาก แต่หนูไม่ชอบ แต่อยากทำตามความฝันมากกว่า ซึ่งตอนนี้หนูเริ่มมีปัญหากับความคิดค่ะ เพราะหนูติดตามหนังสือธรรมะตลอด พระจะสอนให้เราอยู่กับปัจจุบัน แต่หนูก็ได้อ่านหนังสือขอองคุณบัณฑิต อึ้งรังสี เค้าสนับสนุนให้เราทำตามความฝัน ทำให้ตอนนี้หนูคิดแต่เรื่องความฝันเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายอยากซ้อมกีฬาอย่างเดียวให้เต็มที่ แต่แม่และคนรอบข้างก็อยากให้เราอยู่กับปัจจุบัน เพราะได้ทั้งเงิน และอยู่กับความจริง ซึงแม่บอกว่าความฝันของเรา หากฝันมาก หวังมากก็จะเจ็บมาก หนูเลยไม่รู้ว่าหนูควรจะทำอย่างไร เพราะในหัวหนูมีแต่ความคิดที่ทำยังไงให้หนูไปถึงฝันค่ะ หลวงพ่อแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา – หากเราจะทำอะไรก็ตาม(ที่ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายหรือผิดกฎหมาย) เราควรทำด้วยความรัก มากกว่าทำเพราะเงิน หากคุณรักที่จะเป็นนักกีฬา คุณก็ควรทุ่มเทเพื่อสิ่งนั้น โดยวางใจให้ถูกต้องว่า จะทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด ไม่ใช่เพราะอยากได้รางวัลหรือคำสรรเสริญชื่นชม ความอยากอย่างหลังนั้นเรียกว่าตัณหา ซึ่งจะเป็นการเพิ่มพูนกิเลส ตามมาด้วยความร้อนรน วิตกกังวล กระวนกระวายได้ง่าย แต่หากคุณทำด้วยความรัก มุ่งทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด นั่นแสดงว่าคุณทำด้วยฉันทะ ซึ่งเป็นแรงจูงใจที่พุทธศาสนามองว่าประเสริฐกว่าตัณหา
การทำตามความฝันหรืออุดมคตินั้น ไม่ได้หมายถึงการไม่อยู่กับปัจจุบัน คนเราควรมีจุดมุ่งหมายในชีวิต เมื่อตั้งจุดหมายและกำหนดเส้นทางชัดแล้ว พอเริ่มก้าวเดิน ตอนนี้แหละที่ใจควรอยู่กับปัจจุบัน อย่ามัวกังวลว่าเมื่อไหร่จะถึง ขอให้เดินไปเรื่อย ๆ และเดินแต่ละก้าวอย่างดีที่สุด (ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องรีบเดิน จ้ำเอา ๆ ) ในที่สุดก็จะถึงเป้าหมายเอง (หากเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง) แต่ถ้าไม่ถึงเป้าหมายเพราะเหตุใดก็แล้วแต่ ก็ไม่เป็นทุกข์ เพราะทำดีที่สุดแล้ว และได้เรียนรู้มากมายระหว่างทาง เป็นกำไรชีวิตที่ทรงคุณค่า
อย่างไรก็ตาม คนเราไม่อาจทำตามความฝันได้ทุกเรื่อง เพราะต้องคำนึงถึงเหตุปัจจัยอื่นด้วย (เช่น ฝันอยากเป็นนักกีฬา แต่ก็มีภาระต่อครอบครัว และต้องให้เวลากับการศึกษาเพื่อประกอบอาชีพในอนาคต) ตรงนี้เป็นเรื่องที่คุณต้องตัดสินใจเองว่า จะเลือกอะไรเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต การเลือกอย่างหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องตัดอีกอย่างหนึ่งไป แต่จะประสานสองอย่าง หรือเอาอะไรเป็นหลัก เป็นรอง เป็นเรื่องที่คุณต้องใคร่ครวญด้วยตัวเอง