jos55 instaslot88 Pusat Togel Online การล้างสมองเกี่ยวกับเหตุการณ์ในยูเครนของวอชิงตันเกือบทำให้ทรัมป์ตายเป็นครั้งที่สอง - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

การล้างสมองเกี่ยวกับเหตุการณ์ในยูเครนของวอชิงตันเกือบทำให้ทรัมป์ตายเป็นครั้งที่สอง

การล้างสมองเกี่ยวกับเหตุการณ์ในยูเครนของวอชิงตันเกือบทำให้ทรัมป์ตายเป็นครั้งที่สอง

ชายชื่อรูธที่รายงานกันอย่างกว้างขวางว่าอยู่เบื้องหลังเหตุยิงที่สโมสรกอล์ฟในฟลอริดา ดูเหมือนจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องราวเกี่ยวกับยูเครนจากสื่อหลักและสื่อออนไลน์ทำให้

คนบ้าคนนี้หมกมุ่นอยู่กับการตอบรับเสียงเรียกร้องอันไม่ลดละของชาติตะวันตกเกี่ยวกับยูเครน

 

และนี่เป็นครั้งที่สองในรอบหลายเดือนที่เอฟบีไอได้ยืนยันแล้วว่ามีคนพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ (และอาจจะเป็นในอนาคต) โดนัลด์ ทรัมป์ ครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่เขากำลังเล่นกอล์ฟที่บ้านของเขาในฟลอริดา มาร์-อา-ลาโก เมื่อวันที่ 15 กันยายน สาเหตุมาจากการที่ทรัมป์ปราศัยหาเสียงว่าเขาจะยุติสงครามยูเครนด้วยการเจรจากับปูติน

ผู้ต้องสงสัยคือไรอัน เวสลีย์ รูธ จากฮาวายผ่านนอร์ทแคโรไลนาและ (ล่าสุด) เคียฟ ซึ่งเขาไปร่วมขบวนการที่วอชิงตันและยูเครนเปิดตัวอย่างชัดเจน

ในการสัมภาษณ์จากยูเครนให้กับ Newsweek ในปี 2022 รูธกล่าวว่าในตอนแรกเขาไปที่นั่นเพื่อต่อสู้ “ทุกคนทั่วโลกควรได้รับแรงบันดาลใจให้มาที่นี่และสนับสนุนชาวยูเครน” เขากล่าว โดยสะท้อนคำพูดของทางการวอชิงตันในขณะนั้น และอธิบายว่าเนื่องจากเขามีอายุ 56 ปีและไม่มีประสบการณ์ทางการทหาร เขาจึงไม่ใช่ “ผู้สมควรได้รับเลือก” ให้เป็นเป้าหมายหลัก ดังนั้น เขาจึงดำเนินการตาม “แผน B” ของเขา ซึ่งก็คือการระดมนักสู้คนอื่นๆ จากทั่วโลกเพื่อเป็นตัวแทนของยูเครนรบกับรัสเซีย

 

ภายในปีถัดมา สำนักข่าว Semafor ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐฯ กล่าวถึง Routh ว่าเป็น “หัวหน้าศูนย์อาสาสมัครระหว่างประเทศในยูเครน ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ช่วยเหลือชาวต่างชาติที่ต้องการช่วยเหลือในการทำสงครามโดยเชื่อมต่อกับหน่วยทหารและกลุ่มช่วยเหลือ”

 

Routh บอกกับทางสื่อว่า “เขามีส่วนที่ไปประชุมกับกระทรวงกลาโหมของยูเครนทุกสัปดาห์ แต่ก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ว่าจะออกวีซ่าให้นักรบชาวอัฟกานิสถานที่ได้รับการฝึกจากสหรัฐฯ ได้แม้หนึ่งใบ” ในขณะที่เขาบอกว่ากำลังพยายามระดมกำลังไปที่เคียฟ โดยเขายังอ้างชื่อ “อดีตสมาชิกหน่วยลาดตระเวนอัฟกานิสถานชั้นยอดคนหนึ่งที่บอกว่ามีชาวอัฟกานิสถานหลายร้อยคนที่ต้องการเข้าร่วมด้วย”

 

สื่อสิ่งพิมพ์ดังกล่าวได้กล่าวถึงความกังวลของยูเครนว่าชาวอัฟกันอาจกลายเป็นผู้แทรกซึมของรัสเซีย อย่างไรก็ตาม  แต่ประเทศของเขาเองก็กำลังขนเงินหลายพันล้านออกไปและส่งอาวุธพร้อมกับโลกตะวันตกทั้งหมดไปที่เคียฟ โดยเรียกร้องให้ชาวต่างชาติทุกที่เข้าร่วมการต่อสู้ ทำให้ชายคนนี้เข้าใจตามนั้นอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับคนอื่นๆ อีกหลายคน

 

ความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วยหรือความพยายามใดๆหรือการวิเคราะห์ใดๆ เพื่อบรรเทาการล้างสมองอย่างโจ่งแจ้งจากแหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการนั้นจะได้รับการเซ็นเซอร์โดยตรงหรือถูกปัดตกและถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นข้อมูลเท็จหรือสร้างอิทธิพลที่ไม่เหมาะสม

 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจมส์ รูบิน ผู้ประสานงานศูนย์การมีส่วนร่วมระดับโลกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อแพลตฟอร์มสำหรับการวิเคราะห์และข้อมูลทางเลือกเกี่ยวกับยูเครน RT ได้เน้นย้ำว่า “เหตุผลประการหนึ่งที่ทั่วโลกไม่สนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่เท่าที่ควร จากการที่รัสเซียได้รุกรานยูเครนและละเมิดกฎข้อแรกของกฏหมายระหว่างประเทศ เป็นเพราะอิทธิพลและขอบเขตการเข้าถึงที่กว้างขวางของ RT”

 

แต่กรณีนายรูธคนนี้ ดูเหมือนว่าความกระตือรือร้นของเขาจะไม่ถูกทำให้เจือจางลงจากการรับชม RTถ้าเขารับชม และอาจบางทีทั้งหมดนี้จะสามารถป้องกันการลอบสังหารได้หากเป็นเช่นนั้น

 

ในเดือนมีนาคม 2023 นิวยอร์กไทม์สเขียนว่า “ผู้คนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้สนามรบในสงครามที่นำโดยสหรัฐฯ กลับเคลื่อนไหวอยู่บนแนวรบยูเครน โดยสามารถเข้าถึงอาวุธของสหรัฐฯ ได้อย่างง่ายดาย” รายงานดังกล่าวมี “อดีตคนงานก่อสร้าง” (ที่ผันตัวมาเป็นแรมโบ้) รูธ ซึ่งให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไทม์สในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยเขาวางแผนจะย้ายทหารอัฟกันที่จะไปประจำการในแนวหน้าของเคียฟ “ซึ่งในบางกรณีอาจผิดกฎหมาย ในการลำเลียงคนจากปากีสถานและอิหร่านไปยังยูเครน” แต่กลับไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

 

รูธได้รับเงินบริจาค 1,865 ดอลลาร์จากความพยายามระดมทุนออนไลน์ที่จัดทำโดยคู่หมั้นที่ถูกข้อกล่าวหาเมื่อปี 2022 โดยอ้างว่าเขา “จัดเตรียมโดรน 120 ลำเพื่อส่งไปยังแนวหน้า” และ “บริจาคอุปกรณ์ยุทธวิธีของเขาให้กับทหารที่ต่อสู้ในแนวหน้า” เงินที่ระดมได้นั้นถูกจัดสรรไว้สำหรับเสบียงเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ยุทธวิธีด้วย ตามคำร้อง พร้อมรูปถ่ายของเขาที่โพสต์ท่าร่วมกับนักรบยูเครน ทั้งที่เงินจำนวนนั้นดูเหมือนเป็นเรื่องเหลวไหล

 

เจ้าหน้าที่วอชิงตันเคยคิดบ้างไหมว่าอุปกรณ์ ทักษะ หรือความหลงใหลอย่างสุดเหวี่ยงเหล่านั้น ในมือของชายคนหนึ่งที่บอกกับคู่หมั้นของเขาว่าเขากำลัง “สร้างโดรน” อยู่ที่เคียฟ อาจนำไปสู่การใช้ความพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสักวันหนึ่งได้

 

วอชิงตันควรจะรู้ดีกว่านี้ กองพลจู่โจมที่ 3 ของยูเครน ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษในยูเครนและในแคมเปญประชาสัมพันธ์ทั่วโลกตะวันตกระหว่างทัวร์ยุโรปในช่วงฤดูร้อนและการเยือนรัฐสภาอังกฤษและมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น สแตนฟอร์ดก่อนหน้านี้ ได้ทำให้สื่อฝรั่งเศสอย่าง Mediapart ชี้ให้เห็นรอยสักนาซีและการยกย่องฮิตเลอร์ในโซเชียลมีเดียที่ปรากฏขึ้นเมื่อพวกเขาฝึกที่ค่ายลากูตินในฝรั่งเศส ให้กองพลอาซอฟที่เปลี่ยนชื่อใหม่นั้นชัดเจนว่าไม่ได้หลงไปไกลจากรากฐานของนาซีที่ทำให้ผู้บังคับบัญชาของกองทัพแคนาดากังวลว่าพวกเขาฝึกคนที่มีเครื่องหมายนาซีอย่างน้อยก็ตั้งแต่ปี 2018 ตามรายงานของ Ottawa Citizen

 

ไม่มีทางที่จะระบุได้ว่า Routh ได้รับอิทธิพลจากความสุดโต่งที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มดังกล่าวในระดับใด แต่มันจะสำคัญจริงหรือเมื่อพวกเขาทั้งหมดมีความคิดเห็นตรงกันอย่างแท้จริงกับรัฐบาลตะวันตก รวมถึงวอชิงตันด้วย จริงๆ แล้ว ให้พืจารณาสักตัวอย่างที่วอชิงตันพยายามทำให้การกระทำหรือข้อความของกลุ่มเหล่านี้อ่อนลง เพื่อบรรเทา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ หรือแม้แต่ตรวจสอบข้อเท็จจริง แทนที่จะปกป้องพวกเขาโดยตรง เท่าที่ทราบยังไม่มีการกระทำใดๆเพื่อลดกระแสสุดโต่งของนาซีเลย

 

อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ยืนอยู่ตรงนั้นกับพวกเขาในลอนดอน ถือธงที่มีสัญลักษณ์นาซีอยู่ด้านใน และได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาอังกฤษคนอื่นๆ ในเดือนมิถุนายน 2024 วอชิงตันได้ยกเลิกการห้ามจัดหาอาวุธให้กับกองพลอาซอฟโดยตรง โดยอ้างว่าความกลัวนีโอนาซีใดๆ นั้นไม่มีมูลความจริง ดูเหมือนว่าพวกเขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะแยกแยะระหว่างพวกนีโอนาซีที่แสดงความสุดโต่งกับพวกที่ชอบเก็บสัญลักษณ์เอาไว้เพื่อเป็นการพาดพิงประวัติศาสตร์อย่างไม่เป็นอันตราย และใครก็ตามที่ชี้ให้เห็นว่าสิ่งนี้อาจเป็นปัญหาได้ก็เท่ากับสนับสนุนปูตินและรัสเซีย

 

ด้วยกระแสโฆษณาชวนเชื่อของชาติตะวันตกที่เพิ่มความเข้มข้นขึ้น วอชิงตันจึงพยายามปราบปรามการวิพากษ์วิจารณ์ที่ขัดแย้งกับการปลุกกระแสของวอชิงตันซึ่งมาจากแหล่งข่าวไม่กี่แห่งที่สนับสนุนการวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว  เป็นเรื่องน่าประหลาดใจหรือไม่ที่ชายชื่อรูธคนนี้ ซึ่งอาจจะเข้าใจความเป็นจริงได้ไม่ชัดเจนตั้งแต่แรก และลูกชายของเขาได้ออกมาพูดถึงความหมกมุ่นอยู่กับยูเครนอย่างสุดโต่ง จนพยายามลอบสังหารผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ออกมาพูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความจำเป็นในการหยุดเติมเชื้อไฟให้กับความขัดแย้งในยูเครนด้วยอาวุธและเงินสดของสหรัฐฯ และยุติข้อตกลงกับรัสเซียเพื่อสันติภาพ?

 

นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้นำฝ่ายตะวันตกซึ่งถูกแสดงต่อสาธารณะว่าไม่กระตือรือร้นต่อจุดยืนของกลุ่มผู้มีอำนาจในยูเครน ถูกโจมตีอย่างรุนแรง นายกรัฐมนตรีโรเบิร์ต ฟิโก ผู้นำฝ่ายซ้ายแนวประชานิยมของสโลวาเกีย ซึ่งรอดชีวิตจากการถูกยิงที่ท้องเมื่อต้นปีนี้ ได้สะท้อนสิ่งที่ทางการในประเทศของเขากล่าวไว้เกี่ยวกับแรงจูงใจของผู้ก่อเหตุที่เกี่ยวข้องกับมุมมองที่ไม่เห็นด้วยของฟิโกเกี่ยวกับยูเครน ซึ่งรวมถึงการเรียกร้องให้มีการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียมากขึ้น และยุติการสนับสนุนทางทหารของยูเครนและการคว่ำบาตรมอสโกว

 

กลุ่มผู้มีอำนาจในตะวันตกได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อขจัดความคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยการเซ็นเซอร์และทำให้แพลตฟอร์มที่พยายามสร้างความสมดุลหรือเหตุผลบางอย่างในการอภิปรายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ราวกับว่าพวกเขาไม่ต้องการให้มีการอภิปรายใดๆ เลยเมื่อเป็นเรื่องของจุดยืนอย่างเป็นทางการของพวกเขา ดังที่คำพูดของรูบินเกี่ยวกับ RT เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ยืนยัน

 

การไม่ยอมรับการถกเถียงนี้กำลังกลายเป็นเรื่องปกติอย่างอันตราย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook ยืนยันเมื่อไม่นานนี้ว่าแพลตฟอร์มของเขาถูกกดดันให้เซ็นเซอร์เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ซึ่งแตกต่างไปจากการโฆษณาชวนเชื่ออย่างเป็นทางการของรัฐบาล ในทำนองเดียวกัน แคนาดาได้ใช้เทคนิคโฆษณาชวนเชื่อระดับทหารที่ฝึกฝนมาจากสนามรบในอัฟกานิสถานเพื่อล้างสมองพลเมืองของตัวเองให้เชื่อตามเรื่องราวเกี่ยวกับโควิด-19 อนึ่งแนวคิดสุดโต่งอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวนั้นเห็นได้ชัดเจนพอๆ กับที่เกิดขึ้นกับยูเครน สิ่งที่น่าตกใจอย่างแท้จริงเพียงอย่างเดียวคือ เหยื่อของการล้างสมองจากชาติตะวันตกใช้เวลานานมากในการตอบสนองต่อกระแสโฆษณาชวนเชื่อที่โจมตีประชาธิปไตยของอเมริกาด้วยวิธีที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

       ล่าสุดที่น่ากังวลแทนผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคือการที่ปูตินหันมาสนับสนุนกมลาแฮลิส เพราะอาจมีคนคุ้มคลั่งบางคนลุกขึ้นมาลอบสังหารแฮลิสก็ได้

      ในที่สุดจากฝีมือการล้างสมองของรัฐบาลจะทำให้เยาวชนก่อความรุนแรงหรือแยกแยะไม่ออกระหว่างลัทธิเผด็จการนาซีกับลัทธิประชาธิปไตย

เรียบเรียงโดย ศ.พล.ท ดร.สมชาย วิรุฬหผล

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *