คำศัพท์และแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่น่าสนใจ : moral hazard (จริยวิบัติ)
คำศัพท์และแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่น่าสนใจ : moral hazard (จริยวิบัติ)
ความหมายและตัวอย่าง
จริยะวิบัติ หมายถึงปัจเจกบุคคลหรือกลุ่มบุคคลมีความประพฤติที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคม โดยเกิดจากแรงจูงใจบางอย่าง เช่น ทำความเสียหายแล้วไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องชดใช้ความเสียหายใดๆ เพราะสามารถผลักภาระให้ผู้อื่นได้
พฤติกรรมจริยวิบัติ อาจเกิดจากความไม่สมมาตรของสารสนเทศ (information asymmetry) คือฝ่ายหนึ่งมีข้อมูลมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง หรือมีข่าวสารข้อมูลบางอย่างที่ไม่ยอมเปิดเผยให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมทำสัญญาหรือข้อตกลงที่เสียเปรียบ ตัวอย่างเช่นผู้ทำประกันภัยไม่ดูแลรักษาทรัพย์สินของตนเองที่ได้รับการค้ำประกันไว้แล้ว คนพากันไปรับสินค้าและบริการฟรี ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องใช้ หรือการมีเจตนารมย์ที่ไม่บริสุทธิ์ หลอกลวงคู่กรณีเพื่อได้รับการชดเชย
จริยวิบัตินี้ เกิดขึ้นได้ทั้งในกรณีที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ อาจเกิดจากอุบัติเหตุหรือความชะล่าใจ ตัวอย่างเช่น ผู้ทำประกันอุบัติเหตุรถยนต์ชั้นหนึ่ง อาจขับรถโดยไม่ระวัง เพราะคิดว่าเมื่อเกิดความเสียหายกับคนหรือกับรถยนต์ แล้วไม่ต้องรับผิดชอบ บริษัทประกันภัยจะเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด เจ้าของทรัพย์สินไม่ดูแลรักษาทรัพย์สินของตนที่มีการประกันไว้กับบริษัทประกันภัย หรือ สินค้าที่วางจำหน่ายไม่เปิดเผยข้อมูลหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ ยารักษาโรค แม้มีคำอธิบาย แต่ไม่ได้ระบุผลข้างเคียงที่อาจมีผลเสียต่อสุขภาพ หรือมีการระบุ แต่ไม่ชัดเจน ประชาชนไปใช้บริการทางการแพทย์เกินความจำเป็นเพราะรัฐบาลมีนโยบายรักษาพยาบาลฟรี หรือเสียค่าใข้จ่ายเพียงเล็กน้อย ผู้ฝากเงินทำการฝากเงินในธนาคารและสถาบันการเงินที่จ่ายอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูง โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยง เพราะมีการประกันเงินฝากจากรัฐบาล เป็นต้น
พฤติกรรมจริยวิบัติบางอย่าง เกิดจากเจตนารมย์ที่ไม่บริสุทธิ์หรือไร้คุณธรรม ตัวอย่างเช่น ทำประกันไฟโรงงานในวงเงินสูง แล้วจุดไฟเผาโรงงานของตนเองเพื่อหวังค่าสินไหมทดแทน คนที่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไม่นานไปทำประกันชีวิต โดยไม่เปิดเผยอาการเจ็บป่วยของตนเองหรือให้สินบนแพทย์ผู้ตรวจ หลอกบริษัทประกันชีวิตว่าตนเองยังมีสุขภาพที่ดี สามีทำประกันชีวิตให้ภรรยา แล้วทำให้ภรรยาประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต เพื่อตนจะได้รับค่าสินไหมทดแทน โรงงานอุตสาหกรรมที่มีประกันสุขภาพให้แก่คนงานมักมีสภาพการทำงานไม่ปลอดภัย ไม่มีอุปกรณ์และมาตรการป้องกันที่ดีพอ ทำให้คนงานประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บได้ง่าย
การมีสารสนเทศที่เพียงพอ มีส่วนในการป้องกันพฤติกรรมจริยวิบัติ บริษัทประกันชีวิต หรือประกันภัย จึงมีมาตรการตรวจสอบที่เข้มงวด รัดกุมต่อผู้เอาประกัน บางครั้ง นโยบายของรัฐบาล ก็ทำให้เกิดจริยวิบัติ ในบางประเทศ มีรัฐวิสากิจอยู่มาก รัฐวิสากิจส่วนมากดำเนินงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และมีผู้บริหารที่มีพฤติการทุจริตคอรัปชั่น โดยหลักการ แล้ว รัฐบาลและประชาชนเป็นเจ้าของรัฐวิสาหกิจ แต่ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ อาจไม่ได้คิดเช่นนั้น คิดว่า หากบริหารงานไม่ดี และประสบกับการขาดทุน รัฐบาลจะต้องเข้ามาอุ้มชูเพื่อไม่ให้ล้มละลาย รัฐวิสาหกิจบางแห่งมีการจ่ายเงินเดือนและโบนัสให้ผู้บริหารในระดับสูง หรือจ่ายเงินเดือนให้แก่พนักงานสูงกว่าธุรกิจเอกชนเพื่อเอาใจพนักงาน พฤติกรรมเช่นนี้ ทำให้บางประเทศ มีรัฐวิสากิจที่มีสภาพเหมือนผีดิบ (zombie)จำนวนมาก อยู่ได้ด้วยการช่วยเหลือ อุดหนุนจากรัฐบาล และได้รับเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ จากปัญหาต่างๆของรัฐวิสาหกิจ บางประเทศจึงมีโยบายปฏิรูปรัฐวิสาหกิจด้วยวิธีต่างๆ เช่น ขายรัฐวิสาหกิจให้แก่ภาคเอกชน ให้ธุรกิจเอกชนเข้ามาถือหุ้นบางส่วน ลดการให้เงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ในที่สุด ถ้าเหลือกำลังที่จะกอบกู้ได้ ก็ปล่อยให้ล้มละลายไป
ในประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจตลาด ก็มีปรากฏการณ์จริยวิบัติ ที่เกิดจากพฤติกรรมของบริษัทเอกขนที่มีขนาดใหญ่มาก ที่รัฐบาลเห็นว่าใหญ่เกินกว่าที่จะปล่อยให้ล้มละลาย(too big to fail) ธุรกิจที่มีขนาดใหญ่มาก หากปล่อยให้ล้มละลาย จะมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ วิกฤตเศรษฐการเงินในโลกตะวันตกในสองทศวรรษที่ผ่านมาหลายครั้ง เริ่มจากความไม่เชื่อมั่นในระบบการเงินและการอุ้มชูของรัฐบาลจนในที่สุดเมื่อรัฐบาลอุ้มไม่ไหว ก็ระเบิดออกมาเป็นวิกฤตเศรษฐกิจการเงินครั้งใหญ่ที่มีผลกระทบและลุกลามในวงกว้าง
การจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็มีลักษณะเข้าข่ายจริยวิบัติ การรับจำนำ(รับซื้อ)ข้าว โดยไม่มีการตรวจสอบคุณภาพที่ชัดเจน ทำให้ชาวนาปลูกข้าวที่เก็บเกี่ยวได้เร็วโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพ มีการลักลอบนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาจำนำ(ขาย)ให้หน่วยงานของรัฐบาลไทยที่รับซื้อข้าว รัฐบาลประกาศว่า มีการขายข้าวให้ต่างประเทศโดยการทำสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ (โครงการ G to G) แต่ที่แท้ไม่มีการขาย ข้าวยังอยู่ในประเทศ แต่ให้โรงสีที่เป็นพรรคพวกของรัฐบาล ระบายสู่ตลาดภายในประเทศ ปริมาณข้าวในประเทศจึงไม่ลดลง ราคาข้าวก็ไม่สูงขึ้น การจำนำข้าว จึงสร้างผลเสียหายทางเศรษฐกิจแก่ประเทศไทยเป็นอย่างมาก รัฐบาลต่อจากนั้นต้องแบกรับภาระหนี้มหาศาล นโยบายการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จึงเป็นพฤติกรรม จริยวิบัติอีกรูปแบบหนึ่ง
วิธีป้องกันจริยวิบัติ
การดำเนินนโยบายและการบริหารประเทศ มีส่วนทำให้เกิดพฤติกรรมจริยวิบัติ ที่สร้างความเสียหายแก่สังคมและประเทศได้ เช่น มีนโยบายประชานิยม โน้มน้าวให้ประชาชนมีความประพฤติที่เป็นภัยต่อเศรษฐกิจของประเทศ การตั้งเป้าหมายผลผลิตเกินความเป็นจริง เมื่อทำไม่ได้ ก็แสดงข้อมูลเท็จ ล้วนเป็นพฤติกรรมที่มีส่วนสร้างจริยวิบัติ
ในช่วงปีค.ศ. 1959-1961 ประเทศจีนมีคนอดตายหลายสิบล้านคน จากการดำเนินนโยบาย“ การก้าวกระโดดไปข้างหน้าที่ยิ่งใหญ่”(great leap forward) ที่รณรงค์ให้เพิ่มผลผลิตการเกษตร โดยตั้งเป้าหมายไว้สูงมาก และพยายามรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ เร่งเพิ่มผลผลิตด้วยการทำงานหนัก เพื่อให้ได้ผลผลิตตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ พื้นที่ที่มีผลผลิตตามเป้าหมาย จะได้รับการชมเชยจากรัฐบาล และข้าราชการในท้องถิ่นนั้นจะได้รับการปูนบำเหน็จ ส่วนท้องถิ่นที่ไม่สามารถเพิ่มผลผลิตได้ตามเป้าหมายตามกำหนด จะต้องรับการลงโทษ นโยบายนี้ ทำให้เกิดการรายงานเท็จ ตัวเลขผลผลิตสูงเกินความเป็นจริงไปมาก ผู้บริหารในหลายพื้นที่ต่างพากันโอ้อวดว่า ด้วยความมุ่งมั่นของประชาชนในท้องถิ่น ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมาย เมื่อรัฐบาลรับทราบข้อมูลนี้ จึงสั่งให้ท้องถิ่นส่งมอบผลผลิตให้ส่วนกลางในปริมาณที่ มากกว่าที่เคยส่งมอบก่อนหน้านี้ เมื่อต้องส่งมอบมาก ย่อมมีผลผลิตเหลือให้ประชาชนบริโภคลดลงจากเดิมมาก หลายพื้นที่ของประเทศ ทั้งอาหารที่ต้องเก็บไว้เพื่อบริโภค เมล็ดพันธุ์พืช และอาหารสัตว์ที่ควรเก็บไว้สำหรับฤดูการผลิตต่อไป ถูกนำไปส่งมอบให้ส่วนกลางตามกฎระเบียบของระบบคอมมูน ทำให้ฤดูการผลิตต่อไป เกิดภาวะขาดแคลนปัจจัยการผลิต และขาดแคลนอาหาร ประชาชนต้องลดการบริโภคลงตามการลดลงของอาหารที่มีเหลืออยู่
นอกจากนั้น การรายงานข้อมูลที่เกินความเป็นจริง ยังทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล จากข้อมูลที่มีการเปิดเผยในเวลาต่อมา พบว่า ในปี 1958 และ 1959 ประเทศจีนมีการส่งออกอาหารไปยังสหภาพโซเวียตและประเทศในยุโรปตะวันออกเป็นปริมาณมาก การที่รัฐบาลจีนทำเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเห็นว่า ในเวลานั้นประเทศจีนมีธัญญาหารเหลือกินอยู่เป็นปริมาณมาก ต่อมาเมื่อการขาดแคลนอาหารในประเทศปรากฏชัดขึ้น จึงมีการนำเข้าธัญญาหารจากต่างประเทศ แต่ก็ปฏิเสธความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุผลทางการเมือง
นอกจากการเร่งผลผลิตในภาคการเกษตรแล้ว นโยบายก้าวกระโดดไปข้างหน้าที่ยิ่งใหญ่ ยังรณรงค์ให้มีการผลิตเหล็กกล้าทั่วทั้งประเทศ มีการตั้งเตาถลุงเหล็กในครอบครัวประชาชนจำนวนมาก และมีการตัดไม้ทำลายป่า เพื่อเอาต้นไม้มาทำฟืน เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการถลุงเหล็ก แต่ได้เศษเหล็กที่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เป็นปริมาณมาก ขณะเดียวกันป่าไม้ก็ถูกทำลาย อันเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภัยแล้งในหลายพื้นที่ของประเทศจีนในเวลาต่อมา
นโยบายการก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ของรัฐบาลจีนในสมัยที่เหมาเจ๋อตงมีอำนาจสูงสุด จึงเป็นนโยบายที่โน้มน้าวให้ข้าราชการและประชาชนมีพฤติกรรมจริยวิบัติ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ เป็นอย่างมาก
ดังนั้น การป้องกันจริยวิบัติ นโยบายและการดำเนินงานของรัฐ จึงมีส่วนสำคัญ นอกจากนั้น รัฐบาลยังมีบทบาทในการรวบรวมและเผยแพร่ข่าวสารข้อมูล และกำหนดกฎระเบียบที่ป้องกันจริยวิบัติของสถานประกอบการและประชาชนทั่วไปอีกด้วย เช่น กำหนดให้โรงงานอุตสาหกรรม ต้องติดตั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ในการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดแก่คนงานให้เพียงพอ คนงานที่เจ็บป่วยจากการทำงาน ต้องได้รับการชดเชยจากโรงงาน สินค้าและบริการต่างๆ ต้องระบุผลดีผลเสียจากการใช้ และอธิบายวิธีใช้อย่างละเอียด สถานประกอบการในภาคเอกชน ต้องมีมาตรการคุ้มครองพนักงาน และผู้บริโภคที่เป็นผู้ใช้สินค้า มีการเปิดเผยข้อดีข้อเสียของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน มีการชี้แจง เพื่อให้พนักงานของตนมีความรู้เพียงพอในการป้องกันตนเอง ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคและพนักงาน ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ หาข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้สินค้าและบริการ และรับทราบถึงสิทธิอันชอบธรรมของตนเองในกรณีที่ได้รับผลกระทบจากการใช้สินค้าบริการ และจากการทำงาน มีกฎหมายกฎระเบียบลงโทษพฤติกรรมที่ส่อไปในทางจริยวิบัติที่ชัดเจน ทั้งภาครัฐาลและภาคภาคเอกชนอาจตั้งหน่วยงานที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำประชาชน ในการป้องกันรับผลกระทบจากจริยวิบัติในลักษณะต่างๆ และสามรถรับการชดเชยจากความเสียหายที่เกิดจากพฤติกรรมจริยวิบัติอย่างเหมาะสม
จริยวิบัติ อาจไม่สามารถขจัดให้หมดสิ้นได้ แต่ก็ป้องกันหรือบรรเทาลงได้ในระดับหนึ่ง หากทั้งรัฐบาล สถานประกอบการ และประชาชนทั่วไป มีคุณธรรม มีจิตสำนึก รู้ดีชั่ว รู้ถูกผิด ไม่หลอกลวง ไม่เอารัดเอาเปรียบ จริยวิบัติก็จะไม่เกิดขึ้น หรือแม้มีอยู่บ้าง ก็จะมีไม่มาก และไม่ก่อให้เกิดผลที่สร้างความเสียหายแก่สังคมและประเทศชาติจนร้ายแรงเกินไป