ตรรกศาสตร์(Logic) นั้นสำคัญไฉน?

ตรรกศาสตร์(Logic) นั้นสำคัญไฉน?
ประเสริฐ สุขศาสน์กวิน
ศูนย์อิสลามศึกษา วทส.
กระแสของ”คังคูไบ”หญิงแกร่งแห่งมุมไบได้ถูกวิพาก์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าเธอมีตรรกะและหลักคิดที่แหลมคมต่อเรื่องสิทธิและคุณค่าของความเป็นมนุษย์ หรือรวมไปถึงนิยามของคำว่า”ศิลธรรม” เลยทำให้กระแสของ”คังคูไบ”ถูกขานรับในวงกว้างทีเดียว และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าความน่าสนใจของภาพยนตร์คังคุไบ นอกจากจะเป็นเรื่องการแต่งกาย การเต้นและความสนุกสนานในทางวัฒนธรรมแล้ว ยังมีอีกประเด็นที่สื่อไม่ค่อยจะพูดถึงกัน นั่นคือ”หลักตรรกะ”หรือหลักคิดของคังคูไบ ที่ได้นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจผ่านตัวละครของเธอ บ้างในฐานะนักเคลื่อนไหวสตรีที่ขายบริการทางเพศที่ตัวเองไม่อยากจะเป็น บ้างในฐานะการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมต่อการศึกษา จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าจริงๆแล้วตัวตนของคังคุไบ เธอเป็นใคร?
จากเรื่องราวชีวิตอันชวนทึ่งของคังคุไบที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาเธอต่อสู้ฟันฝ่าจากโสเภณี ที่ถูกหลอกไปขายในซ่องตั้งแต่วัยรุ่น ไต่เต้าขึ้นมาเป็นแม่เล้า จนกลายเป็นหญิงเจ้าของซ่องผู้ร่ำรวย และมีอิทธิพลคนหนึ่งของอินเดียจนได้ชื่อว่า “ราชินีมาเฟียแห่งมุมไบ” แต่ข้อกังขาในเชิงตรรกะของเธอยังมีหลายประเด็นชวนให้ขบคิดและโต้แย้ง ดั่งประโยคหนึ่งของเธอ”ทุกๆอาชีพนั้นมีศักดิ์ศรี และทุกๆอาชีพต้องได้รับการยอมรับ” เธอต้องการจะให้อาชีพโสเภณีเป็นอาชีพถูกกฎหมายและให้เป็นที่ถูกยอมรับในสังคม ทั้งๆที่นั้นคือ ไม่ใช่อาชีพและยังถืออว่าอาชีพค้ามนุษย์ ไม่เป็นสัมมาอาชีพเสียด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นเป็นตรรกะที่บิดเบี้ยวและตรรกะที่ไร้ตรรกะ ในขณะที่จิตใต้สำนึกของความเป็นมนุษย์ได้เรียกหาเกียรติและศักดิ์ศรีที่ผูกโยงอยู่กับศิลธรรมและจริยธรรม และความเป็นสัมมาอาชีพมากกว่าการถูกยอมรับในตัวตน
จากกรณีศึกษาของภาพยนต์คังคุไบ สะท้อนให้เห็นประเด็นหนึ่งที่อยากจะชวนคุยคือ”การมีตรรกะสำคัญต่อชีวิตของเราจริงหรือ?”แต่ทำไมในสังคมเราไม่ค่อยพูดถึงตรรกะหรือหลักคิดที่เป็นเหตุเป็นผลกัน?แล้วตรรกศาสตร์สำคัญอย่างไร? แล้วทำไมในสถาบันการศึกษาพูดถึงวิชาตรรกศาสตร์กันน้อยมาก?และอีกหลายๆคำถามที่อยากจะชวนคุยครับ
ถ้ามองในชีวิตประจำวันของเรา ปฎิเสธไม่ได้ว่าเราได้มีการใช้เหตุผลในการสื่อสารถือว่าเป็นกระบวนการทางความคิด บางครั้งเพื่อสนับสนุนในสิ่งที่เราเชื่อหรือบางครั้งเพื่อจะหักล้างความเชื่อคนอื่นบ้างอะไรทำนองนั้น หรือถ้าจะให้ดูเข้มแข็งและมีน้ำหนักก็ต่างพยายามแสดงว่า สิ่งที่ตัวเองคิดหรือสิ่งที่ตัวเองกระทำมีเหตุผลหรือหลักฐานที่ดีมาสนับสนุน
หรือในบางบริบทเรายังต้องอธิบายเพื่อการพิจารณาการตัดสินบ้าง เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งขัดแย้งบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นมนุษย์ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในการใช้เหตุผลเป็นเครื่องมือแสวงหาความรู้ จนกลายเป็นความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการด้านต่างๆ เหตุผลจึงมีบทบาทสำคัญยิ่งในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ทีเดียว และเราเริ่มเห็นบทบาทของตรรกวิทยามากขึ้นและเริ่มเพ่งพินิจของกระบวนการคิดมากขึ้น จนเกิดการตรวจสอบว่า บางครั้งกระบวนการคิด หรือตรรกะที่เราใช้เรียกกันนั้น มันอาจจะถูกซ่อนไว้อย่างแยบยลของความผิดพลาดที่ตามมา จนทำให้เกิดตรรกะวิบัติบ้างหรือตรรกะไร้ตรรกะบ้าง แม้ว่าเราจะใช้เหตุผลกันอยู่ทุกวัน แต่เหตุผลอาจไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้องเสมอไป แต่อย่างไรเราก็สามารถนำตรรกะหรือหลักคิดมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ และนั่นแหละที่เรากำลังจะสืบค้นให้ใกล้เข้ามาว่า “ตรรกะนั้นสำคัญต่อเราอย่างไร?”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความน่าสนใจของภาพยนตร์คังคุไบ นอกจากจะเป็นเรื่องการแต่งกาย การเต้นและความสนุกสนานในทางวัฒนธรรมแล้ว ไม่ค่อยจะพูดถึงกันคือ”หลักตรรกะ”หรือหลักคิดของคังคูไบ ที่ได้นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจผ่านตัวละครของเธอ บ้างในฐานะนักเคลื่อนไหวสตรีที่ขายบริการทางเพศที่ตัวเองไม่อยากจะเป็น บ้างในฐานะการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมต่อการศึกษา จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าจริงๆแล้วตัวตนของคังคุไบ เธอเป็นใคร?
ย้อนดูความคิดและการกำเนิดความคิดของมนุษย์จริงแล้วก็มิได้ตกลงมาจากฟ้าหรือมิได้ผุดขึ้นมาจากพื้นดินหรือท้องมหาสมุทรอะไรทำนองนั้น แต่เกิดจากสติปัญญาของมนุษย์เองนี่แหละ โดยคนทั่วไปมีปฏิกิริยาอย่างกว้าง ๆ หยาบ ๆ เรียกว่ามีปัญญาสามัญสำนึก รู้สึกได้สิ่งชั่วดีจากสัญชาตญาณบริสุทธิ์ภายในได้กระทุ้นอยู่ และสติปัญญาอีกระดับที่ลุ่มลึกมากขึ้นผ่านการเพ่งพินิจ ไตร่ตรอง มีตรรกะที่เป็นตรรกะ จึงสร้างปฏิกิริยาลึกซึ้ง หลักแหลม ละเอียดลออ ละเมียดละมัย เรียกว่าระดับนั้นว่า ระดับนักปรัชญาระดับนักปราชญ์
แต่อย่างไรก็ตามเราจึงเห็นว่าตรรกะนั้นอยู่คู่กับมนุษย์ แต่ระดับการมีตรรกะนั้นแตกต่างและที่เป็นปัญหาทุกวันคือการใช้ตรรกะที่ไม่ใช่ตรรกะแล้วคิดว่านั่นคือตรรกะ หรือบางครั้งได้ยกเหตุผลแบบตรรกะวิบัติบ้าง เพื่อให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้หรืออาจจะนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อการอยู่รอดอะไรทำนองนั้น
ดังนั้นแม้เราจะใช้เหตุผลกันอยู่ทุกวัน แต่เหตุผลอาจไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้องเสมอไปก็เป็นไปได้ เราจึงต้องรู้จักการใช้เหตุผลที่ถูกต้อง และเราต้องเรียนรู้จักการใช้เหตุผลมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเรามักใช้เหตุผลตามความเคยชินโดยขาดหลักเกณฑ์และการพิจารณาอย่างรอบคอบ เป็นเหตุให้เกิดความสับสนระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง ดังนั้นเราต้องมีวิจารณญาณที่จะแยกแยะเหตุผลที่ดีออกจากเหตุผลที่ไม่ดีได้ แต่บางครั้งการวิเคราะห์การอ้างเหตุผลต้องใช้หลักเกณฑ์มาช่วยในการพิจารณา การหากฎเกณฑ์มาวินิจฉัยการใช้เหตุผลว่าถูกหรือผิดอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของตรรกศาสตร์(Logic) คือ ระบบวิชาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับความคิด
ดังนั้นตรรกศาสตร์จึงเป็นพื้นฐานสำหรับการศึกษาในศาสตร์อื่น ๆ เช่น ปรัชญา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ กฎหมายหรือแม้แต่ในด้านสังคมศาสตร์ก็ยังต้องมีตรรกศาสตร์เข้ามามีบทบาท นอกจากนี้ตรรกศาสตร์เองก็ยังถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอยู่เสมอ เพียงแต่ รูปแบบของการให้เหตุผลนั้นอาจจะไม่เหมือนในตำราหรือสูตรตรรกวิธี
นิยามตรรกศาสตร์
ตรรกศาสตร์ ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Logic ส่วนภาษาอาหรับ”المنطق หมายถึง ความคิดและคำพูดซึ่งมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด โดยแสดงออกมาทางวาจาเรียกว่าคำพูด เพราะฉะนั้น ตรรกศาสตร์จึงเป็นวิชาที่ว่าด้วยความคิดที่แสดงออกเป็นภาษา และตรรกศาสตร์คือการใช้หลักคิดการวิเคราะห์และการตัดสินความสมเหตุสมผลในการอ้างเหตุผล
ศาสตราจารย์ กีรติ บุญเจือ ได้นิยามสั้นๆของตรรกศาสตร์ว่า คือ วิชาที่ว่าด้วยกฎเกณฑ์การใช้เหตุผล
Millได้นิยามตรรกศาสตร์ คือ วิทยาศาตร์ว่าด้วยการใช้ความเข้าใจให้เป็นประโยชน์ต่อการประเมิณค่าหลักฐาน ด้วยกระบวนการที่ดำเนินจากความจริงที่รู้แล้วไปสู่ความจริงที่ยังไม่รู้
ถึงแม้ว่าการสืบค้นทางด้านประวัติศาสตร์จะเป็นเรื่องยากก็ตามในการจะหาข้อสรุปว่าตรรกศาสตร์เกิดขึ้นมาเมื่อไหร่และได้วิวัฒนาการมาจากไหน แต่ทว่านักประวัติศาสตร์ทางด้านวิทยาการต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า แท้จริงศาสตร์ทางด้านการใช้ความคิดหรือตรรกศาสตร์ได้ถือกำเนิดมาจากดินแดนนครรัฐกรีก เพราะว่ามีหลักฐานยืนยันว่าเนื้อหาทางด้านการใช้เหตุผลและหลักตรรกะพื้นฐานได้ถูกบันทึกไว้ในตำรับตำราของนักปราชญ์แห่งยุคกรีกโบราณ บุคคลแรกที่ได้นำหลักการอ้างเหตุผลและการใช้หลักตรรกะคือ ปาร์มินีดุส ( Paiminidus:ก่อนค.ศ.487) เขาได้นำหลัก”การใช้เหตุผล”ในด้านการโต้ตอบและการถกปัญหาทางวิชาการระหว่างสำนักต่างๆ โดยได้นำหลักคิดทางด้านหลัก”วิภาษวิธี”(Dialectic) และยุคต่อมาสานุศิษย์ของเขาได้สืบสานด้านการอ้างเหตุผลในเชิงตรรกะและได้พัฒนามีความก้าวหน้าจนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการถกเถียงทางวิชาการและการโต้ตอบระหว่างคนที่คิดเห็นต่างได้อย่างน่าสนใจทีเดียว
ต่อมาในช่วงท้ายศตวรรษที่5ก่อนคริสตศักราช บรรดานักวิชาการแห่งกรีกและสำนักต่างๆได้นำเนื้อหาทางด้านการถกและการโต้ตอบมากขึ้น โดยยึดหลักการใช้เหตุผลของท่าน ปาร์มินีดุส จนประสบความสำเร็จเกินขาด ดังนั้นจึงได้สนับสนุนและได้ให้ความสำคัญต่อการใช้หลักเหตุผลมากขึ้น และมีอีกบุคคลที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น คือโปรเดกัส(Prodicus) เขาได้แสดงความคิดและวิพากษ์วิจารณ์ต่อชั้นปกครองและสอนให้ประชาชนด้วยการใช้หลักการของการใช้เหตุและผลและมีรูปแบบที่เป็นเชิงตรรกะ จนทำให้เขาถูกขับไล่และเนรเทศ เนื่องจากมีความคิดนอกกรอบ และมีผู้ปกครองยังได้ทำลายตำรับตำราที่เขาแต่ง โดยการนำไปเผาจนหมดสิ้น ซึ่งกล่าวกันว่าตำราเหล่านั้นได้เขียนถึงการการถกเถียงและการโต้ตอบที่ใช้หลักเหตุผลและการอ้างอิงเหตุผลที่มนุษย์นั้นให้การยอมรับ
ต่อมาประวัติศาสตร์ของยุคกรีกโบราณได้บันทึกว่า หลังจากที่ประชาชนได้ยอมรับความจริงและเชื่อต่อการมีอยู่สิ่งต่างๆรอบตัวของเขาแล้ว หลังจากนั้นชาวกรีกได้กลับสู่ภาวะความสงสัยและการไม่ยอมรับการมีสิ่งต่างๆ เชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นคือภาพลวงตา จนเกิดการถกเถียงกันในวงกว้างและมีการโต้ตอบระหว่างกลุ่มที่เชื่อว่ามีความจริงอยู่กับกลุ่มที่สงสัย จนทำให้มีนักถกเถียงและจัดตั้งกลุ่มคณะบุคคลของพวกเขาในเรื่องการถกเถียงและการโต้ตอบกับฝ่ายตรงกันข้ามโดยใช้หลักการถกเถียงที่ลวงล่อฝ่ายตรงกันข้ามในตกหลุมพลาง และกลุ่มคนพวกนี้ถูกรู้จักในนาม”พวกโซฟิสต์”(Sophists:แปลว่าปราชญ์) และกลุ่มโซฟิสต์ได้ขยายตัวการยอมรับจากประชาชนมากยิ่งขึ้น มีทั้งมีเอกลักษณ์ของการถกเถียงและการโต้ตอบกับฝ่ายตรงกันข้ามอย่างชำนาญทีเดียว จนกระทั้งความหมายเดิมของคำว่าโซฟิสต์แปลว่าปราชญ์นั้น ได้เปลี่ยนไปเป็นกลุ่มคนที่มีกลอุบายทางการถกเถียงโดยใช้หลักตรรกะแบบเหตุผลวิบัติ(Fallacy)เป็นเหตุผลลวง เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงกันข้ามด้วยใช้หลัก”จับแพะชนแกะ” ทำให้นักคิดหรือผู้รู้บางท่านเสียทีกับเล่ห์เหลี่ยม จนทำให้โซเครติสได้ลุกขึ้นมาต่อสู้ทางความคิดและโต้ตอบกับกลุ่มพวกนี้ และได้นำหลักการใช้เหตุผลเชิงตรรกะที่เป็นเลิศ ในที่สุดได้รับชัยชนะเหนือพวกโซฟิสต์ และได้ริเริ่มการวางรากฐานของกระบวนการคิด แต่ยังไม่ได้ออกมาเป็นรูปตัวอักษรหรือตำรา
จนกระทั้งมาถึงสมัยของเพลโต้(Plato) ศิษย์เอกของโซเครติส(Socrates) ได้ขยายความและเนื้อหาของตรรกศาสตร์บางประการ เช่นว่าด้วยเรื่องคำและประเภทของคำ การนิยาม และอื่นๆ จนเป็นที่ถูกรู้จักในนามของอะคาเดมีแห่งเพลโต้ หนึ่งจากสานุศิษย์ของเพลโต้ คืออริสโตเติล ถือได้ว่าเป็นผู้วางรากฐานที่เป็นรูปธรรมและเป็นตำราด้านตรรกศาสตร์ขึ้น โดยนำหลักคิดเชิงตรรกะเป็นระบบมากยิ่งขึ้น และมีเนื้อหาถึง 5 บท คือ
๑. ว่าด้วยเรื่องการอนุมาน
๒.ว่าด้ายหลักการพิสูจน์ความจริง
๓.ว่าด้วยหลักวิพภาษวิธี
๔.ว่าด้วยเรื่องการกล่าวสุนทรพจน์และการโต้วาที
๕.ว่าด้วยหลักการใช้บทกวี
ต่อมาในสมัยการปกครองของราชวงศ์อับบาสียะฮ์ อณาจักรอิสลาม หรือยุคทองของบะนีอับบาซียะฮ์ มีนักปราชญ์ของมุสลิมที่มีความชำนาญด้านภาษากรีกโบราณ หรือมีความรู้ทางด้านภาษาต่างประเทศ จึงได้นำตำราด้านตรรกศาสตร์ของอริสโตเติลมาแปลเป็นภาษาอาหรับ หนึ่งจากบุคคลที่ได้นำบทความเรียงด้านตรรกศาสตร์คือ ท่านฮุไนน์ บิน อิสฮาก หลังจากนั้นตำราด้านตรรกศาสตร์ได้ถูกนำมาเผยแพร่ในแวดวงมุสลิมแต่ช่วงแรกกระแสยังไม่ถูกตอบรับเท่าไหร่นัก จนกระทั้ง ตำราทางปรัชญาได้เป็นที่นิยมและนักวิชาการสนอกสนใจในศาสตร์นี้มากขึ้น ทำให้ตรรกศาสตร์ได้ถือว่าเป็นสาขาวิชาหนึ่งทางปรัชญา จนมาถึงสมัยของท่าน อัลฟารอบีย์ ได้นำหลักตรรกศาสตร์มาใช้อรรถาธิบายหลักปรัชญา และมาถึงสมัยของอิบนุ สีน่า ท่านได้แต่งตำราด้านตรรกศาสตร์ โดยเป็นที่รู้จักในนาม “อันมันติก อัชชีฟาห” ซึ่งรูปแบบการวางระบบเป็นการต่อเติมของตรรกศาสตร์อริสโตเติล และจากสมัยของอิบนุ สีน่า เป็นต้นมา นับได้ว่าวิชาตรรกศาสตร์ในอิสลามได้ถูกนำมาศึกษาและเรียนรู้กัน และถือว่าเป็นวิชาการด้านอิสลามแขนงหนึ่งที่มีความจำเป็นทีเดียว
ความคิดและการกำเนิดความคิดของมนุษย์มิได้ตกลงมาจากฟ้า และมิได้ผุดขึ้นมาจากพื้นดินหรือท้องมหาสมุทร แต่เกิดจากสติปัญญาของมนุษย์เอง ที่ทำปฏิกิริยาต่อสิ่งแวดล้อมในกาละและเทศะของตน ซึ่งแสดง ออกเป็นการเห็นคำถาม และความพยายามแสวงหาคำตอบสลับกันเรื่อยมา ตั้งแต่เริ่มมีมนุษย์จนบัดนี้มนุษย์ทุกคนเป็นนักปรัชญาโดยชาติกำเนิด จึง เห็นคำถามและพยายามแสวงหาคำตอบโดยธรรมชาติ มากน้อยแล้วแต่ พรสวรรค์ที่แต่ละคนได้รับจากธรรมชาติ คนทั่วไปมีปฏิกิริยาอย่างกว้าง ๆ หยาบ ๆ เรียกว่ามีปรัชญาระดับสามัญ และเป็นนักปรัชญาระดับสามัญ บางคนมีพรสวรรค์พิเศษในเรื่องนี้ จึงมีปฏิกิริยาลึกซึ้ง หลักแหลม ละเอียดลออ ละเมียดละมัย พวกนี้มีปรัชญาระดับวิชาการ และเป็นนัก ปรัชญาระดับนักปราชญ์ทางปรัชญา ที่เราเรียก”นักปรัชญา” เรามักจะ หมายถึงบุคคลกลุ่มนี้เป็นพวกที่ได้เห็นคำถามใหม่หรือคำตอบใหม่ หรือ ทั้ง 2 อย่าง ซึ่งเป็นที่รับรู้กันในวงนักปราชญ์ว่าสำคัญและมีประโยชน์ต่อ มนุษยชาติ
เมื่อเราได้รู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการของตรรกศาสตร์แล้วและเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้ แม้เราจะใช้เหตุผลกันอยู่ทุกวัน แต่เหตุผลอาจไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้องเสมอไป เราจึงต้องรู้จักการใช้เหตุผลที่ถูกต้องและรู้จักวิวัฒนาการของตรรกศาสตร์ ซึ่งจะทำให้เรารู้จักการใช้เหตุผลมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเรามักใช้เหตุผลตามความเคยชินโดยขาดหลักเกณฑ์และการพิจารณาอย่างรอบคอบ เป็นเหตุให้เกิดความสับสนระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง ดังนั้นเราต้องมีวิจารณญาณที่จะแยกแยะเหตุผลที่ดีออกจากเหตุผลที่ ไม่ดีได้ แต่บางครั้งการวิเคราะห์การอ้างเหตุผลต้องใช้หลักเกณฑ์มาช่วยในการพิจารณา การหากฎเกณฑ์มาวินิจฉัยการใช้เหตุผลว่าถูกหรือผิดอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของตรรกศาสตร์(Logic) คือ ระบบวิชาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับความคิด โดยความคิดที่ว่านี้ เป็นความคิดที่เกี่ยวข้องกับการให้เหตุผล
ตรรกศาสตร์จึงเป็นพื้นฐานสำหรับการศึกษาในศาสตร์อื่น ๆ เช่น ปรัชญา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ กฎหมาย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอยู่เสมอ เพียงแต่ รูปแบบของการให้เหตุผลนั้น มักจะละไว้ในฐานที่เข้าใจ และเพื่อเป็นความรู้พื้นฐานสำหรับผู้ศึกษาที่จะนำไปใช้และศึกษาต่อไป ส่วนความสนอกสนใจต่อตรรกศาสตร์วันนี้นั้น ถือว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจศึกษาอย่างมาก เพราะว่ายุคปัจจุบันสังคมแบบการใช้ตรรกะแบบถูกวิธี รู้สึกว่าจะพบเห็นน้อยขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในสังคมนักการเมือง สังคมมายาของดาราภาพยนต์และสื่อกระแสหลักทั้งหลาย ตรรกะที่ใช้กันนั้น หาใช่ตรรกะที่แท้จริงไม่.และนี่แหละคือการหันมาทบทวนหลักตรรกศาสตร์กัน







