jos55 instaslot88 Pusat Togel Online กิติมา อมรทัต ไร่นาน อรุณรังษี สองปัญญาชนมุสลิมร่วมสมัย (15) - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

กิติมา อมรทัต ไร่นาน อรุณรังษี สองปัญญาชนมุสลิมร่วมสมัย (15)

กิติมา อมรทัต ไร่นาน อรุณรังษี สองปัญญาชนมุสลิมร่วมสมัย (15)

จรัญ มะลูลีม

วิกฤติการณ์ในตะวันออกกลาง (กรณีพิพาทปาเลสไตน์ – อิสราเอล)

จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์ ในปี 2532 ราคา 50 บาท ความยาว 208 หน้า โดยกิติมา อมรทัต กล่าวถึงความสำคัญของปัญหานี้เอาไว้ว่า ทุกวันนี้ปาเลสไตน์และอิสราเอลปรากฏชื่อเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์อยู่เสมอ

ปัญหาปาเลสไตน์ก็กำลังเป็นที่ถกเถียงกันของสหประชาชาติและประเทศที่เกี่ยวข้อง  ข่าวจากแหล่งข่าวบางแห่งเรียกชาวปาเลสไตน์ว่า “ผู้ก่อการร้าย” หรือ “ผู้ทำลายล้าง” ส่วนข่าวจากบางแหล่งก็กล่าวว่า ชาวปาเลสไตน์ (ซึ่งเราคุ้นกันอยู่ว่าเป็นผู้ลี้ภัยอยู่ในค่ายลี้ภัยมาหลายสิบปีแล้ว)  นั้น คือผู้มีสิทธิ์เต็มที่ในดินแดนที่ปัจจุบันนี้เรียกว่า “อิสราเอล” ทำให้เรานึกฉงนใจว่าความจริงเป็นอย่างไรกันแน่

ชาวปาเลสไตน์คือใคร?  และเหตุใดจึงมายื้อแย่งจะเอาแผ่นดินของชาวอิสราเอล?  ใครคือพระเอก ใครคือผู้ร้ายในเรื่องนี้กันแน่?   คำกลาวของชาวยิวที่ว่าพวกเขามีสิทธิ์เต็มที่ในดินแดนอิสราเอลนั้นก็เป็นเพราะมันเป็นดินแดนดั้งเดิมของบรรพบุรุษของเขานั้นเป็นความจริงหรือเปล่า?   ชนดั้งเดิมที่เคยอาศัยอยู่ในดินแดนนี้แต่โบราณกาลนั้นคือใคร?  เป็นบรรพบุรุษของฝ่ายใดกันแน่?  และเรื่องราวของปัญหาใหญ่ที่กำลังถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้  มีความเป็นมาอย่างไร?

นายพลโท อี.แอล.เอ็ม เบิร์นส ผู้เป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่แห่งองค์การดูแลการยุติสงครามชั่วคราวของสหประชาชาติในปาเลสไตน์ได้เขียนไว้ในหนังสือของเขาว่า “การกระทำผิดติดต่อกันมาอย่างน่าฉงนที่เกิดขึ้นในปาเลสไตน์ในระหว่างสองทศวรรษที่แล้วมานี้  ได้สร้างปัญหาหนักที่สุดทางด้านมนุษยธรรมและการเมืองในสมัยของเราขึ้นมา

เรื่องราวนั้นมีผลกระทบกระเทือนโดยตรงต่อชีวิต  ความปรารถนาใฝ่ฝันและอนาคตของผู้คนนับล้านๆ คนในตะวันออกกลาง     ความจริงเกี่ยวกับปาเลสไตน์ถูกฝังอยู่ใต้ความจงใจให้ข่าวสารผิดๆ การบิดเบือนข้อเท็จจริง และการโฆษณาอันเต็มไปด้วยเลห์กระเท่ห์ซึ่งดำเนินมาตลอดเวลาหลายสิบปีมานี้

สังเกตการณ์ที่มีใจเป็นกลางทั้งที่เป็นชาวแคนาดา สวีเดน และอเมริกัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาปาเลสไตน์มาตั้งแต่ต้นในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบอำนาจจากสหประชาชาติ ได้สังเกตเห็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง  รวมทั้งความยากลำบากในการที่จะนำเอาเรื่องราวของชาวอาหรับไปสู่ความคิดเห็นของประชาชนในโลกได้

นายพลตรี คาร์ล ฟอน ฮอร์น หัวหน้าคณะเดียวกันนี้ระหว่างปี 1958-1963 ก็กล่าวว่า “เราต้องประหลาดใจในความเท็จซึ่งได้บิดเบือนภาพอันแท้จริงเสียหมด     บริการข่าวสารของอิสราเอลซึ่งมีความช่ำชองสูงได้สร้างภาพอันผิดความจริงให้แก่ประชาชนของมันเอง   รวมทั้งบรรดาผู้เห็นอกเห็นใจและผู้สนับสนุนในอเมริกาและส่วนอื่นๆ ของโลกอย่างชำนิชานาญ โดยอาศัยช่องทางทุกอย่างของการโฆษณา  ข้าพเจ้าไม่เคยเลยในชีวิตที่จะเชื่อความจริงที่ถูกบิดเบือนอย่างชำนาญนั้น”

ดร.จอห์น เดวิส (John Davis) ผู้เป็นข้าหลวงใหญ่ของ UNRWA (หน่วยบรรเทาทุกข์ของสหประชาชาติ)   มา 5 ปี ก็ได้กล่าวว่าเขา “ได้พบว่าความเข้าใจของคนในโลกในเรื่องปัญหาผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์นั้นแตกต่างจากความจริงที่เป็นอยู่”  ดร.เดวิสผู้ล่วงลับไปแล้วนี้กล่าวว่า “ประชาชนส่วนใหญ่ในโลก รวมทั้งโลกตะวันตกด้วยนั้นมีความรู้เกี่ยวกับปาเลสไตน์สมัยใหม่หรือการต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่นั่นเพื่อต่อต้านการอพยพของยิว  และความพยายามที่จะจัดตั้งรัฐบาลยิวน้อยเหลือเกิน  ในส่วนชาวอเมริกานั้น คนส่วนมากไม่เคยได้ฟังฝ่ายอาหรับพูดเลย”

ทั้งนี้กิติมา อมรทัต ได้กล่าวถึงการรับรู้ถึงชะตากรรมของชาวปาเลสไตน์ที่คนไทยมีอยู่เอาไว้ว่าชาวไทยเราซึ่งส่วนมากได้รับข่าวสารจากแหล่งข่าวเหล่านั้นก็เหมือนกันย่อมมีทางหลงผิดไปได้ง่าย ๆ เพราะทราบกันอยู่ว่าชาวยิวเป็นผู้มีสมองดี มีความฉลาดและความเจริญก้าวหน้า  โดยเฉพาะในความคิดของเรานั้น ยิวดีกว่าอาหรับมากเพราะฉะนั้นยิวย่อมมีขอบข่ายของการให้ข่าวสารกว้างขวางมากทั้งทางวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์อยู่ในประเทศต่างๆ เป็นจำนวนมาก

ฉะนั้น หนังสือเล่มนี้จึงเขียนขึ้นด้วยเจตนาจะให้ผู้อ่านได้รู้เรื่องที่แท้จริง ซึ่งเกิดขึ้นไม่ไกลจากประเทศของเรามากนัก   ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้ทราบความเป็นมาของปัญหาปาเลสไตน์ – อิสราเอลนี้ และควรทราบอย่างถูกต้องและละเอียดพอสมควรด้วย  เว้นแต่ว่าไม่มีข้อมูลและเรื่องราวในตอนท้ายให้ถึงทุกวันนี้ได้  อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนหวังว่าภูมิหลังเหล่านี้จะช่วยให้ท่านผู้อ่าน่ได้ประจักษ์ในความจริงตามสมควร

กลไกการโฆษณาของยิวซึ่งมีเงินหนุนหลังอย่างไม่จำกัด  และมีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จึงให้ข่าวสารข้อมูลผิดๆ แก่โลกอย่างมหาศาล พวกเขาสามารถกระจายข่าวที่เป็นประโยชน์แก่อิสราเอลได้ตามใจโดยมิได้คำนึงถึงความจริง สิทธิ และความยุติธรรม ตรงกันข้ามฝ่ายอาหรับยังไม่มีทางที่จะเสนอเรื่องราวของพวกเขาให้โลกได้ล่วงรู้  เพราะอาหรับไม่มีสื่อการโฆษณาที่สามารถจะแข่งขันกับสื่อมวลชนของอิสราเอลได้

เส้นทางของชีวิตอะหมัด คอลีล ผู้ลี้ภัยจากปาเลสไตน์  

มัรยัม ญะมีละฮ์ ชาวยิวที่หันมานับถือศาสนาอิสลาม เขียน   กิติมา อมรทัตแปล อิสลามิคอะคาเดมี จัดพิมพ์ในปี 2541 150 หน้า ราคา 335 บาท   ผมเองได้เขียนคำนำในเรื่องนี้เอาไว้ว่า  เส้นทางของชีวิตอะหมัด คอลีล ผู้ลี้ภัยจากปาเลสไตน์   ซึ่งเขียนโดย มัรยัม ญะมีละฮ์ แปลโดย กิติมา อมรทัต เป็นนิยายสะท้อนชีวิตชาวปาเลสไตน์ท่ามกลางการยึดครองของอิสราเอลและเส้นทางชีวิตอันเต็มไปด้วยขวากหนามของอะห์มัด คอลีล ตัวละครเอกในเรื่อง แม้ว่าแสงแห่งความหวังในชีวิตของอะห์มัด คอลีลจะมีให้เห็นอยู่บ้าง  แต่ก็ต้องถูกกลบด้วยโศกนาฐกรรมที่ติดตามชีวิตมาเป็นระลอกๆ

มากาเรต มาร์คัส หรือมัรยัม ญะมีละฮ์ ผู้เป็นชาวอเมริกันรุ่นที่สี่ที่มีเชื้อสายเยอรมันยิว  ได้เขียนถึงความโหดร้ายที่ชาวปาเลสไตน์ได้รับจากชาวยิวผู้เข้ายึดครองดินแดนเอาไว้อย่างเข้าถึงอารมณ์ที่แท้จริงของเหตุการณ์ มัรยัม ญะมีละฮ์ เริ่มเขียนนวนิยายอิงชีวิตจริงของชาวปาเลสไตน์นับตั้งแต่เธอมีอายุแค่ 14 ปี ส่วนหลังของหนังสือนั้นเธอเขียนเมื่อมีอายุยี่สิบปีต้นๆ ในขณะที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก   ในขณะที่ส่วนท้ายได้เขียนเพิ่มเติมขึ้นก่อนการเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามในปี 1961 เนื่องจากเธอได้เขียนเรื่องนี้ในขณะที่อยู่ในอเมริกา  ความคลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริงย่อมปรากฏให้เห็นอยู่บ้าง  แต่ความคลาดเคลื่อนดังกล่าวย่อมเป็นสิ่งเล็กน้อยเมื่อเทียบกับส่วนที่ถูกต้องซึ่งมีอยู่มากกว่า

งานเขียนของมัรยัม ญะมีละฮ์ เป็นงานเขียนที่เขียนขึ้นหลังจากต้องทำการศึกษาค้นคว้าชีวิตของชาวปาเลสไตน์มาแล้วอย่างจริงจัง  นอกจากนี้ มัรยัม ญะมีละฮ์ คงจะต้องสนใจคัมภีร์กุรอานและคำสอนของศาสดามุฮัมมัด (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน) ตลอดจนประวัติศาสตร์ของตะวันออกกลางหรือเอเชียตะวันตกมาแล้วอย่างลึกซึ้ง  ดังจะเห็นได้ว่างานของเธอนั้นเต็มไปด้วยเหตุการณ์และคำสอนซึ่งยกเอามาจากอัลกุรอานและหะดีษ (คำสอนของท่านศาสดามุฮัมมัด ขอความสันติจงมีแด่ท่าน)  นอกจากแก่นของเนื้อเรื่องที่มีความเป็นนวนิยายแล้ว ผู้อ่านยังจะได้ศึกษาคำสอนของอิสลามในเวลาเดียวกัน

แม้ว่าเรื่องอันทุกข์โศกนี้จะเป็นผลมาจากการเข้ายึดดินแดนของอิสราเอลก็ตาม  แต่มัรยัม ญะมีละฮ์ก็ได้ชี้ให้เห็นความเลวร้ายของนายทุนปาเลสไตน์บางคนที่มีชีวิตอย่างหรูหราบนกองทุกข์ของพี่น้องตนเองในเวลาเดียวกันด้วย  ผลงานชิ้นนี้นับเป็นความตั้งใจที่น่าชมเชยของผู้เขียนที่สามารถจับเอาสปิริตที่แท้จริงของสถานการณ์และความปั่นป่วนที่ชาวปาเลสไตน์ได้รับมาเปิดเผยได้อย่างมีเหตุมีผลและมีความสมจริงอย่างยิ่ง

บัณฑิตยสถานอิสลามหรืออิสลามิค อะคาเดมี (Islamic Academy) มีความมุ่งหวังที่จะนำเสนอเรื่องราวของชาวมุสลิมผ่านนวนิยายเรื่องสั้น บทความ ตลอดจนงานเขียนและงานแปลที่อยู่ในระดับมาตรฐาน ทั้งนี้ก็ด้วยความตั้งใจที่จะให้สังคมทั่วไปได้มีโอกาสรับรู้ถึงภาพที่แท้จริงของชาวมุสลิมจากงานเขียนของชาวมุสลิมที่มีความรู้  เข้าใจโลก และอยู่ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านคงจะได้รับอรรถรสของนวนิยายเล่มนี้ผ่านฝีมือการแปลระดับกิติมา อมรทัต ผู้ให้ความเคารพต่ออักษรทุกตัวของผู้เขียนอย่างไม่ตกหล่น

 

 

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *