เล่าอดีต ของ บู๊ คนเคยหนุ่ม
เล่าอดีต ของ บู๊ คนเคยหนุ่ม
ในช่วงทุกวันนี้ ปล่อยเวลาให้ผ่านไปวันๆ ซึ่งผ่านไปเร็วมาก มีกิจกรรมที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อสังคมบ้าง คือ บทความที่เขียนบ่อยๆนี่เอง นอกจากนั้น ไม่ค่อยได้รับโอกาสให้แสดงออกอะไรอีกแล้ว ยกเว้นเป็นกรรมการในองค์กรเล็กๆ ที่มีบทบาททางสังคมอยู่ พอสมควร
ในไลน์กลุ่ม เห็นเพื่อนๆเอาภาพสมัยเรียนและภาพวันรับปริญญามา post ทำให้คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ถึงแม้เวลาผ่านมานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยลืม โดยเฉพาะความภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นนักวิชาการเกษตรคนหนึ่ง ซึ่งได้มีโอกาสนำเอาความรู้ที่ได้มาเป็นฐานประสบการณ์ แล้วได้นำมาใช้เสมอๆ เริ่มแรกๆ อาจจะมีความล้มเหลวอยู่บ้าง เช่น เมื่อตอนเข้าทำงานใหม่ๆ อยู่ประจำที่ฉะเชิงเทรา ได้เคยรับเชิญให้ไปบรรยาย ความรู้เรื่องมันสำปะหลัง ที่อำเภอศรีราชา ซึ่งในการบรรยายครั้งนั้น ไม่ได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ สมกับที่เตรียมไป เพราะพูดไปไม่กี่นาที เกษตรกรคนหนึ่งลุกขึ้นพูดว่า เรื่องวิชาการหยุดได้แล้ว เขาไม่อยากฟัง พูดเรื่องราคาดีกว่าว่าราคาปีนี้จะเป็นอย่างไร จึงต้องหยุดบรรยาย ให้ผู้ที่รับผิดชอบด้านราคาบรรยายต่อไป
ผมยังจำได้แม่นว่า เมื่อยังเป็นหนุ่มอ่อนโลก เข้าทำงานใหม่ๆ ได้ออกท้องที่ไปบ้านเกษตรกรคนหนึ่ง เขาเป็นชาวสวนมะม่วงที่อำเภอบางคล้า ความจริงวันนั้น ตั้งใจจะไปสำรวจข้อมูลเพื่อมาทำรายงานวิชาการ และหาแนวทางส่งเสริม แต่ ได้โพล่งไปว่า ทำไมไม่ใส่ปุ๋ย จะได้ผลผลิตดีๆ พูดแค่นี้ เกษตรกรตอบว่า พูดแบบนี้ผมไล่ลงจากบ้านไปหลายรายแล้ว เป็นบทเรียนที่สำคัญเลยว่า เรายังไม่รู้จักเขา ไม่รู้ว่าเขารู้อะไรทำอะไร แต่ไปพูดเหมือนเขาไม่รู้ เป็นการดูถูกเขา เลยจำใส่ใจตั้งแต่นั้นมา ว่า จะพูดอะไร ต้องรู้จักคนฟังก่อนว่าเขาเป็นอย่างไร
การทำงาน หรือการที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ยิ่งมีบทบาทมาก กว้างขวาง ก็ได้ความรู้เพิ่มพูน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ประสบการณ์ เป็นความรู้ การที่ก้าวออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัย สมัยที่เริ่มต้นทำงานนั้น ยังไม่รู้อะไรเลย ได้แต่ฝึกและค้นคว้าหาความชำนาญไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคิดว่าอยากจะกลับไปเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็ได้เรียนตามความตั้งใจ และขยันขันแข็งกว่าสมัยเรียนเบื้องต้นมากๆ เพราะพอจะรู้แล้วว่าเราเรียนไปทำไม มีวัตถุประสงค์อะไร เสียดายที่เรียนไม่จบ แม้จะจบ course work แต่ทำวิทยานิพนธ์ไม่สำเร็จ เพราะตั้งใจทำงานที่กรมฯ มากเกินไปและที่ปรึกษาอยู่ห่างไกล ไม่อาจไปขอคำแนะนำ แต่ก็เป็นรางวัลชีวิตและประสบการณ์ ต่อจากนั้น ได้มีโอกาสไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ได้ประกาศนียบัตรขั้นสูง ( post graduate diploma ) กลับมา ก็ยังดี
เมื่อสมัยหนุ่มๆ เป็นข้าราชการส่วนภูมิภาค ได้เข้ามาช่วยราชการที่ส่วนกลาง เพื่อให้ได้เรียนปริญญาโทที่เกษตร จำได้ว่า ธนาคาร (ธกส. ) ไดเชิญให้นักวิชาการกรมส่งเสริมการเกษตรไปบรรยาย ซึ่งทางกองได้เสนอชื่อนักวิชาการที่จะไปบรรยายให้อธิบดีอนุมัติ ซึ่งมีชื่อผมรวมอยู่ด้วย อธิบดีอนุมัติทุกคนยกเว้นผม ไม่ให้ไปบรรยาย ทำให้ผมรู้สึกเสียใจมากๆ ที่ไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บังคับบัญชา ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะผมพูดติดอ่าง หรือเหตุผลอะไร อธิบดีไม่ได้เขียน ต่อมาได้สนิทกับอธิบดี เมื่อมีโอกาสทำงานมากขึ้น แต่ท่านคงลืมไปแล้วว่า ได้เคยสร้างความน้อยใจให้กับผมเป็นอย่างมาก
ถ้าใครเห็นความสำคัญของเรา เราจะมีกำลังใจทำงานโดยเฉพาะการบรรยายจะทำได้ดีถ้าได้รับความสนใจจากคนฟัง วันไหน ที่รู้สึกว่าเขาเบื่อหน่าย เรายิ่งแย่ลง เป็นไปตามที่เขาดูถูก เมื่อสมัยที่ผมได้เข้าโครงการแลกเปลี่ยนยุวเกษตรกร เมื่อปี ๒๕๑๔ ไปพักกับครอบครัวเกษตรกรชาวอเมริกัน เป็นเวลา ๖ เดือน ที่รัฐ Idaho และIowa ตลอดเวลาที่พักอยู่กับเขา นอกจากจะช่วยทำงานในฟาร์ม ร่วมกับเขาแล้ว เขายังพาไปบรรยายเรื่องเกี่ยวกับตัวเราว่าเป็นใคร ทำอะไรอยู่ที่ไหน บรรยายตามสมาคมไลอ้อน โรตารี่ ชุมชนต่างๆ พร้อมสัมภาษณ์วิทยุ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการแนะนำสังคมไทยให้ชาวต่างชาติในชนบทห่างไกลได้รู้จัก พร้อมกันนั้น ได้พยายามทำตัวเป็นคนดี ให้เขารู้ว่าคนไทยเป็นแบบนี้ ซึ่ง เมื่อเสร็จสิ้นโครงการได้ผลเป็นที่ประทับใจ และได้ความรู้ประสบการณ์เกี่ยวกับความเป็นอยู่ และระบบการเกษตรของเขา ซึ่งสามารถเอามาเผยแพร่ได้ต่อไปเรื่อยๆจนปัจจุบัน
เมื่อผมเรียนที่ประเทศอังกฤษ หลักสูตรปริญญาโท และ diploma นั้นเรียนด้วยกัน ต่างกันที่การสอบ และการทำวิทยานิพนธ์ ที่ระดับปริญญาโท คงจะยาก ซับซ้อนมากกว่า เพื่อนทั้ง ๒ หลักสูตรเป็นชาวต่างชาติมาเรียนกันมาก เขาขอร้องให้แต่ละประเทศพูดเรื่องเกี่ยวกับประเทศของเขา และของประเทศไทย ซึ่งมีคนไทยเรียนอยู่ทั้ง ๒ หลักสูตร ๕ คน นั้น ผมเป็นคนพูด ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างดี นอกจากนั้น ขณะที่ได้ไปศึกษางานที่ประเทศโปรตุเกส การกล่าวขอบคุณเมื่อไปดูงาน ณ สถานที่ต่างๆ เป็นหน้าที่ของนักศึกษาจากหลายประเทศผลัดกัน ของประเทศไทย เขาให้ผมเป็นคนพูดกล่าวขอบคุณ ที่โรงงานทำไวน์องุ่น ผมเริ่มต้นว่า ตั้งแต่มาประเทศโปรตุเกส ยังไม่เคยดื่มน้ำเลย เพราะร้านอาหารทุกแห่ง เขามีขวดโหลไวน์วางไว้บนโต๊ะ เหมือนที่เมืองไทยมีกาน้ำชาวางไว้
จากการที่ได้มีโอกาสไปหาประสบการณ์ในต่างประเทศระยะสั้นๆหลายครั้ง ทำให้ผมทะเยอทะยานตั้งใจทำงานที่รับผิดชอบ คืองานส่งเสริมพืชน้ำมัน(ถั่วเหลือง ปาล์มน้ำมัน ละหุ่ง งา ถั่วต่างๆ) และต่อมาได้เพิ่มความรับผิดชอบเป็นผู้อำนวยการกองส่งเสริมพืชไร่นา ซึ่งเพิ่มข้าวและพืชไร่ต่างๆมาอยู่ในความดูแล สมัยนี้ กองนั้น ไม่มีแล้ว ฉะนั้น เมื่อมีการจัดประชุมวิชาการในระดับโลก หรือนานาชาติ ผมได้เขียนรายงานเกี่ยวกับงานที่ทำอยู่ และสถานการณ์ในประเทศไปนำเสนอและร่วมออกความคิดเห็นในการประชุมต่างๆเป็นประจำและสม่ำเสมอ ทำให้ได้ไปประเทศต่างๆ เป็นการร่วมมือประสานงานกับสถาบันในต่างประเทศ นอกจากนั้น ได้เคย จัดการประชุมถั่วเหลืองระดับอาเซียน ที่ประเทศไทย ๑ ครั้ง และ จัดประชุมถั่วเหลืองระดับโลก ๑ ครั้ง แล้วยังจัดการประชุมเรื่องการใช้ประโยชน์จากถั่วเหลืองร่วมกับ FAO อีก ๑ ครั้งสำหรับอีกกิจกรรมหนึ่ง ได้ร่วมกับภาคเอกชน ส่งเสริมการปลูกทานตะวัน จนกระทั่งทานตะวันเป็นพืชที่เกษตรกรในแหล่งพืชไร่นิยมปลูกในปลายฤดูฝนปัจจุบัน ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดนี้ ได้รับความสนับสนุนจากอธิบดี เป็นอย่างดี ทั้งนี้ อธิบดีท่านที่อยู่ในช่วงกิจกรรมนั้นๆเป็นผู้นำและรับผิดชอบในกิจการทั้งหมด
เป็นประสบการณ์ที่ไป โครงการแลกเปลี่ยนและเรียนต่อดังกล่าว ทำให้สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ถึงแม้จะไม่เก่งมากนัก เพราะไม่เคยไปอยู่นานๆ ระยะหลังๆจึงหาความชำนาญเพิ่มเติม โดยซื้อหนังสือนิยายภาษาอังกฤษ หรือเรื่องราวธุรกิจของอุตสาหกรรมใหญ่ๆ หรือ ประวัติชีวิตคนสำคัญๆมาอ่าน หลายๆเล่ม เช่นนิยายของ Harold Robbin เสพติดมากในสมัยนั้น จะขึ้นรถลงเรือ หรือมีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็อ่านๆ ด้วยความมันในอารมณ์
ตอนหลังผมได้ไปเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์อยู่ในระยะสั้นๆ ขณะที่เริ่มไปรับตำแหน่งในช่วงแรกๆนั้น ได้มีการประชุมสหกรณ์เครดิตยูเนียนระดับนานาชาติ ซึ่งได้เชิญให้ผมในฐานะที่รับผิดชอบงานสหกรณ์ขึ้น panelบรรยายเป็นภาษาอังกฤษด้วย เมื่อขึ้นไปแล้ว ไม่มีข้อมูลอะไรอยู่ในมือ และไม่ทราบด้วยว่า นอกจากผมแล้วมีใครในกรมส่งเสริมสหกรณ์มาร่วมด้วยหรือไม่ แต่เนื่องจากเคยเป็นประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ที่กรมส่งเสริมการเกษตร เคยวิพากษ์วิจารณ์งานสหกรณ์มาก่อน ประกอบกับเคยเรียนวิชาสหกรณ์ และอาจารย์ผู้บรรยาย ก็บรรยายได้ดีจนประทับใจ จึงได้ใช้ประสบการณ์มาplotเรื่องไว้ในใจ แล้วบรรยายออกมาตอนนั้นเลย เมื่อพูดเสร็จแล้ว ไม่มีผู้ใดชมเชย แต่ถ้าเขารู้ว่าเป็นอธิบดีหน้าใหม่ นำประสบการณ์มาพูด ก็คิดแล้วพูดเลย จะต้องถูกชมเชยแน่นอน
จนกระทั่งเกือบจะเกษียณอายุราชการ มีเรื่องเล่าสมัยที่เป็นรองปลัดกระทรวงฯ ท่านปลัดกระทรวงได้มอบหมายให้ผมทำโครงการจัดตั้งกรมการข้าวและกรมหม่อนไหม เสนอ ครม. ซึ่งได้รับอนุมัติ และท่านปลัดกระทรวงได้มอบหมายให้ไปบริหารงานข้าว ที่ยังไม่ได้มีกฎหมายแบ่งแยกออกมาชัดเจน พอดีในตอนนั้น มีการประชุมงานข้าวในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอาเซียน จัดโดย IRRI ซึ่งเขาเชิญให้ผมเป็นผู้บรรยายสถานการณ์ข้าวของประเทศไทย ซึ่งมี เจ้าหน้าที่นักวิชาการจัดทำคำบรรยายพร้อม ภาพ power point ให้ ผมได้อ่านคำบรรยายในคืนก่อนที่จะบรรยาย แล้วในวันรุ่งขึ้น ก็ได้ขึ้นบรรยายเลย ในการบรรยายของผม ไม่ต้องอ่านเอกสาร พอฉาย power point ก็สรุปเป็นเรื่องๆ แล้วผนวกความเห็นเกี่ยวกับข้าวและชาวนา ที่เคยฟังนักวิจัยและนักส่งเสริมวิจารณ์มา ได้รับคำชมเช่นเคย
สำหรับการบรรยายเป็นภาษาไทย ก็เคยได้รับโอกาสอย่างไม่รู้ตัว ในวันนั้น ช่วงที่เป็นรองปลัดกระทรวงฯขณะเดียวกัน ในวันหนึ่ง ที่นั่งรถจะไปทำงานตอนเช้า ได้รับโทรศัพท์จากท่านปลัดกระทรวง ให้ไปบรรยายเรื่องการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชแทนท่านซึ่งมีความจำเป็นกะทันหัน จึงเดินทางตรงไปที่โรงแรมที่จัดประชุม แล้วขึ้นบรรยายทันทีโดยไม่เคยดูโพยมาก่อน แต่ก็ไม่มีปัญหาติดขัดอะไร เพราะทำงานพืชไร่และข้าวมานาน ทราบเรื่องเมล็ดพันธุ์เป็นอย่างดี การบรรยาย จึงราบรื่น และไม่มีใครทราบว่า เป็นการบรรยายแบบสดร้อนๆ ไม่ได้เตรียมการบรรยายมาแต่อย่างใด
ผมเคยร่วมประชุมและฟังบรรยายจากคนอื่นๆมามาก จนรู้ว่าพูดอะไรและอย่างไรที่น่าเบื่อ และอะไรที่น่าสนใจ จึงพยายามปรับตัวเอง ให้พูด เท่าที่คนติดอ่างแบบผมจะทำได้ เช่น พูดให้สั้นได้ใจความ ถ้ามีการเสนอภาพ ต้องตรงกับเนื้อเรื่อง หรืออาจมีสอดแทรกเรื่องสนุกๆเพียงเล็กน้อย ถ้าจะต้องอ่าน ก็อ่านช้าๆ สั้นๆอย่างชัดเจน เลื่อนภาพที่แสดงเร็วๆ อย่าค้างภาพไว้นาน จะชินตา เสียสมาธิ แล้วสรุปท้ายให้ประทับใจ
ลองคิดดูนะครับ เสนอชื่อ ผู้บรรยาย ให้อธิบดีอนุมัติไปบรรยาย อธิบดีอนุมัติทุกคน ยกเว้น ผมเพียงคนเดียว ซึ่งไม่ทราบเหตุผล แล้วผมจะรู้สึกยังไง นี่แหละ ชีวิตการทำงานของ บู๊ คนเคยหนุ่ม
เชียงใหม่ ๑๑ มีค. ๒๕๖๓
บู๊ คนเคยหนุ่ม