jos55 instaslot88 Pusat Togel Online การบริหารโดยการรินน้ำ - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

การบริหารโดยการรินน้ำ

การบริหารโดยการรินน้ำ

“Corporate Rebles : Make Work More Fun” ผู้เขียน จอสท์ มินนาร์และพริม เดอ มอร์ ได้สรุปผลงานการสำรวจของพวกเขา การสำรวจ
โลกของแนวคิดการบริหารที่แตกต่างกันผ่านทาง”บัคเกต ลิสต์” ของนักคิค นักบุกเบิก และองค์การ
ผู้ก่อตั้งคอรปอเรท เรเบิล จอสท์ มินนาร์ และพริม เดอ มอร์เร ได้วิจัยอะไรที่องค์การบันดาลใจมีร่วมกัน และได้รวมการค้นพบของพวกเขา
เป็นแนวโน้มแปดอย่าง การมองดูมันเป็นรายการด้วยโอกาส เพื่อการเปลี่ยนแปลง ไมีมีบริษัทใดรับเอามันไว้ทุกอย่าง แต่การรับเอามันบางอย่างสามารถสร้างความแตกต่างที่สำคัญได้
พวกเขาได้ตรวจสอบบัคเกต ลิสต์ เราได้ไปเยี่ยมผู้บุกเบิกทุกคนที่เรา
สามารถพบ เราได้พูดคุยกับผู้ก่อตั้ง เราได้พบกับซีอีโอ เรามุ่งหมายเข้า
ใจอย่างเเท้จริงที่จะคิดค้นใหม่งานอย่างไร ระหว่างการเยี่ยมของเรากับ
ผู้บุกเบิกมากกว่า 150 คน เราได้ค้นพบแนวโน้มแปดอย่าง หนังสือของเรา
ได้ถูกแบ่งเป็นแปดตอนเกี่ยวพันกับหลักการที่จะปฏิรูปสถานที่ทำงานอย่างไร และทำให้งานสนุกสนานมากขึ้นอย่างไร
หลักการเหล่านี้มีทั้งการทดแทนพีรามิดลำดับชั้นด้วยเครือข่ายทีม
อิสระ และการอพยพจากกฏและการควบคุมไปสู่ความเป็นอิสระเเละ
ความไว้วางใจ หลักการหลายอย่างอยู่บนพื้นฐานของการมุ่งเน้นทำให้
โครงสร้างแบนลง มันเป็นตั้งแต่เครือข่ายธรรมดาของทีมทำงานแตก
ต่างกันภายในบริษัท ทีมเหล่านี้กลายเป็นอิสระจากการควบคุมทางการ
บริหาร การพัฒนาแนวคิดต่อไป ด้วยการปฏิรูปธุรกิจตัวม้นเองไปสู่ระบบ
นิเวศของบริษัทมินิ
จาก ไปสู่

กำไร ความมุ่งหมายและค่านิยม
พีรามิดลำดับชั้น เครือข่ายของทีม
ความเป็นผู้นำแบบสั่งการ ความเป็นผู้นำแบบสนับสนุน
วางแผนและคาดคะเน ทดลองและปรับตัว
กฏและการควบคุม ความอิสระและความไว้วางใจ
การรวมอำนาจหน้าที่ การกระจายการตัดสินใจ
ความลับ ความโปร่งใส
คำบรรยายลักษณะงาน ความสามารถและความเชี่ยวชาญ

ส่วนที่ยิ่งใหญ่ของการผจญภัยของคอรปอเรท เรเบิลคือ บัคเกต ลิสต์
มันเป็นการรวบรวมผู้ประกอบการ ผู้บุกเบิก ผู้ขบถ นักวิชาการ องค์การ และผู้นำธุรกิจ การเเสดงว่าเรามีวิถีทางแตกต่างกันมากที่จะทำงาน พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงสภาวะเดิมของสถานที่ทำงานที่หมดหวัง มันเป็นจุดศูนย์รวมที่จะบรรลุภารกิจของเรา : ทำให้งานสนุกสนานมากขึ้น เราได้
ไปเยี่ยมเยียนผู้บุกเบิกสถานที่ทำงาน เราได้เรียนรู้จากพวกเขา และเรา
ได้ร่วมเรื่องราวที่ไม่เหมือนใครของพวกเขา
ภายในหนังสือ เราได้ระบุแนวโน้มแปดอย่างที่ได่ปลอปล่อยการปฏิรูป
สถานที่ทำงาน เราได้มองเห็นองค์การที่ก้าวหน้าได้ก้าวไปสู่แนวโน้ม
แปดอย่างเหล่านี้ ต่อเเนวโน้มเหล่านี้บางอย่าง ไม่ได้ใหม่อย่างสิ้นเชิง
องค์การสมัยเดิมได้ต่อสู้เพื่อที่จะเข้าใจสร้างวัฒนธรรม ตรงที่แนวโน้ม
เหล่านี้สามารถบรรลุผลอย่างไร หนังสือของเราไม่ได้เป็นหนังสือ วิธีการทำ ไม่มีใครสามารถบอกคุณที่จะสร้างสถานที่ทำงานสมบูรณ์อย่างไร
แต่คุณอาจจะถูกบันดาลใจโดยบุคคลอื่น เรียนรู้จากผู้บุกเบิกและทดลองด้วยวิถีทางใหม่ของการทำงาน
องค์การที่เราไปเยี่ยม ส่วนใหญ่มีอย่างหนึ่งร่วมกัน ไม่มีความผู้นำแบบ
สั่งการ แต่เป็นความเป็นผู้นำแบบสนับสนุน พวกเขานำโดยตัวอย่าง ถามบุคคลของพวกเขา วิถีทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนพวกเขา
บัคเกต ลิสต์ หมายถึงรายการของสิ่งที่คุณต้องการทำ – เช่นสถานที่ที่
คุณต้องการเดินทางไป หรือเป้าหมายที่คุณต้องการบรรลุ เป็นต้น – ก่อน
ที่คุณจะตาย ถ้อยคำได้ถูกใช้เมื่อ ค.ศ 1999 โดยนักเขียนบทภาพยนตร์
ชาวอเมริกัน จัสติน แซคแฮม ภายในบทภาพยนตร์ของเขา เพื่อภาพยนตร์
2007 “The Bucket List” จัสติน แซคแฮม ได้สร้างรายชื่อของเขาเองเรียกว่ารายชื่อของสิ่งที่ต้องทำก่อนที่ผมจะเตะตะกร้าของจัสติน

เรามีเรื่องราวที่บันดาลใจเชื่อมโยงกับแนวโน้มแปดอย่างที่ค้นพบโดย
จอสท์ มินนาร์ และพิม เดอ มอร์รี ผู้ก่อตั้งคอปอเรท เรเบิล เรื่องราวหนึ่ง
ที่กระตุ้นจากแนวโน้มอย่างหนึ่งคือ จากความเป็นผู้นำแบบสั่งการไปสู่ความเป็นผู้นำแบบสนับสนุน เรื่องราวนี้คือ การบริหารร้านอาหารที่พูด
แล้วทำของความเป็นผู้นำให้คุณค่าและถามบุคคลของพวกเขา : คุณต้องการอะไรจากผม
ณ ซิงเกอร์แมนส์ อารี วองซ์ไวก์ รินน้ำแก่ลูกค้าาของเขา การแสดง
ความเป็นผู้นำแบบสนับสนุน แนวโน้มข้อสาม และความสนใจที่จริงใจ
ต่ออะไรที่บุคคลแนวหน้าของธุรกิจของเขาคิด รู้สึก และต้องการ ทั้ง
ที่ข้อเท็จจริงว่าอารี วองซ์ไวก์ นำธุรกิจหลายล้านเหรีญ เขายังคงรินน้ำ
แก่ลูกค้าทุกตอนเย็น คุณอาจจะคิดว่าเขามีอะไรที่สำคัญหลายอย่าง
ต้องทำ แต่คุณไม่ควรจะบอกเขา เพราะว่าเขารู้ว่าการมีส่วนร่วมของเจ้า
ของดีที่สุดต่อธุรก้จ
เมื่อบุคคลของเขามองเห็นอารีื วองซ์ไวก์ เดินรอบด้วยเหยือกรินน้ำแก่
ลูกค้า พวกเขารู้ว่างานของพวกเขาเองสำคัญเท่ากัน มันเกี่ยวกับการสิ่ง
เล็กน้อยที่จะมั่นใจธุรกิจดำเนินงานอย่างราบรื่น ไม่ว่าคุนมีตำแหน่งหรือบทบาทอะไรก็ตาม
อารีื วองซ์ไวก์ ได้กล่าวว่า เราไม่มีวิถีทางเดียวที่ถูกต้องที่จะเป็นผู้นำ
ค้นหาสไตล์และกิจวัตรที่สอดคล้องกับคุณ และสภาพแวดล้อมเฉพาะ
ของคุณ อะไรที่ตามมาเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่บรรลุความสำเร็จต่อผม
มันเป็นการับเอาอะไรของผมที่สอนกันมายาวนานเป็นการบริหารเดินดู
โดยรอบ แต่ในกรณีนี้ บุคคลทุกคนทำงาน ณ ซิงเกอร์แมนจะหัวเราะ
มันได้ถูกเรียกว่า การบริหารโดยการรินน้ำ ผมได้ย่อมันเป็น เอ็มบีพี
ดับบลิว
เอ็มบีพีดับบลิว ได้ถูกพัฒนาค่อนข้างจะเริ่มแรก ณ ซิงเกอร์แมนส์
โรดเฮ้าส์ ร้านอาหาร 180 ที่นั่ง บริการเต็มที่ มันเป็นร้านอาหาร ไม่
ใชร้านค้าปลีก ผมได้ค้นหาวิถีทางเชิงรุกและปรากฏตัว มองว่าอะไร
กำลังเป็นไปและมีส่วนช่วย โดยไม่พยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วย
ตัวผมเอง
ชื่อการบริหารโดยการรินน้ำ มาจากลูกค้าประจำที่มองผมทำมัน
หลายคืน เธอได้เสนอแนะด้วยรอยยิ้มว่า การบริหารโดยการรินน้ำ
ควรจะเป็นชื่แของหนังสือเล่มต่อไปของผม เจ้าของเป็นผู้ช่วยเหลือ
ณ วันที่วุ่นวาย ผมหยิบเหยือกน้ำ เติมเเก้วที่เกือบว่างของลูกค้า การ
เติมแก้วน้ำ และทำอะไรก็ตามที่ต้องทำ
อารี วองซ์ไวก์ กล่าวว่า วิถึทางรากฐานอย่างหนึ่งของเรา ณ ซิงเกอร์
แมนส์ คือ เราขอให้บุคคลทุกคนภายในองค์การ ตั้งแต่นาทีที่พวกเขา
เริ่มต้นทำงานกับเรา ไม่มองถึงชื่อตำแหน่ง อายุ หรือาวุโส รับเอา
ความรับผิดชอบเพื่อความเป็นผู้นำ คุณอาจจะเป็นบริกรชายทำงานไม่
เต็มเวลาบนสัปดาห์ที่สองของคุณ แต่เรายังคาดหวังคุณและไว้วางใจ
คุณที่จะคิดและกระทำเหมือนผู้นำ องค์การที่นำได้ดีประกอบด้วยเพียง
แต่ผู้นำ
แม้ว่าซิงเกอร์แมนส์ ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว พวกเขายังคงถูกมองเป็น
ผู้ผลิตที่มีจริยธรรม และโมเดลของธุรกิจที่ก้าวหน้า รักษาค่านิยมของ
พวกเขาไว้ไม่ให้เสื่อมเสีย รากฐานลูกค้าของบริษัทกำลังเจริญเติบโต
และจงรักภักดี มาริโอ บาทาลี โอปราห์ วินฟรีย์ และบารัค โอบามา
ได้ให้การลงซื่อของพวกเขา และ อิงค์. ได้เรียกพวกเขาเป็นบริษัทเจ๋ง
ที่สุดภายในอเมริกา
ดังนั้นอะไรได้จุดเชื้อความสำเร็จ คำตอบ ความถ่อมตัวและหลักการอนาธิปไตย อารี วองซ์ไวก์ ได้ศึกษาลัทธิอนาธิปไตย และประวัติศาสตร์รัสเซีย ณ มหาวิทยาลัยมิชืแกน นับตั้งแต่การ เริ่มต้นซิงเกอร์แมนส์ เขา
ได้ประยุกต์ใช้หลักการและความคิดหลายอย่างของอนาธิปไตยไปสู่การบริหารและการพัฒนาวัฒนธรรมของซิงเกอร์แมน
แต่อย่าสับสนตราสินค้าของอุดมคติอนาธิปไตยของเขากับแนวคิดที่รับ
รู้มาก่อนเกี่ยวกับความวุ่นวาย การทำลายล้าง หรือการพังทลายรัฐบาล แต่ตราสินค้าอนาธิปไตยของเขาเกี่บวกับความเสมอภาค ชุมชน และไม่ทำ
ตามกฏ เพราะว่ามันเป็นกฏ อารี วองซ์ไวก์ กล่าวว่า ผมไม่คิดว่าใครก็ตาม
ชอบที่จะถูกบอกให้ทำอะไร
เขายืนยันว่าอนาธิปไตยไม่ได้เกี่ยวกับความวุ่นวายและความรุนแรง แม้
ว่าบุคคลบางคนคิดว่าเป็น แน่นอนเรามีนักอนาธิปไตยที่รุนแรงอนาธิปไตยที่แท้จริงเกี่ยวกับความเชื่อต่อศักดิ์ศรีและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์
ความคิดว่าบุคคลทุกคนสำคัญ มันเกี่ยวกับการทุบทิ้งลำดับชั้นอนาธิปไตยของซิงเกอร์แมนส์ ไม่ได้เกี่ยวกับการต่อสู้รัฐบาล มันเกี่ยวกับ
บุคคคลทุกคนของเรารู้สึกเป็นอิสระที่จะทำลายลำดับชัีัั้น
อารี วองซ์ไวก์ ชอบอนาธิปไตยมาก เขาได้ใช้ชั่วโมงนับไม้ถ้วนเรียกดู
การรวบรวมสิ่งพิมพ์อนาธิปไตยของโจเซฟ ลาบาดี ของมหาวิทยาลัย
มิชิแกน และประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้รับของเขาต่อชีวิตของเขาและการ
ปฏิบัติทางธุรกิจของเขา
เเนวโน้มข้อสามของคอรปอเรท เรเบิลคือ เราต้องหยุดผลักดันการตัด
สินใจลงมาตามสายการบังคับบัญชา มันได้ละเลยความคิดของบุคคล และหลุดพ้นบุคคลที่ใกล้ชิดลูกค้ามากที่สุดไป ผู้นำที่บันดาลใจมากที่สุดสร้างภารกิจ ทำตามที่พูด และบันดาลใจให้ทำ อำนาจหน้าที่ไม่เชื่องโยงกับตำแหน่งลำดับชั้นต่อไปอีกแล้ว แต่โดยความสามารถที่จะนำด้วยตัวอย่าง และด้วยการสร้างและการแนะนำทีมที่เฟื่องฟู
คุณต้องทำลายหอคองาช้าง และพยายามกำจัดสัญลักษณ์สถานภาพ ชื่อตำแหน่ง และสิทธิพิเศษ อย่าสันนิษฐานว่าคุณรู้ดีที่สุด ถามบุคคลของคุณพวกเขาต้องการอะไรที่จะเจริญเติบโต ความเป็นผู้นำแบบสนับสนุนมุ่งที่การสร้างสภาพเเวดล้อมตรงที่บุคคลเรียนรู้ ท้าทาย ร่วมมือร่วมใจ และเจริญเติบโต
เราได้พบผู้นำที่สนับสนุนนำด้วยตัวอย่าง ถามบุคคลของพวกเขาถึง
วิถีทางที่ดีที่สุดช่วยเหลือและสนับสนุนพวกเขา พวกเขาแสดงการรวม
กันอย่างน่าชื่นชมของความแท้จริง ความถ่อมตัว พวกเขามีวิสัยทัศน์ที่
ชัดเจน และบันดาลใจบุคคลของพวกเขาให้กระทำ ในขณะเดียวกัน
พวกเขาพร้อมต่อการป้อนกลับและการวิจารณ์ พวกเขารับฟังความคิด
ของบุคคลแนวหน้า มันเป็นความเป็นผู้นำแบบสนับสนุน

 

ถ้าคุณหรือใครก็ตามที่คุณรู้จักเคยมีชีวิตอยู่ภายในแอนน์ อาร์เบอร์ หริอ
บางทีคุณเพิ่งจะไปเยี่ยมแอนน์ อาร์เบอร์ และคุณมีโอกาสที่จะไปซิงเกอร์
แมนส์ และคุณรู้ว่าอาหารของพวกเขา เครื่องดื่มกาแฟของพวกเขา ของ
หวานของพวกเขา ได้ถูกมองเป็นตำนาน เมื่อกล่าวถึงชื่อ ซิงเกอร์แมนส์ คุณลำบากที่จะพบบุคคลบางคนที่ไม่ได้ยิ้ม
นักศึกษาประวัติศาสตร์รัสเซีย อารี วอนซ์ไวก์ ได้บรรลุความสำเร็จทางธุรกิจ และกลายเป็นเจ้าของซิงเกอร์เเมนส์ เดลิคาเทสเซนอย่างไร ภายหลังผมจบการศึกษา
จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ผมต้องการงาน และผมจบลงด้วยการล้างจาน ณร้านอาหารท้องที่ภายในแอนน์ อาร์เบอร์ หุ้นส่วนธุรกิจของผมในขณะนี้
พอล ซากินอร์
เป็นผู้จัดการ ณ ร้านอหารตรงที่ผมล้างจาน ผมเจริญเติบโตภายใน
ชิคาโก กินอาหารสำเร็จรูปจำนวนมาก และพอล ซากินอร์
เจริญเติบโตด้วยอาหาร
สำเร็จรูปภายในดีทรอยต์ และคุณไม่สามารถพบมันภายในแอนน์ อาร์เบอร์ นั่นคือมันทุกอย่างได้เริ่มต้นอย่างไร
แต่กระนั้นตั้งแต่วันแรกอารี วอนซ์ไวก์ และพอล ซากินอร์
ได้ยืนกรานว่าพวกเขาต้องการให้
ธุรกิจของพวกเขาเป็นเอกลักษณ์อย่่างแท้จริง หมายความว่าเราสามารถ
เป็นเพียงหนึ่งเดียว ดังนั้นพวกเขาจะไม่ให้แฟรนไชส์ตราสินค้าที่บรรลุ
ความสำเร็จของพวกเขา ในขณะเดียวกันพวกเขาได้เผชิญกับความท้าทายเจริญเติบโตบริษัทอย่างไรสนับสนุนบุคคลของพวกเขา ภายหลัง
หนึ่งทศวรรษภายในธุรกิจ พวกเขาได้พบทางออก ข้อเเรกมันไม่ได้สร้างการเจริญเติบโตต่อพวกเขาเท่านั้น แต่มันได้ส่งเสริมเศรษฐกิจ
ท้องที่ภายในแอนน์ อาร์เบอร์ด้วย ข้อสองพวกเขาได้ตัดสินใจสร้าง
เครือข่ายของธุรกิจที่รวมกัน การรวมกันของธุรกิจภายในการเป็นหุ้น
ส่วนกับผู้ประกอบการอาหารอื่น สนับสนุนระหว่างกันและดำเนินงาน
อย่างอิสระ การเปลี่ยนแปลงจากเดลี ไปสู่ชุมชนของธุรกิจ เมื่อ ค.ศ 1982 อารี วอนซ์ไวก์ และหุ้นส่วนของของเขาพอล ซากินอร์
ได้ก่อตั้งซิงเกอร์แมนส์ เดลิคาเทสเซน เขาจบปริญญาประวัติศาสตร์รัสเซีย จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน สี่ปีของประสบการณ์
ล้างจาน ทำอาหาร และจัดการห้องครัว พอล ซากินอร์ หุ้นส่วนของผม เป็นผู้จัดการ
ทั่วไป ณ ร้านอาหาร นั่นคือเราได้พบกันอย่างไร และผมได้หลงรักธุรก้จ
อาหาร ต่อมาผมและพอล ซากินอร์ ได้เปิดประตูร้านอาหาร
ด้วยบุคคลสองคน เรามีพื้นที่ 1,300 ตารางฟุต 29 ที่นั่ง แซนวิส ขนมปัง
ปลารมควัน น้ำมันมะกอก ซาลามิ เป็นต้น การเลือกได้น้อยของอาหารพิเศษ
ซิงเกอร์แมนส์ เดลิคาเทสเซน ก่อตั้งด้วยเงินกู้ธนาคาร
20,000 เหรียญภายในอาคารประวัติศาสตร์ ใกล้แอนน์ อาร์เบอร์ มิชิแกน โดยอรี วองซ์ไวก์ เเละพอล ซากินอร์ เพื่อน
สองคนที่ฝันถึงการสร้างร้านอาหารสำเร็จรูปยิวสมัยเดิม เพื่อการนำอาหารพิเศษมาสู่แอนน์ อาร์เบอร์ ด้วยวิถีทางที่ไม่เหมือนใครต่อพวกเขา ตลอดหลายปี ซิงเกอร์แมนส์ได้ขยายตัวกลายเป็นครอบครัวของธุรกิจ
มุ่งที่อาหารและบริการ ภายหลัง 26 ปี พวกเขาได้สร้างอาณาจักรเรียกกันเป็น ซิงเกอร์แมนส์ คอมมูนิตี้ ออฟ บิสซิเนส หลายทศวรรษต่อมา เดลียังคงเป็นแหล่งของอาหารที่ยิ่งใหญ่ และประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ต่อลูกค้าจำนวนมากทุกปี อารี วอนซ์ไวก์ เป็น ซีอีโอของซิงเกอร์แมนส์ คอมมูนิตี้
ออฟ บิสซิเนส นับตั้งแต่ ค.ศ 1982 ชุมชนประกอบด้วยบริษัทเก้าบริษัท
ที่มุ่่งอุตสาหกรรมอาหาร


ความคิดเห็นถูกให้คุณค่าเมื่อมันกำเนิดจากปากของบุคคลด้วยเงินเดือน
มากที่สุดเท่านั้น ความคิดเห็นภายในสนามเพาะไม่ถูกยอมรับอยู่เสมอโดย
ผู้นำที่ไม่มีร่องรอยอะไรกำลังเป็นอยู่ ซิงเกอร์แมนส์ได้รับอิทธิพลอย่างมากโดยความสนใจอนาธิปไตยของอารี วองซ์ไวก์ บุคคลทุกคนสร้างสรรค์และฉลาดโดยธรรมชาติ และสามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ เราต้องนำโดยการสนับสนุนบุคคลอื่น ไม่ใช่การบังคับบัญชา
อารี วอนซ์ไวก์ ได้อธิบายเขาจบลงด้วยการศึกษาประวัติศาสตร์ และกลาย
เป็นสนใจโดยเฉพาะภายในอนาธิปไตย ภายหลังอ่านหนังสือหลายเล่ม
เกี่ยวกับอนาธิปไตย เขาได้เริ่มต้นการคู่ขนานระหว่างความลุ่มหลงของ
เขาต่ออนาธิปไตยและวิถีทางต่อธุรกิจของเขา อะไรที่บันดาลใจเขาภายในอนาธิปไตยคือ วิถีทางของมันต่อการคิดอย่างเสรี การเลือกอย่าง
เสรี การคิดริเริ่ม ความร่วมมือร่วมใจ ความคิดสร้างสรรค์ การดูแล และ
ความยิ่งใหญ่ของกลุ่ม
ความเชื่อของอารี วอนซ์ไวก์หลายอย่าง เกิดขึ้นจากการเจาะลึกของเขาลงไปที่ปรัชญาอณาธิปไตย และเขากล่าวถึงโดยเฉพาะความคิดของนักปรัชญาศตวรรษที่ 20 กุสตาฟ แลนเดาเออร์ มันทำให้เกิดการดูถูกของอารี วอนซ์ไวก์ต่อความคิดลำดับชั้น ไม่มีบุคคลใดดีกว่าใคร และทุกเสียง
มีคุณค่า
ต่อซิงเกิอร์แมนส์แล้ว มันหมายความว่าบุคคลทุกคนถูกปฏิบัติไม่เพียง
แค่
ด้วยความเคารพ แต่คาดหวังให้ใช้ความเป็นผู้นำภายในบริษัทด้วย การ
ประชุมเปิดกว้างต่่อบุคคลทุกคน เขาเกี่ยวพันระหว่างกันบ่อยครั้งกับ
บุคคลทุกระดับ และมักจะถามบุคคลใหม่อะไรที่พวกเขาคิดควรจะทำ
แตกต่างกัน บุคคลที่รู้สึกถูกเคารพ ณ งาน จะเคารพงานที่พวกเขาทำ
อนาธิปไตยไม่ได้เกี่ยวกับความวุ่นวายและความรุนแรง เรามีอนาธิปไตย
รุนเเรง เหมือนเช่นเรามีคาธอลิค ประชิปไตย หรือยิวส์ รุนแรง แต่ที่จริงแล้วอนาธิปไตยเกี่ยวกับความเชื่อต่อศักดิ์ศรีและความคิดสร้างสรรค์
ของมนุษย์ ความคิดที่บุคคลทุกคนสำคัญ มันเกี่ยวกับทำลายลำดับชั้น
อนาธิปไตยดูเหมือนตรงกันข้ามต่อทุนนิยม แต่มันเป็นรากฐานของความ
สำเร็จที่น่าประหลาดใจของซิงเกอร์แมนส์ อนาธิปไตยนำไปสู่รายได้หลายล้านเหรียญอย่างไร ผู้นำบริษัทจำนวนมากได้แห่กันไปที่แอนน์
อาร์เบอร์ ค้นหาจากอารี วองซ์ไวก์
วิถีทางที่รุนแรงอย่่างหนึ่งของเรา ณ ซิงเกอร์แมนส์ เราขอบุคคลทุกคน
ภายในองค์การตั้งแต่นาทีที่พวกเขาเริ่มต้นทำงานกับเรา ไม่มองถึงชื่อ
ตำแหน่ง อายุ หรืออาวุโส เราให้รับความรับผิดชอบความเป็นผู้นำแก่คุณ
อารี วอนซ์ไวก์ศึกษาประวัติศาสตร์รัสเซียภายในมหาวิทยาลัยมิชิแกน มุ่งที่อนาธิปไตย เขาได้ประกาศว่าเชาเป็นผู้นิยมอนาธิปไตยพ้นสมัย เขาชอบที่จะเขย่าโมเดลการบริหารสมัยเดิม เพื่อส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการ ความคิดสร้างสรรค์ และความพอใจงาน ความคิดอนาธิปไตยของเขาคือ บริหารธุรกิจเป็นชุมชนที่มีสุขภาพดีและเสมอภาค ด้วยโอกาสอย่างมากมาย เพื่อการการคิด การวิเคราะห์ และความสงสัยต่อกฏและระบบ
จอสท์ มินนาร์ ผู้ก่อตั้งคอรปอเรท เรเบิล กล่าวว่า เราได้เข้าร่วมการประชุมการบริหารแบบเปิด
บัญชี ณ ซิงเกอร์แมนส์ โรดเฮ้าส์ เราได้ประสบการณ์กับการปฏิบัติที่มี
พลังมากที่สุดอย่างหนึ่ง เท่าที่เราได้เคยมองเห็นจากการค้นหาของเรา
การบริหารแบบเปิดบัญชีเป็นเครื่องมือที่มีพลังอย่างไม่น่าเชื่อสร้าง
ความโปร่งใส และความผูกพันภายในองค์การ
เมื่อคนล้างจาน ณ ซิงเกอรแมนส์ โรดเฮาส์ ได่ชี้ว่าลูกค้าโยนทิ้งเฟรน
ฟรายส์
จำนวนมาก ร้านอาหารได้ได้ตัดสัดส่วนลงครึ่งหนึ่ง และไม่มีการเติมฟรี ลดต้นทุนได้หลายพันเหรียญต่อปี ข้อแก้ปัญหาธรรมดาที่ประหยัดเงิน
ลดอาหารที่สูญเสีย และทำให้ลูกค้ามีความสุขขึ้น – ไม่ชอบการเติมฟรี
ณ ร้านอาหารส่วนใหญ่ คนล้างจานไม่ได้อยู่ภายในฐานะของการเสนอ
ความคิดเห็นเกี่ยวกับสัดส่วนของอาหาร แต่โรดเฮ้าส์ ส่วนหนึ่งของบริษัท
อาหารพิเศษ ซิงเกอร์แมนส์ ไม่ใช่ร้านอาหารส่วนใหญ่ ทั้งบริษัทดำเนินงานใช้การบริหารแบบเปิดบัญชี บุคคลทุกคนภายในองค์การมีส่วนร่วมภายในการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่การทบทวนการเงินไปจนถึงการตัดสินใจ
ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก
เมื่ออารี วอนซ์ไวก์ และพอล ซากินอร์ ได้เปิดซิงเกอร์แมนส์ เดลี เมื่อ ค.ศ 1982 เป้าหมายของเขา
คือ การสร้างร้านอาหารยิวสมัยเดิม พวกเขาตอนเริ่มแรกวางแผนเรียกชื่อ
มัน กรีนเบิรก เดลี ตามชื่อของแฮนนา กรีนเบิรก ลูกค้าประจำ ณ ตลาดปลาที่พอล ซากินอร์
เป็นเจ้าของ เเต่เพียงแค่ไม่กี่วันก่อนการเปิดร้านอาหาร เจ้าของธุรกิจฟาร์มิงตัน ฮิลล์ ชื่อ กรีนเบิรก ได้โทรศัพท์บอกว่าพวกเขาไม่สามารถ
ใช้ชื่อของเขา เขาได้จดทะเบียนชื่อ กรีนเบิรก เดลิคาเทสเซน กับสำนักงานของรัฐไปแล้ว ไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่เราได้ตัดสินใจใช้มัน
เราได้กลับมาที่บ้าน นั่งลงบนพื้นของห้องนั่งเล่นของพอล ดื่มเบียร์ และทดสอบหลายร้อยชื่อแตกต่างกัน เรายังคงไม่ได้ชื่อ แต่เราได้ตัดสินใจว่าเราต้องการชื่อที่
เริ่มต้นด้วยตัวเอหรือตัวเเซด ดังนั้นร้านอาหารของเราง่ายที่จะพบภายในรายชื่อตามตัวอักษรและสมุดหน้าเหลือง ในที่สุดเราได้เลือกชื่อมันเป็น
ซิงเกอร์แมนส์ มันฟังแล้วเป็นยิวเพียงพอ และมันง่ายที่จะพบตอนท้าย
ของสมุดหน้าเหลือง
พวกเขาหารู้ไม่ว่าตลอดยี่สิบห้าต่อมาพวกเขาได้สร้างสถาบันการทำอาหารท้องที่มีชื่อเสียงโลกภายในแอนน์ อาร์เบอร์ มิชิแกน ด้วยเเฟน
จากทั่วโลก เมื่อ ค.ศ 1994
พวกเขาได้ดำเนินการวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่เพื่อบริษัทของพวกเขา สร้าง
ชุมชนของธุรกิจภายในแอนน์ อาร์เบอร์ ซิงเกอร์แมนส์ คอมมิวนิตี้ ออฟ
บิสซิเนส ประกอบด้วยธุรกิจ 11 อย่าง ธุรกิจแต่ละอย่างเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวซิงเเกอร์แมนส์ แต่ธุรกิจมีความเป็นพิเศษเฉพาะและหุ้นส่วนบริหารของมันเองพวกเขาร่วมความเป็นเจ้าของภายในบริษัท แซดซีโอบี ดำเนินงานเป็นองค์การหนึ่ง แต่ด้วยธุรกิจกึ่งอิสระเหล่านี้ภายในมัน
การบริหารแบบเปิดบัญชีได้ถูกยกย่องโดยผู้ก่อตั้งของซิงเกอร์แมนส์เป็นจุดสำคัญต่อความสำเร็จของพวกเขา ไม่เพียงแต่ผู้บริหารและนักบัญชีเท่านั้นรับผิดชอบผลการดำเนินงานทางการเงินขององค์การ ไม่เพียงแต่บุคคลภายในข้างหน้าบ้านรับผิดชอบต่อบริการลูกค้า การบริหารแบบเปิดบัญชีช่วยเหลือบุคคลทุกคน ตั้งแต่บุคคลใหม่ที่สุดไปจนถึงผู้บริหารสูงสุด
ซิงเกอร์แมนส์เป็นชุมชนของมากกว่า 10 ธุรกิจ วางไข่จากเดลิแห่งเดียว
ภายในแอนน์ อาร์เบอร์ มิชิแกน นับตั้งแต่ ค.ศ1982 บริษัทได้เจริญเติบโต
อย่างรวดเร็ว แต่ผู้ก่อตั้วร่วม อารี วองซ์ไวก์ และพอล ซากินอร์ไม่ยอมรับเส้นทางการเจริญ
เติบโตสมัยเดิมของอุตสาหกรรมอาหาร เข่น การให้แฟรนไชส์ หรือการ
รวมธุรกิจตามแนวดิ่ง แต่บริษัทได้พบเส้นทางการขยายผ่านการรวมกัน
ของการรู้ที่ลึก “ทำไม” ของพวกเขา และใช้พลังของการบริหารแบบเปิด
บัญชี ด้วยการสร้างเป็นซิงเกอร์แมนส์ คอมมิวนิตี้ ออฟ บิสซิเนส
เพียงแค่ก่อนที่ซิงเกอรแมนส์ เดลี เปิดเมื่อ ค.ศ 1982 บุคคลทุกคนบอกพวกเขา พวกเขากำลังไปสู่ความล้มเหลว เพราะว่าบุคคลอื่นหลายคนได้ล้มเหลวมาแล้วก่อนพวกเขา เเละพวกเขาได้เปิดภายในเพื่อนบ้านที่ไม่ดี
แต่กระนั้น ธุรกิจได้กลายเป็นถูก
รสนิยม ร้านอาหารได้ขยายพื้นที่ และได้ซื้อบ้านหน้าประตูทำให้มันเป็น
ร้านกาแฟ แต่่ด้วยความสำเร็จ การเเข่งขันจากร้านอาหารอื่นได้เข้ามา
สิบปีต่อมาภายในธุรกิจ พวกเขาไดัพูดคุยกันด้วยคำถามที่จริงจัง เรา
กำลังทำอะไร ด้วยภาษาของเราในขณะนี้ วิสัยทัศน์ของคุณคืออะไร
ภายหลังการสนทนากันเกี่ยวกับ ทำไม ของบริษัท ทั้งคู่รับรู้ว่าพวกเขา
ต้องการการเจริญเติบโต แต่ไม่ต้องการที่จะให้แฟรนไชส์ มันได้นำไปสู่
ความคิดของกลุ่มธุรกิจ ธุรกิจแต่ละอย่างมีลักษณะเฉพาะ การอธิบาย
วิถีทางกลยุทธ์ของพวกเขา ด้วยการมองย้อนหลัง อารี วองซ์ไวก์ ได้
กล่าวว่ามันเกี่ยวกับหัวใจ
แทนความพยายามที่จะเเก้ปัญหา และเเทนความพยายามที่จะคิด
ด้วยปัญญา คุณต้องการไปที่ไหน มันเกี่ยวกับการมาจากหัวใจ และ
อธิบายอนาคตของความฝันของคุณ อารี วองซ์ไวก์ กล่าว
เมื่อเราได้คิดถึงเกี่ยวกับธุรกิจอะไรที่จะสร้างต่อไป และสร้างอะไอย่างไร อารี วองซ์ไวก์ ได้เริ่มต้นเรียก “ชุมชนของธุรกิจ” เขาบังเอิญคิดถึงแนวคิดของการบริหารแบบเปิดบัญชี ระบุว่าบุคคลทุกคนควรจะสามารถมองเห็นและรู้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เกี่ยวกับธุรกิจดำเนินงานอย่างไร
อารี วองซ์ไวก์ ได้อธิบายการบริหารเเบบเปิดบัญชีทำงานอย่างไรบุคคลของเรา มักจะไม่ถูกบอกธุรกิจทำงานอย่างไร นำไปสู่สิ่งจูงใจที่ไม่ตรงแนว เช่น บุคคลที่ไม่เข้าใจตัวเลขธุรกิจจะมีความสุขต่อวันที่เชื่องช้า เพราะว่ามันหมายความงานของพวกเขาสบายขึ้นเล็กน้อย แต่กระนั้นวันที่เชื่องช้าหลายวันเกินไปจะฆ่าธุรกิจของคุณ

อารี วองซ์ไวก์ กล่าวว่า ณ ซิงเกอร์แมนส์ เราได้ระบุวิสัยทัศน์เป็นภาพความสำเร็จของโครงการ ณ เวลาหนึ่งภายในอนาคต วิสัยทัศณ์ไม่ได้เป็น
แผนกลยุทธ์ – มันเป็นแผนที่เราต้องการไปที่ไหนวิสัยทัศน์เป็นจุดหมายปลายทางอย่างแท้จริง มันเป็นคำบรรยายที่สดใสของความสำเร็จดูและรู้สึกเหมือนอะไรต่อเรา – เราสามารถบรรลุอะไร และผลกระทบที่มันมีต่อบุคคลของเรา
วิสัยทัศน์ของความยิ่งใหญ่เกี่ยวกับความลุ่งหลงและความหวังของคุณ
เพื่ออนาคต มันเกี่ยวกับอะไรที่คุณเชื่อ อะไรทำให้คุณตื่นเต้น เเม้ว่ามันมี
อะไรที่บุคคลอื่นกล่าวว่าคุณไม่สามารถ หรือควรจะทำ เราเชื่อว่าวิสัย
ทัศน์ที่มีประสิทธิภาพต้องมีองค์ประกอบสี่อย่าง อย่างแรกวิสัยทัศน์ต้องบันดาลใจ เมื่อบุคคลถูกบันดาลใจ พวกเขาคิดสร้างสรรค์และผูกพันมากขึ้น อย่างที่สองวิสัยน์ต้องดีทางกลยุทธ์ มันควรจะผลักดันเราไปสู่ความยิ่งใหญ่ อย่างที่สามวิลัยทัศน์ต้องทำเป็นเอกสาร คุณต้องเขียนวิสัยทัศน์
ของคุณที่จะทำให้มันบังเกิดผล และอย่างที่สี่วิสัยทัศน์ต้องถูกสื่อสาร
คุณต้องบอกบุคคลเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ด้วย เราต้องไปเพื่อบางสิ่งบาง
อย่างที่ยิ่งใหญ่ วิสัยทัศน์ที่บันดาลใจ แข็งเเรงทางกลยุทธ์ นำวิถีทาง
ไปสู่ความยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะถ้าคุณได้เขียนมันไว้
ผมชอบคิดเกี่ยวกับการเรียกร้องไปดวงจันทร์ของจอห์น เคนเนดี
เมื่อ ค.ศ 1962จอห์น เคนเนดี้ ได้กล่าวคำปราศัย ณ มหาวิทยาลัยไรซ์
ัเขาได้ประกาศอย่างกล้าหาญที่ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ของการพูด
ที่จูงใจ เราต้องยอมรับว่าอเมริกาได้ส่งมนุษย์ลงบนดวงจันทร์นำหน้ารัสเซียได้สำเร็จ เนื่องจากการสร้างบันดาลใจจากวิสัยทัศน์ของ จอห์น เคนเนดี้ เขาได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อชาวอเมริกันด้วยคำพูดที่ดึงดูดใจมาก จนกลายเป็นแรงบันดาลใจแก่ชาวอเมริกันทั่วทั้งประเทศที่ต้องการให้ความฝ้นของเขากลายเป็นความจริง
ดังที่มาร์ค ซักเกอร์เบิรก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเฟสบุ๊คได้กล่าวถึงตอนที่เขาได้มีโอกาสไปกล่าวคำปราศัยที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่า ผมมีเรื่องราวที่ชอบมากเรื่องหนึ่งที่จะเล่าว่า เมื่อจอห์น เคนเนดี้ ได้ไปเยี่ยมองค์การนาซ่า และได้เห็นภารโรงคนหนึ่งถือไม้กวาดอยู่ จอห์น เคนเนดี้ได้ถามว่า “คุณกำลังทำอะไรอยู่” ภารโรงตอบว่า “ท่านประธานาธิบดีครับ ผมกำลังช่วยส่งมนุษย์ลงบนดวงจันทร์อยู่ครับ
จอห์น เคนเนดี้ได้เกิดจินตนาการของโลกด้วยการกล่าวอย่างกล้าหาญว่า ประเทศนี้ควรจะผูกพันตัวเองกับการบรรลุเป้าหมายของการส่งมนุษย์ลงบนดวงจันทร์ และการนำเขากลับมาบนโลกอย่างปลอดภัยภายในทศวรรษนี้ เขาได้กล่าวต่อไปว่า เราเลือกเป้าหมายนี้ ไม่ใช่เพราะว่าง่าย แต่เพราะว่ายาก เนื่องจากเป้าหมายนี้ได้ถูกใช้วัดสิ่งที่ดีที่สุดของพลังและทักษะของเรา
จอห์น เคนเนดี้ ไม่สามารถมองเห็นล่วงหน้าว่าการส่งมนุษย์ลงบนดวงจันทร์อย่างไรและเมื่อไรจะทำได้ แต่เขาเชื่อมั่นกับการส่งมนุษย์ลงบน
ดวงจันทร์ และวิสัยทัศน์ของเขาได้กลายเป็นความจริงเมื่อ ค.ศ 1969
เราต้องยอมรับว่าอเมริกาส่งมนุษย์ลงบนดวงจันทร์นำหน้ารัสเซียได้สำเร็จ เนื่องจากการสร้างบันดาลใจจากวิสัยทัศน์ของ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ เขาได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อชาวอเมริกันด้วยคำพูดที่ดึงดูดใจมาก จนกลายเป็นแรงบันดาลใจแก่ชาวอเมริกันทั่วทั้งประเทศที่ต้องการให้ความฝ้นของเขาได้กลายเป็นความจริง

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *