jos55 instaslot88 Pusat Togel Online รัฐบาลประยุทธ์กับความท้าทาย 3 ด้าน - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

รัฐบาลประยุทธ์กับความท้าทาย 3 ด้าน

คอลัมน์ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ

ทหารประชาธิปไตย

รัฐบาลประยุทธ์กับความท้าทาย 3 ด้าน

ถ้าจะเปรียบเทียบรัฐบาลประยุทธ์ ในสภาพปัจจุบันก็เปรียบเสมือนรัฐนาวากำลังแล่นอยู่กลางทะเล ที่มีคลื่นลมมรสุมรุนแรง และมีพายุไต้ฝุ่น 2 ลูกที่กำลังก่อตัวขึ้นในแต่ละทิศทางของมัน หากมันมาร่วมตัวกันเข้าก็จะกลายเป็น PERFECT STORM ที่จะถาโถมทำให้รัฐบาลจมลงได้ ซึ่งนับเป็นการพิสูจน์ฝีมือของกัปตันโดยแท้

พายุลูกแรกที่กำลังถาโถมเข้าใส่รัฐบาลขาลงคือ พายุการเมือง ปรากฏการณ์สภาล่มเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่ารัฐบาลกำลังถูกท้าทายจากรัฐสภาอย่างหนัก แม้ในอดีตของรัฐบาลนี้จะผ่านพ้นการล่มของสภาหลายครั้งก็ตาม แต่ในปีนี้แค่เดือนที่ 2 มันส่อสัญญาณล่มติดๆกันและมีการตีรวนในสภาหนักขึ้น ถือว่าเป็นขาลงของรัฐบาล

            แรงลมด้านการเมืองที่แปรปรวนมันมาจากการเกิดกบฏขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ จนมีส.ส.ถูกขับด้วยการรู้เห็นเป็นใจของหัวหน้าพรรคถึง 21 คน ที่เหลือก็มีการตีรวนเพื่อต่อรองขอตำแหน่งรัฐมนตรี

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรคภูมิใจไทยก็สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ ด้วยการที่มีรัฐมนตรีถึง 7 นาย นำโดยหัวหน้าพรรค นายอนุทิน ชาญวีรกูล ทำการประท้วงโดยไม่เข้าประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สาเหตุมาจากความไม่พอใจเรื่องการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวออกไปอีก 30 ปี เสนอโดยกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีข่าวลือกันว่ามันไม่ค่อยโปร่งใสนัก โดยเฉพาะข้อตกลงที่จะให้เก็บ 65 บาทเป็นอัตราสูงสุดในส่วนที่ต่อออกไป ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมองว่ามันสูงเกินไป

เมื่อพิจารณาเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล การที่ส.ส.พรรคพลังประชารัฐมีส.ส.ออกไปถึง 21 คน ทำให้อ่อนกำลัง พรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย จึงมีอำนาจการต่อรองสูงขึ้น ล่าสุดก็พยายามทำคะแนนด้วยการยกเลิกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด โดยมีเงื่อนไขบางประการแต่ก็เป็นการหาเสียงกับชาวบ้านได้มากพอควร

ด้านพรรคประชาธิปัตย์ก็เชื่อขนมกินได้ว่า ถ้าเห็นว่าเรือจะล่มก็พร้อมที่จะสละเรือ และไปรวมตัวกับพรรคที่คิดว่าจะได้ฟอร์มรัฐบาลในอนาคต

ด้านมวลชนรัฐบาลก็กำลังได้รับการกดดันจากหลายด้าน โดยเฉพาะการที่ไม่อาจควบคุมราคาน้ำมันได้ในระดับที่จะทำให้เศรษฐกิจพอขับเคลื่อนไปได้ ทั้งนี้เพราะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากภาวะความตึงเครียดระหว่างประเทศ เช่น จีน-สหรัฐฯ กรณีทะเลจีนใต้ และไต้หวัน กรณีสหรัฐฯ-นาโต้ กับรัสเซียในกรณียูเครน

            หากรัฐบาลไม่ยอมลดภาษีสรรพสามิตและใช้เงินกองทุนอุดหนุนก็ยากจะตรึงราคาไว้ได้ ขณะเดียวกันก็จะต้องเพิ่มราคาก๊าซหุงต้มขึ้นอีก อันทำให้ประชาชนชั้นกลางและรากหญ้าเดือดร้อนซ้ำเติมทั้งปัญหาเงินเฟื้อและเศรษฐกิจตกต่ำ

เฉพาะหน้านี้รัฐบาลก็เจอกับแรงกดดันจากผู้ประกอบการขนส่งที่เรียกร้องให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ในระดับไม่เกิน 25-30 บาทต่อลิตร หรือให้ปรับสูตรไบโอดีเซลที่ทำให้ต้นทุนสูง ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังก็จะต้องได้รับแรงกดดันจากผู้ประกอบการสวนปาล์มน้ำมันที่ไม่เห็นด้วย

ด้านกระแสการต่อต้านจากมวลชนที่เคยเรียกร้องประชาธิปไตยและเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองก็เริ่มต่อตัวใหม่ หลังจากถูกรัฐบาลปราบปรามอย่างรุนแรงด้วยข้อหาที่เกินเลยไปมาก

ทางด้านรัฐบาลก็มีการเคลื่อนไหวจัดตั้งพรรคใหม่เกิดขึ้น อย่างน้อย 2 พรรคที่ประกาศว่าจะหนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ เช่น พรรคของกลุ่ม 3 กุมาร ที่มีนายสมคิดเป็นหัวหอก แม้จะประกาศหนุนพลเอกประยุทธ์ แต่ก็พร้อมจะชูนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ขึ้นเป็นนายรัฐมนตรี ด้วยจุดขายที่จะมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาลนี้ดูจะไม่มีน้ำยาว่าจะแก้ได้

แต่เอาเข้าจริงนายสมคิด จะแก้ได้หรือไม่ ก็ต้องรอดูให้ถึงวันนั้น เพราะปัญหามันหนักหนาสาหัสจริงๆ

อีกพรรคหนึ่งที่ทำการจัดตั้งโดยมีนายเสกสกล หรือ แรมโบ้อีสาน เป็นหัวหอก พรรคนี้ประกาศชัดเจนว่าหนุนพลเอกประยุทธ์ ซึ่งอาจจะเป็นพรรคที่ตั้งเข้ามาแทนที่ หรือมาเสริมพรรคที่นายฉัตรชัย อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยไปทำการจัดตั้ง และดูจะแผ่วๆไปในขณะนี้

โชคดีที่ในขณะนี้ พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ดูจะมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็น ทั้งนี้อาจะเป็นเพราะว่าพรรคก้าวไกลกำลังดีวันดีคืนในหมู่ชนหัวก้าวหน้า และคนรุ่นใหม่ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยยังไม่มีจุดขายพอเพียงที่จะดึงคะแนนในส่วนนี้ได้อย่างเป็นนัยสำคัญ แม้จะมีการชูลูกสาวคุณทักษิณ อย่างอุ้งอิ๋ง ว่าจะมาเป็นแกนนำคนรุ่นใหม่ แต่ภาพก็ยังเป็นรูปแบบของนายทุนไฮโซอยู่ดี

ความได้เปรียบของรัฐบาลประยุทธ์ ที่จะเป็นหลักได้ก็คือ สมาชิกวุฒิสภาที่ตั้งมากับมือ ว่าจะช่วยประคองรัฐนาวาไปได้ แต่ก็ไม่แน่ถ้าเรือจะล่มจริง พวกนี้ก็อาจสละเรือไปก่อน

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มพวกแนวคิดสุดโต่งทางศาสนา ที่คอยโจมตีพลเอกประยุทธ์ ว่าเป็นมุสลิมเพราะมีภรรยาเป็นมุสลิม ซึ่งเป็นความเท็จ ยิ่งพลเอกประยุทธ์ไปเปิดสัมพันธ์กับซาอุดีอารเบีย เลยยิ่งถูกกล่าวหาว่าจะไปร่วมมือกับซาอุฯ นำคนมุสลิมเข้ามา และกว้านซื้อที่ดินหลังยึดแผ่นดินไทย ซึ่งก็เป็นเท็จทั้งสิ้น เท่านั้นยังไม่พอ ลามปามไปถึงท่านรัฐบุรุษ ผู้วายชนม์ และองคมนตรีปัจจุบันอีกท่านหนึ่ง อันนับว่าล่อแหลมต่อการก้าวล่วงถึงสถาบัน ที่น่าแปลกใจทำไมผู้เสียหายจึงดูจะเฉยชา ไม่มีการชี้แจงให้เป็นกิจจะลักษณะและทั่วถึง ทั้งๆที่มีความพร้อมในเครื่องมือสื่อสาร และนี่มันจะกลายเป็นปัญหากระทบความมั่นคงอีกด้วย

            จากด้านการเมืองก็เข้ามาสู่คลื่นใหญ่ลูกที่ 2 คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในยุคโอไมครอน ที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะทุเลาลง ทั้งๆที่หมอฝ่ายรัฐบาลจะออกมาให้กำลังใจว่ามันจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ที่ไม่ร้ายแรง และไม่ใช่โรคระบาดในไม่ช้า แต่ก็ยังพบว่ามีคนที่ติดโรคนี้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น แม้จะไม่สูงนัก แต่ก็ยังเพิ่ม และก็ดูท่าว่ารัฐบาลจะเอาไม่อยู่ แม้จะเร่งฉีดวัคซีนที่เก็บตกของเก่ากับเพิ่มการฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 และเข็ม 4 ทำให้มองว่ากว่าถั่วจะสุกงาอาจจะไหม้ก่อน ปัญหาโควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาดจึงกลายเป็นปัญหาที่กระทบไปสู่การทรุดตัวทางเศรษฐกิจ ที่เป็นปัญหาหนักในขณะนี้

คลื่นที่ 3 ซึ่งเป็นคลื่นที่รุนแรงเหมือนสึนามิ เพราะมันมาใต้ทะเล และหนุนเนื่องกันเป็นปัญหาบานปลาย เริ่มจากระดับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันมีผลจากด้านต้นทุนหนุน (COST PUSH) ทั้งนี้เพราะการระบาดของโควิด-19 ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ SUPPLY CHAIN หรือห่วงโซ่ของปัจจัยการผลิตที่ขาดแคลนทำให้ ต้นทุนสูง ในขณะที่ความต้องการซื้อสินค้าอยู่ในระดับต่ำ เพราะเศรษฐกิจชะลอตัว สภาพอย่างนี้ต้องเรียกว่าเป็นสภาพที่แก้ไขยาก ไม่ใช่เพราะเรา แต่เป็นกันทั่วโลก เรียกว่า STAGFLATION  นั่นคือระดับราคาสูงขึ้นในขณะที่ความต้องการซื้อลดลงหรือชะลอตัว

ปัจจัยราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พุ่งขึ้นจากความตึงเครียดระหว่างประเทศทำให้ราคาขนส่งที่เป็นสัดส่วนในราคาสินค้าประมาณ 30% จะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และเงินเฟ้อชนิดนี้ก็ไม่อาจแก้ไขได้ ด้วยการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยจะมีผลสำเร็จได้ แค่ทำให้เกิดชะลอตัวของความต้องการซื้อสินค้า (DEMAND)ซึ่งขณะนี้มันชลอตัวอยู่แล้ว

ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจทรุดตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่อาจแก้ไขได้ทุเลาเบาบาง การเกิดแรงกระแทกจากคลื่นลูกใหม่ที่เรียกว่า STAGFLATION ก็จะกลายเป็นผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อรัฐนาวาของพลเอกประยุทธ์ เพราะรัฐบาลนี้ไม่มีขุนพลทางเศรษฐกิจที่มีฝีมือระดับพระกาฬที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และนี่อาจเป็นจุดตายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาก็ได้

หากรัฐนาวานี้ผ่านพ้นคลื่น 3 ลูกนี้ไปได้ก็คงบอบซ้ำเต็มที จนไม่สามารถดำรงตนอยู่ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดๆรวมทั้งความคิดแบบสุกเอาเผากิน คือความพยายามยึดอำนาจ โดยหวังจะใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการแก้ปัญหาก็คงจะแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะหมดฝีมือแล้ว

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *