jos55 instaslot88 Pusat Togel Online แผนหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้านจีน-ซาอุฯกับสู่ฟื้นความสัมพันธ์ ซาอุฯ-อิหร่าน(ตอนที่1) - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

แผนหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้านจีน-ซาอุฯกับสู่ฟื้นความสัมพันธ์ ซาอุฯ-อิหร่าน(ตอนที่1)

แผนหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้านจีน-ซาอุฯกับสู่ฟื้นความสัมพันธ์ ซาอุฯ-อิหร่าน(ตอนที่1)

ประเสริฐ สุขศาสน์กวิน
คณะรัฐประศาสนศาสตร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม

ข่าวใหญ่แห่งปี2022ก็ว่าได้กับการที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นสู่ “การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน” โดยได้ลงนามในเอกสาร “ความตกลงการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน” กับซาอุดีอาระเบีย ที่พระบรมมหาราชวัง ในกรุงริยาด อย่างชื่นมื่นกันทั้งสองประเทศ วันที่ 9 ธ.ค.2022ก่อนต้อนรับปีกระต่ายปีใหม่ อีกด้านหนึ่งเสมือนว่าเสมือนเป็น “การตบหน้า” สหรัฐฯ ที่เพิ่งยกระดับมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวต่อหัวเว่ย และพยายามวิ่งเต้นไม่ให้ตะวันออกกลางใช้บริการเทคโนโลยีของจีน และมีรายงานเพิ่มเติมว่า จีนและซาอุดีอาระเบียลงนามร่วมกันในเอ็มโอยูรวมทั้งสิ้น 34 ฉบับ ครอบคลุมประเด็นเกี่ยวกับพลังงานสีเขียว เทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดการระบบคลาวด์ การคมนาคม การก่อสร้าง และอีกมากมาย โดยข้อตกลงทั้งหมดมีมูลค่าสูงถึง 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.04 ล้านล้านบาท)


ในขณะที่อิหร่านกับซาอุฯเร่งการกลับไปสู่ความสัมพันธ์แบบปกติหลังจากที่ได้ประชุมคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งรัฐมาหลายครั้งที่ผ่านมา โดยผ่านตัวกลางคือ”ประเทศอิรัก” ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุอาระเบีย ได้เปิดเผยว่าเรากำลังเตรียมเจรจารอบที่ 5 กับอิหร่าน แม้ก่อนหน้านี้จะไม่มี “ความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม”
ความพยายามในการฟื้นความสัมพันธ์ของสองประเทศนี้ได้ผ่านการพูดคุยกันมาหลายรอบ จะเห็นได้แม้ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานีที่ได้ขยับในเรื่องนี้มาก่อนแล้ว จนถึงวันนี้ประธานาธิบดี รออซี่ก็กล่าวตอกย้ำถึงนโยบายการต่างประเทศว่าด้วยการสร้างความสัมพันธ์ต่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างซาอุดิอาระเบียตลอดมาและพร้อมที่จะฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกัน
คำถามชวนคิดว่า การเยือนของจีนมายังซาอุฯในปลายปีที่ผ่านคือ โมเมนตั้มหนึ่งของการเร่งบรรลุความสัมพันธ์ซาอุฯ-อิหร่านด้วยหรือไม่?และจีนมีบทบาทอย่างไรกับฟื้นความสัมพันธ์ซาอุฯ-อิหร่าน? จีนได้อะไรกับฟื้นความสัมพันธ์ซาอุฯ-อิหร่าน? เราค่อยๆมาวิเคราะห์ไปด้วยกัน
ท่าทีอิหร่านและซาอุฯกับฟื้นความสัมพันธ์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านออกแถลงการณ์ แสดงความหวังเกี่ยวกับ “การฟื้นฟูความสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์” กับซาอุดีอาระเบีย โดยยืนยันว่า รัฐบาลเตหะรานไม่มีนโยบาย “เป็นฝ่ายกำหนดเงื่อนไขก่อน”

กระทรวงการต่างประเทศอิหร่านประกาศปีที่ผ่านมา ว่า เจ้าหน้าที่การทูตของรัฐบาลเตหะราน 3 คน เดินทางไปยังเมืองเจดดาห์ หลังได้รับการอนุมัติวีซ่าจากซาอุดีอาระเบีย เพื่อเตรียมการเปิดสำนักงานคณะผู้แทนถาวรอิหร่าน ประจำองค์การรัฐอิสลาม (โอไอซี) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซาอุดีอาระเบีย “อีกครั้ง” เช่นเดียวกับการกลับมาเปิดสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงริยาด “ภายในอีกไม่นานนี้”
ในขณะที่ทางซาอุดิอารเบียเองก็ได้ส่งสัญญาณบวกต่อการฟื้นความสัมพันธ์กับอิหร่าน MBS ทรงยืนยันว่า จะให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิหร่าน และ MBS ยังให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า” อิหร่านเป็นประเทศเพื่อนบ้าน ที่รัฐบาลริยาด ให้ความสนใจและต้องการมีความสัมพันธ์อันดีด้วย
ตลอดเวลาที่ผ่านมาซาอุดิอาระเบียเองพยายามจะสร้างภาพลักษณ์ตัวเองใหม่ภายใต้วิสัยทัศน์2030 นั่นคือซาอุฯจะประสานและร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับนานาประเทศร่วมภูมิภาคและข้ามผ่านความแตกต่างและความขัดแย้งกับอิหร่านแล้วหันมาปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติร่วมกัน
นักวิเคราะห์มองว่าการฟื้นความสัมพันธ์ซาอุฯ-อิหร่านคือฉากทัศน์การเมืองใหม่ที่ส่งผลการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจและแม้แต่ทางด้านศาสนาและสังคมต่างกล่าวว่า ซาอุดิอาระเบียกำลังจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองที่เคยเป็นผู้นิยมความแข็งกร้าวในทางอุดมการณ์ทางศาสนาและการเมือง ไม่ว่าต่อปัญหาเรื่องกรณีของสงครามในเยเมนซึ่งก็มีแนวโน้มว่าจะหาทางลงที่เหมาะสมโดยผ่านการพูดคุยกันมาหลายรอบแล้วหรือการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านที่เป็นศัตรูทางการเมืองมาหลายทศวรรษมีทีท่าว่าจะเริ่มการเปิดสถานกงสุลอีกครั้ง หรือภาพของความสุดโต่งของมิติทางศาสนาแบบลัทธิวาฮาบีก็จะแสวงหาทางสายกลางมากยิ่งขึ้น


อีกฉากทัศน์หนึ่งบทบาทของจีนต่อกลุ่มประเทศอาหรับและอิทธิต่อตะวันออกกลางเริ่มเห็นภาพของการเข้ายึดพื้นที่จีนและการถอยห่างของสหรัฐฯออกจากตะวันออกกลางมากขึ้น และนั่นคือฉากทัศน์ของระเบียบโลกใหม่โดยการนำของจีนแบบโลกอำนาจหลายขั้ว ที่จะประสานความสัมพันธ์ระหว่างซาอุฯกับอิหร่านให้เกิดความสัมพันธ์แบบปกติขึ้นเร็ววัน
นอกจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ยกระดับความสัมพันธ์แบบทวิภาคีแล้วนั้น สี จิ้นผิงยังได้มีกำหนดร่วมเป็นประธานในการประชุมสุดยอดครั้งแรก ระหว่างจีนกับคณะมนตรีความร่วมมืออ่าวอาหรับ (จีซีซี) ซึ่งสมาชิกได้แก่ บาห์เรน คูเวต กาตาร์ โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และซาอุดีอาระเบียและการประชุมร่วมกับกลุ่มประเทศอาหรับ(อาหรับ ลีค)
ขณะที่สื่อทั่วโลกและหลายแห่งของซาอุดีอาระเบียเอง พร้อมใจกันเผยแพร่ข่าวรวมถึงบทความทางการเมืองของผู้นำจีนที่เยือนซาอุดิอาระเบีย พร้อมสำนักข่าวหลายสำนักวิเคราะห์ไปในทิศทางเดียวกันว่าจีนได้มุ่งสู่หมุดหมายทางภูมิรัฐศาสตร์ตะวันออกกลางแบบครั้งประวัติศาสตร์ เพื่อทยานไปสู่ “การเปิดประตูบานใหม่ให้กับความสัมพันธ์” ระหว่างจีนกับโลกอาหรับ ซึ่งมีแต่จะสนับสนุนกันและกัน เพื่อการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน โดยปราศจากการแทรกแซงกิจการภายในของอีกฝ่ายและยังได้วิเคราะห์ต่อว่า เป็นการขยายหลักคิดทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าด้วยเรื่อง “หลักความเสมอภาคกับระเบียบโลกอำนาจหลายขั้ว”( Muti polarity power)

(ชวนคุยต่อตอนหน้า)

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *