การเป็นผู้นำด้วยความมุ่งหมาย
การเป็นผู้นำด้วยความมุ่งหมาย
สไตล์สมัยเดิมของผู้นำขับเคลื่อนกำไร กระหายอำนาจ ล้าสมัยไปเเล้ว
และไม่มีประสิทธิภาพภายในสภาพเเวดล้อมของงานวันนี้ กำลังงานกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซับซ้อน และคาดคะเนไม่ได้ ผู้นำไม่สามารถเป็นวีรบุรุษแก้ปัญหาเหล่านี้ทุกอย่างได้ การตัดสินใจต้องถูกกระจายอำนาจ บุคคลของวันนี้ให้คุณค่ากับผู้นำใหม่ที่แท้จริง
ตามมุมมองของฮูเบิรต โจลี ผู้นำที่มีความมุ่งหมายเข้าใจความมุ่งหมายของบุคคลล้อมรอบพวกเขา และรู้ว่าอะไรขับเคลื่อนพวกเขา แทนที่จะเพียงแค่ไล่ล่าเงินและอำนาจ ผู้นำที่มีความมุ่งหมายมองเลยพ้นไปจาก
ตัวพวกเขาเองที่จะรับใช้บุคคล และสร้างโลกที่ดีขึ้น
บุคคลของเราคาดหวังเราที่จะเป็นมนุษย์ และพวกเขาคาดหวังเราที่จะ
ยึดพวกเขาคือใคร และทำให้พวกเขารู้สึกเคารพ ได้ยิน เข้าใจ และรวม
เข้าไว้ มันหมายความเราต้องเปิดกว้าง และทำตัวเราเองให้เสี่ยง รวมทั้ง
การยอมรับอะไรที่เราไม่รู้
วันนี้บริษัทส่วนใหญ่เชื่อภายในความสำคัญของความมุ่งหมาย และเรามี
การรับรู้อย่างกว้างขวางว่าการมุ่งกำไรเกินไปไม่ถูกต้อง คำถามบ่อยครั้ง
ดังนั้นเราเริ่มต้นตรงไหน และเราเรียงลำดับอย่างไร ตามเหตุผลภายในใจ ของเราแล้ว เราเริ่มต้นด้วยความมุ่งหมาย และได้มากลยุทธ์ ทอดสมอมัน
ภายในความมุ่งหมาย และปฏิรูปบริษัทบนพื้นฐานนั้น
ประสบการณ์ส่วนบุคคลของผมแตกต่างกัน เมื่อผมเริ่มต้นการฟื้นฟู
เบสท์บาย ผมชัดเจนเกี่ยวกับปรัชญาของผมที่กำไรไม่ใช่ความมุ่งหมาย
ความมุ่งหมายคือ การมีส่วนช่วยต่อผลประโยชน์ส่วนรวม แต่ผมไม่ได้
ใช้เวลาภายในสามปีเเรกของผมของการฟื้นฟูต่อการปรับปรุงความ
มุ่งหมายของเรา เราใช้เวลากับการช่วยชีวิตเรือที่กำลังจม ด้วยการจัด
การตัวขับเคลื่อนการดำเนินงานที่สำคัญ
เราได้ใช้เวลาอย่างมาก – และผมสามารถมองเห็นมันชัดเจนมากด้วย
การมองย้อนกลับไป เพื่อความมั่นใจว่าดินของบริษัทอุดมสมบูรณ์ เรา
รู้คำอุปมาของผู้หว่านเมล็ดหรือไม่ ถ้าเมล็ดตกลงบนหิน ไม่มีอะไรเกิด
ขึ้นเลย เราอาจจะมีเมล็ดที่สมบูรณ์ แต่มันไม่ได้เจริญเติบโต ดังนั้นการ
มุ่งเน้นอย่างมากของเราอยู่ที่การสร้างวัฒนธรรมสนุกสนาน เจริญเติบ
โต และการสร้างสภาพแวดล้อมมนุษย์ ตรงที่บุคคลรู้สึกว่าพวกเขาเป็น
ส่วนหนึ่ง เราเป็นองค์การมนุษย์ เรามุ่งเน้นการพัฒนาบุคคล
ฮูเบิรต โจลี ได้นำเสนอคำนิยามความมุ่งหมายของบริษัท มันเป็น
เป้าหมายสุดยอดของธุรกิจ เหตุผลที่สำคัญทำไมมันดำรงอยู่ และมัน
มีส่วนช่วยต่แผลประโยชน์ส่วนรวมอย่างไร ตัวอย่างเช่น ความมุ่งหมาย
ต้นกำเนิดของกูเกิ้ลคือ จัดระบบข้อมูลของโลก เนตฟลิกซ์ ได้ระบุความ
มุ่งหมายของพวกเขาเป็น การให้ความบันเทิงโลก
เราระบุความมุ่งหมายที่มีคุณธรรมของเราอย่างไร ผมเชื่อเราพบมัน
ณ การตัดกันของวงกลมสี่วง :
*โลกต้องการอะไร ความต้องการที่เฉพาะสำคัญ และไม่ได้ตอบสนองอะไรมีอยู่ภายในโลก มันสำคัญอย่างไรที่จะจัดการความต้องการเหล่านี้ มันจะสร้่างความแตกต่างอะไร
*บุคคล ณ บริษัทลุ่มหลงเกี่ยวกับอะไร อะไรขับเคลื่อนบุคคล ณ บริษัท
ความเเตกต่างอะไรที่พวกเขาอยากที่จะสร้างภายในโลก สิ่งเหล่านี้ประ
ยุกต์ใช้ต่อบุคคล
* อะไรที่บริษัทดีเฉพาะ ทรัพย์สินเฉพาอะไรทำให้บริษัทจัดการความ
ต้องการบางอย่างด้วยวิถีทางที่บุคคลอื่นไม่สามารถ พวกเขาต้องการ
ที่จะวิวัฒนาการจัดการความต้องการเหล่านี้ด้วยวิถีทางที่บุคคลอื่นไม่
ได้เป็นอย่างไร
* บริษัทสามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจอย่างไร โอกาสทางธุรกิจอะไรที่
เกิดขึ้นจากการพิจารณาเหล่านี้ ศักยภาพของกำไรดึงดูดแค่ไหน บริษัท
สามารถยึดมูลค่านี้ได้เพียงพอหรือไม่
เราต้องทอดสมอบนพื้นฐานความต้องการของมนุษย์ การมุ่งที่พื้นฐาน
ความต้องการของมนุษย์ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่เรานำเสนอตอบสนองพวก
เขา สำคัญเมื่อระบุความมุ่งหมายของบริษัท ข้อแรก มันเป็นแรงบันดาลใจมากขึ้น ด้วยถ้อยคำของไซมอน ซิเนค มันเป็นอะไรที่เเยกทำไมจากอะไร
และอย่างไร ข้อสองมันทำให้ขอบฟ้าของบริษัทกว้างขึ้น เปิดตลาดเลย
พ้นไปจากอะไรที่มันทำอยู่แล้ว
ฮูเบิรต โจลี กล่าวว่า ลำดับของขั้นตอนไม่ได้เป็นการเริ่มต้นด้วยความมุ่งหมายเสมอไป บริษัทจำนวนมากมุ่งที่สิ่งนี้ แต่มันอาจจะไม่ป็นจุดการโจมตีที่ดีที่สุดเมื่อเริ่มต้นทำงานกับการระบุความมุ่งหมาย อันตรายคือทำมันให้เป็นนามธรรมเกินไป แวววาวเกินไป
วิถีทางสมัยเดิมเพื่อการฟื้นฟูบริษัทบาดเจ็บ เรียบง่าย และโหดเหี้ยม เราปรับปรุงโครงสร้างขององค์การอย่างโหดร้าย และลดต้นทุน แต่มันไม่ควรจะเป็นวิถีทางนี้ ฮูเบิรต โจลี มองว่าบุคคลเป็นส่วนของข้อแก้ปํญหา ไม่ได้
เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
ตามฮูเบิรต โจลี เรามีคันโยกสี่อันของการฟื้นฟูคือ
1 เจริญเติบโตรายได้ด้วยการมุ่งที่บุคคลและลูกค้าของบริษัท การวาง
บุคคลลำดับแรกสามารถนำไปสู่การเจริญเติบโตที่เข้มแข็ง
2 ลดต้นทุนของค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินเดือน การมองวิถีทางที่สร้างสรรค์
ที่จะลดต้นทุนและทำให้การดำเนินงานคล่องตัว
3. บรรลุประโยชน์สูงสุดที่จะสนับสนุนสุขภาพมากขึ้น บุคคลที่มีสุขภาพ
ร่างกายและจิตใจ ทำงานได้ดีขึ้น และคุณภาพชีวิตดีขึ้น
4. จำนวนบุคคลควรจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ถ้าคันโยกสามอันแรกไม่เพียงพอ ผู้นำอาจจะต้องลดจำนวนบุคคล
ย้อนหลังไปเมื่อ ค.ศ 2012 บุคคลทุกคนคิดว่าเรากำลังจะตาย ฮูเบิรต
โจลี กล่าว แปดปีต่อมา เบสท์ บาย ได้ถูกปฏิรูปเมื่อเขาและทีมของเขา
ได้สร้างใหม่บริษัืทเป็นนายจ้างที่ชื่นชอบมากที่สุดของประเทศ ความ
พอใจของลูกค้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก และราคาหุ้นของเบสท์ บายได้
เจริญเติบโตอย่างน่าทึ่ง ฮูเบิรต โจลี และทีมของเขาทำให้เบสท์ บาย
เป็นผู้นำภายในความยั่งยืนและนวัตกรรม
ฮูเบิรต โจลี ซีอีโอก่อนหน้านี้ของเบสท์ บายได้สะท้อนเหตุลเพื่อการมีอยู่
ของธุรกิจโดยการระบุมันบนความมุ่งหมายและความเป็นมนุษย์ การเชื่อม
โยงต่อข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน และการบริหารผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้
เสียระหว่างวิกฤติและเลยพ้นไป เมื่อเขาได้เริ่มต้นเป็นซีอีโอและนำเบสท์
บาย ฮูเบิรต โจลี ได้เรัยนรู้ว่าส่วนใหญ่ของอะไรที่เขาได้ถูกสอน ณ คณะ
บริหารธุรกิจ และเป็นที่ปรึกษา และผู้บริหารวัยหนุ่ม ไม่ถูกต้อง ล้าสมัย
หรือไม่สมบูรณ์ ผมได้เรียนรู้ว่าความมุ่งหมายของบริษัทไม่ใช่การทำเงิน
ตรงกันข้ามต่ออะไรที่นักเศรษฐศาตร์ศตวรรษที่ 20 มิลตัน ฟรีดแมน ต้องการให้เราเชื่อ ผมได้เรียนรู้ว่าวิถีทางการบริหารบนลงล่างเก่าแก่ – การมีผู้บริหารระดับสูงที่ฉลาดไม่กี่คนกำหนดกลยุทธ์ และการดำเนินการของมัน และสั่งการบุคคลอื่นภายในบริษัททำอะไร ในขณะที่สร้่างสิ่งใจที่จะจูงใจพวกเขา ยากที่จะใช้การได้ และผมได้เรียนรู้ว่าโมเดลของผู้นำ
เป็นสุดยอดวีรบุรุษ ฉลาด และทรงพลัง ล้าสมัยแล้ว
เขาได้หักล้างภายในรายละเอียดอะไรที่เขาอธิบายเป็นตำนานสามข้อของความเป็นผู้นำ ข้อหนึ่ง ผู้นำเป็นวีรบุรุษสุดยอด ข้อสองบุคคลเป็นผู้นำโดยกำเนิด และข้อสาม คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลง
ฮูเบิรต โจลี ได้กล่าวว่า ครั้งหนึ่งผมเคยเชื่อว่า ความเป็นผู้นำเกี่ยวกับ
วิถีทางการบริหารบนลงล่าง ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและการวิเคราะห์
ในขณะนี้ผมมุ่งที่ความมุ่งหมายและความอัศจรรย์ของมนุษย์ โมเดลสมัยเดิมของผู้นำ – วีรบุรุษ ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น รู้ทุกอย่าง เป็นบุคคลฉลาดที่สุดภายในห้อง และมักจะขับเคลื่อนด้วยอำนาจ ชื่อเสียง ชัยชนะ หรือเงิน ไม่เหมาะสมภายในสภาพเเวดล้อมวันนี้แล้ว
ภายในหนังสือ The Heartof Business ฮูเบิรต โจลี ได้ร่วมปรัชญาเบื้องหลังการฟื้นตัวของเบสท์ บาย : เดินตามความมุ่งหมายที่มีคุณธรรม วางบุคคล ณ ศูนย์กลางของธุรกิจ สร้างสภาพแสดล้อมตรงที่บุคคลสามารถเจริญเติบโต และปฏิบัติต่อกำไรเป็นผลลัพธ์ไม่ใช่เป้าหมาย
ฮูเบิรต โจลี ได้ร่วมอะไรที่เขาเรียนรู้และอะไรที่เขาไม่ได้เรียนรู้ เขาได้
กล่าวถึงหลักการห้าข้อของความเป็นผู้นำด้วยความมุ่งหมายที่นำทางความเป็นผู้นำของเขา จงชัดเจนเกี่ยวกับความมุ่งหมายของคุณ จงชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทของคุณเป็นผู้นำ จงชัดเจนเกี่ยวกับคุณรับใช้ใคร จงเป็นผู้นำขับเคลื่อนด้วยค่านิยม และจงเป็นผู้นำแบบแท้จริง
1. จงชัดเจนเกี่ยวกับความมุ่งหมายของคุณ
นั่นคือความมุ่งหมายของเรา และความมุ่งหมายของบุคคลล้อมรอบเรา และมันเชื่อมโยงกับความมุ่งหมายของบริษัทของเราอย่างไร ผมเชื่อว่าโดยพื้นฐานธุรกิจเกี่ยวกับความมุ่งหมาย และบุคคล ไม่ใช่กำไร บริษัทไม่ได้เป็นองค์การที่ไร้หัวใจ พวกเขาเป็นองค์การมนุษย์ประกอบด้วยบุคคลทำงานด้วยกันไปสู่ความมุ่งหมายร่วมกัน เมื่อความมุ่งหมายร่วมกันสอดคล้องกับการค้นหาความหมายของบุคคล มันสามารถปลดปล่อยความอัศจรรย์ของมนุษย์
ก่อนที่เราสามารถช่วยบุคคลอื่นค้นหาความมุ่งหมายของพวกเขาเราต้องเข้าใจความมุ่งหมายของเรา อะไรขับเคลื่อนเราภายในชีวิต เราต้องการให้ถูกจดจำอย่างไร เราต้องการที่จะมีส่วนช่วยอะไร ฮูเบิรต โจลี อธิบายว่าเพื่อความมุ่งหมายของบริษัทที่บรรลุความสำเร็จ ผู้นำตัวพวกเขาเองต้องชัดเจนเกี่ยวกับอะไรขับเคลื่อนพวกเขาก่อน และบุคคลล้อมรอบพวกเขา ถ้าเราไม่รู้อะไรขับเคลื่อนเรา และบุคคลล้อมรอบเรา เราสามารถเป็นผู้นำที่บรรลุความสำเร็จอย่างไร
เราต้องช่วยเชื่อมโยงความมุ่งหมายของบุคคลกับองค์การที่จะสร้างการเชื่อมโยงร่วมกันเพื่อบุคคลทุกคน ถ้าเราถูกขับเคลื่อนด้วยการทำเงินหรือความก้าวหน้าทางอาชีพ นั่นเป็นสิ่งทีดีต่อบทบาทบางอย่าง แต่บุคคลหลายคนต้องการความมุ่งหมายที่ลึกซึ้งภายในอาชีพของพวกเขา เราต้องมั่นใจว่าความมุ่งหมายของเราเข้าแถวกับตรงที่คุณทำงาน เราส่วนใหญ่ต้องการทำบางสิ่งบางอย่างที่มีความหมาย ฮูเบิรต โจลี พูด เราต้องการมีชีวิตอย่างมีความมุ่งหมาย
2. จงชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทของคุณเป็นผู้นำ
เราไม่สามารถเลือกสถานการณ์ของเราได้ แต่เราสามารถควบคุมกรอบความคิดของเราได้ กรอบความคิดของเรากำหนดเราสร้างความหวัง แรงบันดาลใจ และพลังรอบเราหรือไม่ หรือทำให้บุคคลทุกคนตกต่ำลง ความเข้าใจความมุ่งหมายของเราสามารถช่วยระบุบทบาทของเรา
ในฐานะของผู้นำ บทบาทของเราไม่ได้เป็นผู้เผด็จการ หรือรู้ทุกสิ่ง
ทุกอย่าง บทบาทของเราคือ สร้่างสภาพแวดล้อม ตรงที่บุคคลอื่น
สามารถบรรลุความสำเร็จได้ บทบาทของผู้นำไม่ใช่ทำกำไร หรือต้อง
มีิอำนาจ บทบาทที่สำคัญของผู้นำคือ ช่วยบุคคลอื่นมองเห็นความเป็น
ไปได้และศักยภาพ สร้างพลัง เเรงบันดาลใจ และความหวัง ในฐานะ
ของผู้นำ งานของเราไม่ได้เป็นบุคคลฉลาดที่สุด หรือสามารถที่สุดภาย
ในห้อง บทบาทที่แท้จริงของเราคือ สร้างสภาพเเวดล้อมตรงที่บุคคล
สามารถเจริญเติบโตและบรรลุความสำเร็จ
บทบาทที่สำคัญของผู้นำคือ สร้างพลังและเเรงกระตุ้น โดยเฉพาะ
เมื่อสถานการณ์ท้าทายและยุ่งยาก มันเกี่ยวกับการนำบุคคลรวมกัน
ที่จะร่วมมือร่วมใจ แก้ปัญหาใหญ่และเล็ก ให้ความเป็นอิสระเเก่พวกเขา
ทำงานที่ยิ่งใหญ่ มันไม่ได้เกี่ยวกับเดินตามผม ผมมีคำตอบทุกอย่าง ใน
ขณะนี้มันเกี่ยวกับผมอยู่ที่นี่ ณ โต๊ะกับคุณ ผมสามารถช่วยเหลือได้
อย่างไร บทบาทอะไรที่คุณต้องการให้ผมสนับสนุนความสำเร็จของ
คุณ
3 จงชัดเจนเกี่ยวกับคุณรับใช้ใคร
การมองบุคคลทุกคนเป็นลูกค้า ในฐานะของผู้นำ เราไม่ได้รับใช้ตัวเราเอง เรารับใช้เพื่อนร่วมงานของเรา คณะกรรมการบริษัทของเรา เเละบุคคุลล้อมรอบเรา ผู้นำทำงานเพื่อบุคคลอื่น ไม่ใช่ตัวพวกเขาเอง จุดมุ่งของเรา
ควรจะอยู่ที่บุคคลล้อมรอบเรา ผู้นำมองหาวิถีทางที่จะรับใช้บุคคลของ
พวกเขา และปรับปรุงชีวิตของพวกเขา เราต้องรับใช้บุคคลบนแนวหน้า ขับเคลื่อนธุรกิจของเราไปข้างหน้า
ฮูเบิรต โจลี เสนอแนะว่าการมองบุคคลทุกคนเป็นลูกค้า และก่อนการพูดและการกระทำ ต้องชัดเจนเกี่ยวกับเเรงจูงใจชองเรา และใครที่เราพยายามรับใช้ ความคิดของฮูเบิรต โจลี สอดคล้องกับ “ความเป็นผู้นำแบบรับใช้” และเขารู้ว่าสไตล์ความเป็นผู้นำนี้มีประสิทธิภาพ ผู้นำไม่แสดงความคิดของผลประโยชน์ตัวเอง แต่พวกเขารับใช้บุคคลอื่น พวกเขารู้งานของพวกเขาคือ ทำให้บุคคลอื่นบรรลุความสำเร็จมากกว่าพวกเขา
ผู้นำที่ดีมุ่งที่การรับใช้ลูกค้าไม่ใช่นาย ถ้าเราเชื่อเรารับใช้ผู้รับใช้ หมายถึงบุคคลบนแนวหน้า และบทบาทของเราช่วยให้พวกเขาบรรลุความสำเร็จ ดังนั้นเราได้เข้าใจแล้ว ถ้าคุณเชื่อคุณรับใช้ตัวคุณเอง นายของคุณ หรือผมเป็นซีอีโอของบริษัืท ไม่เป็นไร มันเป็นการเลือกของคุณ ครั้งหนึ่งผมพูดกับผู้บริหารของเบสท์ บาย แต่คุณไม่ควรจะทำงานที่นี
4 จงเป็นผู้นำขับเคลื่อนโดยค่านิยม
เราทุกคนเห็นด้วยต่ออะไรถูกต้อง : ความซื่อสัตย์ ความเคารพ ความ
รับผิดชอบ ความยุติธรรม และความลุ่มหลง บนกระดาษ ทุกบริษัทมี
ค่านิยมที่ยิ่งใหญ่ แต่ค่านิยมไร้ประโยชน์ถ้ามันยังคงอยู่บนกระดาษ
การขับเคลื่อนด้วยค่านิยมคือ การทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่เพียงแค่การรู้หรือ
การพูดอะไรถูกต้อง การรู้และการทำอะไรที่ถูกต้องไม่เรียบง่ายเสมอไป
แต่ถ้าเราสามารถสร้างทีมของบุคคลที่เชื่อถือได้ที่ค่านิยมของพวกเขา
สอดคล้องกับของบริษัท
เราสามารถร่วมมือร่วมใจกับทึมค้นหาข้อแก้ปัญหาที่ดีที่สุดได้ บทบาทของผู้นำคือ การมีชีวิตอยู่ด้วยค่านิยมเหล่านี้ การส่งเสริมมันอย่างชัดเจน และมั่นใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างของธุรกิจ บทบาทของผู้นำไม่ใช่เขียนค่านิยมบนกระดาษ บทบาทของพวกเขาต้องส่งเสริมค่านิยมเหล่านี้ และมั่นใจว่าบริษัทกระทำบนพื้นฐานค่านิยมเหล่านี้ ผู้นำด้วยความมุ่งหมายกระทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยความซื่อสัตย์ค่านิยมของพวกเขานำทางการกระทำของพวกเขา และสร้างความไว้วางใจ
ฮูเบิรต โจลี กล่าวว่า ความซื่อสัตย์สำคัญอย่างแท้จริง แต่เขายอมรับว่าบรรทัดฐานบางอย่างของเขาสามารถดูเหมือนโฆษณาชวนเชื่อ แต่กระนั้นข้อพิสูจน์อยู่ที่ผลลัพธ์ ด้วยผลลัพธ์ของการมุ่งเน้นผู้นำที่มีจริยธรรม ขับเคลื่อนด้วยค่านิยม การเข้าอแกจากงาน ณ เบสท์ บาย
ได้ลดลงอย่างมากตลอดห้าปีที่แล้ว
5. จงเป็นผู้นำที่แท้จริง
บุคคลเชื่อมโยงกับผู้นำที่แท้จริง และไม่ซ่อนเร้นเบื้องหลังตำแหน่งของ
พวกเขา หรือรัศมีของความเหนือกว่า เราต้องสามารถถูกตำหนิได้ และเชื่อมโยงอย่างจริงใจกับบุคคลล้อมรอบเรา การอยู่ภายในสนามเพลาะ
กับบุคคลของเราสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริง ผมได้ถูกบอกว่าการเดินทางนานที่สุดที่เราเคยทำคือ สิบแปดนิ้ระหว่างหัวของเราและหัวใจของเรา ที่จริงแล้วมันเป็นการเดินทางที่ยาวนาน ผมต้องเรียนรู้อีกมากและมันใช้ผมตลอดชีวิตที่จะรับเอาอย่างที่ห้าไว้ และต่อผมแล้วถือว่ายาก
ที่สุด
หลายปีก่อนหน้านี้ ผู้นำเข้มงวดและไร้ความรู้สึก เวลาเปลี่ยนแปลง
ไปแล้ว ผู้นำสามารถบาดเจ็บได้มากขึ้น เมื่อผู้นำโปร่งใสเกี่ยวกับความ
รู้สึกของพวกเขา มันได้สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยตรงที่บุคคลร่วม
รู้สึกสบายใจร่วมความรู้สึกของพวกเขาด้วย มันสร้างความไว้วางใจและ
การเชื่อมโยงทางสังคมภายในทีม และในที่สุดการเชื่อมโยงทางสังคม
อยู่ ณ หัวใจของธุรกิจ ผู้นำที่ดีที่สุดแท้จริงและจริงใจ พวกเขาไม่ทำ
อย่างหนึ่งที่บ้าน และทำอีกอย่างหนึ่งที่งาน เเต่นำตัวเองทั้งหมดมาทำ
งาน การเป็นแท้จริงต้องการความเสี่ยงและความถ่อมตัว และเเสดงตัว
มนุษย์อย่างเเท้จริง
ดอจ โคแนนท์ และฮูเบิรต โจลี ผู้นำสองคนถูกยกย่องด้วยกานฟื้นฟู
บริษัทที่เจ็บป่วย และช่วยให้บริษัทเจริญเติบโตอีกครั้ง ดอจ โคแนนท์
เป็นซีอีโอของเเคมป์เบลล์ ซุป ตั้งแต่ ค.ศ 2001 ถึง ค.ศ 2011 และ
ฮูเบิรต โจลี เป็นซีอีโอของเบสท์บาย ตั้งแต่ ค.ศ 2012 ถึง ค.ศ 2019 ทั้งสองมีความเข้าใจเฉพาะต่อความสำคัญของความมุ่งหมายภายในการฟื้นตัวของบริษัท
ฮูเบิรต โจลี ได้กล่าวว่า โลกที่เรามีชีวิตอยู่ไม่ทำงานอย่างถูกต้อง เรามี
วิกฤติสุขภาพ ศรษฐกิจ สังคม เชื้อชาติ และสิ่งเเวดล้อม เราต้องการ
การสร้างรากฐานใหม่ของธุรกิจและทุนนิยม ความคิดของฮูเบิรต โจลี
สะท้อนการเห็นด้วยมากขึ้นท่ามกลางผู้นำบริษัทว่าเรามีโมเดลใหม่เพื่อ
บทบาทของธุรกิจภายในสังคมรู้จักกันอย่างกว้างขวางเป็น “ทุนนิยม
ผู้มีส่วนได้เสีย” วิถีทางที่สร้างผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียม
กับการสร้างคุณค่าเพื่อลูกค้า บุคคล ชุมชน ของบริษัท
เพื่อการเดินตามวิถีทางที่รู้แจ้งมากขึ้นต่อทุนนิยมผู้มีส่วนได้เสีย ฮูเบิรต
โจลี กล่าวว่า ผู้นำต้องคิดใหม่ธุรกิจเป็นวิถีทางที่จะเดินตามความมุ่งหมาย
ที่มีคุณธรรม บรรลุโดยวางบุคคลเป็นศูนย์การ การรับเอาไว้ผู้มีส่วนได้
ทุกคน และความเข้าใจว่าเราไม่ต้องเลือกระหว่างความมุ่งหมายและกำไร
ที่จริงแล้ว เมื่อเราวางความมุ่งหมายลำดับแรก กำไรกลายเป็นผลลัพธ์ที่
แน่นอน ณ เบสท์ บาย เรามีกบยุทธ์มุ่งที่ความมุ่งหมายอย่างมาก และ
ราคาหุ้นของเราเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า
ดังนั้นเรากำหนดกลยุทธ์ด้วยความมุ่งหมาย ณ หัวใจของมันอย่างไร
ฮูเบิรต โจลี กล่าวว่า เรามีขั้นตอนสี่ขั้น และมันเริมต้นด้วยความเข้าใจ
ว่าความมุ่งหมายของบริษัทคือ ทำไมมันดำรงอยู่ภายในโลก มันเป็น
เหตุผลเพื่อการมีอยู่ เราสามารถพบ ณ การตัดกันของวงกลมสี่วง
ภายในประสบการณ์ความเป็นผู้นำตลอด 45 ปีของเขา ดอจ โคนานท์
ได้มองเห็นข้อดีหลายอย่างของกลยุทธ์ความมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง เขา
ได้อธิบายทิศทางอุดมคติเพื่อธุรกิจเป็นการก้าวไปจากผลตอบแทนของ
ผู้ถือหุ้น ไปสู่ผลตอบแทนของผู้มีส่วนได้เสีย
ดอจ โคเเนนท์ กล่าวว่า ความมุ่งหมายต้องทะเยอทะยานช่วยบุคคล
ทุกคนยกการมองเห็นของพวกเขาไปสู่ระดับใหม่ของการมีส่วนช่วย
ในขณะเดียวกัน มันต้องเข้าถึงได้เพียงพอที่พวกเขาสามารถเชื่อมโยง
มันได้
ดอจ โคแนนท์ กล่าวว่า ในชณะนี้เรา มีชีวิตอยู่ภายในโลกวูลคา :
บริษัทกำลังมองเห็นการลบล้างของตลาด และมันท้าทายพวกเขาที่จะ
ยกการสนทนาไปสู่ความมุ่งหมายของเราคืออะไร ข้อได้เปรียบทางการ
แข่งขันอย่างเดียวเท่านั้นที่เรามีในขณะนี้คือ ความสามารถที่จะวาง
ทรัพยากรที่เหมาะสมภายในสถานที่ ดังนั้นเราสามารถไหลทรัพยากรไปสู
สถานที่ที่เหมาะสม ณ เวลาที่เหมาะสม ตอบสนองความต้องการของตลาด
ดอจ โคแนนท์ เป็นซีอีโอของนาบิสโก ฟูดส์ จาก ค.ศ 1999-2001 และใช้หนึ่งทศวรรษเป็นซีอีโอของแคมป์เบลล์ ซุ้ป เมื่อ ค.ศ 2011 เขาได้ก่อตั้งโคแนนทลีดเดอร์ชิป บริษัทที่ปรึกษา ชุมชนขับเคลื่อนด้วยภารกิจของผู้นำและผู้เรียนรู้เป็นความผู้นำที่ได้ชัยชนะที่ใช้ได้กับศตวรรษที่ 21 เขาเป็นผู้เขียนของ The Blueprint : 6 Practical Steps to Lift Your Leadership to New Heights ด้วย
ดอจ โคแนนท์ ได้กล่าวว่า ทำไมเราไม่สามารถชนะภายในตลาด ถ้าเราไม่ชนะภายในสถานที่ทำงาน ณ หัวใจของทุกบริษัทที่มีประสิทธิภาพสูงเป็น ความผูกพันที่ยิ่งใหญ่ของบุคคลของพวกเขา ทุกบริษัทมีวาระที่จะบรรลุ และมันสามารถทำภายในวิถีทางที่รวดร็วและมีประสิืทธิภาพ เมื่อบุคคลทุกคนมองเห็นเป้าหมายคืออะไร ผู้นำทุกคนต้องสนับสนุนเอกลักษณ์ของบุคคลทุกคน
Cr : รศ สมยศ นาวีการ