รัสโซโฟเบีย
คอลัมน์ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ
ทหารประชาธิปไตย
รัสโซโฟเบีย
เมื่อครั้งสงครามเย็น สหรัฐฯและโลกตะวันตกได้สร้างภาพที่น่าเกลียดน่ากลัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ และแน่นอนภาพน่าเกลียดน่ากลัวเหล่านั้นก็ต้องลามไปโปะบนภาพของหมีรัสเซียและมังกรจีน
ครั้นมายุคปัจจุบันโลกได้เปลี่ยนไปมาก รัสเซียในปัจจุบันต่างจากสหภาพโซเวียดเดิม กลายเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับนับถือมากขึ้น โดยเฉพาะหลายประเทศในตะวันออกกลาง เช่น คูเวต การ์ตา เยเมน อิรัก และที่สำคัญคือ ซีเรีย เพราะถ้าไม่มีรัสเซีย รัฐบาลซีเรียที่มาจากการเลือกตั้งก็คงจะล่มไปแล้ว นอกจากนี้การเข้ามามีบทบาทในการปราบปรามขบวนการก่อการร้ายไอเอส ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และมีพฤติกรรมที่ป่าเถื่อนโหดเหี้ยม ทำให้ชาวโลกที่เกลียดความรุนแรง และรักความยุติธรรมหันมาชื่นชมรัสเซียมากขึ้น
นอกจากนี้อิหร่านและตุรกีที่มีพื้นที่ติดกับรัสเซีย ต่างก็มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นขึ้น เพื่อให้รัสเซียเป็นตัวคานอำนาจจากสหรัฐฯ ที่นับวันเกะกะเกเรขึ้นทุกวัน
ส่วนจีนภายใต้การนำของสีจิ้นผิง ก็มีภาพลักษณ์ที่ดีวันดีคืน โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ ONE BELT ONE ROAD ของจีนที่เสนอแผนการพัฒนาร่วมกับประเทศในภูมิภาคต่างๆ การลงทุนและการค้าของจีนกลายเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการพัฒนาในหลายประเทศ แม้ข้อตกลงจะมีฐานะที่เสียเปรียบจีน แต่ประเทศเล็กๆหลายประเทศก็ไม่มีทางเลือกมาก ไม่เหมือนยุคสงครามเย็นที่สหรัฐฯทุ่มเทงบช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก
แล้วอยู่ๆก็เหมือนเกิดฟ้าผ่าขึ้นมาท่ามกลางแสงแดดจ้า เมื่อนักจารกรรม 2 หน้า ชาวรัสเซีย เซอร์เก สกริบัล ถูกลอบวางยาพร้อมลูกสาวจนมีอาการโคม่าอยู่ในโรงพยาบาลขณะนี้
เพราะอังกฤษ สหรัฐฯ และหลายประเทศในตะวันตกพากันกล่าวหาว่ารัสเซียเป็นคนทำ โดยที่ยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ทราบเชื่อมโยงถึงรัสเซีย ถึงแม้ว่ารัสเซียจะมีมูลเหตุจูงใจก็ตาม เพราะสายลับผู้นี้ได้เอารายชื่อสายลับรัสเซียในยุโรปไปขายให้เอ็มไอ ซิก หน่วยสืบราชการลับอังกฤษ และขอลี้ภัยอยู่ในอังกฤษ แต่ข้อกังขาก็คือทำไมรัสเซียจึงปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่กับลูกสาวได้ตั้งนาน ทำไมมาลงมือเอาตอนนี้ มีมือที่สามต้องการสร้างเรื่องเพื่อทำลายชื่อเสียงของรัสเซียหรือเปล่า และหาเหตุกระจายความตื่นตระหนกไปทั่วโลก เพราะปรากฏว่านอกจากอังกฤษแล้ว สหรัฐฯ คานาดา และหลายประเทศในยุโรปต่างพร้อมใจกันขับนักการทูตรัสเซียออกนอกประเทศ รวมกันแล้วร่วม 100 คน
แน่นอนรัสเซียย่อมปฏิเสธและตอบโต้แต่มันก็นำมาสู่ความตึงเครียดในทางการเมืองระหว่างประเทศ ควบคู่กันกับการที่สหรัฐฯทำสงครามทางการค้ากับจีน
การสร้างความกลัวให้กับภาพลักษณ์ของรัสเซียนี้ความจริงชาวมุสลิม เข้าใจซาบซึ้งดี เพราะตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐฯ และสื่อกระแสหลักของสหรัฐฯพยายามทำมานานแล้ว จนไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นต้องโทษมุสลิมก่อน มุสลิมคือผู้ก่อการร้ายอะไรทำนองนี้ อย่างเช่น การระเบิดอาคารของรัฐบาลที่รัฐโอกลาโฮมา พอเกิดเรื่องสื่อและบางคนในรัฐบาลก็ตั้งเป้าไปที่มุสลิมก่อการร้ายแล้ว กว่าจะพิสูจน์และจับได้ว่าเป็นคนผิวขาวชาวอเมริกันแท้ ความเกลียดกลัวมันก็ฝังรากลงไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามุสลิมก็มีทั้งดีและเลวเหมือนในศาสนาอื่น หรือชนชาติอื่น ทำไมมาเหมาเข่ง
หรือกรณีอิรักในสมัยซัดดัม ฮุสเซ็น สหรัฐฯพยายามใส่ร้ายสร้างหลักฐานเท็จว่าซัดดัมสะสมอาวุธเคมีมหาประลัย ขนาดให้รมว.ต่างประเทศ พล.อ.พาวเวลไปโกหกในสหประชาชาติ พร้อมหลักฐานเท็จและประธานาธิบดีบุชก็ออกมาตอบสนอง ครั้นพอถล่มอิรักจนราบ ฆ่าซัดดัมตาย ก็ไม่ปรากฏว่ามีอาวุธมหาประลัยอะไรเลยในอิรัก ประเทศอิรักแหลกเป็นจุล ประชาชนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก จนทุกวันนี้บ้านเมืองยังไม่สงบราบคาบ เพราะเสถียรภาพหายไปหลังซัมดัมเสียชีวิตและอิรักก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับการระเบิดตึกเวิร์ลเทรดเมื่อ 9/11
ในเรื่องของรัสเซีย ประธานาธิบดีรัมป์ กล่าวว่า “มันน่าจะเป็นอย่างนั้นว่า เป็นการกระทำของรัสเซีย บนพื้นฐานของหลักฐานที่เรามี”
“It seems to me that it happens so that it was Russia,Based on all the evidence that we know”
แล้วหลักฐานมันคืออะไร ก็ยังไม่มีการเปิดเผยเลย แต่อย่าห่วงเรื่องนี้เขาสร้างหลักฐานกันได้ เหมือนซัมดัมมีอาวุธมหาประลัยนั่นแหละ
ส่วนเทเรซ่าเมย์ กล่าวว่า “รัสเซียมีความเป็นไปได้และในความเห็นของดิฉัน แรงจูงใจและเจตนา มันเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมของรัสเซียในยุโรปที่เรารู้เห็น”
“Russia has the possibility and,in my opinion,motive and intent It is part of Russia behavior in Europe,which we see”
เธอเชื่ออย่างนั้น แต่ยังไม่ได้พิสูจน์อะไรก็ขับนักการทูตรัสเซียออกไป 20 คนแล้ว แถมยังให้รัสเซียชี้แจงไม่งั้นจะถือว่ารัสเซียทำผิดกฎหมายในอังกฤษ
ผู้เขียนเองมิได้ปฏิเสธว่ารัสเซียเป็นผู้ต้องสงสัย แต่ตามหลักการแห่งกฎหมาย หากยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าผู้ต้องสงสัยกระทำผิดก็ต้องถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไปก่อน
และพฤติกรรมที่ดูจะรับลูกกันดีของฝ่ายตะวันตกทำให้หวนคิดว่าหรือนี่จะเป็นการสร้างกระแสการเกลียดกลัวรัสเซียเหมือนกับที่เคย ทำและกำลังทำกับมุสลิมด้วยการสร้าง อิสลาโมโฟเบีย ขึ้น
ตรรกง่ายๆก็คือ เพราะอิสลามเป็นปราการที่ขวางกั้นการแสวงประโยชน์ของตะวันตกหรือไม่ จนทำให้ฮันติงตันต้องเขียนหนังสือชื่อ “The Crash of Civilization” การประทะกันของวัฒนธรรมและบทความนั้นได้ถูกนำมาขยายผลในการสร้างความเกลียดกลัวอิสลาม “อิสลาโมโฟเบีย”
รัสเซียก็เฉกเช่นเดียวกันเป็นหัวโจกของอีกฟากฝั่ง เช่นเดียวกับจีน แต่จีนมุ่งรุกการค้า ขณะที่รัสเซียเข้าแทรกแซงทางทหารโดยเฉพาะในกรณีซีเรีย จนทำให้แผนการแบ่งแยกซีเรียของสหรัฐฯและตะวันตกล้มเหลว ฉะนั้นจึงต้องทำให้รัสเซียเสียชื่อเสียง สร้างความเกลียดความกลัวให้เกิด “รัสโซโฟเบีย” ขึ้น เพื่อจะได้เข้าไปกอบโกยผลประโยชน์ในประเทศต่างๆได้อย่างสบาย
ประเทศไทยยังโชคดีที่มิได้เต้นไปตามการโฆษณาชวนเชื่อและการล้างสมองของตะวันตก แต่ก็ต้องระลึกอยู่เสมอว่าไม่มีใครทำอะไรให้เราฟรีๆ ผลประโยชน์ของชาติต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และที่ดีสุดในฐานะประเทศเล็กๆ เราคงต้องสร้างสมดุลในระหว่างมหาอำนาจทั้งหลาย เราไม่อาจมีอาวุธนิวเคลียร์อย่างเกาหลีเหนือ และไม่ควรมีในความเป็นจริงเราเคยเป็นตัวตั้งตัวตีในอาเซียนที่ประกาศให้เขตอาเซียนเป็นเขตปลอดนิวเคลียร์ ทำไมไม่ลองใช้ศักยภาพทางการทูตอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อไทยจะเป็นประธานในการประชุมอาเซียนในช่วงปลายปีหน้า เราควรนำประเทศเหล่านี้ให้ประกาศจุดยืนว่าอาเซียนเป็นเขตสันติภาพ ไม่สนับสนุนสงคราม ถ้าจะนำสงครามกันให้ไปทำที่อื่นจะดีไหม
Anti-Russian hysteria West leads the world to catastrophe
The reaction of Western countries on of poisoning former spy Sergei Skripal in the London suburb reveals a new religion in the world. This religion is based on Russia’s caricature image of the threat of “democracy and peace”, which it carries.
For the faithful Christian is beyond doubt the resurrection of Jesus Christ. For a Muslim-Ascension of the Prophet Mohammed. For the Buddhist – a series of rebirths souls on the way to Nirvana. For a new Western religion, titles not yet invented, but it must be derived from the word “Russophobe.” Because creed that religion: “Russia is always to blame”.
Why Russia? Because it cannot be not guilty.
Why blame? Because Russia!
Why is it always? Because! See the point one.
Like any other religion, new does not require scientific proof. Depending on the intellectual level adept of this belief he is either satisfied opinion of “prophets”, without requiring additional confirmations, or appeals to the principle “who stands to gain”.
That’s Sergei Skripal’s poisoning turns out to be very profitable, “Russia”. “Prophets” have already begun to utter the revelation of his flock.
Donald Trump: “It seems to me that it happens so that it was Russia, based on all the evidence that we know.”
Teresa Mae: “Russia has the possibility and, in my opinion, motive and intent. It is part of Russian behavior in Europe, which we see.”
John McCain: “We must recognize the harsh reality: whether somewhere in the shadows of the Kremlin or in the quiet town in the countryside of England, Putin did not hesitate to take part in the planned state murder and endanger the lives of innocent witnesses “.
Lesser-known adherents of the new religion from a number of Western media journalists not bother neither the evidence nor logic.
Süddeutsche Zeitung journalist Julian Hans said: “It is possible that Russia not behind on attack to Skripal, but suspicions paradoxically fall by the way the Kremlin”.
Why? Because Russia always blame!
A natural question arises: why this religion with all its claims substantiation of the prophets have such a large number of followers in Western countries.
Apparently, because for a peaceful existence would need clear and moderately terrifying enemy. Terrorists are bad that unpredictable, as unpredictable maniac or alien monster, murdering people for no apparent reason. In addition, it is impossible to negotiate with them.
The tradition of British Russophobe has more than one century, and the “Russian bear” has always been a convenient enemy – moderately hazardous, noble, and most importantly it is possible to negotiate with him. And any “world domination” Russia, unlike Britain or the United States, never claimed.
The main problem is that any young religion requires regular “miracles” that would be “construed” true prophets. That is why Russia “guilty” then downed over Donbass Boeing, “interfering in the elections”, and has the State program of doping. And now Putin ordered to poison of Skripal (or not ordered, but still guilty).
It is hard to say what a “miracle” will decide to bring out the “prophets” as follows. As anyone who knows reasonable arguments convince the neophyte traditional religion or adherent the sect, make it virtually impossible. All the more so because, as shown by the results of the vote in many countries, ranging from the Czech Republic and Hungary and ending with the same United States, accusations of “pro-Russian” on the majority of voters do not apply only to the minority.
Nevertheless, changing the world not most, and the vocal minority. We know what happens when people, earnestly believes that life on Earth will be a better place without Jews, suddenly comes to power. And, if the authorities in the country with nuclear weapons come person, seriously believes that Russia always, without cause and without reason tries to give around the world, the consequences could be unpredictable and sad not only for Russians, but also for the entire planet.