jos55 instaslot88 Pusat Togel Online ประวัติศาสตร์มนุษยชาติ (36) - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ประวัติศาสตร์มนุษยชาติ (36)

 

 

ประวัติศาสตร์มนุษยชาติ (36)

ผู้เขียน อ.อดุลย์ มานะจิตต์

“และมีบางคนได้บรรยายถึงศตวรรษที่สามไว้ว่า เป็นช่วงที่ไร้ความ สุขอย่างที่สุดครั้งหนึ่งของการเริ่มต้นในการโต้เถียงกันถึงเรื่องความสัมพันธ์ ของบุตรของพระเจ้ากับพระบิดา ปัญหาในเรื่องของพระเจ้าของชาวคริสต์ เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกจากการสนทนากันถึงเรื่อง เทววิทยา…แต่มีการหยิบยก ปัญหาถึงการที่จะรับรู้ได้อย่างไรในตัวพระคริสต์ในฐานะพระผู้มาโปรด และการเคารพภักดีในคุณลักษณะนี้ของพระองค์ว่า เป็นพระเจ้านั้น จะสามารถอธิบายให้เกี่ยวพันกับศาสนาหนึ่งซึ่งได้ยืนยันด้วยการหลั่งเลือด เป็นเดิมพัน ในฐานะที่เป็นศาสนาที่ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวอย่างบริสุทธิ์ ว่ามันแตกต่างไปจากการเชื่อถือในพหุเทวนิยมของโลกฝ่ายโรมันได้อย่างไร ยูเซบิอุส กล่าวไว้ว่า ในช่วงระหว่างปีแห่งความสุขซึ่งมีมาก่อนการฆ่าสังหาร ที่ดิโอคลีเตียน ศาสนจักรต้องตกลงสู่ช่วงเวลาแห่งความเลวร้าย และแสดง ให้เห็นถึงเครื่องหมายแห่งความเสื่อมทราม”

ถ้าหากศาสนจักรยึดมั่นอยู่ในคำสอนที่แท้จริงของพระเยซูในช่วง ศตวรรษที่สามแล้ว มันก็จะต้องไม่มีเรื่องราวของความไม่ลงรอยกัน แต่ถ้า หากศาสนจักรตามศาสนาที่ถูกสาปของนัมรูดแห่งบาบิโลนแล้ว มันก็หมด โอกาสที่จะเกิดเอกภาพได้ ซึ่งความจริงได้แสดงให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร ศาสนาใดกันที่ศาสนจักรกำลังปฏิบัติตามอยู่ ศาสนาของพระเยซูแห่งนา ซาแรตหรือพระเยซูอีกองค์หนึ่ง !

ข. คำสาปเกิดจากการเผาคัมภีร์อินญีล (อิแวนเจิล)

ณ สภาแห่งนิกาอื่นแห่งปี ค.ศ.325 จักรพรรดิเซ็นต์ คอนแสตนทีน ได้ตัดสินใจที่จะรับเอา “ไตรภาคีในเอกภาพ” ไว้ ซึ่งเป็นทฤษฎีที่นักบุญ อทานาซิอุสให้การสนับสนุน ในขณะที่อาริอุสยืนยันว่าพระเจ้าทรงเป็นเอกะ และพระเยซูทรงเป็นรอง เพราะท่านเป็นเพียงผู้ถูกสร้างคนหนึ่ง ในขณะที่ พระเจ้าไม่เคยเป็นสิ่งถูกสร้าง แต่พระองค์ทรงดำรงอยู่เป็นอสงไขย จากอนิจกาลไปสู่อนิจกาล เขาได้พิสูจน์ถึงความจริงนี้จากต้นฉบับลายมือที่ เป็นของดั้งเดิมที่อยู่ในความครอบครองของเขา ซึ่งเป็นคัมภีร์อินญีลในภาษา ฮิบรูอาราเมคที่บันทึกโดยเลวีกับนักบุญยอห์น ฉะนั้นอาริอุสจึงถูกคอน แสตนทีนเนรเทศจากการได้รับคำแนะนำของอทานาซิอุส และหลักฐาน ต่างๆ ที่เป็นของแท้ทั้งหมดที่อยู่ในครอบครองของอาริอุสจึงถูกยึดและนำ ไปเผา

เมื่อหากคำสอนอันแท้จริงของพระเยซูถูกนำไปเผาทิ้งแล้ว ดังนั้น คำสาปของพระเจ้าจะต้องถูกส่งลงมาอย่างแน่นอน มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง เช่นนั้นหรือ !

1. นักบุญอทานาซิอุส

ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า คำสาปได้ถูกส่งลงมาเหนือนักบุญ อทานาซิอุส เขาถูกเนรเทศถึงห้าครั้ง ในครั้งที่หนึ่งด้วยกับการมีค่าหัวติด ตัวมาด้วย เขาต้องใช้ชีวิตเจ็ดปีอยู่ในทะเลทรายทางตอนใต้ของอียิปต์ และช่วงนี้เองเขาต้องสูญเสียดวงตาทั้งสองข้างของเขาไป (หน้า 27 ของหนังสือ ‘A popular History of the Catholic Church’เขียนโดย Phillip Hughes, Universe Book Edition ปี 1958 จัดพิมพ์โดย Burs Oate และ Washbourne ltd. London) ฉะนั้นนักบุญอทานาซิอุสจึงใช้ ชีวิตที่ถูกหลอกหลอนของเขาด้วยกับการถูกพระเจ้าสาปแช่ง เพราะในส่วน ที่เขาเข้ามามีบทบาทในการ เผาทำลายคัมภีร์อีแวนเจิล อันเป็นของดั้งเดิม ของพระเยซูองค์ที่จริงแท้

2. จักรพรรดิเซนต์ คอนแสตนทีน

นอกเหนือไปจากการที่ศาสนจักรยกพระองค์ขึ้นเป็นถึงระดับนักบุญ ก็ไม่ได้ทำให้พระองค์รอดพ้นไปจากการถูกพระเจ้าสาปแช่งเช่นกัน ดังที่ จะได้เห็นอย่างแจ้งชัดจากความจริงที่ว่า

จักรพรรดิเซนต์ คอนแสตนทีน สิ้นพระชนม์ในฐานะอัครมหาสังฆราช ดุจเดียวกับพวกเดียรถีย์ ซึ่งหนังสือประวัติศาสตร์ของเคมบริดจ์ เล่ม 4 เรื่องจักรวรรดิไบเซนไทน์ ส่วนที่ 1 ไบเซนทิอุ้มกับประเทศเพื่อน บ้าน พิมพ์ปี 1966 ในหน้าที่ 2 เริ่มจากบรรทัดที่ 18 กล่าวไว้ว่า

“ไม่มีเรื่องราวใดที่น่าตื่นเต้นในบันทึกของยูเซเบี่ยน มากไปกว่าการ จัดการในธรรมเนียมของการทำพระศพให้กับคอนแสตนทีน ซึ่งเป็นแบบ ของพวกเดียรถีย์อย่างเห็นได้ชัด พระราชพิธีที่ห้อมล้อมพระราชวังอัน “ศักดิ์สิทธิ์” และตัวตนแห่งความเป็น “เทพยสมมุติ” ของตัวจักรพรรดิ อาจ เทียบได้กับการปกครองราชอาณาจักรของชาวตะวันออกยุคโบราณ”

หรือพูดอีกนัยหนึ่ง พระองค์สิ้นพระชนม์เยี่ยงนัมรูดผู้ถูกสาปแช่ง รัฐสภาโรมันไปไกลถึงกับกำหนดให้พระองค์เป็นพระเจ้าองค์หนึ่งของพวก เดียรถีย์ (หน้า 479 ของหนังสือ ‘Babylon the Great has fallen!” โดย The Watch Tower Bibles Tract Society)

3. การล่มสลายของอาณาจักรโรมัน

จักรพรรดิคอนแสตนทีน ทรงเสียสละชีวิตและกรณียกิจทั้งหมด ของพระองค์ไปกับการหล่อหลอมจักรวรรดิโรมันให้เป็นเพียงขั้วอำนาจ เดียวที่เป็นเอกภาพ แต่ด้วยกับคำสาปของพระเจ้าทำให้พระองค์ต้องล้ม เหลวกับสิ่งที่พระองค์พยายามจะให้ได้สิ่งนั้นมา โดยในระหว่างที่พระองค์ ทรงนอนรอคอยความตายอยู่นั้น พระองค์ได้ทรงแบ่งอาณาจักรโรมันให้กับ พระราชบุตรสามพระองค์คือ คอนแสตนทีน คอนแสตนที่นทิอุส และคอน แสตนส์

การกระทำที่ถูกสาปนี้เป็นสาเหตุให้เกิดสงครามกลางเมืองระหว่าง เหมืองระ กองทัพของ จักรพรรดิทั้งสามพระองค์ ที่เป็นคู่อริต่อกัน ดังนั้นโลกของ โรมันเดิมส่วนใหญ่จึงอันตรธานหายสิ้นไปอย่างถาวรในระหว่างความยุ่ง เหยิงสับสนที่ติดตามมา การกระทำเยี่ยงนี้ของคอนแสตนทีนนับเป็นการ วางรากฐานที่แท้จริง ที่ทำให้จักรวรรดิโรมันต้องถึงซึ่งการล่มสลายลงโดยสิ้นเชิง ความอดอยากยากแค้นและโรคระบาดต่างๆ จึงตามมา ดังนั้นการ รักษากองทัพอันเกรียงไกรไว้ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมหมายถึงการเกิด ภาวะเงินเฟื้อ การลดค่าเงินและการเก็บภาษีอย่างหนัก เนื่องจากเกิดความ อ่อนแอขึ้นกับรัฐบาลกลาง ทำให้เจ้าเมืองของหัวเมืองต่างๆ สามารถกระทำ ราชกิจได้อย่างอิสระ จึงเป็นเหตุให้จักรวรรดิโรมันต้องล่มสลายลง

การเกณฑ์ทหารเข้าประจำการในกองทัพโรมันกลายเป็นปัญหาที่ ถาวร ซึ่งต้องเก็บภาษีเอากับแหล่งทรัพยากรในทุกชนิดของจักรวรรดิ ด้วย เหตุนี้จึงจำเป็นต้องเกณฑ์ทหารเอาพวกอนารยชนเข้ามาประจำกองทัพ บรรดานายพลที่ป่าเถื่อนเหล่านี้ในที่สุดได้เข้ายึดครองจักรวรรดิของตะ วันตก และต่อมาจึงสถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ จึงถือเป็นการเริ่มต้น ยุคมืดของยุโรป !

4. ยุคมืด

นับเป็นคำสาปหนึ่งที่ได้มีการนำเอาคัมภีร์อิแวนเจิลที่แท้จริงของพระ เยซูไปเผาทำลายทิ้ง ซึ่งถือเป็นแสงสว่างทางนำจากพระเจ้าที่ถูกส่งลงมานำ ทางมนุษยชาติ ทวีปยุโรปทั้งหมดจึงถูกลงโทษอย่างหนัก และจึงถลำลงไป สู่ยุคมืดอันเป็นความทุกข์ทรมานนานนับพันปี ที่ต้องคลำทางอยู่ในความ มืดโดยปราศจากแสงสว่างหรือทางนำ!

5. ศาสนจักรในศาสนาคริสต์

การสารภาพอย่างตรงไปตรงมาดังต่อไปนี้หาพบได้ในหน้า 188 ของ ‘Life Everlasting in Freedom of the sons of God’ หรือ ‘ชีวิตอันนิ รันดร์ในอิสรภาพของบรรดาบุตรของพระเจ้า” โดย The Watch Tower Bible and Tract Society (1966)

“เป็นเวลาสิบหกศตวรรษที่ผ่านมา (นับจาก ค.ศ. 325) จากวันที่มี การสถาปนาศาสนจักร คริสเตียนขึ้นมาดังที่เรียกขานกัน ความขัดแย้งก็ เริ่มต้นขึ้นเช่นกันระหว่างองค์กรศาสนาแห่งต่างๆ ของศาสนจักรกับอำนาจทางการเมืองหรือการปกครอง ระหว่างอำนาจของคณะสงฆ์กับอำนาจต่างๆ ทางการเมืองการปกครอง จริงอยู่แม้จะมีการอยู่เรียงเคียงหมอนกันระหว่าง ศาสนจักรกับรัฐก็ตาม แต่ถึงแม้จะมีการสมรสกันระหว่างสองฝ่ายดังกล่าว นั้น ก็ยังมีการดิ้นรนต่อสู้กันเพื่อจะกำหนดว่าใครคือผู้ที่ควรจะอยู่ข้างบน ศาสนจักรหรือรัฐ ดังที่ว่าศาสนจักรควรจะยอมตามใจปรารถนาของรัฐหรือ จะยอมทำตามใจปรารถนาของศาสนจักร ความยุ่งยากระหว่างศาสนจักร รัฐ ยังไม่อาจตกลงกันได้ทั้งหมด หนทางที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่มี มิตรภาพต่อกันแตกต่างกันไปจากประเทศหนึ่งไปสู่อีกประเทศหนึ่ง แต่ยิ่ง ทวีความลำบากมากยิ่งขึ้นอันเนื่องมาจากการเกิดขึ้นของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ รัฐบาลต่างๆ อันทรงพลัง”

นับเป็นหลักฐานว่า ชาวคริสเตียนยังไม่ได้สลัดคำสาปที่ถูกส่งลงมา ยังพวกเขาเมื่อปี ค.ศ. 325 ออกไปได้ เมื่อพวกเขาจงใจเผาคัมภีร์อิแวน เจิล อันเป็นต้นฉบับเดิมที่พระเยซูสั่งให้จดบันทึกไว้โดยเลวีในตลอดช่วง ชีวิตของเขาและนักบุญยอห์นในสองสามปีต่อมา

ค. สาเหตุของการล่มสลายของจักรพรรดิเฮอลาคลิอุส

จักรวรรดิโรมันตะวันตกต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพวก อนารยชนเป็นเวลานานแล้ว เนื่องจากสาเหตุของการเผาทำลายคัมภีร์อิแวน เจิลดังกล่าวแล้ว จักรวรรดิโรมันตะวันตกอยู่ในสภาพยุ่งเหยิงในช่วง ค.ศ. 610 การจุติของจักรพรรดิเฮอลาคลิอุส (610-641) ในฐานะแม่ทัพจาก แอฟริกาเหนือ ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องราวแห่งความพินาศต้องจบลงไม่ ซึ่งติดตาม มาจากการตัดสินใจของคอนแสตนทีนที่ให้แบ่งจักรวรรดิโรมันในหมู่ราช บุตรทั้งสามของพระองค์ สิบปีแรกของการครองราชย์ของเฮอลาคลิอุส ได้ ประสบกับความพ่ายแพ้ต่ออาณาจักรเปอร์เซียอย่างน่าตื่นเต้นระทึกใจ ซึ่งไม่เคยต้องประสบเช่นนี้มาก่อนนับแต่ยุคสมัยของอาคิเมดิส แอนติอ๊อก

ล่มสลายในปี ค.ศ. 611 เยรูซาเล็มในปี 614 และการยึดครองซีเรียและ ปาเลสไตน์จึงติดตามมา พร้อมด้วยกับการล่มสลายของอียิปต์ในเวลาอัน สั้นเช่นกัน

เฮอลาคลิอุสคำนึงอยู่เหมือนกันว่า ในทางหนึ่งอยากจะกลับไปที่นคร คาร์เทจ ในสภาพจิตใจเช่นนี้ ขณะที่เขามีทรัพย์ศฤงคารที่ยึดมาได้จากพวก โรมันจากวิหารแห่งเยรูซาเล็ม อันเป็นของเก่าแก่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 70 ที่เขา อยากเปิดออกดู ซึ่งเมื่อเปิดออกดูเขาได้พบกับความประหลาดใจเป็นอย่าง มาก จากที่ได้เห็นคำบันทึกเหล่านี้บางอย่าง ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า ทรัพย์สมบัติ นี้เขาจะเป็นผู้เปิดมันออกเมื่อวาระที่เขาต้องตกอยู่ในสภาพที่สิ้นหวังดังใน ขณะที่เขาเป็นอยู่นี้ ได้มีบันทึกปรากฏอยู่ในนี้เช่นกัน เป็นการแนะนำเขา ให้ปฏิบัติตามศาสนาของศาสนทูตที่ถูกสัญญา ผู้ซึ่งเป็นผู้สืบตระกูลจากเผ่า ที่เป็นญาติพี่น้องของชาวยิว และในขณะที่กำลังเผยแผ่ศาสนาอยู่ ถ้าหาก เขาปฏิบัติตามคำแนะนำนี้ เขาจะได้แผ่นดินที่สูญเสียไปกลับคืนมา แต่ถ้า หากเขาปฏิเสธไม่ยอมรับศาสนทูตผู้ถูกสัญญานี้ เขาก็จะสูญเสียมันทั้งหมด ไปอีก เขาจะได้พบกับลักษณะของศาสดาท่านนี้ ในแผ่นบันทึกแผ่นสุดท้าย ที่บรรจุอยู่ในหีบทองคำใบหนึ่งชื่อ “ซะกินา

เมื่อได้เห็นดังนี้ เขาจึงกลับมีกำลังใจคืนมาในการรุกรบอย่างเยี่ยม ยอดด้วยกันหลายครั้ง ซึ่งมุ่งกองทัพสู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของเอเชียกลาง เฮอลาคลิอุสทำลายกองทัพอันเกรียงไกรของอาณาจักร เปอร์เซียลงได้ในปี ค.ศ. 629 และจึงยึดเอา ซีเรีย ปาเลสไตน์และอียิปต์ กลับคืนมา

ในช่วงนี้เองที่ศาสดามุฮัมมัดศาสนทูตของพระเจ้า ได้ส่งสาส์นเชิญ ชวนจักรพรรดิเฮอลาคลิอุสให้เข้ารับอิสลาม โดยมอบให้ดะห์ยา บิน คอลี ฟะฮ์เป็นผู้ถือสาส์น ดังมีข้อความต่อไปนี้

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *