ยูเครนสตอรี่
คอลัมน์ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ
ทหารประชาธิปไตย
ยูเครนสตอรี่
ยูเครนเป็นประเทศหนึ่งในยุโรปตะวันออก ที่เคยรวมอยู่ในสหภาพโซเวียตรัสเซีย แต่โดยพื้นที่แล้วยูเครนมีพื้นที่กว้างขวางมากกว่าประเทศใดๆในยุโรป ยกเว้นรัสเซีย มีประชากรประมาณ 44 ล้านคน แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การทำเกษตรกรรม จึงถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของยุโรปได้แห่งหนึ่ง
เดิมทียูเครน เปรียบเสมือนกับชนของรัสเซียกับยุโรป เพราะมีที่ตั้งที่ติดกับรัสเซียทางทิศตะวันออก และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับโปแลนด์สโลวาเกีย และฮังการีทางทิศตะวันตก ส่วนทิศใต้ติดกับโรมาเนียและมอนโดวา
ในแง่ภูมิรัฐศาสตร์ยูเครนมีพื้นที่ติดทะเลดำจึงเป็นฐานทัพเรือใหญ่ของสหภาพโซเวียตในอดีต นอกจากนี้ยังเคยเป็นฐานที่ตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางและพิสัยไกลติดอาวุธนิวเคลียร์ ต่อมาสหภาพโซเวียตล่มสลาย และยูเครนแยกตัวเป็นอิสระ รัสเซียก็ได้ทำการถอนอาวุธนิวเคลียร์ออกไปจากยูเครน และตามมาด้วยการโยกย้ายฐานทัพเรือ
ยูเครนเคยผ่านวิกฤติมาแล้วในอดีต คือวิกฤติในช่วงปีค.ศ.2013-2014 นั่นคือท่าทีของยูเครนที่จะรวมกับสหภาพยุโรป โดยแรงกดดันของประชาชนและรัฐสภา ถึงขั้นผ่านกฎหมายดังกล่วออกมา แต่เมื่อประธานาธิบดี Viktor Yanukovych สั่งระงับการใช้กฎหมายดังกล่าว เพราะถูกกดดันจากรัสเซีย จึงทำให้เกิดการประท้วงใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่งเบื้องหลังได้รับการสนับสนุนจากตะวันตก แต่แรงจูงใจของชาวยูเครนก็คือ ความหวังว่าการรวมตัวกับสหภาพยุโรปจะทำให้สภาพเศรษฐกิจของยูเครนดีขึ้น แรงงานยูเครนก็มีโอกาสเคลื่อนย้ายไปหางานทำในสหภาพยุโรปได้ โดยเฉพาะในเยอรมัน
การประท้วงบานปลายออกไปจนกลายเป็นการจลาจลและลามไปจนถึงการโค่นล้มประธานาธิบดียานโควิชในเดือนกุมภาพันธ์ 2014
รัสเซียซึ่งวิตกกังวลต่อความเปลี่ยนแปลงของยูเครน ซึ่งมีแนวโน้มว่าผู้นำคนใหม่จะโปรตะวันตก แตกต่างจากยานโควิช จึงเข้าแทรกแซงโดยการส่งกำลังไปสนับสนุนชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซีย ในคาบสมุทรไครเมียและในเขตดอนบาส ทั้งนี้ประชาชนในเขตเหล่านี้ต่างสนับสนุนและเป็นฐานเสียงของยานโควิช จึงมีปฏิกิริยาตอบโต้และมีมติประกาศตนเป็นอิสระ ซึ่งในเขตดอนบาสนั้นยูเครนได้ส่งทหารเข้าไปปราบ แต่รัสเซียก็ส่งกำลังไปสนับสนุน รวมทั้งได้มีการจัดให้มีการลงประชามติของประชาชนในพื้นที่ทั้ง 2 แห่งดังกล่าว จนนำไปสู่การรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์รัสเซีย
ในปี 2021 ยูเครนเริ่มมีทีท่าว่าจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้ ซึ่งเป็นไปตามปรากฎการณ์ที่หลายประเทศในยุโรปตะวันออก เช่น โปแลนด์บางประเทศในแหลมบอลข่าน เช่น โรมาเนีย รวมทั้งอีกหลายประเทศทั้งในยุโรปตะวันออก ยุโรปกลาง และยุโรปเหนือ รวม 14 ประเทศต่างกลายเป็นฐานที่ตั้งทางทหารและอาวุธของฝ่ายตะวันตก และสหรัฐฯ ซึ่งรัสเซียถือเป็นภัยคุกคามของรัสเซีย
ถ้ายูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้อีกประเทศก็เท่ากับว่ารัสเซีย และเบรารุสจะถูกคุกคามทางทหารตลอด แนวชายแดนตะวันตก โดยเฉพาะยูเครนในแง่ภูมิศาสตร์ คือ การเจาะลึกเข้ามาประชิดรัสเซียเป็นอย่างมาก ถ้าไม่นับจอร์เจีย
ดังนั้นรัสเซียจึงแสดงท่าทีแข็งกร้าวในเรื่องนี้ด้วยการเคลื่อนกำลังพลเกือบ 2 แสน เข้ามาซ้อมรบบริเวณชายแดน นอกจากทหารราบแล้วยังมีกองพลรถถังเข้าร่วมด้วย
ฝ่ายตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐฯ ก็ได้ส่งอาวุธไปเพิ่มเติมให้ยูเครน พร้อมกับเชื้อเชิญให้บรรดาพันธมิตรช่วยกันสนับสนุน โดยอังกฤษได้จัดส่งจรวดต่อต้านรถถังไปให้ ขณะที่มีบางประเทศอย่างเยอรมนีสงวนท่าที
ต่อมาสหรัฐฯก็จัดส่งทหารเข้าไปประจำการเพิ่มเติมกับนาโต้ ประมาณ 8,500 นาย เพื่อแสดงท่าทีแข็งกร้าวตอบโต้การกระทำของรัสเซีย
ขณะเดียวกันสื่อตะวันตก เช่น CNN รอยเตอร์ BBC ฯลฯ ต่างโหมประโคมกันว่ารัสเซียคงจะบุกยูเครนแน่ ถึงขนาดที่สหรัฐฯสั่งให้คนของตนอพยพออกจากยูเครนเป็นการด่วน ถึงขนาดมีการเผยแพร่ข่าวกรองทางทหารว่ารัสเซียจะบุกยูเครนในวันพุธที่ผ่านมา
ในทางตรงข้ามด้านรัสเซีย โดยเฉพาะประธานาธิบดีปูติน ได้ให้ข่าวปฏิเสธมาโดยตลอดว่ารัสเซียไม่มีจุดประสงค์จะบุกยูเครนแต่อย่างใด แต่ทางสื่อตะวันตกต่างไม่ให้น้ำหนักในข่าวทำนองนี้
ดังนั้นก่อนที่เราจะหาข้อสรุปว่าสงครามจะเกิดหรือไม่เพราะอะไร เราคงต้องมาวิเคราะห์กันก่อนว่า วิกฤตการณ์ยูเครนนี้ใครได้ใครเสีย ดังนี้
สหรัฐฯโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งกำลังมีคะแนนเสียงตกต่ำเพราะประชาชนมองกันว่าอ่อนแอ แก่เฒ่า ขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้งกลางเทอมของส.ส.และส.ว. ซึ่งพรรคเดโมแครตกำลังเป็นรองพรรครีพับลิกันอยู่ ดังนั้นการตัดสินใจแข็งกร้าวกับรัสเซีย จึงทำให้มีผลทางจิตวิทยาในการทำคะแนนเพิ่ม
แต่เบื้องหลังนั้นวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจใน 2 ทางหลัก คือ ตลาดหุ้นราคาหล่นฮวบ ในขณะที่น้ำมันและก๊าซธรรมชาติราคาเพิ่มขึ้น จะเห็นได้ว่าราคาน้ำมันดิบสมัยทรัมป์ ราคาประมาณ 40 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาเรล ตอนนี้เกือบ 90 ดอลลาร์แล้ว
แล้วใครได้ประโยชน์ ฟันธงได้ว่าก็คือกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์ ที่คุมธุรกิจการเงิน ธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจอาวุธ ด้านหนึ่งกองทุนก็จะไปช้อนซื้อหุ้นที่ถูกทุบลงมาเพราะวิกฤตการณ์ รวมทั้งบิทคอยอีกด้านหนึ่งก็ขายอาวุธเพิ่มขึ้นจากความตึงเครียด ที่สำคัญได้กำไรจากน้ำมันมหาศาล
ค้าขายดีอย่างนี้กลุ่มทุนยิวไซออนิสต์ไม่อยากให้เกิดสงครามแน่นอน เพราะต้นทุนมันสูง และสงครามนี้มีโอกาสบานปลายไปสู่สงครามนิวเคลียร์ที่มีแต่จะพินาศทั้ง 2 ฝ่าย
แล้วทำไมสื่อตะวันตก โดยเฉพาะสื่อสหรัฐฯ จึงโหมประโคมปะหนึ่งว่าจะเกิดสงคราม หรือขยายผลความตึงเครียดให้ดูน่ากลัว ตรงนี้ก็พึงทราบไว้ด้วยว่าสื่อยักษ์ใหญ่ประมาณ 90% ตกอยู่ในการบริหารหรือควบคุมโดยกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์ การสร้างข่าวให้ดูน่าสะพรึงกลัวทำให้ธุรกิจกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์ กอบโกยกำไรได้มากขึ้น
กล่าวโดยสรุปเมื่อกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์ ได้ประโยชน์จากความตึงเครียดของวิกฤตการณ์นี้ และไม่อยากให้เกิดสงคราม รัฐบาลสหรัฐฯย่อมไม่ก้าวข้ามไปสู่สภาวะสงคราม เพราะกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์ มีอิทธิพลต่อรัฐบาลสหรัฐฯในลักษณะรัฐลึก (DEEP STATE)
ตอนนี้ก็หันมาพิจารณาด้านยุโรป ความตึงเครียดนี้ไม่ส่งผลดีต่อยุโรปโดยรวม โดยเฉพาะการต้องพึ่งพาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจากต่างชาติ และผู้ค้าหลักเรื่องก๊าซธรรมชาติคือรัสเซีย นอกจากนี้ความตึงเครียดทำให้การลงทุนของยุโรปชะลอตัว และยังเป็นภาระการใช้จ่ายด้านการทหาร ยิ่งถ้าเกิดสงครามยุโรปจะเกิดผลกระทบอย่างมาก ยุโรปจึงไม่ต้องการทั้งความตึงเครียด หรือสงคราม แต่อยากให้มีการเจรจามากกว่า
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือคู่กรณีคือรัสเซีย ทุกวันนี้รัสเซียนั่งตีปีกยิ้มร่า เมื่อราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าตัว จากวิกฤตการณ์ยูเครน โดยรัสเซียลงทุนขนทหารมาซ้อมรบแค่เกือบ 2 แสนนาย ถือเป็นค่าใช้จ่ายเล็กน้อยเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่ได้ หากเกิดสงครามขึ้นรัสเซียก็จะเกิดความสูญเสียมาก ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ แต่มีโอกาสพังทั้งคู่ โดยเฉพาะถ้ามันขยายตัวเป็นสงครามนิวเคลียร์ ซึ่งมีโอกาสสูง รัสเซียจึงไม่ต้องการสงครามแน่นอน นอกจากการทำสงครามจิตวิทยา อนึ่งรัสเซียก็ได้ไครเมีย กับดอนบาสไปเรียบร้อยแล้ว
สุดท้ายต้องพูดถึงยูเครน ซึ่งจะพังยับเยินหากเกิดสงครามแค่ความตึงเครียดยูเครนก็แย่แล้ว เพราะผู้ลงทุนต่างชาติพากันถอนตัวออก ร้อนถึงประธานาธิบดียูเครนต้องออกมาประกาศว่าไม่มีประธานาธิบดีคนไหนจะรู้จักยูเครนเท่าเขา
นอกจากนี้ยูเครนยังออกข่าวว่าต่างชาติประเมินสถานการณ์เกินจริง ยิ่งไปกว่านั้นมีข่าวว่ายูเครนกำลังเจรจากับรัสเซีย เพื่อรับประกันว่ายูเครนจะไม่เข้าเป็นสมาชิกนาโต้อย่างแน่นอนและพร้อมจะทำตามความต้องการของรัสเซียคือถอนขีปนาวุธของต่างชาติออกไป
คงสรุปได้เองนะว่าจะมีสงครามหรือไม่ และรัสเซียจะบุกยูเครนไหม