ลมหนาวพัดมา ปีใหม่ ๒๕๖๘
ลมหนาวพัดมา ปีใหม่ ๒๕๖๘
ลมหนาวพัดมา ทำให้คิดถึงเมื่อเดือน ธันวาคม ก่อนปีใหมที่เพิ่งจะผ่านมา ที่ผมได้ไปพักที่ดอยอินทนนท์ ซึ่งหนาวมากๆ อุณหภูมิประมาณ ๑๓ องศา ทั้งนี้ เนื่องจาก ไม่ได้ปิดหน้าต่างห้องนอน (ก่อนใช้ห้องไม่ทราบว่าหน้าต่างเปิดอยู่) และยังอาบน้ำเย็นตอนเช้ามืด เพราะน้ำอุ่นยังไม่มา ทำให้มือเท้าชา ไม่มีความรู้สึก แต่เมื่อกลับมาพื้นราบ ก็ไม่เป็นอะไร ปกติดี สงสัยวัคซินไข้หวัดใหญ่คงช่วยไว้ได้ แต่หลังจากนั้น อีก ๒-๓ วัน ได้ไปกินข้าวเย็นที่บ้านรุ่นพี่ คนหนึ่ง ซึ่งอยู่นอกเมือง พอตกค่ำ อากาศเริ่มเย็นลง คิดเสียดายที่ใส่เสื้อไปเพียงตัวเดียว ไม่มีเสื้อชั้นใน ความหนาวเย็น ทำให้รู้สึกไม่สะบาย แม้จะอยู่ภายในบ้านก็ยังเย็น เมื่อกลับถึงบ้านพักแล้ว ยังกินโยเกิร์ต ๒ ถ้วยและดื่มนม แช่เย็น ซึ่งอากาศเย็นทำให้แข็งเป็นไอสครีม ต่อจากนั้น จึงได้ไปชำระล้างร่างกายบางส่วนข้างนอก ก่อนอาบน้ำ ที่ชอบทำอยู่เป็นประจำ ซึ่งหนาวอยู่แล้ว ก็หนาวยิ่งขึ้น เหตุการณ์นี้ทำให้เป็นหวัด ปวดหัว เป็นไข้และมีน้ำมูก ตอนแรกๆก็ไม่ได้กินยา เพราะคิดว่าหวัดคงจะหายไปเอง เหมือนที่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากนั้น ได้กลับมากรุงเทพ พร้อมหวัด และน้ำมูก มาอยู่กรุงเทพฯ ได้ ๓-๔ วันก็ยังไม่หาย แม้จะพยายามไปสังสรรค์ที่บ้านเพื่อน เมื่อกลับบ้าน ก็เป็นต่ออีก จนกระทั่งวันหนึ่ง รู้สึกหนาว และปวดหัวมาก คิดว่านอนยังไง ก็คงไม่สามารถหลับได้ จึงตัดสินใจไปหาหมอ ได้เลือกโรงพยาบาลทหารผ่านศึก แผนกฉุกเฉิน ซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ สามารถส่งค่ารักษาเบิกตรงกระทรวงการคลังได้ ขณะที่ไปถึงเป็นเวลาประมาณ ตีหนึ่งของวันรุ่งขึ้น
สถานการณ์ที่โรงพยาบาลเงียบสงัด แต่เมื่อถึงหน้าห้องฉุกเฉิน มีป้ายแนะนำให้กดออดเรียก และมีเจ้าหน้าที่ออกมา พร้อมกับชี้แจงกระบวนการ จนกระทั่งได้พบคุณหมอ ซึ่งเห็นแล้ว ยังอยู่ในวัยที่เริ่มทำงานมาไม่นาน คุณหมอได้ให้ยา paracetamol ยาลดน้ำมูก และยาแก้ไอ เห็นราคาแล้ว ประมาณ ๑๐๐ บาทเศษ แต่ไม่ต้องจ่าย เนื่องจากเบิกได้ดังได้กล่าวแล้ว ทีมงานที่เข้าเวร ห้องฉุกเฉินตลอดทั้งคืน นับว่า เสียสละเพื่อสังคมอย่างแท้จริง ทั้งนี้ รวมถึงโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ และคงจะทั่วโลกด้วย กลับจากโรงพยาบาล กินยาแล้ว ก็หลับสบาย ต่อจากนั้น พยายามลดน้ำมูก โดยเว้นระยะ หรือไม่สั่งน้ำมูกให้นานๆ แล้วก็สามารถหยุดได้ อีก ๔-๕ วันต่อมา
ปกติตอนเช้าๆ ประมาณ ตี ๕ หรือ ๖ โมงกว่าๆ (แล้วแต่จะตื่น) จะออกไปเดินที่ถนนซอยหน้าบ้านความยาวของถนนประมาณ ๔๐๐ เมตร บ้านผมอยู่กลางซอยพอดี ทุกๆวันเดินประมาณ ๔ รอบครึ่ง รอบละประมาณ ๘๐๐ เมตร เป็นระยะทาง ๓ กม.กว่าๆ เมื่อตอนเช้าวันนี้ ตี ๔กว่าๆ เช็คอุณหภูมิดู ประมาณ ๑๗ องศา เกรงว่าจะเป็นหวัดซ้ำอีก เลยใส่เสื้อออกไป ๔ ชั้น คือเสื้อกล้าม ๒ ชั้น เสื้อยืดคอกลม ๑ ชั้น และเสื้อแจ้กเก็ต (ที่เคยได้รับแจกมา) อีก ๑ ชั้น เมื่อออกไปเดินผ่าน คอนโดมิเนียมกลางซอย เห็นมีเจ้าหน้าที่ที่คอนโดใส่เสื้อยืดตัวเดียว ทำงานอยู่ และเห็นคนเดินผ่านไปมา ใส่เสื้อตัวเดียว พร้อมกับแจ๊กเก็ต คงไม่มีใครใส่ ๔ ชั้นแบบเราแน่ เลยกลับบ้าน ถอดเสื้อกล้าม ๒ ชั้น และออกเดินใหม่ เมื่อใช้เวลาในการเดินสักพัก ก็ไม่รู้สึกหนาว เพราะร่างกายได้ออกกำลังทำให้อบอุ่น กลับบ้านมาทำกายบริหาร แล้ว ก็เดินไปมา ใส่เสื้อยืดตัวเดียวก็ได้ สะบายๆ
มีสมาชิกไลน์กลุ่ม ส่ง clipให้กับกลุ่ม อธิบายว่าอาบน้ำบ่อยๆ ไม่เป็นการดี ทำให้ผิวหนังอ่อนแอ ไม่มีภูมิต้านทาน ซึ่งน่าจะเป็นความจริง ที่ทุกวันนี้ ผิวแตกและคันอยู่โดยตลอด รวมทั้ง เคยทราบมาก่อน ว่าการอาบน้ำฟอกสบู่เยอะๆทำลายไขมันที่หล่อเลี้ยงผิวหนัง ซึ่งข้อคิดนี้ ตรงกับที่เคยทำ สมัยที่ยังเมาๆอยู่ ดื่มเสร็จ มึนมาก นอนกันแถววงเหล้านั้นเลย ตื่นมา พวกเพื่อนๆพี่น้องยังนั่งดื่มอยู่ ก็เข้าวง ต่อไปเลย ไม่ต้องอาบน้ำแปรงฟันสะบายดี บางครั้ง ๓ วันแล้วยังไม่ได้อาบน้ำเลย
แต่เมื่ออายุมากขึ้น มีครอบครัว และลูกๆยังเล็กๆ ได้เลิกดื่มไปพักนึง และทำร่างกายให้สะอาดตลอดเวลา เป็นตัวอย่างแก่ลูกๆด้วย ตั้งแต่ลูกคนโตเกิด จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา ๔๕ ปีแล้ว ก่อนนอนตอนกลางคืน ผมสระผมทุกวัน และไม่ใส่น้ำมันใส่ผม เพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดลูกอย่างสบายใจ มาในปัจจุบันนี้ ใช้สบู่ที่อาบน้ำ สระผมทุกวัน และไม่ค่อยจะหวีผม โดยไม่จำเป็น เนื่องจากเห็นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง หน้าตาดี หวีผมทั้งวัน จนปัจจุบัน ไม่มีผมจะให้หวีแล้ว
การอาบน้ำ ทั้งตอนเช้าและก่อนนอน ทำให้อารมณ์แจ่มใส และมีความมั่นใจในตัวเอง ว่า เราได้ชำระล้างร่างกาย ก่อนที่จะออกไปข้างนอก และก่อนนอน โดยเฉพาะในหน้าร้อน การอาบน้ำจำเป็นมากๆ สำหรับผม มักจะ อาบน้ำ ๓ ครั้งต่อวัน คือ เพิ่มตอนเย็นที่ออกเหงื่อมานาน อีกรอบหนึ่ง ทั้งนี้ ใช้เสื้อผ้าเปลืองมาก ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าซ้ำหรือใส่นาน เปลี่ยนบ่อยๆ ทำให้การซักผ้าโดยเครื่องซักผ้าทำได้อย่างสบายใจ
มีแหล่งข่าว เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย บอกว่าอากาศที่หนาวเย็นนี้ แม้ความหนาวจะลดลง แต่จะเย็นตลอดถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ เป็นภาวะการณ์ ลานีญ่า ซึ่งเป็นข่าวดี เพราะชอบอากาศเย็น ที่ไม่หนาวมากนัก สังเกตดู จะเห็นว่าแดดอ่อนทั้งวัน เดินตากแดดก็ได้อย่าสบาย หมดภาระเรื่องเหงื่อ และการอาบน้ำบ่อยๆไประยะเวลาหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง คือ ได้ใช้เสื้อผ้าหนาๆที่เก็บไว้นาน เอามาใส่ แล้วจะได้ซักเก็บกันต่อไป
อีกไม่กี่วัน จะต้องกลับไปเชียงใหม่ สัมผัสอากาศเย็นๆอีกแล้ว แต่ถ้าไม่ประมาท มีผ้าห่ม และเสื้อกันหนาวเพียงพอ ก็ไม่น่ากลัวอะไร ถ้าให้ดี ควรจะนอนเบียดกับสิ่งมีชีวิตคือคนด้วยกัน เพื่อรับไออุ่นธรรมชาติที่สิ่งมีชีวิตมีอยู่ แต่น่าจะเป็นต่างเพศ และหรือที่อ่อนวัยกว่าจะสนิทใจที่จะทำแบบนั้น ถ้าไม่มีใครก็ หาวิธีอื่นๆก็ได้เหมือนกัน
สรุปแล้ว พวกเราน่าจะชอบอากาศหนาวๆเย็นๆ พอดีสำหรับเมืองไทย ถ้าเราดูแลตัวเองได้เหมาะสม ขอให้มีความสุขกับอากาศเย็นๆหนาวๆนะครับ
บู๊ ( คนเคยหนุ่ม )
บางเขน ๑๖ มกราคม ๒๕๖๘