เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ”ซัลมาน รุชดี”
สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ”ซัลมาน รุชดี”
ถ้าจะถามผมว่า รู้สึกอย่างไรต่อกรณีที่”ซัลมาน รุชดี”(Salman Rushdie)ถูกแทงบาดเจ็บสาหัส เฉียดตาย
ตอบได้เลยว่า”สมน้ำหน้า”
เมื่อไม่ถึงที่ตายก็ดีแล้ว จะได้สำนึกรู้ถึงความพลั้งพลาดที่ก่อขึ้น
ไอ้หมอนี่ มันทะลึ่ง เอาศาสนามาล้อเลียนในนิยายเรื่อง Satanic Verses (“บทกลอนแห่งซาตาน”)ในสไตล์”สัจจนิยมมหัศจรรย์”ด้วยหวังในประการแรกว่า ชาวโลกสมัยใหม่คงจะรับได้
คงอยากดัง เป็นประกายพลุค้างฟ้า เพราะที่ดังมาแล้ว จากผลงานเขียนชิ้นอื่น ๆ ยังไม่ดังพอ
เมื่อเขียนเรื่องนี้ เลย”ดังทะลุโลก”จริง ตามที่ปรารถนา
แถมยอดขายหนังสือ Satanic Verses หลังจาก”ถูกแทง” พุ่งสูงทะลุฟ้าเลย ตามที่ Indy100 ฉบับแทรกของ The News Democracy พาดหัวข่าวเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๐๒๒ ว่า
Sales of ‘The Satanic Verses’ have sky rocketed since the attack on Salman Rushdie
เขาตั้งใจเขียน Satanic Verses ออกมาทั้งๆ ที่รู้ว่า ถึงอย่างไร ก็ต้องกระทบอย่างแรงต่อความรู้สึกในหมู่มุสลิมทั่วโลก โดย”ซัลมาน”แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่า ในการแสดงความเห็นต่างๆ นั้น จะต้อง”ไม่แตะ”ข้อห้าม(Taboo)สามประการสาม R คือ Royal(กษัตริย์)Race(สีผิวเผ่าพันธุ์) and Religion(ศาสนา)
กระทบ”สามอาร์”เมื่อไหร่ เป็นต้องร้อนระอุ จนถึงเลือด-ถึงเนื้อ เมื่อนั้น
งานเขียนของเขาชิ้นนี้ มีส่วนทำให้มีนักแปลและผู้จัดพิมพ์งานเขียนอันอื้อฉาวของเขาคือ Satanic Verses ถูกทำร้ายถึงตายไปสองสามคน ตัวเขาเอง ก็ต้องหลบซ่อนให้พ้นจากการไล่ล่าติดตามยาวนานถึง ๓๐ ปี
พอโผล่ขึ้นมา ปรากฏตัวต่อสาธารณะ ก็โดนเล่นงานเลย คงเผลอคิดว่า ใครๆ คงลืมความอาฆาตไปแล้ว
ผมเขียนอย่างนี้ ใครจะว่าผมใจร้าย ก็ช่าง ผมไม่สน(ใจ)
เพราะที่ผมเขียนนี้ ก็เป็นสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของผมเหมือนกัน
เขียนไว้ เพื่อเตือนใจ คนทะลึ่ง ไม่รู้จักกาละเทศะ
ชาวอารยชนมักจะพูดว่า “รุชดี ซัลมาน”คือ”ผู้กล้า” คือกล้านำเรื่องราวในศาสนาอิสลาม มาวิจารณ์เชิงเสียดสี เพื่อสะท้อนคุณค่าทางวรรณกรรม ในแง่ไม่แสดงความเคารพหรือนับถือในศาสดาของศาสนาอิสลาม คือ”นบีมุฮัมมัด(ซล.)” ถามว่าคุ้มค่าหรือไม่ กับอารมณ์ขันแบบสุ่มเสี่ยง แถมทำให้คนอื่นตาย ก็นับเป็นวิบากกรรมที่น่าจะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว
ก็เป็นสิทธิของแต่ละคน ที่จะแสดงความเป็นผู้”อารยะ”นั้น แต่ทว่า…ผมรับไม่ได้ครับ
ใครจะมาว่าผม เป็น”อนุรักษ์นิยมสุดโต่ง”ก็ช่างใคร ก็แล้วกัน
บอกตรงๆ ครับวา ผมไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ ซึ่งมีเนื้อหาสาระอย่างย่นย่อ ว่าด้วยความดีที่ปะทะกับความชั่วร้าย โดยการเอาตัวรอดอย่างน่าอัศจรรย์ของตัวละครหลัก คือ “ยิบรีล”และ”ซาลาดิน”
“ภาณุ ตรัยเวช”ผู้รีวิวหนังสือเล่มนี้ไว้ ระบุว่าเป็นนิยายซึ่งใช้อังกฤษเป็นฉากสำคัญหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ และชี้ว่าหนังสือนี้เขียนถึง”นบีมุฮัมมัด(ซล.)เพียงบางส่วนเท่านั้น
แต่ที่สำคัญก็คือ ทัศนะต่อศาสนา(อิสลาม)ของตัวเอกคือ”ยิบรีบ”ซึ่งแสดงออกด้วยความบ้าระห่ำ ที่จริงแล้วก็คือ“ความไม่ศรัทธา”ในศาสนาอิสลามของ”ยิบรีล”นั่นเอง
นั่นเป็นเรื่องที่ ๑ ที่สมควรจะได้รู้ว่า นี่คือแผนการขายหนังสือเล่มนี้อย่างต่อเนื่อง ในอนาคตอันระยาวนาน ของ”ซัลมาน รุชดี”
เรื่องที่ ๒ ที่ใคร่นำเสนอเป็นความรู้ ก็คือความเป็นมาในเชิงลึก ของ“ซัลมาน รุชดี” ซึ่งเป็น”รากฐาน”ของการแสดงออกในงานเขียนหนนี้
บอกไว้ก่อน แต่แรกได้เลยว่า “ซัลมาน รุชดี”นั้นก็คือ “ยิบรีล”ตัวละครเอกในนิยายนี้
กล่าวคือ เขาไม่ศรัทธาในศาสนาอิสลาม ถึงแม้ว่า(“ซัลมาน รุชดี)จะเกิดจากครอบครัวที่นับถือ”อิสลาม”ก็ตามที
แต่สื่อมวลชนตะวันตกระบุว่า ครอบครัวเขา เป็นอิสลามประเภท Liberal แปลว่า”เสรีนิยม”หรือนับถือศาสนา”ตามอำเภอใจ”ก็ว่าได้
ทั้งๆ ที่หลักการ”อิสลาม”ที่แท้จริงนั้น มีเพียง”หนึ่งเดียว”
ไม่มีลำดับชั้นอื่นๆ เป็น”เสรีนิยม”หรือ”อนุรักษ์นิยม” ตามที่วิพากษ์วิจารณ์กัน
“ซัลมาน รุชดี”เกิดเมื่อปี ๑๙๔๗ ในครอบครัวมุสลิมจากแค้วน”แคชเมียร์”หรือ”กัศมีร์” ที่เมือง”บอมเบย์” ใน“ดินแดนใต้อธิปไตยของสหราชอาณาจักร”หรือที่รู้จักกันว่า Crown Raj
มีชื่อเต็มว่า “เซอร์ อะห์มัด ซัลมาน รุชดี” (ได้รับพระราทานการแต่งตั้งเป็น”อัศวิน”จากพระราชินี”เอลิซาเบธ ที่ ๒ ในปี ๒๐๐๗ จากผลงาน Satanic Verses)
บิดา(อานิส อะห์มัด รุชดี)มาจากครอบครัวมุสลิมอินเดีย แม้มารดา(เนกิน ภัตต์)จะมีชื่อที่น่าจะบ่งชี้ว่าเป็นชาวฮินดูมาก่อน
บิดาจบกฎหมายจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์แต่มาทำอาชีพเป็นนักธุรกิจ ส่วนมารดาเป็นครู
เขาจบการศึกษาขั้นต้นที่โรงเรียนสหศึกษาที่โรงเรียน”คาธรีดัล แอนด์ จอห์น คอนนอน สคูล”ที่เมืองฟอร์ต ในบอมเบย์ ก่อนที่จะย้ายไปเรียนที่ “รักบี สคูล”ในเมือง”รักบี”ที่อังกฤษ(ใน”วอริกไชร์”)
จากนั้นก็เข้า”คิง’ส คอลเลจ”ในสังกัดมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ จบปริญญาตรีศิลปศาสตร์ ด้านประวัติศาสตร์
หมายความว่า เขาศึกษาแบบตะวันตก ต่อเนื่องมาโดยตลอด
ทำให้เกิดข้อสงสัยประการหนึ่งว่า “ซัลมาน รุชดี”เคยศึกษาศาสนาอิสลามเช่น เด็กมุสลิมทั่วๆ ไปหรือไม่ เลยทำให้เขาขาดความศรัทธาในศาสนา
ทุกวันนี้ เขาประพฤติตน เช่น”คนไร้ศาสนา” ที่เรียกว่า Atheist หรือ”อเทวนิยม”นั่นเอง
อันนี้ผมไม่ได้กำหนด“หุก่ม”(บัญญัติ)เองครับ แต่วิกิพีเดีย เป็นผู้บัญญัติ
ฉะนั้น ใครที่มีชื่อตามวัฒนธรรมอิสลามแล้ว จะเหมาเลยว่าเป็นมุสลิมย่อมไม่ได้ อย่างเช่น “กากัน มาลิก”นักแสดงชาวอินเดียที่รู้จักกันในวงการภาพยนตร์”บอลลีวูด”ว่าเคยแสดงเป็นเจ้าชายสิทธัตถะและพระพุทธเจ้านั้น เคยมาบวชเป็นพระสงฆ์ในพุทธศาสนาในเมืองไทยและเป็นชาวพุทธไปเรียบร้อยแล้ว
ชื่อ”มาลิก”ของเขา แท้จริงมาจากชื่อชาวมุสลิมในภาษาอาหรับ ซึ่งชัดเจนว่าตระกูลเขามาจากครอบครัวมุสลิม
“ซัลมาน รุชดี”ก็เช่นกัน
ถามว่าทำไมผม จึงเขียนชื่อท้ายเขาว่า”รุชดี”(ที่ถูกต้องควรจะเขียนว่า“รุธดี”) ไม่”รัชดี” ตามที่เรียกหากันทั่วๆไป
อันนี้ มีที่มาครับ
“ซัลมาน รุชดี”เคยเขียนไว้ในบันทึกความทรงจำเมื่อปี ๒๐๑๒ ว่าบิดาของเขาตั้งนามสกุลนี้ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติต่อ“อิบนฺ รุชดฺ”(๑๑๒๖-๑๑๙๘)ชื่อเต็มว่าأبو الوليد محمد ابن احمد ابن رشد, (อะบู อิวาลิด มุฮัมมัด อิบนฺ อะห์มัด อิบนฺ รุชดฺ) ปราชญ์อิสลามชาวอันดาลูเชียน ผู้มีความรู้เยี่ยงปราชญ์ ในสมัยโบร่ำโบราณในหลากหลายสาขาวิชาการ
“อันดาลูเชีย” ปัจจุบันเป็นแคว้นหนี่งในคาบสมุทร”ไอบีเรีย”ของสเปน ซึ่งสมัยโน้นกินขอบเขตรวมไปถึงโปรตุเกศ
เดิมทีช่วงปีคริสต์ศักราช ๖๘๘ ถึง ๑๔๙๒ อิสลามได้เผยแพร่ไปถึงที่นั่น โดยในระหว่างแปดร้อยปี ชาวมุสลิมได้สร้างวัฒนธรรมที่เจริญสุดขีดในดินแดนนี้ ทั้งทางด้านการศึกษา สังคม เศรษฐกิจและการพัฒนาเอาไว้ ในขณะที่ยุโรปทั่วไปตกอยู่ในยุคมืด
จนหลังสุด อิสลามถูกขับไล่ด้วยกองทัพคริสเตียน นำโดยกษัตริย์เฟอร์ดินานด์และพระนางอิซาเบลลา มีการกวาดล้างมุสลิมชนิดที่ไม่เหลืออะไรเอาไว้เลย
ครับ เล่าเรื่องที่คนทั่วๆ ไป ที่ผู้คนไม่ค่อยจะรู้ อันเนื่องมาจาก “ซัลมาน รุชดี” ไว้แค่นี้ก่อน
เป็นเรื่องที่ ไม่ค่อยมีใครรู้ ใครที่รู้อยู่แล้ว ก็ผ่านไปได้เลยครับ
…………
หมายเหตุ
(ซล.) ในภาษาอาหรับย่อมาจาก “ซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม” แปลว่า”ขอให้พระองค์อัลลอฮฺทรงอำนวยพรและทรงประทานความสันติแก่ท่าน”