jos55 instaslot88 Pusat Togel Online ซาอุฯฟื้นสัมพันธ์แต่ไม่ได้”เพชรสีน้ำเงิน”คืน - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ซาอุฯฟื้นสัมพันธ์แต่ไม่ได้”เพชรสีน้ำเงิน”คืน

สบาย สบาย สไตล์เกษม

เกษม อัชฌาสัย

ซาอุฯฟื้นสัมพันธ์แต่ไม่ได้”เพชรสีน้ำเงิน”คืน

ในฐานะคนไทยต้องขอบพระทัยมกุฎราชกุมารราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ในฐานะรองนายกฯรัฐมนตรี เป็นอย่างยิ่ง ต่อการที่ทรงแสดงน้ำใจนักกีฬา หันมาฟื้นฟูและกระชับสัมพันธไมตรีกับราชอาณาจักรไทยอีกครั้ง

หลังจากที่ลดระดับความสัมพันธ์มายาวนานกว่า ๓๐ ปี ด้วยการเชิญพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบียเป็นเวลาสองวันระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ มกราคม ๒๕๖๕ ที่ผ่านมานี้

โดยทรงให้เข้าเฝ้า ณ พระราชวัง”อัล ยามามะห์”ในกรุงริยาดเมืองหลวง เป็นการเดินนโยบายการทูตในระดับสูง ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนและถือได้ว่าเป็นการให้เกียรติแก่ไทยยิ่ง

ป่านนี้ นายกรัฐมนตรีไทยคงกลับมาและให้สัมภาษณ์ผลการไปเยือนแล้วในรายละเอียด ว่าเป็นอย่างไรนอกเหนือไปจากการรื้อฟื้นปรับปรุงความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น ยกระดับจากการแลกเปลี่ยนอุปทูตขึ้นไปเป็นระดับเอกอัครราชทูต ซึ่งคาดว่าจะมีการแต่งตั้งและแลกเปลี่ยนกันในไม่ช้านี้

คาดว่า คงจะมีการแลกเปลี่ยนกันทางเศรษฐกิจกับการค้าเพิ่มขึ้น ตามที่ควรจะเป็น  พูดได้กว้างๆแค่นั้น

สาเหตุแห่งความหมางเมิน ทำให้ซาอุดีอาระเบีย ลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยลงไปนั้น ก็คือไม่พอใจที่ทางการไทย ไม่สามารถคลี่คลายคดีสำคัญคือการโจรกรรมเครื่องประดับมูลค่าราว

๖๐๐ ล้านบาทได้อย่างชัดเจน ไม่เป็นที่น่าพอใจ

การโจรกรรมนี้เกิดขึ้นที่วังเจ้าชายองค์หนึ่ง(ซาอุฯมีเจ้าชายมากมาย) ด้วยฝีมือคนงานไทยคนหนึ่งที่เข้าไปทำงานในฐานะภารโรง แต่มีโยงใยสลับซับซ้อนในการสอบสวนลุกลามไปถึง การฆาตกกรรมสองแม่ลูกของเจ้าของร้านเครื่องเพชร(นายสันติ ศรีธนะขันฑ์)ผู้รับซื้อ”ของโจร”ที่ขโมยมาและการลอบสังหารนักการทูตซาอุดีอาระเบียสามคนกับนักธุรกิจซาอุดีอาระเบียเชื้อสายราชวงศ์อีกหนึ่งรายที่ทางการซาอุดีอาระเบียสั่งการให้สอบสวนเพิ่มเติมอีกทางหนึ่ง (ในกรณีคืนเครื่องเพชรที่ยึดคืนได้ไม่ครบถ้วน รวมทั้ง”เพชรสีน้ำเงิน”ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล)

พิจารณาอย่างปกติธรรมดาไม่ลึกซึ้ง เชื่อว่า ทางซาอุดีอาระเบียเล็งการณ์ไกลในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับมิตรประเทศ รวมทั้งกับไทย ให้เป็นปกติ ซึ่งต่อไปนี้การคบหาเพื่อน จะมีบทบาทอย่างสำคัญต่อกันในวงการระหว่างประเทศ ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การค้าและการเมือง

เพราะจะไม่มีชาติชาติใด สามารถเลือกเข้าข้างฝ่ายใด เสมือนในอดีตที่เคยเป็นมา ยกตัวอย่างซาอุดีอาระเบียเองปัจจุบัน ก็ยังต้องคบหากับอิสราเอล ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยชอบหน้ากันเลย

ไทยเราก็ยังต้องคบหากับชาติคอมมิวนิสต์

มองในแง่ที่ลึกซึ้ง การเปิดมีความสัมพันธ์ระหว่างกันครั้งนี้ ทางซาอุดีอาระเบีย หวังที่จะให้เราทบทวนคดีฆาตกรรมเจ้าที่ทูตสามรายกับนักธุรกิจหนึ่งราย โดยเฉพาะนักธุรกิจคนที่ว่านี้ มีเชื้อสายราชวงศ์เสียด้วย ทางฝ่ายซาอุฯจะไม่ละมือไปง่ายๆ แน่นอน

ไม่เช่นนั้น คงไม่มีข่าวแพลมออกมาว่า นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ไปรับปากกับมกุฎราชกุมารซาอุฯว่า”หากมีหลักฐานใหม่ก็จะดำเนินการรื้อฟื้นและสอบสวนใหม่”

ซึ่งผมเห็นว่า พอจะมีทางเพราะคนที่เกี่ยวข้องคือ นายชลอ เกิดเทศ (อดีตพล.ต.ท.)ยังมีชีวิตอยู่ แม้จะเป็นสงฆ์และเชื่อว่าทางซาอุดีอาระเบียน่าจะมีหลักฐานบางอย่างเพิ่มเติม ตามที่เคยสืบสวนเตรียมไว้(สมัยนายโมฮัมมัด ซาอิด โคจา ดำรงตำแหน่งอุปทูตประจำประเทศไทย) แต่ไม่ได้นำมาพิจารณา

แม้จะหาตัวนายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ มาให้ปากคำไม่ได้ก็ตามที เพราะไม่รู้ว่าเขามีชาตากรรมอย่างไร ในขณะนี้

คดีจึงยังจบลงไม่ได้ในแง่ลอบสังหาร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะในประเด็นนักธุรกิจที่มีเชื้อสายกษัตริย์แห่งซาอุดีอาระเบีย

ขอตั้งข้อสังเกตว่า การค้นหา เครื่องประดับที่ซาอุฯอ้างว่ายังขาดหายไป(ไม่รู้ว่าจำนวนเท่าไร)รวมทั้ง”เพชรสีน้ำเงิน”ที่ถูกหยิบยกนำมากล่าวอ้าง จนเกี่ยวพันไปถึง”เบื้องสูง”นั้น ไม่มีทางถูก”คุ้ยเขี่ย”ขึ้นมาอีก

ใครที่ได้ไปครอบครอง หรือใครที่รู้ถึงที่มาที่ไป ก็จะต้องเงียบกริบ ไปเลยทีเดียวละครับ

ฟันธงตรงนี้เลย ซาอุฯไม่ได้”เพชรสีน้ำเงิน”คืนแน่

 

 

 

 

 

 

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *