ขงจื้อ ผู้นำควรจะมีทรัพยากรสามอย่าง : อาวุธ อาหาร และความไว้วางใจ
ขงจื้อ ผู้นำควรจะมีทรัพยากรสามอย่าง : อาวุธ อาหาร และความไว้วางใจ
ขงจื้อถูกรู้จักกันว่าเป็นครูคนแรกภายในจีน เขาต้องการทำให้การศึกษาหามาได้อย่างกว้างขวาง และเขาเป็นเครื่องมือภายในการสร้างศิลปของการสอนอาชีพ เขาได้สร้างมาตรฐานทางศีลธรรม จริยธรรม และสังคมที่สร้างรากฐานของวิถีทางของชีวิตเรียกว่าลัทธิขงจื้อ
เมื่อซีอีโอกำลังมองหาแนวทาง พวกเขาอาจจะอ่านแจ็ค เวลซ์ ฟังวอร์เรน ปัฟเฟตต์ หรือศึกษาสตีฟ จ้อป เเต่เรามีกูรูการบริหาาอีกคนหนึ่งที่ควรจะให้ความสนใจคือ ขงจื้อ
คำถาม อะไรทำให้เป็นผู้นำที่ดี ถูกถามมาหลายศตวรรษแล้ว และถูก
อภิปปรายอย่างต่อเนื่องจนกว่าเวลาจะสิ้นสุดลง แม้ว่าทุกทฤษฎีความเป็นผู้นำมีจุดแข็งและจุดอ่อน การรวมกันและการวิเคราะห์ชองแต่ละทฤษฎีสามารถให้การศึกษาที่ดีแก่ผู้นำได้ ขงจื้อ ได้อธิบายปรัญาของเขาต่อบทบาท
ความรับผิดชอบ และหน้าที่ของผู้ปกครอง แม้ว่าถ้อยความเป็นผู้นำ ไม่ระบุอย่างแน่นอนภายในคำสอนของเขา ขงจื้อได้สอนผู้มีอำนาจของรัฐบาลพัฒนาคุณสมบัติที่จำเป็นนำรัฐบาล และรักษาอาณัติแห่งสวรรค์
แม้ว่าขงจื้อ ไม่ได้กล่าวถึง ผู้นำ หรือ ความเป็นผู้นำ หลายคำสอนของเขาเกี่ยวกับรัฐบาลและกลายเป็นถ้อยคำ “สุภาพบุรุษ” สามารถประยุกต์ใช้กับหัวข้อเหล่านี้
ความมุ่งหมายรากฐานของผู้นำคือ การรับใช้บุคคล ด้วยกันของสองมุมมองเหล่านี้ – ผู้นำและบุคคล ทำงานเป็นทีมหักล้างถางพงไปสู่เป้าหมายร่วมกัน ด้วยการจูงใจ กาาสอน การนำทาง ผู้นำสามารถช่วยบุคคลบรรลุศักยภาพของพวกเขาสูงสุด ขงจื้อแสดงหน้าที่ของผู้นำ โดยการใช้วิถีทางที่เหมาะสมคิด ทำ และตัดสินใจภายในตำแหน่งการปกครอง คุณสมบัติ เช่น การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
ความถ่อมตัว ความประหยัด ความผูกพัน และความจงรักภักดี เป็นตัวอย่างที่พบภายในคำสอนของเขาที่ให้กรอบเพื่อความเป็นผู้นำ สำคัญที่สุดขงจื้อได้สอนคุณธรรมอย่างกว้างขวาง และทำไมผู้นำต้องมีคุณธรรม
ตามคุณลักษณะที่กล่าวถึง การเคารพและการเชื่อฟังมีความสำคัญที่สุดต่อผู้นำรัฐบาล เพราะว่าความเคารพสร้างฐานเพื่อความไว้วางใจ ครั้งหนึ่งขงจื้อ
ได้กล่าวว่าผู้ปกครองต้องการทรัพยากรสามอย่าง อาวุธที่เพียงพอ อาหารที่เพียงพอ และความไว้วางใจของบุคคล ลูกศิษย์ ได้กล่าวว่า ถ้าเราต้องไปโดยไม่มีอย่างหนึ่งของทั้งสามเหล่านี้ อะไรที่ควรจะยอมทิ้ง ขงจื้อตอบว่า อาวุธ ลูกศิษย์ถามว่า ถ้าเราต้องไปโดยไม่มีอย่างหนึ่งของสองอย่างที่เหลืออยู่ อะไรที่เราควรจะยอมทิ้ง ขงจื้อตอบว่า อาหาร ตั้งแต่โบราณกาล ความตายเป็นโชคชะตาของบุคคลทุกคน แต่ถ้าไม่มีความไว้วางใจของบุคคล รัฐบาลไม่สามารถยืนอยู่ได้
ผู้ปกครองที่ไม่สามารถมีสามอย่างทุกอย่างควรจะยอมทิ้งอาวุธก่อน ต่อจากนั้นอาหาร แต่ควรจะยึดความไว้วางใจไม่ว่าจะเสียอะไร ถ้าบุคคลไม่ไว้วางใจเรา เราไม่มีอะไรที่จะยืนอยู่บนแล้ว ไม่ว่ารายได้ของบุคคลและสิ่งอำนวยความสะดวกของสำนักงานยิ่งใหญแค่ไหน
บุคคลไม่ยอมให้สิ่งที่ดีที่สุดของพวกเขา ถ้าพวกเขาไม่มีความไว้วางใจใดเลยต่อเราเป็นผู้นำ เราไม่มีเหตุผลทำไมพวกเขาควรจะผูกพันตัวพวกเขาเองอย่างเต็มที่ต่อเรา ถ้าเราไม่ผูกพันตัวเราเองอย่างสุดใจต่อพวกเขา ด้วยการสร้างว้ฒนธรรมของความเชื่อมั่นและความไว้วางใจร่วมกันเท่านั้น องค์การของเราและบุคคลทุกคนจะบรรลุศักยภาพของพวกเขาอย่างเต็มที่
ขงจื้อ ได้กล่าวว่า ข้าไม่รู้จะทำอะไรกับบุคคลบางคนที่คำพูดไม่สามารถไว้วางใจได้ เราจะขับเกวียนโดยไม่มีไม้วางขวาง หรือรถม้าไม่มีไม้ขวางอย่างไร
ความไว้วางใจเป็นเป็นหัวใจต่อความสัมพันธ์ทุกอย่าง มันเป็นเส้นใยที่จะยึดครอบครัว ชุมชน และสังคมเข้าด้วยกัน
ลูกศิษย์ ได้ถามเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ ขงจื้อ ได้กล่าวว่า ถ้าเราไม่เปียกโชคด้วย
การพูดให้ร้ายและบาดเจ็บด้วยการดูหมิ่น แต่ยังคงไม่ลังเล เราอาจจะกล่าวว่า
เรามีวิสัยทัศน์ ที่จริงแล้วเราอาจจะกล่าวว่าเรามีสายตายาวด้วย ละเลยผู้สงสัยและผู้วิจารณ์ทุกคนด้วยการดูหมิ่นและการให้ร้ายอย่างใจแคบ เรามีนัดเดียวแห่งชีวิต ยึดกับวิสัยทัศน์ของเราอะไรที่เราต้องการบรรลุความสำเร็จกับมัน ไม่เสียเวลาและพลังที่ล้ำค่ากังวลใจเกี่ยวกับอะไรที่บุคคลอื่นพูด
เมื่อเราคิดถึงความเป็นผู้นำ เรามักจะคึดถึงบุคลิกภาพที่ยิ่งใหญ่และแม้แต่อัตตาที่ยิ่งใหญ่ ผู้นำที่สำคัญเหมือนเช่น สตีฟ จ้อป อีลอน มักส์ บิลล์ เกตส์ และเจฟฟ์ บีซอส
น่าสนใจ เรายกย่องบุคคลเหล่านี้เป็นวีรบุรุษ แต่กระนั้นต่อขงจื้อ หัวใจของความเป็นผู้นำอยู่ที่บุคคลอื่นศูนย์กลาง การรับรู้การมีส่วนช่วยของบุคคลอื่น
และวางความต้องการของพวกเขาก่อนของเราเอง มันเกี่ยวกับการให้เวลาและพลังของเราที่จะช่วยเหลือบุคคลเรียนรู้และเจริญเติบโต มันเป็นโมเดลของพฤติกรรมที่ถ่อมตัว
ขงจื้อ ได้กล่าวว่าบุคคลที่เมตตาต้องการสร้างตัวเขาเองโดยการสร้างบุคคลอื่น และบรรบุผ่านทางการช่วยเหลือบุคคลอื่นบรรลุ ขงจื้อตระหนักว่าแนวโน้มของบุคคลมีอำนาจแผ่อำนาจตัวพวกเขาเอง ดังนั้นเขาได้แนะนำผู้นำสร้าง ความเป็นผู้นำแบบรับใช้ให้เป็นนิสัย แนวคิดแกนของความเป็นผู้นำแบบรับใช้คือการรับใช้บุคคลอื่น เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายขององค์การสามารถแสดงโดยเเนวคิดเหรินของขงจื้อ “เหริน” ได้ถูกแปลเป็น ความเมตตา ความมีน้ำใจ และมนุษยธรรม เหรินเป็นคุณธรรมของความเป็นผู้นำ ถ้าบุคคลครอบครอง
เหรินอย่างสำคัญแล้ว บุคคลมีคุณค่าเป็นผู้ปกครอง ต่อขงจื้อแล้ว เหริน เป็นคุณสมบัติเพื่อตำแหน่งความเป็นผู้นำ
มนุษยนิยมเป็นหัวใจของลิทธิขงจื้อ มุ่งเน้นการพัฒนาคุณธรรมและการรักษาจริธรรม อยู่บนหลักการพื้นฐานที่สุดสามข้อ “เหริน” “ยี่” และ “หลี่” ลี่ และหลี่ เกี่ยวพันกับเหริน เพราะว่ามันนำทางการกระทำที่ต้องการภายในชีวิตประจำวัน
เหริน ความเมตตา ยี ความชอบธรรม และหลี่ จรรยาบรรณที่เหมาะสม เป็นสามของหลักการลัทธิขงจื้อสำคัญที่สุด มันได้ถูกเสนอแนะเริ่มแรกที่จะเตือน
ผู้ปกครองภายในระยะเวลาของเขาที่จะเอาชนะวิถีทางของเผด็จการ หรือวิถีทางของการบังคับ ด้วยวิถีทางของอำนาจทางศีลธรรม และการปกครองที่มีมนุษยธรรม ต่อมาหลักการเหล่านี้ได้ถูกขยายที่จะกำหนดคุณลักษณะและพฤติกรรมของของจุนสี ปกครองพฤติกรรมมนุษย์ทุกคน
ในขณะที่ใครก็ตามสามารถกลายเป็นเหรินโดยการปลูกฝังตัวเอง จุนสีเท่านั้น
ควรจะอยู่ภายในตำแหน่งความเป็นผู้นำ ดังนั้นหลักการเหล่านี้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญและข้อกำหนดของความเป็นผู้นำจีน
เหริน หรือความเมตตา เหรินเป็นหัวใจของปรัชญาขงจื้อ มันเป็นต้นกำเนิดของจริยธรรมทุกอย่าง คุณลักษณะของเหรินคือ ความรักบุคคล บุคคลที่สามารถรักบุคคลอย่างแท้จริงอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจบุคคลอื่น และเเสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ ไม่มีการแบ่งแยกบนพื้นฐานต่ำและสูงหรือยากจนและร่ำรวย ดังนั้นเหรินหมายถึงมนุษยธรรม
หลี่ หรือ ความเหาะสม หมายถึงการทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างถูกต้อง เหรินเป็นปัจจัยพื้นฐานของการมีหลี่ หลี่ถูกใช้เป็นกลไกที่จะควบคุมและปรับตัวเหรินภายในวิถีทางที่เหมาะสม การนำทางที่มีตัวตนต่่อความสัมพันธ์ของมนุษย์ หรือกฏของการกระทำที่เหมาะสม ระเบียบทางสังคม หรือระเบียบโดยทั่วไปของชีวิต หลี่เป็นพิธีกรรม จรรยาบรรณ หรือความประพฤติ
ยี่ หรือความชอบธรรม ยี่หมายถึงการทำสิ่งที่ชอบธรรม มันเป็นการกระทำที่ถูกต้องมาจากหัวใจที่เมตตา เหรินเป็นหัวใจ และยี่เป็นเส้นทาง ความชอบธรรมไม่ได้เกี่ยวพันกับประโยชน์ต่อตัวเอง แต่เป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่น
ความสามารถที่จะรับรู้อะไรถูกต้องและดี ความสามารถที่จะรู้สึกภายในสถานการณ์อะไรเป็นสิ่งถูกต้องที่จะทำ
ปรัชญาขอจื้อถูกเรียกว่าปรัชญาของเหรินด้วย แนวคิดของเหรินยึดครองจุดศูนย์กลางภายในปรัชญาของลัทธิขงจื้อ ภายใน “Analects” ขงจื้อได้กล่าวถึงเหรินมากกว่าร้อยครั้ง แต่ไม่เคยนิยามมันอย่างเป็นทางการ ภายในโลกภาษาอังกฤษ นักวิชาการได้แปลเหรินด้วยหลายถ้อยคำ – ความเมตตา ความรัก ความเห็นอกเห็นใจ มนุษยธรรม การเเปลเหล่านี้สะท้อนความรู้สึกสองอย่างที่ขงจื้อใช้ถ้อยคำ
เหริน นั่นคือ เหรินแห่งความรัก และเหรินแห่งคุณธรรม ภายในความรู้สึกของเหรินแห่งความรัก เหรินแสดงลักษณะที่อ่อนโยนของความรู้สึกของมนุษย์ และ ขงจื้อกล่าวว่า เหรินคือความรักบุคคลอื่น ภายในความรู้สึกของเหรินแห่งคุณธรรม เหรินเป็นคุณธรรมโดยทั่วไปที่ถูกรับรู้ท่ามกลางคุณธรรมอื่นเหรินเป็นศูนย์กลางของหลักการจริยธรรม มันได้ถูกอธิบายได้ดีที่สุดโดยขงจื้อภายในข้อความว่า อย่าทำต่อบุคคลอื่นอะไรที่เราไม่ต้องการทำกับตัวเราเอง หลักการจริยธรรมนี้ถูกทำให้เข้มแข็งต่อไปโดยประเพณีพุทธศาสนา
ขงจื้อ กล่าวว่า เราบรรลุเหรินถ้าที่ไหนก็ตามอยู่ภายใต้สวรรค์เราสามารถปฏิบัติห้า ความสุภาพ ความเปิดเผย ความเมตตา ความขยัน ความบริสุทธ์ใจ
ภายใต้ความรู้สึกนี้ บุคคลแห่งเหรินเป็นบุคคลที่สมบูรณ์ทางศีลธรรม และเหรินอาจจะถูกแปลเป็น คุณธรรมที่สมบูรณ์ บุคคลไม่สามารถมีอย่างหลังโดยไม่มีอย่างเเรกได้ บุคคลที่มีเหรินเป็นคุณธรรมโดยทั่วไปไม่สามารถขาดเหรินแห่งความรักได้
ความสัมพันธ์อย่างเคารพเป็นเเรงขับเคลื่อนที่สำคัญของธุรกิจ ความเข้าใจความสำคัญของการเคารพ ขงจื้อชี้ว่าความสามารถของเราที่จะพัฒนาความสัมพันธ์เป็นสิ่งที่แยกความแตกต่างมนุษย์จากสัตว์ บ่อยครั้งความสำคัญของความสัมพันธ์ได้กลายเป็นหายไปภายในสภาพแวดล้อมธุรกิจ โดยเฉพาะภายในโลกตะวันตก เเต่กระนั้นผู้นำดีขึ้นเมื่อพวกเขารับรู้ความสำคัญของความสัมพันธ์ส่วนบุคคล และทำการพัฒนามันเป็นจุดมุ่งสำคัญของงานของพวกเขา คำพูดจีนของความสัมพันธ์คือ กวานซี่ และมันเป็นความเชื่อที่ระบุว่ากวานซี่ได้กลายเป็นเงินตราที่สอง ภายในธุรกิจของประเทศ ผู้นำธุรกิจภายในจีนเข้าใจว่าการพัฒนาความสัมพันธ์หมายความว่าพวกเขาจะกลับมาในอนาคต ความเคารพเป็นรากฐานของความสันพันธ์ทางธุรกิจเหล่านี้ทุกอย่าง และให้ตาข่ายความปลอดภัยเมื่อบริษัทเผชิญเวลาที่ยุ่งยาก
ความสัมพันธ์เป็นทุกสิ่งทุกอย่างภายในจีน อย่าไปห่วงใย
ดังเช่นภายในสังคมจีน กวานซี่มีความหมายแตกต่างกัน ภายในสังคมโลกสมัยใหม่ เรามีแนวคิดแตกต่างกันเกี่ยวกับกวานซี แต่กระนั้นภายใต้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ มันเป็นไปได้ที่จะย้อนรอยรากฐานแกนบางอย่าง และความหมายของกวานซีไปยังปรัชญาจีนของลัทธิขงจื้อได้ ภายในจีนสมัยใหม่ ถ้อยคำพูด กวานซี่เหมือนถ้อยคำพูดจีนหลายคำ ประกอบด้วยสองตัวอักษร ตัวเเรก “กวาน” หมายถึงประตูหรืออุปสรรค “ซี่” หมายถึงผูก ด้วยกันสองตัวอักษรเหล่านี้เสนอแนะการกระทำของการผ่านสิ่งกีดขวาง และการได้ความสัมพันธ์ หรือถ้าเราต้องการประยุกต์ใช้กับความหมายเปรียบเทียบ ข้างในประตูเราเป็นหนึ่งของพวกเรา แต่ข้างนอกประตูเรา การเป็นอยู่ของเราแทบ
ไม่รู้จัก
ภายในธุรกิจแล้ว โดยทั่วไปกวานซีีอ้างเป็นเครือข่ายหรือการเชื่อมโยงใช้ที่จะเปิดประตูต่อธุรกิจใหม่ บุคคลที่มีกวานซีมากมายอยู่บนตำแหน่งที่จะสร้างธุรกิจได้ดีกว่าบุคคลบางคนที่ขาดมัน กวานซีพัวพันกันอย่างใกล้ชิดกับปรัชญาขงจื้อที่สร้างวัฒนธรรมเอเชีย มันได้ขยายไปยังครอบครัว เพื่อน และสังคมที่จะสร้างชุมชนที่สามัคคี กวานซีแสดงความผูกพันที่บุคคลมีต่อบุคคลอื่น ภายในจีนแล้วกวานซีระบุว่าวงลัอของธุรกิจถูกหล่อลื่นด้วยกวานซี บางทีกวานซีเข้าใจได้ดีดีที่สุดด้วยความจริงเก่าแก่ มันไม่ใช่อะไรที่เรารู้ แต่ใครที่เรารู้จัก
นั่นคือสิ่งสำคัญ ความเข้าใจผิดมากที่สุดเกี่ยวกับกวานซีภายในตะวันตกคือ มันเกี่ยวกับการให้สินบน และการนำเสนอเงินโดยตรง ในขณะที่เงินเป็นมุมหนึ่งของการแลกเปลี่ยนกวานซี กวานซีเกี่ยวกับเงินตราสังคมอย่างแท้จริงมากกว่าเงินตราที่แท้จริง
ถ้อยคำกวานซีไม่ได้ถูกใช้ภายในช่วงเวลาของขงจื้อ นักวิชาการจีนบางคนยืนยันว่าความหมายของกวานซีมาจากความคิดขงจื้อ รากฐานของสังคมที่แตกความสัมพันธ์ที่สำคัญเป็นห้าอย่างที่บุคคลเป็นส่วนหนึ่ง ถ้าเขาได้รักษาแต่ละของความสัมพันธ์เหล่านี้ตามหน้าที่ สังคมย่อมจะมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองโดยอัตโนมัติ ผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครอง พ่อกับลูก สามีกับภรรยา พี่กับน้อง และเพื่อนกับเพื่อน ถ้าเราสังเกตุแต่ละของความสัมพันธ์เหล่านี้คล้ายกับลูกโซ่ที่ผูกบุคคลภายในสังคม เขตของความสัมพันธ์เหล่านี้เชื่อมโยงบุคคลทุกคนภายในหน่วยเดียว ถ้าลูกโซ่เหล่านี้เข้มแข็ง โครงสร้างของสังคมย่อมเข้มแข็ง
3
กวานซี่มีบทบาทพื้นฐานภายในปรัชญาขงจิ้อ การมองบุคคลเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และกลุ่มของครอบครัว ความสัมพันธ์ตามลำดับชั้นและเป็นมิตร
กวานซีมีอิทธิพลที่สำคัญต่อการบริหารธุรกิจรากฐานภายในจีน และธุรกิจเจ้าของจีนภายในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ – ต่อมารู้จักกันเป็นเครือข่ายแบมบู กวานซี่หรือเครือข่ายทางสังคมมีอยู่ทั่วไปภายในวัฒนธรรมขงจื้อ ได้ถูกรับรู้มายาวนานเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งเพื่อความสำเร็จเมื่อทำธุรกิจภายในจีน
เเนวคิดของกวานซีไม่เพียงแค่ลึกซึ้งและสวยงาม แต่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงด้วย ความคิดนี้เป็นศูนย์กลางของสังคมจีน การเเปลตามตัวอักษรของถ้อยคำพูดนี้หมายความว่า สายสัมพันธ์ และความสัมพันธ์ แต่คำแปลของทั้งสองถ้อยคำไม่สามารถอธบายความหมายที่ลึกซึ้งที่มันยืนหยัดอย่างแท้จริงได้ แนวคิดของกวานซี่ ไม่ได้จำกัดต่อจีนต่อไปอีกแล้ว และได้ถูกยอมรับภายในตะวันตกด้วย
ตลอดหลายปี กวานซีมีบทบาทที่สำคัญมากภายในความสัมพันธ์ทางธุรกิจของจีน ถ้าธุรกิจอยู่บนพื้นฐานกวานซีแล้ว จากนั้นเรามีความน่าเป็นที่สูง เพื่อที่จะลดความไม่แน่นอน ลดต้นทุนทางธุรกรรม และทำ
ให้ต้นทุนค้นหาต่ำลง เมื่อซัพพลายเออร์ที่ไว้วางใจรู้อยู่แล้ว กวานซีได้ถูกแปลอย่างหลวมเป็นสายสัมพันธ์ส่วนบุคคล ความสัมพันธ์หรือเครือข่ายทางสังคม กวานซี่แสดงความไว้วางใจและข้อผูกพันร่วมกันระหว่างฝ่าย และมันดำเนินการบนระดับบุคคล ครอบครัว สังคม ธุรกิจ และการเมือง
เรามีบทเรียนความเป็นผู้นำที่สำคัญอย่างหนึ่งจากขงจื้อคือ ความไว้วางใจ
ขงจื้อ ได้กล่าวว่า “ข้าไม่รู้จะทำอะไรกับบุคคลบางคนที่คำพูดไม่สามารถไว้วางใจได้ เราจะขับเกวียนไม่มีไม้ขวาง หรือรถม้าไม่มีไม้ขวางอย่างไร” ความไว้วางใจเป็นหัวใจต่อความสัมพันธ์ของมนุษย์ทุกอย่าง
ขงจื้อได้กล่าวว่า ผู้ปกครองต้องการทรัพยากรสามอย่าง : อาวุธ อาหาร และความไว้วางใจ ผู้ปกครองไม่สามารถมีทั้งสามอย่างควรจะยอมทิ้งอาวุธก่อน จากนั้นเป็นอาหาร แต่ควรจะยึดความไว้วางใจไจ้ไว้ไม่ว่าจะเสียอะไรก็ตาม
เราไม่ต้องมีชื่อตำแหน่งที่เป็นทางการ เพื่อที่จะดำรงตำแหน่งความเป็นผู้นำภายในองค์การหรือชุมชนของเรา ด้วยความเมตตาและเห็นอกเห็นใจบุคคลรายรอบเรา ในไม่ช้าเราจะได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นของพวกเขา เราแสดงว่าเราชื่นชมข้อแนะนำและการป้อนกลับที่พวกเขาให้เรามากเท่าไร พวกเขายิ่งชื่นชมข้อแนะนำและการป้อนกลับที่เราให้พวกเขามากขึ้นเท่านั้น
แจ็ค เวลซ์ อดีตซีอีโอตำนานของเจ็นเนอรัล อีเล็คทริคได้กล่าวว่าเรามีถ้อยคำสองคำเท่านั้นของผู้นาคือ ความจริงและความไว้วางใจ แจ็ค เวลซ์ เป็นกูรูของความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง ดังนั้้นอะไรที่เขาพูดคือหัวใจของความเป็นผู้นำที่บรรลุความสำเร็จ ความลับที่จะบันดาลใจแและจูงใจบุคคลให้กระทำอย่างดีที่สุด ถ้าบุคคลของเราไว้วางใจเรา พวกเขาจะบอกความจริงแก่เรา และเมื่อเราได้ความจริง เราต้องทำตามอย่างรวดเร็ว
การบริหารคือการได้ความไว้วางใจ เพราะว่าส่วนประกอบที่สำคัญของความสำเร็จคือ การมีทีมที่ยิ่งใหญ่ ความสำเร็จขอวเรามาจากความสำเร็จของทีมของเรา เราต้องบันดาลใจพวกเขาให้สามารถทำงานด้วยกัน และเพื่อที่จะกระทำสิ่งเหล่านี้ พวกเขาต้องไว้วางใจว่าเรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง
ตามมุมมองของแจ็ค เวลซ์แล้ว การสร้างความไว้วางใจมาจากการทำสามสิ่งต่อไปนี้คือ 1 เราต้องตรงไปตรงมา ความจริงใจจะสำคัญต่อการสร้างความไว้วางใจ เราต้องสร้างความชัดเจนต่อบุคคลภายในทีมของเราว่า พวกเขา
กำลังทำได้ดีแค่ไหน และพวกเขาต้องปรับปรุงอะไร 2 เราต้องกำหนดวิสัยทัศน์ ทีมของเราต้องการรู้ว่าบริษัทพวกเขาจะไปที่ไหนในอนาคต 3 เราต้องสนุกสนาน แจ็ค เวลซ์มีความสนุกสนานภายในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำ เขารักงานของเขา เขาชอบฉลองความสำเร็จ แม้แต่การฉลองความสำเร็จภายในครอบครัว เขาได้ฉลองความสำเร็จทีมโครงการอยู่เสมอ
Cr : รศ สมยศ นาวีการ