ซัยยิด อิบรอฮีม รออีซี่ ประธานาธิบดีอิหร่านคนใหม่ กับฉากทัศน์การเมืองโลกและการเมืองภูมิภาค ตอนที่ 1
ซัยยิด อิบรอฮีม รออีซี่ ประธานาธิบดีอิหร่านคนใหม่ กับฉากทัศน์การเมืองโลกและการเมืองภูมิภาค ตอนที่ 1
ดร.ประเสริฐ สุขศาสน์กวิน
ศูนย์อิสลามและอิหร่านศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม
ทันทีที่สำนักข่าวในประเทศอิหร่านรายงานผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่๑๓ ว่า ซัยยิดอิบราฮิม รออีซี ( Seyed Ebrahim Raisi) ประธานศาลฎีกา สายการเมืองปีกรากฐานนิยม(اصولگرا)หรือตามสื่อกระแสหลักของโลกเรียกว่าสายอนุรักษ์นิยม(Conservative) ได้ชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอิหร่าน ซึ่งจัดขึ้นวันที่18 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่านคนอื่นๆ ได้ออกมาแสดงความยินดีและยอมรับความพ่ายแพ้ ขณะที่ผลการนับคะแนนบ่งชี้ว่า ซัยยิดอิบราฮิม รออีซี ได้คะแนนเสียงสนับสนุนถึง 17.9 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 61.9 % ถึงแม้ว่าการออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งนี้จะน้อยกว่าครั้งก่อนก็ตาม
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกระหึ่มจากสื่อกระแสหลักของโลก ฟากฝั่งตะวันตก ไม่ว่า CNN, BBC และอีกหลายสำนักจากสื่อกระแสหลักได้โหนกระแสการเลือกตั้งอิหร่านครั้งนี้ว่า เป็นการเลือกตั้งที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนความเป็นประชาธิปไตยบ้าง เป็นการเลือกตั้งที่ได้ถูกจัดตั้งไว้แล้วบ้าง หรือกล่าวไปไกลกว่านั้นคือ ประชาชนหมดหวังต่อระบอบการปกครองของนักบวชและที่สุดของการสร้างกระแสคือ การมุ่งเป้าไปยังซัยยิด อิบรอฮีม รออีซี่ ที่เป็นตัวเต็งของการเลือกตั้งว่าเขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกของอิหร่านที่ถูกสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตรตั้งแต่ยังไม่ทันเข้ารับตำแหน่ง หรือมีส่วนพัวพันกับการประหารนักโทษการเมืองนับพันคนในปี 1988
เป็นไปได้ว่าการสร้างกระแสของสื่อทางลบต่อรัฐอิหร่าน และต่อตัวซัยยิดอิบรอฮีม รออีซี่ หนึ่ง เพื่อตั้งคำถามให้คนทั่วโลกเห็นว่าอิหร่านไม่มีความเป็นประชาธิปไตย การเลือกตั้งครั้งนี้ได้จัดตั้งไว้แล้วโดยผู้นำสูงสุดอิหร่าน และสร้างกระแสให้ประชาชนออกมาคว้ำบาตรการเลือกตั้ง และให้ประชาชนมีทัศนะคติที่เป็นลบต่อระบอบการปกครองอิหร่าน นั่นคือ ปลุกกระแสความอ่อนแอของระบอบการปกครองสาธารณรัฐอิสลาม
สอง-สื่อยักษ์ของโลก รู้อยู่แล้วว่า ซัยยิด รออีซี่จะได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี จึงได้โหนกระแส ใช้สงครามสื่อ โดยเฉพาะสื่อของตะวันตก ให้มองยังตัวของ ซัยยิดรออีซี่ ว่าเป็นบุคคลไร้อารยธรรม มีภาพลักษณ์ของความรุนแรงและแข็งกร้าว เป็นนักการเมืองที่ได้ทำสิ่งที่ขัดกับหลักมนุษยชน โดยการให้ฉายา”นักชำแหละแห่งเตหราน” ได้ตัดสินประหารชีวิตผู้ประท้วงความเห็นต่างทางการเมือง และยังได้โยงว่าประธานาธิบดีคนใหม่ของอิหร่าน คือร่างทรงของผู้นำสูงสุด สายอนุรักษนิยม ขวาจัด
ขณะที่มีนานาประเทศได้ทยอยกันแสดงความยินดีต่อท่านซัยยิดรออีซี่ โดยไม่สนใจการเมืองภายในของอิหร่านและไม่ให้ความสำคัญต่อคำกล่าวหาสื่อตะวันตก อย่างจีนถือว่าเป็นประเทศต้นๆได้ส่งสาส์นแสดงความยินดีต่อท่านซัยยิด อิบรอฮีม รออีซี่ รวมไปถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ถือว่าเป็นประเทศแรกที่ได้ส่งสาส์นแสดงความยินดีว่า ขอแสดงความยินดีต่อการได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนใหม่แห่งอิหร่าน และเขาได้กล่าวอีกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเรามีประเพณีที่เป็นมิตรและเป็นเพื่อนบ้านที่ดีมาอย่างช้านาน ฉันหวังว่ากิจกรรมของ ฯพณฯในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือแบบทวิภาคีเชิงสร้างสรรค์ในด้านต่างๆ
ประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซาด แห่งซีเรีย ออกมาแสดงความยินดีต่อชัยชนะของซัยยิดรออีซี่ทันที
นายกรัฐมนตรีปากีสถาน อิมรอน ข่าน ได้กล่าวว่า ฉันขอแสดงความยินดีต่อ ซัยยิด อิบรอฮีม รออีซี่ มิตรสหายของฉันกับชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่๑๓นี้ เขาได้กล่าวอีกว่า ผมมีความปรารถนาที่จะร่วมงานเพื่อกระชับความสัมพันธ์ ภราดรภาพและสันติภาพ การพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
นอกจากนี้ ผู้ที่แสดงความยินดีต่อว่าที่ประธานาธิบดีอิหร่านยังรวมถึงเชค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคตูม ผู้ปกครองนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่พยายามลดความตึงเครียดกับอิหร่านนับจากเหตุโจมตีเรือสินค้านอกชายฝั่งในปี 2019 และประมุขสูงสุดของประเทศโอมาน ก็ส่งสาสน์แสดงความยินดี
ขณะที่อิสราเอลยอมรับว่า การขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของรออีซี่ คือลางร้ายและเป็นความยุ่งยากสำหรับอิสราเอล โดยที่รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล นายยาอีร์ ลาปิด เรียกซัยยิดอิบรอฮีม รออีซี่ว่า “คนแล่เนื้อแห่งอิหร่าน” เนื่องจากอยู่เบื้องหลังการตายของชาวอิหร่านนับพัน และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล ได้กล่าวทวิตเตอร์ว่า นายรออีซี่ คนนี้จะเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และการที่เขาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี ยิ่งทำให้เห็นว่าอิหร่านมีเจตนาทำลายล้างที่แท้จริง ดังนั้นควรให้ตระหนักและเป็นที่กังวลในทันทีต่อประชาคมระหว่างประเทศ เขากล่าวอีกว่า โครงการนิวเคลียร์อิหร่านจะต้องหยุดทันที อีกทั้งโครงการขีปนาวุธของอิหร่านจะต้องถูกทำลายด้วย
ส่วนประธานาธิบดีรูฮานีได้พบและแสดงความยินดีต่อซัยยิด รออีซี่ในการเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ และกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านได้ออกแถลงว่า จนถึงขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างประเทศ มากกว่า 45คน ได้ส่งสาส์นแสดงความยินดี
ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางศึกษาและอิหร่านศึกษามองว่า การเมืองอิหร่านต่อจากนี้จะมีฉากทัศน์ที่แตกต่างกับการเมืองของโรฮานีอย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลที่ว่า ซัยยิด อิบรอฮีม รออีซี่ เป็นนักการเมืองปีกฝ่ายรากฐานนิยม หรือฝ่ายอนุรักษ์ ที่มีนโยบายทางการเมืองที่แข็งกร้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจรจากับสหรัฐฯในเรื่องนิวเคลียร์ ซึ่งฉากทัศน์หนึ่งที่เปิดเผยในสายตาชาวโลก นั่นคือ อิหร่านจะกำหนดเกมเองในเรื่องปัญหานิวเคลียร์กับสหรัฐอเมริกา ดังที่ ว่าที่ประธานาธิบดีอิหร่าน ซัยยิด ราอีซี่ ได้ตอบคำถามของนักข่าวถึงเรื่องการเจรจานิวเคลียร์ที่ว่า ถ้าสหรัฐฯจะเชิญท่านเจรจาปัญหานิวเคลียร์รอบใหม่ ท่านจะรับคำเชิญหรือไม่? ท่านตอบด้วยความแข็งกร้าวว่า “ไม่” เพราะเรื่องที่เป็นข้อตกลงกันไว้ คุณยังไม่ปฎิบัติตามเลย แล้วเราคุยเรื่องใหม่กันได้อย่างไร” ดังนั้นปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน ว่าที่ประธานาธิบดีอิหร่านได้ยืนยันจุดยืนเดิมของอิหร่านว่า จะไม่เจรจาใดๆ จนกว่าสหรัฐฯจะยกเลิกการคว้ำบาตรต่ออิหร่าน เพื่อแสดงถึงความจริงใจ และการเจรจานั้นจะไม่รวมไปถึงโครงการขีปนาวุธของอิหร่าน และสหรัฐฯจะต้องรับประกันว่าจะไม่ยกเลิกข้อตกลงเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ดังที่เกิดขึ้นในสมัยอดีตประธานาธิบดี ทรัมป์ ดังนั้นฉากทัศน์การเมืองอิหร่านกับสหรัฐฯน่าจับตา เพราะเป็นเกมที่อิหร่านได้กำหนดเอง จะแตกต่างกับประธานาธิบดีโรฮานีอย่างแน่นอน
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซัยยิดอิบรอฮีม รออีซี ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านตอบคำถามของโทรทัศน์ “อัลมะยาดีน” ในการแถลงข่าวท่ามกลางนักข่าวทั้งในและต่างประเทศว่า :
สาธารณรัฐอิสลามกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าแผนของเราเกี่ยวปาเลสไตน์คือการย้อนกลับไปยังความคิดเห็นของสาธารณชน และก่อนที่ระบอบไซออนิสต์จะรู้สึกหวาดกลัวเรา (อิหร่าน) นั้น ควรจะต้องกลัวประชาชนชาวปาเลสไตน์และกลุ่มต่อต้านและบรรดาผู้ที่สิทธิของพวกเขาถูกละเมิดโดยระบอบไซออนิสต์ วันนี้ความคิดริเริ่มอยู่ในมือของมูจาฮิดีน (บรรดานักต่อสู้) ชาวปาเลสไตน์ สาธารณรัฐอิสลามจะสนับสนุนบรรดาผู้ถูกกดขี่ตลอดไป ปาเลสไตน์เป็นผู้ถูกกดขี่ และเราจะสนับสนุนปาเลสไตน์
เยเมนจำเป็นต้องได้รับการจัดการโดยชาวเยเมนเองโดยเร็วที่สุดและการแทรกแซงในเยเมนทุกรูปแบบของซาอุดิอาระเบียหรือของบรรดาประเทศที่สนับสนุนซาอุดิอาระเบียจะต้องถูกสกัดกั้น สงครามต่อต้านเยเมนต้องยุติโดยเร็วที่สุด และเยเมนต้องถูกปกครองโดยชาวเยเมนและประชาชนของเยเมน และชาวเยเมนจะต้องตัดสินใจว่าจะปกครองประเทศนี้อย่างไร
เราได้ประกาศความสัมพันธ์กับทุกประเทศทั่วโลกและมีปฏิสัมพันธ์กับทุกคนโดยเฉพาะความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน การให้ความสำคัญอันดับแรกของเราคือความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านของเรา และในกรณีของประเทศซาอุดิอาระเบียก็ไม่มีอุปสรรคใดๆ จากสาธารณรัฐอิสลามเกี่ยวกับการเปิดสถานทูตอีกครั้งระหว่างสองประเทศ และสำหรับสาธารณรัฐอิสลาม ความสัมพันธ์และการเจรจากับซาอุดิอาระเบียและทุกประเทศในภูมิภาคไม่มีอุปสรรคใด( ถอดความโดย เชคนะอีม ประดับญาติ)
ดังนั้นฉากทัศน์การเมืองอิหร่านจะเปลี่ยนไปและจะเข้มข้มยิ่งขึ้น ไม่ว่าการเมืองโลกในด้านความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา หรือความสัมพันธ์กับจีนที่ดีจะชื่นมื่นมากหรือต่อรัสเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และมองผ่านการเมืองในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะปัญหาปาเลสไตน์และสงครามในเยเมน เราคงจะได้เห็นฉากทัศน์ของการเมืองโลก ที่เรียกว่า”ระเบียบการเมืองโลกอิสลามใหม่” ที่น่าจับตาทีเดียว