วลาดีมีร์ ปูติน เปรียบเทียบตัวเขาเองต่อปีเตอร์ มหาราช
วลาดีมีร์ ปูติน เปรียบเทียบตัวเขาเองต่อปีเตอร์ มหาราช
ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน ได้เปรียบเทียบตัวเขาเองต่อปีเตอร์มหาราช กล่าวว่าเขาได้ร่วมเป้าหมายของซาร์ศตวรรษที่ 18 ของการได้กลับคืน “แผ่นดินรัสเซีย” ต่อจักรวรรดิ์ที่ยิ่งใหญ่ การพูดภายหลังการไปเยี่ยมนิทรรศการฉลอดวันครอบรอบ 350 ปี ของวันเกิดปีเตอร์ ปูตินได้ดึงการเปรียบเทียบต่อการบุกยูเครนของเขาแต่กระนั้นการการบุกยูเครนของรัสเซียได้สร้างความกลัวว่าปูตินมุ่งหมายไม่เพียงแต่การอ้างสิทธิ์พรมแดนเพื่อนบ้านและสาธารณรัฐรัสเซียก่อนหน้านี้เท่านั้น แต่อาจจะมีสายตาของเขาต่อโปแลนด์ ฟินด์แลนด์และบอลติคส์ ด้วย ที่ปรึกษาของโวโลดิมีร์ เซเลนซกี้ของยูเครน กล่าวว่า การวิจารณ์ของปูตินได้เเสดงความทะเยอทะยานจักรวรรดิ์นิยมของเขา และการบุกนั้นเป็นการยึดอย่างนองเลือดที่ได้พยายามแล้วท่ากลางหลักฐานมากมายของจำนวนผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ตามมาการโจมตีที่อยู่อาศัยพลเรือน นับตั้งแต่การบุกยูเครนเริมต้นเมื่อ 24 กุมภาพันธ์รัสเซียได้เเสวงหาที่จะให้เหตุผล การปฏิบัติการทางทหารพิเศษ เป็นวิถีทางของการคุ้มครองชาวยูเครนพูดรัสเซีย และได้ถอนรากองค์ประกอบ”นาซี” ภายในกองกำลังของยูเครนเมื่อเราเริ่มต้นรู้สึกต่อเรื่องราวประวัติศาสตร์ของรัสเซีย และมันเป็นตรงนี้ที่เรื่องเล่าน่าทึ่งของผู้นำยิ่งใหญ่ที่สุดสองคนของรัสเซีย – ปีเตอร์ มหาราช และเเคทเธอรีน มหาราช มาสู่ชีวิต คุณจะได้รับรู้ว่ามันไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องราวของผู้ปกครองใส่มงกุฏ พวกเขาเป็นมหากาพย์แท้จริงของการปฏิรูปและการยืนหยัดรัสเซียเป็นสังคมด้อยพัฒนาก่อนที่ปีเตอร์ และเเคทเธอรีน ขึ้นมาสู่อำนาจรัสเซียได้ถูกตัดจากส่วนที่เหลืออยู่ของโลก เนื่องจากขาดการค้าและสภาวะอากาศที่โหดร้าย ปีเตอร และเเคททั้งสองมีความฉลาดและความคิดใหม่ ไม่มีซาร์รัสเศียคนอื่นเคยมี ความคิดเหล่านี่ได้สร้างรัสเซียไปสู่ปะเทศทันสมัยเป็นอยู่วันนี้ ปีเตอร และเเค ได้ถูกจากเเยกจากกันโดยรุ่นอายุคนและไม่ได้สัมพันธ์กัน แต่มุมมองและการกระทำหลายอย่างของพวกเขาต่อการทหาร เศรษฐกิจ และบรรทัดฐานสังคมเหมือนกันดังนั้นคิดถึงรัสเซียไม่เหมือนกับที่เรารู้จักมันวันนี้ แต่เป็นยักษ์ใหญ่นอนหลับ ไม่ได้รับรู้ถึงศักยภาพของมันและปีเตอร์ได้เข้ามาผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ไม่ได้เพียงแค่ฝันที่จะเปลี่ยนแปลง แต่บัญชาการมัน เขาได้ยกเครื่องทหาร สร้างใหม่รัฐบาล และกำหนดใหม่บรรืัดฐานสังคม อะไรที่เขาไม่เพียงเเค่ปฏิรูป มันเป็นการปฏิรูปเอกลักษณ์ของชาติ ปีเตอร์ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ปกครอง เขาเป็นการปฏิรูปโดยคนเดียวภายหลังจากเขา แคทเธอรีน มหาราช ได้ยึดครอง และภายในการเดินตามร้องเท้าแรงกระตุ้นของปีเตอร์ ด้วยความสง่างามและความมุ่งมั่นเหล็กเธอไม่ได้เพียงแต่เดิน เธอได้ก้าวยาว ไม่ใช่เพียงแค่เดินตามร้อยเท้าของปีเตอร์ เธอได้สร้างเส้นทางของเธอเอง เธอได้ขับเคลื่อนรัสเศียไปสู่เวทีโลก ภายใต้การปกครองของเธอ ศิลปะได้เจริญรุ่งเรือง การศึกษาได้เจริญเติบโต และการเมืองของประเทศได้เปลี่ยนแปลง เธอไม่ได้เพียงแต่ดำเนินการมรดกของปีเตอร์ต่อไป เธอได้ยกมันไปสู่จุดสูงใหม่ และสร้างของเธอเองวลาดีมีร์ ปูติน ได้เปรียบเทียบตัวเขาเองต่อซาร์รัสเซียศตวรรษที่ 18ปีเตอร์ มหารราช วางการเปรียบเทียบระหว่างอะไรที่เขาเเสดงเมื่อพวกเขาแสวงหาทางประวัติศาสตร์คู่กันนำแผ่นดินรัสเซียกลับ เขาได้ทำให้อนาคตของรัสเซียอยู่ภายในอันตรายเหมือนกับวีรบุรุษปีเตอร์ มหาราชของเขาทำ ปีเตอร์ มหาราช ต่อสู้สงครามทางเหนือที่ยิ่งใหญ่ยาวนาน 21 ปี มันดูเหมือนว่าเขาอยู่ ณ สงครามกับสวีเดน เขาได้ยึดบางสิ่งบางอย่างจากพวกเขา เขาไม่ได้ยึดอะไรเลยจากพวกเขา เขาได้กลับคืนอะไรเป็นของรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน พูดวลาดิมีร์ ปูตินได้เปรีบบเทียบตัวเขาเองอย่างเปิดเผยต่อซาร์ของรัสเซีย เปรียบเทียบการบุกยูเครนของรัสเซียวันนี้กับสงครามการขยายตัวของปีเตอร์สามศตวรรษที่แล้ว และได้สร้างการยอมรับอย่างเข้มแข็งที่สุดของเขาว่าสงครามของเขาเองเป็นการแย่งแผ่นดินวลาดิมีร์ ปูติน ได้กล่าวว่า คุณอาจจะว่าเขากำลังต่อสู้กับสวีเดน ยึดแผ่นดินของพวกเขา การอ้างถึงสงครามทางเหนือที่ปิเตอร์เปิดตัว ณ ศตวรรษที่ 18 เมื่อเขาได้สร้างจักรวรรดิ์รัสเซียใหม่ แต่เขาไม่ได้ยึดอะไรเลย เขาได้ยึดคืนมัน การยืนยันว่าชาวสลาฟมีชีวิตอยู่ภายในพื้นที่เป็นศตวรรษเขาได้เสนอแนะ กฎของปีเตอร์ได้พิสูจน์ว่าการขยายรัสเซียทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้นปีเตอร์ มหาราช พลิกรัสเซียไปสู่อำนาจโลกอย่างไร ซาร์ที่มีอิทธิพลเเละสำคัญที่สุดภายในประวัติศาสตร์รัสเซีย เขาได้ปกครองระหว่างปลายศตวรรษที่ 17 และต้นศตวรรษที่ 18 เป็นระยะเวลของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และการทำให้ทันสมัยต่อรัสเซีย และเขาได้ถูกยกย่องด้วยการปฏิรูปพลิกประเทศไปสู่อำนาจโลกที่สำคัญ การปกครองของปีเตอร์ กลายเป็นซาร์คนเดียวเมื่อ ค.ศ 1696 ได้แสดงการปฎิรูปอย่างสำคัญต่อการทหาร การเมือง เศรษฐิกิจ และวัฒนธรรม บนโมเดลยุโรปตะวันตก ชัยชนะของรัสเซียต่อความขัดเเย้งที่สำคัญกับเปอร์เซียและจักรวรรดิ์ออตโตแมนได้ขยายจักรวรรดิ์ของปีเตอร์อย่างยิ่งใหญ่ และความพ่ายแพ้ของสวีเดนภายในมหาสงครามเหนือ รัสเซียได้มาการเข้าไปสู่โดยตรงทะเลบอลติค ณ ที่นี่ ปีเตอร์ ได้สร้างเมืองหลวงรัสเซียใหม่ เซนต์ ปีเตอร์เบิรก และรัสเซียได้กลายเป็นอำนาจยุโรปที่สำคัญ – การเมือง วัฒนธรรม ภูมิศาสตร์ ภายใน ค.ศ 1721ปีเตอร์ได้ยกเลิกชื่อซาร์ของรัสเซียสมัยเดิม ใช้ชื่อเอ็มเพอเรอร์ของยุโรปสี่ปีต่อมา เขาได้เสียชีวิตเมื่อปีเตอร์ขึ้นมาสู่บัลลังก์ รัสเซียได้ถูกมองล้าหลัง ภายในการเปรียบเทียบต่อชาติยุโรปอื่น นี่เป็นเพราะว่ามันยังคงใช้ปฏิทินสไตล์เก่า การมีระบบรัฐบาลศักดินา และบุคคลของรัสเซียขาดการศึกษา นอกจากนี้เศรษฐกิจของรัสเซียไม่ดี และทหารของพวกเขาไม่เข้มแข็ง ปีเตอร์รู้ว่าเขาต้องทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เพื่อที่จะกลายเป็นอำนาจที่สำคัญภายในโลกเพื่อการเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับทำให้รัสเซัยทันสมัยขึ้นอย่างไร ปีเตอร์ได้ตัดสินใจเดินทางไม่ระบุตัวตนไปสู่ยุโรปหลายเดือนเมื่อ ค.ศ 1697 เรารู้จักกันเป็น “Grand ให้Embassy” ให้โอกาสปีเตอร์มองเห็นโดยตรงชาติยุโรปอื่นปกครองอย่างไร และเศรษฐกิจของพวกเขาทำงานอย่างไร ระหว่างการเดินทางของเขา ปีเตอร์ได้ไปเยี่ยมเมืองสำคัญหลายเมือง เหมือนเช่นอัมสเตอร์แดม ลอนดอน และเบอร์ลิน เขาได้เเสวงหาและรับเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสามารถเกี่ยวกับศาสตร์เรืองปัญญา เขาแม้แต่ทำงานสร้างเรือเพื่อบริษัทดัทช อิสท์ อินเดีย ปีเตอร์ เลือกที่จะอาศัยอยู่ภายในบ้านไม้ธรรมดาปีเตอร์ได้พบกับผู้นำยุโรปที่มีชื่อเสียงจำนวนหนึ่งด้วย เช่น กษัตริย์วิลเลียมที่สามของอังกฤษ และจักรพรรดิ์โฮลี โรมัน ลีโอพอลด์ที่หนึ่งซาร์ ปีเตอร์ ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากอะไรที่เขาได้มองเห็นที่นี่ และรับรู้ว่ารัสเซียล้าหลังอย่างมากภายในความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและสังคมภายหลังการเดินทางของเขา ปีเตอร์ ได้เริ่มต้นการปฏิรูปรัสเซีย เขาได้ดำเนิการปรับปรุงประเทศให้ทันสมัน มันมีทั้งการเปลี่ยนแปลงปฏิทินให้สอดคล้องกับตะวันตก การปฎิรูปรัฐบาลตามแนวตะวันตก และการกระตุ้นจุดมุ่งที่การศึกษาและเทคโนโลยี การปฏิรูปที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอย่างหนึ่งคือ การสร้างเมืองเซนต์ ปีเตอร์เบิรกเมื่อ ค.ศ 1703 เมืองใหม่นึ้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและเกียรติภูมิของรัสเซีย ปีเตอร์ ได้พยายามทำให้ทหารของรัสเซียทันสมัย เขาได้สร้างกองทัพใหม่ใช้วิธีการและเทคโนโลยียุโรป เขาได้สร้างกองทัพเรือและกองทัพบกสมัยใหม่สำคัญต่อการได้ชัยชนะสวีเดนภายในมหาสงครามทางเหนือเขาได้เชิญนักวิทยาศาสตร์และนักศิลปะตะวันตกมาสู่รัสเซีย เพื่อที่จะช่วยเหลือปรับปรุงวัฒนธรรมของประเทศ เขาได้ปฏิรูประบบราขการของรัฐบาลรัสเซีย และได้ขยายการศึกษาและการค้าด้วยไม่ใช่ว่าการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าของเขาได้ผลดี เมื่อปีเตอร์ได้พยายามปฏิรูปเศรษฐกิจของรัสเซีย ด้วยการเเนะนำเงินกระดาษ และระบบภาษีใหม่มันได้ทำให้เกิดการความไม่มั่นคงทางการเงินอย่างมากเขาได้แนะนำภาษีเครา เพื่อการชักจูงให้ผู้ชายรัสเซียยอมโกนเคราของพวกเขาที่ถูกมองเป็นสัญลัหษณ์ของความล้าหลัง ปีเตอร์ที่หนึ่ง รู้จักกันโดยทั่วไปเป็น ปีเตอร์ มหาราชเป็นซาร์ของรัสเซียตั้งเเต่ ค.ศ 1682 – 1721 และเป็นจักรพรรดื์องค์แรกของรัสเซีย ตั้งเเต่ ค.ศ 1721 – 1725 ระหว่างการปกครองที่ยาวนานของเขา ปีเตอร์ได้ใช้อำนาจเด็ดขาด และนำการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงมาสู่รัสเซีย รวมทั้งการสร้างกองทัพเรือครั้งแรก การเเนะนำการเป็นอุตสาหกรรม การสร้างสถาบันการศึกษา และการสร้างเมืองหลวงรัสเซียใหม่ เซนต์ ปีเตอร์เบิรกปีเตอร์ ชอบการเรียนรู้จากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะการเดินทางยาวนานไปสู่ยุโรปตะวันตก การเดินทางครั้งนี้ได้นำเขาปรับปรุงรัสเซียให้ทันสมัย และได้สร้างความเท่าเทียมกับประเทศยุโรปที่ทันสมัยอื่นเมื่อ ค.ศ 1968 ซาร์ ปีเตอร์ ได้สร้างภาษีเครา เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามนำสังคมรัสเซียไปสู่สู่แนวเดียวกับแบบอย่างของชาติยุโรปตะวันตกเเต่การต่อต้านต่อนโยบายไม่มีเครามีอย่างกว้างขวาง ดังนั้นเพื่อการบังคับการยกเลิกเครา ซาร์ ได้ให้อำนาจตำรวจบังคับและโกนเคราอย่างเปิดเผยแก่บุคคลที่ไม่ยอมเสียภาษี การเเต่งกายสมัยเดิมชาวรัสเซียเป็นเสื้อคลุมยาวหนัก ดูเเล้วล้าสมัยและรำคาญที่จะใส่ โดยเฉพาะบุคคลที่ใช้แรงงานทางร่างกาย ปีเตอร์ได้แนะนำสไตล์แต่งกายยุโรปแก่ชาวรัสเซีย ปีเตอร์ มหาราช ชื่อเดิม “ปีเตอร์ อเล็กเซเยวิช โรมานอฟ” เกิดเมื่อ ค.ศ. 1672 มอสโค รัสเซีย เป็นลูกชายของซาร์อเล็กซิส โดยภรรยาคนที่สองของเขา ซารีนา นาตัลยา นาริสกีนา เมื่ออเล็กซิส ได้เสียชีวิตภายใน ค.ศ 1676 ปีเตอร์มีอายุเพียงสี่ปี ตั้งแต่ ค.ศ 1682 -1696 ปีเตอร์ ได้ปกครองรัสเซียเป็นกษัตริย์ร่วมกับพระเชษฐาที่เจ็บป่วยของเขา ซาร์ อีวานที่ห้า แต่กระนั้นอำนาจแท้จริงของจักรวรรดิ์อยู่ภายในมือของมารดาของเขา นาตัลยา นารีสกินาเมื่อนาตัลยา นาริสกีนา เสียชีวิตเมื่อ ค.ศ 1694 ปีเตอร์อายุ 22 ปี ได้อำนาจที่แท้จริง และเมื่อไอวานที่ห้าเสียชีวิตเมื่อ ค.ศ 1696 ปีเตอร์ได้กลายเป็นผู้กครองคนเดียวของรัสเซียตอนเป็นเด็ก ปีเตอร์ ได้ถูกล้อมรอบด้วยความหรูหรา และดูแลโดยผู้เลี้ยงดู ปีเตอร์ได้รับการศึกษาจากนิกิต้า โซทอฟ เล่าเรื่องราวมหากาพย์ของอดีตรัสเซียแก่เขา นิกิต้า โซทอฟได้สร้างความประทับใจดังกล่าวนี้แก่ปีเตอร์ จนพวกเขายังคงเป็นเพื่อนกันตลอดชีวิตและปีเตอร์ได้สาบานเขาจะปฏิรูปรัสเซียไปสู่ความรุ่งโรจน์ให้ได้ ถ้าเขากลายเป็นซาร์รัสเซียเขาได้เจริญเติบโตเป็นชายหนุ่มที่ฉลาดแลแข็งแรง และได้พัฒนาความชอบทุกสิ่งของทหารตอนอายุเริ่มแรกซาร์ อเล็กซิส เสียชีวิตเมื่อ ค.ศ 1676 ส่งมงกุฏของเขาให้เเก่ลูกชายคนโตสุดที่มีชีวิตอยู่ของเขา ฟรีโอดอร์ อายุ 14 ปีเท่านั้น ฟรีโอดอร์ ได้ปฏิบัติต่อปีเตอร์และมารดาของเขาอย่างดี บางทีเพราะว่าปีเตอร์เด็กเกินไปที่จะแสดงอันตรายใดก็ตามต่อการปกครองของเขา ฟรีโอดอร์ได้เสียชีวิตเมื่อ ค.ศ 1682
ทฤษฎีผู้ยิ่งใหญ่ของความเป็นผู้นำอาจจะมีต้นกำเนิดที่ดีของมันกับอริสโตเติล นักปรัชญาที่มีชื่อเสียงได้ถูกอ้างอิงด้วยคำพูดว่า บุคคลได้ถูกเลือกจากช่วงเวลาของการกำเนิดปกครองหรือถูกปกครอง และยิ่งได้รับอิทธิพลอย่างมากโดยการศึกษาประวัติของพันธุกรรมของของผู้ยื่งใหญ่ของฟรานซิส กอลตัน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ผู้สนับสนุนสุพันธุศาสตร์ดึงมาจากทฤษฎีผู้ยิ่งใหญ่ของโทมัส คาร์ไลน์ฟรานซิส กอลตัน ยืนยันว่าบุคคลพิเศษเฉพาะเท่านั้นสามารถครอบครองคุณลักษณะกำหนดความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ บุคคลอื่นไม่สามารถพัฒนาคุณลักษณะเหล่ ไม่ว่าพวกเขาจะใช้ความพยายยามเรียนรู้มากเท่าไรก็ตาม พวกเขาจะไม่บรรลุความสำเร็จต่อการใช้ความพยายามของพวกเขาที่จะนำ ถ้าพวกเขาไม่ได้กำเนิดมาด้วยความสามารถพิเศษบางอย่างที่สามารถเลี้ยงดูและพัฒนาภายใน ค.ศ 1840 โทมัส คาร์ไลน์ ได้ให้การบรรยายสาธารณะหกตอนเกี่ยวกับบทบาทที่แสดงโดยวีรบุรุษภายในการสร้างประวัติศาสตร์ และปีต่อมา คำบรรยายเหล่านี้ถูกนำมารวมกันเป็นฉบับเดียวชื่อ “On Hero Hero-Worship and the Heroic in History” และทฤษผู้ยิ่งใหญ่ได้กำเนิดชื่อของทฤษฎีนี้อย่างเดียวเป็นที่โต้เถียง แต่มันได้ถูกสร้างภายในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน แต่กระนั้นมันเป็นทฤษฎีเก่า มรดกของมันมีอิทธิพลจนถึงวันนี้ เมื่อเรายังคงมองเห็นว่าผู้ชายและผู้หญิงถูกปฏิบัติแตกต่างกันภายในโลกของความเป็นผู้นำเเต่กระนั้นวันนี้เรามีผู้นำการเมืองหญิงที่ยิ่งใหญ่บางคน ที่จริงแล้วบุคคลบางคนกล่าวว่า วลาดีมิร์ ปูติน กำลังหลอมตัวเขาตามเเคทเธอรีน มหาราชได้ขยายอาณาจักรัสเซียภายในศตวรรษที่ 18 เหนือสิ่งอื่นใดโดยการยึดครองไครเมียและยูเครนตะวันตก ยิ่งกว่านั้นเรามีผู้นำหญืงที่ยิ่งใหญ่หลายคน เช่น ควีน อลิซาเบธ แห่งอังกฤษ มาร์กาเร็ต เเธทเชอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และโกลด้า เมียร์ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล มันไม่ชัดเจนว่าเรามีความแตกต่างและผลลัพธ์ที่สำคัญระหว่างผู้ยิ่งใหญ่ชายและหญิงเหล่านี้แคทเธอรีน มหาราช ราชินีแห่งรัสเซีย ยังคงเป็นผู้นำที่น่าพิศวงและหลงใหล การปกครอง 34 ปี ได้ปฏิรูปจักรวรรดิ์ที่กว้างใหญ่และเปลี่ยนปลงประวัติของรัสเซียตลอดกาล เจ้าหญิงเยอรมันขึ้นไปสู่บัลลังก์รัสเซียผ่านทางการรัฐประหาร ผู้ปฏิรูปที่มีวิสัยทัศน์ ยึดกับความเป็นจริงของอำนาจเด็ดขาดบางทีเรามีผู้ปกครองหญิงยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งตลอดกาล เเคทเธอรีนมหารราช ผู้นำที่มีประสิทธิภาพที่สุดภายในรัสเซีย การปกครองของเธอเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญพิเศษ และเธอได้สร้างชื่อต่อตัวเธอเองภายในประวัติศสาตร์ พระราชินีกำเนิดเยอรมันของรัสเซีย เธอเป็นราชีนีที่ปกครองยาวนานที่สุด 34 ปีชองรัสเซีย เธอได้นำประเทศของเธอไปสู่การมีส่วนร่วมเต็มที่ภายในชีวิตการเมืองและวัฒนธรรมของยุโรปดำเนินการผลงานที่เริ่มต้นโดยปีเตอร์ มหาราช เเคทเธอรีน เกิดเมื่อ ค.ศ 1729 ภายในสเตททิน ปรัสเซีย เธอมีชื่อว่าโซฟีฟรีเดริค ออกุสเทอ เป็นลูกสาวของเจ้าชายปรัสเซียน คริสเตียน ออกุสตุส และเจ้าหญิง โจฮานา อลิซาเบธ แห่งฮอลสไตน์-กอตทรอร์พ ครอบครัวหนึ่งที่มีชื่อเสียงของเยอรมันชีวิตปีเริ่มแรกของเเคทเธอรีนไดัถูกใช้ภายในสภาพแวดล้อมค่อนข้างถ่อมตัวและระเบียบวินัย เธอได้ถูกเลี้ยงดูเป็นเจ้าหญิง สอนระเบีบบแบบแผนและกฏทุกอย่างที่ราชวงศ์ต้องเรียนรู้ การศึกษาของโซเฟียเป็นแบบฉบับของชนชั้นสูงของยุคของเธอ การมุ่งเน้นภาษา วรรณกรรม และศาสนา แต่กระนั้น ความฉลาด ความอยากรู้อยากเห็น และความทะเยอทะยานของเธอได้เเยกตัวเธออกมาจากอายุเริ่มแรก ผู้เลี้ยงเด็กของเธอได้อธิบาย เธอเป็นเด็กที่ฉลาดและมุ่งมั่นจุดพลิกผันภายในชีวิตของโซฟีเข้ามากับการแนะนำของเธอต่อราชสำนักรัสเซีย ตอนอายุ 15 ปีโซฟีได้รับการเชิญไปรัสเซียจากอาลิซาเบธลูกสาวของปีเตอร์มหาราช กำลังหาคู่ชีวิตคนใหม่แก่หลานของเธอ และถูกเลือกเป็นทายาทต่อบัลลังก์ แกรนด์ ดยุค ปีเตอร์ เป็นญาติทางด้านมารดาของโซฟีด้วย พวกเขาได้แต่งงานปีต่อมา เเละโซฟีได้เปลี่ยนเป็นศาสนาคริสต์ออร์ธอดอกซ์ รับเอาชื่อแคทเธอรีนไว้ความทะเยอทะยานและการเชื่อมโยงของมารดาของเธอนำไปสู่โอกาสที่จะเเต่งงานกับเจ้าชายปีเตอร์ ดยุคแห่งฮอลสไตน์-กอตทรอร์พ แกรนด์ยุต ปีเตอร์ ความหวังของการแต่งงานนี้เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย การกำหนดให้โซฟีต้องออกไปจากบ้านเกิดของเธอ และต้องปรับตัวต่อวัฒนธรรม ภาษา และศาสนาใหม่เมื่อ ค.ศ 1745 ภายหลังได้รับไปสูวิหารออธอร์ดอกซ์ของรัสเซีย และได้เปลี่ยนชื่อเป็นแคทเธอรีน เมื่ออายุ 14 ปี เธอได้แต่งงานเป็นกับคาร์ล อุลริช หลานของปีเตอร์ มหารราช และทายาทต่อบัลลังก์ของรัสเซีย นำเธอไปสู่โลกของอุบายและอำนาจ ไปไกลจากการเลี้ยงดูอย่างถ่อมตัวของเธอภายในสเตททิน ปรัสเซียผ่านการรับรู้เริ่มแรกเป็นชาวต่างชาติด้วยอิทธิพลที่น้อย ความฉลาดความทะเยอทะยานและการปรับตัวของเธอในไม่ช้าได้แยกเธอต่างหากการเเต่งงานของปีเตอร์และแคทเธอรีนไม่มีความสุขตั้งแต่เริ่มต้น และต่างไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน แต่ทั้งคู่ได้กำเนิดลูกชายคนหนึ่ง พอล ภายหลังในไม่ช้าราชินีอลิซาเบธ ได้เสียชีวิต และปีเตอร์ได้ขึ้นไปสู่บัลลังก์เมี่อต้นค.ศ 1762ศัตรูหลายคนของเขาหลายคนได้วางแผนล้มปีเตอร์ และเเทนที่เขาด้วยด้วยพอล อายุเจ็ดปี แคทเธอรีนที่ทะเยอทะยานได้กระทำอย่างรวดเร็วฉวยโอกาสต่อตัวเธอเอง ด้วยความช่วยเหลือจากชู้รักของเธอ กริกอรี ออร์โลฟ เธอชนะการสนับสนุนทางทหาร และได้ประกาศตัวเธอเองเป็นผู้ปกครองคนเดียวของรัสเซียเมื่อ ค.ศ1762 การบังคับให้สามีของเธอสละบัลลังก์ของเขา ปีเตอร์ได้ถูกลอบสังหารเพียงแค่เเปดวันต่อมาโดยผู้สนับสนุนแคทเธอรีนแม้ว่าด้วยการเริ่มต้นอย่างวุ่นวาย การปกครองของแคทเธอรีนได้ถูกจดจำเป็นช่วงเวลาของความก้าวหน้าและความสำเร็จอย่างสำคัญของรัสเซีย ทำนองเดียวกับปีเตอร์มหาราช เธอได้ทำให้ประเทศกลายเป็นตะวันตก และทำให้มันเข้มแข็งเพียงพอ ต่อสู้กับอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของยุโรปได้ ภายใต้แคทเธอรีน พรมแดนของรัสเซียได้ขยายไปสู่ตะวันตกและใต้รวมเอาไครเมียและส่วนใหญ่ของโปแลนด์เข้ามา
เมื่อ ค.ศ 1762 สามีของแคทเธอรีนได้กลายเป็นซาร์ ปีเตอร์ที่สาม แต่เขาในไม่ช้าได้ถูกลัมบัลลังก์ แคทเธอรีนได้ระดมกองทหารของเซนต์ ปีเตอร์เบิรกต่อสู้สามีของเธอ และได้ถูกประกาศเป็นราชีนีเเคทเธอรีนที่สอง ผู้ปกครองคนเดียวของรัสเซีย รู้จักกันโดยทั่วไปเป็นแคทเธอรีน มหาราช เธออยู่บนบัลลังก์นาน 34 ปี นานกว่าผู้ปกครองหญิงใครก็ตามภายในประวัติของรัสเซีย และปีเตอร์ที่สามได้ถูกฆ่า ภายหลังไม่นานและมันไม่รู้ว่าเเคทเธอลีนเป็นส่วนหนึ่งของการเสียชีวิตของเขาหริอไม่
เเคทเธอรีน มหาราชเป็นผู้นำหญิงปกครองยาวนานที่สุดภายในประวัติศาสตร์ของรัสเซีย การปกครองตั้งแต่ ค.ศ 1762 จนกระทั่งการเสียชีวิตของเธอเมื่อ ค.ศ 1796 ตลอดการปกครองของเธอ เธอเป็นที่รู้จักกันต่อการปฏิรูปที่ทะเยอทะยานของเธอเธอได้ใช้ความเป็นผู้นำแบบเผด็จการ เมื่อเธอได้ขึ้นสู่บัลลังก์ของเธอเธอได้ครอบครองการควบคุมทุกอย่างเหนือรัสเซีย และการตัดสินใจทุกอย่างต้องถูกเห็นด้วยโดยตรงจากเธอ เธอได้เสริมกำลังอำนาจหน้าที่ยิ่งใหญ่ของเธอผ่านทางอำนาจและระเบีบบวินัยที่สม่ำเสมอ เธอได้สร้างกฏหมายใหม่สะท้อนความต้องการของสังคม และมั่นใจว่าบุคคลทุกคนยึดกับกฏเหล่านี้อย่างเข้มงวดความสนใจที่สำคัญของแคทเธอรีนอยู่ภายในปรัชญาแสงสว่างแห่งปัญญา ได้เริ่มต้นสร้างวิสัยทัศน์ของเธอต่่อการปกครองการสนับสนุนความต้องการ นำการปฏิรูปที่ก้าวหน้ามาสู่ประเทศที่สมัยเดิมเกินไปเธออ่านหนังสืออย่างกว้างขวางและเชื่อมโยงกับนักคิดที่สำคัญของยุคนั้น เช่น วอลแตร์ และดีเดอโร เธอเป็นผู้อุดหนุนของศิลปะ วรรณกรรม และการศึกษาเราได้มองเห็นความเจริญรุ่งเรืองของสิ่งเหล่านี้ภายในรัสเซียภายใต้การปกครองเธอ เธอได้สนับสนุนการก่อกร้างโครงการงานสาธารณะหลายอย่าง เช่น พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ ภายในเซนต์ ปีเตอร์เบิรก ที่ยังคงเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลกจนถึงวันนี้ความเป็นผู้นำของเเคทเธอรีน มหาราช ได้ถูกแสดงด้วยความพยายามของเธอ ทำให้รัสเซียทันสมัยและเป็นยุโรป เธอได้ดำเนินการปฏิรูปที่ทะเยอทะยานหลายอย่าง เช่น การขยายจักรวรรดิ์รัสเซีย การสร้างกองทัพประจำการ และการสร้างระบบการศึกษาแห่งชาติวลาดิมีร์ ปูติน วางตัวเขาเองเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ของซาร์รัสเซีย – รวมทั้งจักรวรรดิ์นิยมของพวกเขา ภายในห้องของเครมลินด้วยโต๊ะยาวสีขาว ตรงที่ปูตินรับรองผู้มาเยียมต่างประเทศของเขา โต๊ะยาวมากที่ดึงความสนใจโลก เมื่อวลาดิมีร์ ปูติน ใช้มันเพื่อการประชุมกับผู้นำต่างชาติ สร้างภายในอิตาลีโดยบริษัทครอบครัว โต๊ะไม้บีชรูปไข่สีขาวได้ถูกติดตั้งภายในเครมลินเมื่อปลาย ค.ศ 1990 ระหว่างการเป็นประธานาธิบดีของโบริส เยลทซิน มันได้ถูกรายงานว่าโต๊ะยาว 6 เมตรหรือ 20 ฟุต สร้างจากไม่บีชแผ่นเดียว เเละพยุงบนขาหนาสามขาโต๊ะยาวสีขาวได้แพร่กระจายบนสื่อสังคมเมื่อปูตินได้ต้อนรับปะธานาธิบดีเเอลมานูเอล มาครง พูดคุยเกี่ยวกับวิกฤติยูเครนและพวกเขาได้นั่ง ณ หัวโต๊ะคนละข้างแต่กระนั้นวลาดิมีร์ ปูตินไม่ได้รักษาระยะห่างปลายสุดมากกับผู้นำทุกคน ปูตินได้ปรากฏบนภาพภายในระยะใกล้ชิดกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง และประธานาธิบดีคาซัคสถาน คาสซิม โชมาร์ค โตกาเยฟ ทำให้บุคคลบางคนมองว่าการตัดสินใจของปูตินต่อใครที่จะอยู่ห่างเเค่ไหนเป็นการแสดงอำนาจทางการเมืองวลาดิมีร์ ปูติน ได้ระบุการรับรู้ประวัติศาสตร์รัสเซียของเขาว่าชาวยูเครนและชาวรัสเซียเป็นบุคคลเดียวกัน ภายในมุมมองของเขา ยูเครนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ์รัสเซียเมื่อเเคทเธอรีน มหาราช ได้ยึดครองมันจากจักรวรดิ์ออตโตมันตลอดประวัติศาตร์ของมัน ปูตินยืนยันว่ายูเครนได้ถูกใช้โดยรัฐต่างชาติไม่เป็นมิตร เช่น นาซีภายหลัง ค.ศ 1941 เป็นม้าโทรจันต่อสู้รัสเซีย ตะวันตกวันนี้ เขาได้อ้างกำลังทำอย่างเดียวกัน รัสเซียทำสงคราม ไม่ใช่กับชาวยูเครน แต่กับนายของพวกเขาภายในเนโต้ภายในห้องเครมลินด้วยโต๊ะสีขาวยาวตรงที่ปูตินประชุมกับผู้นำต่างชาติเรามีรูปปั้นของซาร์สี่ตัวที่เขาชื่นชอบมากที่สุด ความสำเร็จของพวกเขาเป็นมาตรฐานเทียบเคียงความสำเร็จจของเขารูปปั้นสองตัวเเรกได้ถูกอุทิศให้ผู้ปกครองศตวรรษที่ 18 สร้างรัสเซียเป็นจักรวรรดิ์บนทวีปยุโรป ปีเตอร์มหาราชยึดครองเกาะเเผ่นดินบอลติคภายในสงครามของเขาต่อสู้กับชาวสวีเดนและเเคเธอลีน มหาราช กลืนครึ่งหนึ่งของโปแลนด์ ขยายอำนาจรัสเชียไปสู่ทะเลดำ ผ่านทางสงครามของเธอต่อสู้กับชาวตุรกี และผนวกไครเมียจากกองทัพเรือรัสเซียยึดครองตะวันออกไกล้การปกครองของแคเธอรีนมหาราชเชื่อมโยงใกล้ชิดกับตำนานจักรวรรดิ์นิยมในขณะนี้ใช้เป็นการอ้างเหตุผลทางประวัติศาสตร์ต่อการรณรงค์ของวลาดิมีร์ ปูติน ยึดครองอีกครั้งยูเครน และทำลายการเป็นมลรัฐของชาวยูเครนความรวดเร็วของการเจริญเติบโตของรัสเซียทำให้ยุโรปตื่นตระหนกต่ออำนาจระหว่างศตวรรษที่ 16 เมื่อรัสเซีนได้เริ่มต้นยึดครองไซบีเรีย และการปฏิวัติ 1917 จักรวรรดิ์รัสเซียได้เจริญเติบโต ณ อัตรา 50 ตารางไมล์ทุกวันตะวันตกกลัวว่ารัสเซียได้ไปสู่จุดสูงสุดของพวกเขาตามมาการได้ชัยชนะนโปเลียนโดยอเล็กซานเดอร์ที่หนึ่ง ซาร์คนที่สามภายในวิหารแพนธีออนของปูติน
เเนวคิด “ผู้นำเป็นวีรบุรุษ” เป็นคำนิยามที่ชัดเจนมาหลายร้อยปี เมื่อ ค.ศ 1840 โทมัส คาร์ไลน์ นักเขียนชาวสก็อตแลนด์ ได้กล่าวว่า ประวัติศาสตร์ของโลกเป็นชีวะประวัติของผู้ยิ่งใหญ่ ทฤษฎีผู้ยิ่งใหญ่ได้ยึดถึอความคิดว่าประวัติศาสตร์สามารถถูกอธิบายโดยผลกระทบของผู้ยิ่งใหญ่ และการตัดสินใจของพวกเขา ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ได้ถูกระบุโดยบารมี ความฉลาด และความกล้าหาญ โทมัส คาร์ไลน์ได้เสนอแนะว่าผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้สร้างประวัติศาสตร์ผ่านคุณลักษณะส่วนบุคคลเหล่านี้ และเเรงบันดาลใจเทพเจ้าด้วยภายในหนังสือของโทมัส คาร์ไลน์ ผู้เขียนได้ขุดลงไปสู่ชีวิตของบุคคลหลายคนที่เขาถือเป็น “วีรบุรุษ” โทมัส คาร์ไลน์ เชื่อว่าผู้หญิงไม่สามารถเป็นผู้นำ และนับตั้งแต่เขามีชีวิตอยู่ภายในสก็อตเเลนด์เมื่อ ค.ศ 1940 ไม่มีการกล่าวถึงผู้หญิง จุดมุ่งของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้ถูกจำกัดต่อผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิ่งไม่ได้ถูกมองเป็นผู้นำแต่อย่างใด การพัฒนาของทฤษฎีผู้ยิ่งใหญได้ถูกยกย่องแก่โทมัส คาร์ไลน์ เมื่อ ค.ศ 1840 เขาได้ให้ลำดับของการบรรยายเกี่ยวกับวีรบุรุษ ภายในการบรรยายเกี่ยวกับวีรบุรุษของเขา “On Heroes, Hero-Woreship and the Heroic in History” โทมัส คาร์ไลน์ได้ใช้ตัวอย่างหลากหลายของผู้ยิ่งใหญ่ผ่านทางประวัติศาสตร์บันทึก ถ่ายทอดแนวคิดวีรบุรุษของเขา ต่อวีรบุรุษนี้เขาได้ระบุความเป็นผู้ชายตามทฤษฎีผู้ยิ่งใหญ่ ผู้นำเป็นพรสวรรค์ของเทพเจ้าแก่มนุษยชาติ ไม่มีใครสามารถกลายเป็นยิ่งใหญ่ได้ ถ้าไม่มีคุณลักษณะความเป็นผู้นำโดยกำเนิด ทฤษฎีผู้ยิ่งใหญ่สามารถถูกเปรียบเทียบได้กับความคิดว่ากษัตริย์มีเทวสิทธิ์ เพื่อที่จะปกครองและควบคุมประชาชนของพวกเขา เทวสิทธิ์นี้ถูกสืบทอดโดยผู้สิบสายเลือดของพวกเขา
กาลครั้งหนึ่งเมื่อ ค.ศ 1841 ผู้ชายได้เรียกโทมัส คาร์ไลน์ คิด “The Great Man Theory” – ทฤษฎีผู้ยิ่งใหญ่ – บนสมมุติฐานที่สำคัญสองข้อ
*ผู้นำถูกกำเนิดให้นำ พวกเขาไม่สามารถถูกสร้าง
*ผู้นำเกิดขึ้นภายในช่วงเวลาของความต้องการ – วีรบุรุษ
การวิจัยบนการศึกษาบุคคลที่ถูกพิจารณาเป็นผู้นำอยู่แล้ว ผู้ชายเท่านั้นผู้หญิงเป็นผู้นำไม่ถูกคิดถึง มักจะมาจากชนชั้นสูง ไม่มากจากชนชั้นล่างมีโอกาสที่จะนำ ด้วยเหตุนี้ มันได้ถูกคิดว่า “ความเป็นผู้นำ” ถูกเชื่อมโยงกับความคิดของการผสมพันธุ์ และยีนความเป็นผู้นำถ่ายทอดจากพ่อเเม่ไปสู่ลูก ความคิดว่าผู้นำที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ภายในช่วงเวลาที่ต้องการ ได้ถูกพิจารณาด้วย และเป็นวิถทางที่ง่าย เพื่อที่จะพิสูจน์บุคคลเหมือนเช่น ไอเซนฮาวด์ – ประธานาธิบดีของอเมริกาคนที่สามสิบสี่ หรือวินสตันเชอร์ชิล – นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ถูกมองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้ลุกขึ้นทันเวลาแม้ว่าทฤษฎีผู้ยิ่งใหญ่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับผู้หญิง เช่น มาเธอร์เธเรซา หรือเเคทเธอรีน มหาราชา ถ้อยคำผู้ยิ่งใหญ่ ได้ถูกใช้เพราะว่า ณ เวลานั้น ความเป็นผู้นำถูกคิดเป็นคุณลักษณะของผู้ชาย โดยเฉพาะในแง่ของความเป็นผู้นำของทหารประวัติศาสตร์ของโลก…..เป็นประวัติของผู้ยิ่งใหญ่ การยึดต่อทฤษฎีผู้ยิ่งใหญ่ ผู้นำหญิงแทบได้ถูกละเลย มันได้มุ่งที่ผู้ชายและปล่อยให้ผู้หญิงถูกกันออกไป โทมัส คาร์ไลน์ นักประวัติศาตร์ที่มีชื่อเสียงเวลานั้น ได้รู้จักกันต่อคำพูดอ้างอิงที่มีชื่อเสียงว่า “ประวัติศาสตร์ของโลกเป็นชีวะประวัติของผู้ชายที่ยิ่งใหญ่” แต่กระนั้น ปีเตอร์ นอรธเฮ้าส์ ได้กล่าวถึงผู้นำหญิงที่ยิ่งใหญ่เหมือนเช่นเเคทเธอรีน มหาราช อลิซาเบธที่หนึ่งและผู้นำหญิงที่ยิ่งใหญ่คนอื่นภายในหนังสือของเขา ทฤษฎีผู้ยิ่งใหญ่มุ่งที่การระบุคุณลักษณะโดยกำเนิดครอบครองโดยผู้นำสังคม การเมือง และทหารที่ยิ่งใหญ่ ปีเตอร์ นอร์ธเฮ้าส์ ได้กล่าวถึงผู้นำหญิงที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของรัสเซียคือแคทเธอรีนมหาราชชาวเยอรมัน ได้ยึดครองบัลลังก์รัสเซียภายในการรัฐประหารและได้ไปสู่การกลายเป็นผู้นำหญิงปกครองยาวนานที่สุดคนหนึ่งภายในประวัติศาสตร์ ผู้หญิงที่ประวัติศาสตร์ควรจะจดจำแคทเธอรีน มหาราชผู้นำหญิงปกครองยาวนานที่สุดของรัสเซีย
Cr : รศ สมยศ นาวีการ