สงครามยุโรปใกล้เข้ามา ?

สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
สงครามยุโรปใกล้เข้ามา ?
ขณะที่มีข่าวเล่าลือว่า อิสราเอลจะเปิดฉากทำสงครามใหญ่ครั้งใหม่ในเร็วๆ นี้หมายกำจัดรัฐบาลอิหร่านที่นำโดย”อายะห์ตุลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี”ซึ่งคุกคามอิสราเอลด้วยสงครามตัวแทน(ผ่าน”ฮิซบุลเลาะห์-ฮามาส-ฮูธี”)นั้น
ในขณะที่ขาติมุสลิม ๒๑ ประเทศประชุมหารือกันที่”โดฮา”เมื่อ ๑๕ กย.๖๘ ตามคำเชิญของกาตาร์ ซึ่งถูกอิสราเอลถือวิสาสะโจมตีตัวแทน”ฮามาส”ที่นั่น(๙ ตค.๖๘)เพื่อหารือกันที่จะตั้งพันธมิตรทางทหารต่อต้านอิสราเอลซึ่งไม่เคยเคารพในอธิปไตยของชาติใดๆ
อีกด้านหนึ่ง สงครามยูเครนก็ขยายตัวรุนแรงหนักหนามากขึ้น ด้วยการเร่งโจมตีของรัสเซีย หลังการเจรจาหยุดยิงระหว่างผู้นำสหรัฐ”โดนัลด์ ทรัมป์”กับผู้นำรัสเซีย”วลาดิมีร์ ปูติน”ที่”แองเคอเรจ”ในอลาสกาล้มเหลว
โดยทั้งสองฝ่ายต่างโจมตีซึ่งกันและกันไม่ยอมลดละ
เมื่อไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมารัสเซียได้ส่งโดรนรุกล้ำแดนถูกโปแลนด์ยิงตกสามเครื่องและต่อจากนั้นโรมาเนียก็แถลงว่าโดรนรัสเซียบินเข้าไปในน่านฟ้าจนต้องใช้เครื่องบินรบขึ้นสกัดและขับไล่
ทั้งสองชาติที่ว่านี้ ล้วนเป็นสมาชิกของ”นาโต้”หรือองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือและเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป
ปรากฏว่าสหภาพยุโรปหรือ”อียู”ในที่สุดก็ทนทานไม่ได้ ผู้นำฝ่ายนโยบายต่างประเทศต้องออกมาแถลงว่า นั่นคือการล่วงละเมิดอธิปไตยของสมาชิกสหภาพยุโรปนั่นเอง
ในการนี้นักวิเคราะห์บอกว่ากรณีที่”ปูติน”ส่งโดรนรุกเข้าไปในโปแลนด์ ๑๙ เครื่องนั้น คือการส่งสัญญานบอกยุโรปให้รู้ว่า เขาจะไม่หยุดต่อต้านยุโรปในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
และนั่นก็คือความพยายามใช้สงครามเป็นเครื่องมือทางการเมือง ที่จะอยู่อย่างยืดยาวในตำแหน่งผู้นำรัสเซียต่อไป
ทั้งนี้ มิใยที่”ทรัมป์”จะขู่รัสเซียซ้ำๆ ชากๆ ว่าจะใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจอื่นๆ ต่อรัสเซียอีก หากไม่หยุดสงคราม
แต่”ปูติน”ทำเป็น”ใบ้กิน”เสียยังงั้น
สภาพการณ์ที่ว่านี้ ส่อนัยว่า เห็นทีการเกิดสงครามใหญ่ระหว่างรัสเซียกับยุโรปจะหลีกเลี่ยงมิได้เสียแล้ว แม้ในขณะที่”ทรัมป์”เอง ยังขยักขย่อนช่วยยูเครน
ท่าทีล่าสุดของรัสเซียที่คุกคามยุโรปก็คือ ร่วมซ้อมรบกับพันธมิตรคือเบลารุสระหว่างวันที่ ๑๒-๑๖ กันยายน ๒๕๖ ด้วยกำลังรถถัง เรือรบและเครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียง
คลับคล้ายจะบอกเป็นนัยว่า ยุโรปจงอย่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับสงครามยูเครนเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเจอดีแน่
ความจริงก่อนหน้าที่จะเกิดสงครามยูเครนนั้น สหภาพยุโรปเองก็ญาติดีกับรัสเซียในฐานที่สองฝ่ายต่างก็เป็นคู่ค้าซึ่งกันและกันในการซื้อขายน้ำมัน
แต่พอรัสเซียบุกยูเครน ความสัมพันธ์ก็ตึงเครียดขึ้น ถึงขั้นสหภาพยุโรปใช้มาตรการ”แซงชั่น”รัสเซียเลยทีเดียว
ถามว่าหากสงครามลุกลามออกไปนอกยูเครน ใครจะได้เปรียบระหว่าง”นาโต้”กับ”รัสเซีย”
ผมไปหาคำตอบอย่างย่อสั้นมาดังนี้ครับ
คือสองฝ่ายพอฟัดพอเหวี่ยงกัน
หากมองในแง่ศักยภาพด้านอาวุธปรมาณู โดยชาติ”นาโต้”ที่มีปรมาณู เช่นสหรัฐอังกฤษและฝรั่งเศส มีอาวุธปรมาณูรวมๆ กัน ๕,๕๕๙ หัวรบ
ในขณะที่รัสเซียมี ๕,๕๘๐ หัวรบ
สำหรับในแง่เศรษฐกิจนั้นกล่าวได้ว่า เศรษฐกิจรัสเซียยังคงมีความยืดหยุ่นสูง แม้จะต้องเผชิญกับการ”แซงชั่น”ของชาติตะวันตก รวมทั้งจากสหรัฐก็ตามที
ถามว่ากำลังรบของแต่ละฝ่ายมีเท่าไร
ตอบว่าในส่วนกองกำลังของ”นาโต้”(รวมสหรัฐ)อยู่ที่ ๓.๕ ล้านในขณะที่ของรัสเซียอยู่ที่ ๑.๑๓๔ ล้าน
ส่วนจะแยกแยะเป็นทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศฝ่ายละเท่าไรนั้น ผมคร้านจะไปหาตัวเลขครับ ต้องขออภัยด้วย
เท่าที่เล่ามานี้ ก็เพื่อจะบอกว่า กิเลสมนุษย์อย่าง”ทรัมป์”อย่าง”ปูติน”และอย่าง”เนทันยาฮู”(ผู้นำอิสราเอล)นั้น ต่างสามารถหาเหตุผลมาก่อสงครามได้ตลอดเวลา หากพวกเขาจะทำเพื่อการดำรงอยู่ในอำนาจและสร้างชื่อเสียง
เพราะเช่นนั้น ก็จงได้รีบทำใจกันไว้ก่อน เสียแต่บัดนี้เถิด
เผื่อว่า สงครามใหญ่บังเกิดขึ้นในยุโรปและตะวันออกกลางไปพร้อมๆ กันในไม่ช้า
ในขณะที่ภาวะสงครามชายแดนไทย-กัมพูชาก็ยังไม่จบสิ้น
แน่นอนครับ สภาพการณ์เช่นนี้ เสี่ยงต่อสงครามขยายตัวอันจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ ๓ เป็นอย่างยิ่ง







