เยียวยาใจเมื่อสูญเสียคนรัก

เยียวยาใจเมื่อสูญเสียคนรัก
พระไพศาล วิสาโล
เราสามารถรับมือกับความเจ็บป่วยได้ หากรู้ล่วงหน้าว่ามันมีโอกาสเกิดขึ้นกับเรา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงและยากที่จะรับมือคือ ความพลัดพรากสูญเสีย ยิ่งเรามีอายุยืนยาวเท่าใด ยิ่งพบความพลัดพรากมากเท่านั้น หรือแม้เป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวก็ต้องเจอเหมือนกัน
การทำใจหรือการเตรียมตัวเตรียมใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่สังคมไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่ แทบไม่มีการสอนในโรงเรียนด้วยซ้ำ ทั้งที่ความสูญเสียพลัดพรากเป็นวิชาชีวิตที่เราต้องเรียน ต้องเตรียมตัวรับมือ และถ้าจะให้ดีต้องเตรียมตั้งแต่คนที่เรารักยังมีสุขภาพดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุพการี ญาติผู้ใหญ่ เป็นผู้ที่มีอายุมาก จึงมีโอกาสจากไปก่อนเรา แต่คนที่วัยเยาว์กว่าก็อาจจากไปก่อนก็ได้ ไม่มีอะไรแน่นอน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ควรฝึกจิตฝึกใจเตรียมรับมือกับความพลัดพรากให้ดี
มีบทสวดมนต์หนึ่งน่าสนใจ คือ อภิณหปัจจเวกขณปาฐะ 4 ข้อความแรกมีว่า
เรามีความแก่เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้
เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้
เรามีความตายเป็นธรรมดา เราจะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้
และเราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งนั้น
เหล่านี้คือความจริงที่เราจะเจอ เป็นสิ่งที่ต้องระลึกอยู่เสมอ ยิ่งประโยคสุดท้าย เป็นเรื่องที่เราเกี่ยวข้องทุกวัน คือของรักของชอบใจ ซึ่งไม่ได้หมายความเฉพาะสิ่งของ เช่น โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ เงินทอง แต่รวมถึงคนที่เรารัก น้องหมา น้องแมวที่เรารัก ก็ต้องจากไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง ถ้าเราตระหนักว่าเราจะต้องพลัดพรากจากของรักและคนรัก เราก็จะปฏิบัติกับเขาอย่างดีที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเขาหรือไม่ ถ้าเราดูแลพ่อแม่ บุพการีไว้ดี รวมทั้งดูแลคนที่อายุยังไม่มากเช่น ทำดีกับพี่น้อง กับเพื่อน หากวันใดเขาเกิดล้มหายตายจากไปกะทันหัน เราก็จะไม่เสียใจนักเพราะได้ปฏิบัติต่อเขาไว้ดีแล้ว
ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีเพื่อนชายที่สนิทสนมตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม จากนั้นก็แยกย้ายไปเรียนต่างมหาวิทยาลัย แต่ก็ยังโทรศัพท์ติดต่อกันบ่อย ๆ มีช่วงหนึ่งเขาโทรศัพท์มาคุยกับเธอแทบทุกคืน แต่ละครั้งคุยนานมาก คืนหนึ่งเธอรู้สึกเพลียมาก อยากพักผ่อน แต่เขาก็ยังไม่เลิกคุย เธอรำคาญจึงพูดตัดบท แต่เขาก็ยังคุยต่อ เธอจึงต่อว่าเขาด้วยความโมโห แล้ววางหู รุ่งเช้าเธอก็ได้ข่าวว่าเพื่อนคนนั้นเสียชีวิตแล้วจากอุบัติเหตุรถยนต์หลังจากคุยกับเธอได้ไม่นาน เธอทั้งตกใจและเสียใจมากที่พูดไม่ดีกับเขาเมื่อคืน แม้เหตุการณ์จะผ่านไปเป็นสิบปีแล้ว เธอก็ยังเสียใจอยู่
ปลดเปลื้องความรู้สึกผิดอย่างไร
เป็นธรรมดาที่ว่า ในขณะที่เขามีชีวิต ไม่ว่าเราจะดูแลเขาดีแค่ไหน ก็ย่อมมีบางช่วงบางเวลาที่เรารู้สึกว่าเราพลาดไป เช่น บางคนดูแลพ่อแม่ที่ป่วยติดเตียงนานอย่างดีตลอดหลายเดือน แต่แล้ววันหนึ่งเกิดมีธุระ ต้องไปทำธุระที่อำเภอ ปรากฏว่าเขาสิ้นลมตอนนั้นพอดี ก็รู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่กับเขาหรือดูใจเขาในวาระสุดท้าย
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ความผิดของผู้ดูแลเลย ใครจะไปรู้ว่าเขาจะจากไปตอนนั้น และอันที่จริง ผู้ป่วยบางคนก็เลือกตายตอนที่ลูกหลานหรือคนรักไม่อยู่ เพราะกลัวลูกหลานหรือคนรักทำใจไม่ได้ บางคนเลือกที่จะตายตอนอยู่ลำพัง เพราะต้องการความสงบ
คนเราตอนมีชีวิตอยู่ด้วยกัน ถ้าทำความดีต่อกันมากพอ เมื่อเขาจากไปอย่างกะทันหัน ก็จะไม่เสียใจมากนัก ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า มีหลายคนเสียใจมากที่คนรักเช่นพ่อแม่ตายจากไป เวลาผ่านไปหลายปีก็ยังไม่คลายความเศร้าโศกหรือรู้สึกผิด นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้ดูแลท่านที่ควร เวลาที่ท่านป่วย ก็ไม่ค่อยมีเวลามาเยี่ยมเยียน บางคนก็เสียใจมากเพราะชอบว่าท่าน พูดใช้อารมณ์กับท่าน ทำไม่ดีกับท่าน
มีรายหนึ่งเล่าว่า มีช่วงหนึ่งไปเยี่ยมแม่ซึ่งอยู่ต่างจังหวัด วันหนึ่งแม่อยากกินแกงไตปลา ขอให้ลูกไปซื้อให้หน่อย ลูกบ่ายเบี่ยง บอกว่าพรุ่งนี้ค่อยซื้อก็แล้วกัน เพราะค่ำแล้ว ปรากฏว่า คืนนั้นแม่หัวใจวาย ช่วยชีวิตไม่ทัน เธอไม่เพียงเสียใจที่แม่จากไป แต่ยังรู้สึกผิดที่ไม่ได้ใส่ใจแม่เท่าที่ควร
ส่วนอีกรายหนึ่งพ่อไม่สบาย อีกทั้งแก่ชรามากแล้ว ลูกจึงพยายามไปเยี่ยมพ่อทุกอาทิตย์ ไม่วันเสาร์ก็วันอาทิตย์ เย็นวันหนึ่งไปเยี่ยมพ่อ อยากซื้อมะม่วงให้พ่อกิน จึงไปที่ตลาด แต่พอดีช่วงนั้นมีประท้วง ปิดถนน ออกจากซอยไม่ได้ เธอรออยู่นานก็ยังไปไหนไม่ได้ จึงคิดว่าค่อยซื้อวันหลังก็แล้วกัน เลยเปลี่ยนใจ แทนที่จะกลับไปหาพ่อ ก็พาลูกและสามีไปกินอาหารที่อื่นแทน ตอนที่กินอาหารอยู่ในร้านนั้น ไม่รู้เลยว่ามีโทรศัพท์เข้ามาเป็นสิบครั้ง เพราะปิดเสียงไว้ พอรู้ว่าน้องโทรศัพท์มาก็โทรกลับไป จึงรู้ว่าพ่อมีอาการทรุดหนัก อยู่ที่โรงพยาบาล แต่กว่าจะไปถึงโรงพยาบาล พ่อก็เสียแล้ว
เธอเสียใจมากที่ไม่ได้ซื้อมะม่วงให้พ่อ ที่จริงถ้าซื้อมะม่วงไม่ได้ แล้วกลับไปหาพ่อ ก็คงได้อยู่ดูใจพ่อในวาระสุดท้าย แต่เธอเลือกที่จะพาครอบครัวไปกินอาหารแทน จึงรู้สึกผิดมาก หลังจากที่พ่อจากไป หลายครั้งที่เธอฝันว่าพ่อมาหา พ่อยิ้ม แล้วจู่ ๆ ก็ถามว่า “แล้วมะม่วงล่ะ” เธอฝันอย่างนี้หลายครั้ง นั่นก็เพราะรู้สึกผิดที่ไม่ได้ซื้อมะม่วงให้พ่อ
เมื่อเกิดความเศร้าโศกเสียใจเพราะสูญเสียคนรัก เวลายังช่วยเยียวยาความเศร้าโศกได้ แต่ความรู้สึกผิดนั้น บ่อยครั้ง เวลาก็เยียวยาไม่ได้เลย อาตมาพบผู้คนมากมายที่รู้สึกผิดกับผู้ที่จากไป แม้เวลาจะผ่านไป ๒๐ ปี 30 ปีแล้วก็ตาม ก็ยังยอมรับการจากไปของคนรักไม่ได้เพราะมีความรู้สึกผิด
มีผู้ชายคนหนึ่งเป็น Family Man ดูแลเอาใจใส่ภรรยาดี ภรรยาเป็นพยาบาล วันหนึ่งสามีป่วยเข้าโรงพยาบาล ภรรยาไม่เฉลียวใจ คิดว่าอาการไม่หนัก จึงไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิด เห็นเขาไปหาหมอแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้กระตุ้นให้ไปตรวจอย่างละเอียด สุดท้ายก็พบว่าเขาเป็นมะเร็งแล้วก็ลุกลามเร็วมาก ไม่นานสามีก็เสียชีวิตโดยที่ภรรยาช่วยอะไรไม่ได้เลย ทั้งที่ตัวเองก็เป็นพยาบาลด้วย เธอจึงทำใจไม่ได้
เวลาผ่านไปหลายเดือน เธอก็ยังยอมรับไม่ได้ว่าสามีจากไปแล้ว ทุกวันก็ยังทำอาหารให้สามี โดยวางบนโต๊ะที่สามีเคยนั่ง ทุกวันก็โทรไปหาสามีเพื่อจะได้ฟังเสียงที่เขาอัดไว้ราวกับว่าเขายังมีชีวิตอยู่ เธอยอมรับไม่ได้ที่เขาจากไป ยังหลอกตัวเองว่าสามียังมีชีวิตอยู่ เธอหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้โดยไม่สนใจลูกสาววัย 12 ปี แม่ทำเหมือนลูกสาวไม่มีตัวตน แล้วอย่างนี้ลูกสาวจะเป็นอย่างไรในวันข้างหน้า เธอจะไม่ได้เสียแต่ต่อไปจะเสียลูกสาวด้วย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเธอจมอยู่กับความรู้สึกผิด เอาแต่โทษตัวเองว่าไม่ได้ช่วยสามีเท่าที่ควร ซึ่งก็เป็นความผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ
คนเราแม้จะดูแลพ่อแม่ดีอย่างไร ก็ยากที่จะสมบูรณ์ครบถ้วนร้อยเปอร์เซ็นต์ ย่อมมีความบกพร่องหรือผิดพลาดบ้าง ซึ่งก็เป็นธรรมดา เหมือนกับการสอบ ถ้าเราสอบได้ 80% ก็ถือว่าเก่งแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องทุกข์ร้อนหรือรู้สึกผิดเลย ทั้ง ๆ ที่เราทำข้อสอบผิดไป 20 %ข้อ แต่เวลาเราดูแลพ่อแม่ หรือดูแลลูก เป็นไปได้ไหมที่เราจะทำถูกต้อง 100 % โดยไม่ผิดเลย ถ้าคุณทำได้ 90 % คุณก็ควรจะภูมิใจแล้ว แต่หลายคนทำได้ 97% พลาดไป 3% หรือทำผิด 3 ใน 100 ข้อ กลับรู้สึกผิดติดค้างใจ
มีบางรายรู้สึกแย่มาก ตอนที่เป็นวัยรุ่น วันหนึ่งพ่อไม่ค่อยสบาย เป็นไข้ อาการดูไม่หนัก พ่อขอให้ลูกชายไปซื้อก๋วยเตี๋ยวเป็ดให้พ่อ ตอนนั้นลูกชายกำลังจะไปเที่ยวกับเพื่อนจึงปฏิเสธ บ่ายเบี่ยง บอกให้ไปใช้คนอื่นแทน แล้วก็ออกจากบ้านไป ระหว่างที่ไปเที่ยว ปรากฏว่าพ่อเกิดหัวใจวาย เสียชีวิต พอรู้เขา เขาก็เสียใจมาก รู้สึกผิด นับแต่นั้นมาเขาเกลียดก๋วยเตี๋ยวเป็ดมาก เวลาเห็นก๋วยเตี๋ยวเป็ด จะกินไม่ลงเพราะก๋วยเตี๋ยวเป็ดทำให้เขาระลึกถึงเหตุการณ์วันนั้น ตอกย้ำว่าเขาเป็นลูกอกตัญญู แกเป็นลูกที่เลวมาก พ่อไม่เคยขอร้องอะไร วันนั้นพ่อขอแค่ให้ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวเป็ด แกกลับปฏิเสธ แกเลวมาก
ชายคนนี้พอเห็นก๋วยเตี๋ยวเป็ดที่ไรก็นึกถึงผิดพลาดที่ตนเองไม่น่าทำ เป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ แต่สำหรับอาตมา มันไม่ใช่ความผิดมหันต์ เพราะใครจะไปรู้ว่าพ่อจะตายวันนั้น ในเมื่อพ่อไม่ได้มีอากาหนักเลย มันเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน และเมื่อมีความรู้สึกผิดเกิดขึ้น ควรได้รับการเยียวยา หากเยียวยาความรู้สึกผิดได้ เราก็จะยอมรับการจากของคนรักได้ง่ายขึ้น
การปลดเปลื้องความรู้สึกผิดที่ติดค้างคาใจเป็นเรื่องสำคัญ มีหลายวิธีที่ช่วยได้ เช่น เขียนจดหมายถึงผู้ที่จากไป ขอบคุณเขา และขอโทษเขา อย่างรายที่ไม่ได้ซื้อมะม่วงให้พ่อ นอกจากเขียนถึงพ่อแล้ว ก็เชิญเขามาเสมือนว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แล้วบอกความในใจทุกอย่างที่อยากบอก รวมทั้งขอโทษที่ไม่ได้ซื้อมะม่วงให้พ่อ ไม่ได้ดูใจพ่อในวาระสุดท้าย พูดจบก็สวมกอดพ่อ หลังจากทำแล้วเธอก็รู้สึกดีขึ้น และหวังว่าหลังจากนี้พ่อจะไม่มาเข้าฝันถามหามะม่วงจากเธออีก
เท่าที่ได้เคยทำกิจกรรมแบบนี้มานับร้อยครั้ง อาตมาพบว่าวิธีนี้ช่วยเยียวยาจิตใจผู้ที่ยังอยู่ให้คลายความรู้สึกผิดต่อผู้ที่จากไปได้ นอกจากนี้ ในทางพุทธศาสนายังมีธรรมเนียมถวายสังฆทานเพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลแก่ผู้ล่วงลับ อันนี้ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้ได้ผล
สาเหตุที่หลายคนยังเศร้าโศกเสียใจแม้คนรักจะจากไปนานแล้ว ก็เพราะจมดิ่งอยู่ในความเศร้า เหมือนกับติดถ้ำ คนที่จมดิ่งอยู่ในความเศร้ามักจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าในเวลาต่อมา สิ่งหนึ่งที่จะช่วยได้ คือดึงเขาออกจากอารมณ์ดังกล่าว เช่น มีกัลยาณมิตรมาชักชวนเขาไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ หรือพาไปพักผ่อนท่องเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศ
มีสามีภรรยาคู่หนึ่งรักกันมาก อยู่ด้วยกันมา ๔๐ กว่าปี วันหนึ่ง สามีป่วยเป็นมะเร็ง ภรรยาทุกข์ใจมาก ยิ่งรู้ว่าสามีกำลังจะตาย เธอยิ่งทำใจไม่ได้ วันหนึ่งตัดพ้อกับสามีว่า “ถ้าเธอจากไปฉันจะอยู่อย่างไร ฉันจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ” สามีจึงแนะนำว่า “นำความรักที่มีกับฉัน ไปมอบให้แก่ผู้อื่น” ทีแรกเธอไม่เข้าใจ หมายความว่าไปมีใหม่ใช่ไหม ความหมายของสามีคือ ให้ไปช่วยคนอื่นที่เดือดร้อนด้วยความรักความเมตตา รักเขาอย่างไรก็รักคนที่เดือดร้อนอย่างนั้นด้วย เมื่อสามีจากไป เธอก็ทำตามที่สามีแนะนำ เธอไปช่วยคนเจ็บป่วยไร้ญาติ คนที่ทุกข์ยากเดือดร้อน ปรากฏว่าในที่สุดเธอก็คลายจากความเศร้าโศก สามารถอยู่ตามลำพังได้







