ลืมตัว
ลืมตัว
พระไพศาล วิสาโล
ชายผู้หนึ่งไปซื้อของที่ตลาดคลองเตย เห็นแผงมะม่วงเรียงติด ๆ กันหลายแผง เขาจึงเดินดูและสอบถามราคาตั้งแต่แผงแรกไปจนถึงแผงสุดท้าย จากนั้นก็กลับมาที่แผงแรก และเลือกมะม่วงมาได้จำนวนหนึ่ง แต่เมื่อจะจ่ายเงิน พ่อค้ากลับพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ไปดูร้านอื่นแบบนี้ อั๊วไม่ขายให้แล้ว”
พ่อค้าไม่พอใจที่เห็นชายผู้นั้นเดินผ่านแผงของเขาทีแรก ไปสนใจแผงอื่น ความรู้สึกว่า “ตัวกู” ถูกกระทบเพราะไม่ได้รับความสนใจ ทำให้รู้สึกขุ่นเคืองชายผู้นั้น จึงตอบโต้ด้วยการไม่ยอมขายมะม่วงให้
พ่อค้าคงรู้สึกสะใจที่ชายผู้นั้นไม่ได้มะม่วงอย่างที่ต้องการ เขาอาจรู้สึกว่า “กูชนะ” แล้ว แต่ถ้าถามว่าพ่อค้าผู้นี้ฉลาดหรือโง่ คำตอบย่อมชัดเจนอยู่แล้ว
ธรรมดาพ่อค้าควรดีใจที่มีลูกค้ามาซื้อของ เพราะนั่นคือรายได้ที่จะตามมา จะว่าไปแล้วเขามาเป็นพ่อค้าก็เพราะเหตุนี้ การปฏิเสธลูกค้าย่อมไม่เป็นผลดีแก่ตัวเขาเอง แต่อะไรทำให้เขาทำเช่นนั้น คำตอบก็คือ ความลืมตัว
พ่อค้าลืมตัวเพราะถูกความขุ่นเคืองครอบงำจิตใจ จึงคิดแต่จะตอบโต้หรือเอาชนะผู้อื่น จนลืมไปว่าผลเสียจะเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างไรบ้าง มะม่วงของเขาแม้จะดี หอมหวาน แถมราคาถูก แต่หากเขาลืมตัวแบบนี้บ่อย ๆ เพราะปล่อยให้ความหงุดหงิดขุ่นเคืองเกิดขึ้นเป็นประจำ ก็หวังความเจริญในอาชีพนี้ได้ยาก
คนเราไม่ว่าฉลาดหรือเก่งเพียงใดก็ตาม หากลืมตัวเสียแล้ว ก็สามารถทำสิ่งที่เป็นโทษแก่ตัวเองได้ทั้งนั้น นักธุรกิจต้องการเสนอขายผลิตภัณฑ์ลูกค้า แต่เมื่อถูกลูกค้าวิจารณ์ ก็โกรธ ห้ามใจไม่อยู่ ใช้ถ้อยคำรุนแรงตอบโต้ลูกค้า ผลก็คือเสียลูกค้า ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่เขาควรทำคือตั้งสติ ไม่ปล่อยให้ความโกรธครอบงำใจ พยายามโน้มน้าวลูกค้าให้เห็นข้อดีของผลิตภัณฑ์ หรือใช้เหตุผลหักล้างคำวิจารณ์ดังกล่าว
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม นอกจากความรู้ ความสามารถ เงินทุน เครือข่าย และโอกาสแล้ว อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ สติหรือความรู้ตัว ถึงแม้จะประสบความสำเร็จในการงาน เป็นซีอีโอ ศาสตราจารย์ ดาราดัง แต่หากขาดสติ จนลืมตัว แม้เพียงชั่วขณะ ชีวิตก็อาจดำดิ่ง ประสบหายนะได้ เพราะอารมณ์ชั่ววูบชักนำให้ทำสิ่งเลวร้าย จนต้องติดคุกติดตะราง
แม้แต่การทำบุญ หากไม่มีสติ ก็อาจลืมตัวทำบาปก็ได้ หญิงผู้หนึ่งไปทำบุญที่วัดใหญ่แห่งหนึ่ง วันนั้นมีคนเยอะมาก ต้องต่อแถวยาวกว่าจะได้ไปบูชาสักการะพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ จู่ ๆ ก็มีชายผู้หนึ่งแซงเธอต่อหน้าต่อตา เธอไม่พอใจ จึงต่อว่าชายผู้นั้น ผลก็คือเกิดการทะเลาะกัน ด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรงทั้งสองฝ่าย วันนั้นแทนที่เธอจะได้บุญ กลับได้บาป เพราะจิตใจขุ่นมัว มีแต่ความเคืองแค้นและหมองหม่น
เมื่อใดที่ลืมตัว ก็ลืมผิดชอบชั่วดี จึงทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่อความโกรธเข้ามาครอบงำจิตใจ ลูกสามารถกราดเกรี้ยวกับพ่อแม่เพราะดื้อไม่ทำตามคำแนะนำ ส่วนสามีก็สามารถทำร้ายภรรยาเพราะถูกต่อว่า
ทุกวันนี้เราเห็นความลืมตัวเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสื่อโซเชียล เช่น เฟซบุ๊ค ความลืมตัวเพราะโกรธชั่ววูบ ทำให้ดารา นักร้อง คนดัง หลายคนเขียนข้อความรุนแรง ที่ทำให้ต้องเสียใจในภายหลัง บางคนอนาคตดับวูบเพียงเพราะข้อความไม่กี่ประโยคที่ระบายออกมา
หลายคนไม่ตระหนักว่าอันตรายนั้นอยู่ที่ปลายนิ้วของตน นั่นคือโทรศัพท์มือถือ ทันทีที่ขาดสติ ลืมตัว เพราะอารมณ์ชั่ววูบ ข้อความที่พรั่งพรูผ่านปลายนิ้ว ไปปรากฏในสื่อโซเชียล กลับกลายเป็นหอกกลับมาทิ่มแทงตัวเอง บางคนทนไม่ได้ถึงกับฆ่าตัวตาย
โลกยุคนี้ ความลืมตัวคือสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าอะไรอื่น
ที่มา : http://www.visalo.org/article/secret256011.html