jos55 instaslot88 Pusat Togel Online เมื่อมาครงเปิดหน้ากาก - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

เมื่อมาครงเปิดหน้ากาก

คอลัมน์ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ

ทหารประชาธิปไตย

เมื่อมาครงเปิดหน้ากาก

ฝรั่งเศสผ่านระบอบการปกครองมาเกือบทุกรูปแบบ ตั้งแต่สมบูรณาญาสิทธิราชย์ เผด็จการทหาร เผด็จการแบบจักรพรรดิ และประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ แต่ที่ยังไม่เคยเป็นคือ คอมมิวนิสต์ แม้จะเคยใช้นโยบายสังคมนิยมก็ตาม จวบจนปัจจุบันระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ จึงได้อยู่ยั้งยืนยงบนแผ่นดินฝรั่งเศส กระนั้นก็มีคำถามกันว่าฝรั่งเศสเป็นประชาธิปไตยจริงหรือ

การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสล่าสุด ได้นายมาครง หนุ่มใหญ่ ที่มีแนวทางแบบกลางซ้ายมาเป็นผู้นำ ทั้งนี้นายมาครงให้สัญญาว่าจะแก้ไจปัญหาเศรษฐกิจให้ชาวฝรั่งเศส โดยเฉพาะชนชั้นกลางและชนชั้นล่าง ผู้ใช้แรงงาน โดยได้ตั้งเป้าว่าจะลดอัตราการว่างงานในฝรั่งเศส ปรากฏว่าอัตราการว่างงานได้ลดลงจากร้อยละ 10.1 มาเป็น ร้อยละ 9.1 ซึ่งก็ไม่เป็นที่น่าแปลกใจเพราะอัตราการว่างงานในฝรั่งเศสติดแหงกอยู่ในอัตราร้อยละ 9 ถึงร้อยละ 11 มาตั้งแต่ปี 2009 แล้ว แต่มาครงสัญญาว่าจะทำให้ลดลงเหลือ 7% ก่อนการเลือกตั้งประธาธิบดีครั้งหน้า

อย่างไรก็ตามถ้าดูเฉพาะความเคลื่อนไหวในเรื่องการจ้างงานจะพบว่าการจ้างงานประจำได้ลดลงเป็นจำนวนมาก ในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเขตอุตสาหกรรมเก่า และตามชนบท ส่วนการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นมาส่วนใหญ่จะเป็นการจ้างงานชั่วคราว หรือตามสัญญาสั้นๆ ซึ่งก็เป็นไปตามแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

การที่จะทำให้อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 7% มาครงต้องทำให้เศรษฐกิจโตอย่างน้อย 1.7% ต่อปีตลอด 4 ปีนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ มาครงจึงได้ทำการแก้ไขกฎหมายการจ้างงานหลายฉบับ โดยลดอำนาจของสหภาพลง ซึ่งทำให้สหภาพและผู้ใช้แรงงานไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะตนเองขาดอำนาจต่อรองกับนายทุน

ประการต่อมาประธานาธิบดีมาครงยังได้ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีการลงทุน และภาษีอสังหาริมทรัพย์ให้แก่คนร่ำรวยระดับบนเพื่อกระตุ้นการลงทุน ซึ่งทำให้รัฐมีรายได้ลดลง หลายหมื่นล้านบาท และไม่มีความชัดเจนว่าจะเกิดผลกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างไร แต่ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ชนชั้นกลางและชั้นล่าง เพราะทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนกว้างออกไปอีก โดยที่ครอบครัวระดับล่าง 5% ของประชากรที่เดือดร้อนจากการที่อำนาจซื้อของตนลดลง ในขณะที่ชนชั้นกลาง 70% ของประชากรยังไม่มีผลกระทบมากนัก กระนั้นก็ตามรัฐบาลก็ได้วางแผนที่จะมีการลดภาษีหรือให้เงินช่วยเหลือในรอบปีงบประมาณถัดไป

อย่างไรก็ตามช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวยก็ยังเพิ่มขึ้นโดยสังเกตจากรายงานทางเศรษฐกิจที่ระบุว่ารายได้เฉลี่ยของคนระดับล่างกับระดับกลางเพิ่มขึ้นประมาณ 1% ต่อปีหรือน้อยกว่า ในขณะที่คนร่ำรวยระดับบนรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 3% ต่อปี โดยที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่ที่ประมาณ 1.8% และทำท่าว่าจะชะงักงันในสภาพที่ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น

ควรทราบว่าฝรั่งเศสเป็นประเทศหนึ่งที่จัดรัฐสวัสดิการในขนาดที่ใหญ่ และครอบคลุมหลายขอบเขต ดังนั้นจึงมีค่าใช้จ่ายสูง มีการประเมินว่ารัฐบาลต้องใช้จ่ายรัฐสวัสดิการประมาณ 1 ใน 3 ของรายได้ประชาชาติทีเดียว

ดังนั้นเมื่อรายได้ลดลง เพราะรัฐบาลทำการลดภาษีเพื่อกระตุ้นการลงทุน และลดข้อจำกัดเพื่อให้นายทุนมีอำนาจสูงในการจ้างงาน เพื่อให้มีการจ้างงานมากขึ้น รัฐบาลจึงต้องหารายได้เพิ่มขึ้น และหนึ่งในนั้นก็คือมาตรการการเก็บภาษีน้ำมันเพิ่มขึ้น โดยที่มาครงอ้างว่าเพื่อลดการใช้น้ำมัน อันเป็นมาตรการช่วยลดภาวะโลกร้อนและยังอ้างว่าต้องการส่งเสริมให้มีการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งถ้าใครมีมาตรการพัฒนารถไฟฟ้าก็จะได้ส่วนลดในเรื่องภาษีอีกทาง ทั้งนี้มาครงต้องการอิงเสียงสนับสนุนจากพวกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

แต่การกระทำดังกล่าวมีผลให้ไปกระตุ้นให้ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น และนั่นเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เกิดการประท้วงทั่วประเทศโดยประชาชนระดับล่างและชนชั้นกลางจำนวนมาก ออกมาประท้วงตามถนนสายหลัก และมีสัญลักษณ์คือสรวมเสื้อกั๊กเหลืองอันเป็นเสื้อที่ใช้สำหรับหน่วยกู้ภัยเวลาออกมาบรรเทาอุบัติภัย เพราะเชื่อว่าขั้นต่อไปรัฐบาลจะเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม

เมื่อรัฐบาลทำการปราบปรามด้วยกำลังตำรวจก็ยิ่งเหมือนกับเอาน้ำมันไปราดกองไฟ เพราะไปสร้างความโกรธแค้นให้ฝูงชนถึงกับมีการเผาไฟในที่ต่างๆ รวมทั้งที่ถนนสายหลักของปารีส ชองซาลิเซ่ อันเป็นถนนสายแฟชั่นอีกด้วย

กลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองกล่าวหาว่ามาครงไม่รักษาสัญญาก่อนการเลือกตั้งคือทำให้ค่าครองชีพต่ำลง นอกจากนี้ยังไปเอื้อประโยชน์ต่อคนร่ำรวย ลดอำนาจการต่อรองของผู้ใช้แรงงานในส่วนพฤติกรรมส่วนตัวก็ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะภริยาของมาครง ใช้จ่ายเงินของรัฐจำนวนมากในกิจกรรมของเธอ จึงมีการกล่าวหาว่ามาครงคือหลุยส์ที่ 16 แต่ก็ยังมีนักวิจารณ์บางคนเปรียบว่ามาครงทำตัวเป็นนโปเลียน และสร้างภาพหลอกลวงประชาชน

ในขณะที่มาครงเองเมื่อไปปรากฏตัวในการประชุม G20 ก็กล่าวประณามว่ากลุ่มผู้ประท้วงเป็นกุ๊ยอันธพาล ทั้งๆที่พวกเขาต้องการชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเริ่มการประท้วงด้วยความสงบต่อเมื่อรัฐบาลทำการปราบปรามอย่างรุนแรง ด้วยระเบิดก๊าซน้ำตาก็ก็ไปกระตุ้นความบ้าคลั่งของฝูงชน

และแม้ว่ารัฐบาลจะยอมระงับการขึ้นภาษีน้ำมันไว้หกเดือน แต่กลุ่มผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ คือ ให้กฎหมายทุกฉบับที่ผ่านสภาแล้ว ต้องมาทำประชามติเพราะมันจะมีผลกระทบต่อประชาชน นี่เป็นประเด็นหนึ่งของการสร้างระบอบประชาธิปไตยโดยตรง แม้จะมีตัวแทนในสภาก็ตาม

อนึ่งหากมีการปรับเปลี่ยนระบบจริงเพื่อให้อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนมากขึ้นในทางปฏิบัติอาจจะกำหนดเฉพาะกฎหมายสำคัญๆ ที่จะมีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก

เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่มีผลกระทบต่อรัฐบาลในทางลบก็คือ การดำเนินนโยบายต่างประเทศ ที่ผ่านมาฝรั่งเศสเดินตามสหรัฐฯคือ เข้าไปแทรกแซงในต่างประเทศด้วยกำลังทหาร เช่น ในตะวันออกกลาง และไปแสวงหาผลประโยชน์จากแร่ธาตุและน้ำมัน เท่านั้นยังไม่พอยังไปสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อการร้าย เช่น อัลกออิดะฮ์ และไอเอส ตักฟิรี และสนับสนุนสงครามที่ไร้มนุษย์ธรรมในเยเมน

ทั้งนี้นายมาครงได้ทวีตว่า “จะไม่มีที่ใดในฝรั่งเศส ที่จะยอมให้มีการประท้วงแบบทำลาย” ซึ่งทำให้เห็นชัดเจนว่าถ้าการประท้วงเหล่านั้นจะเกิดในต่างประเทศก็ช่างมันปะไร อ้างตัวอย่างที่ฝรั่งเศสไปสนับสนุนการประท้วงในลิเบีย แล้วส่งทหารไปล้มรัฐบาลของพันเอกกัดดาฟี จนเกิดจลาจลกลายเป็นรัฐล้มเหลว และกลุ่มทุนฝรั่งเศสก็เข้าไปยึดบ่อน้ำมัน หรือการประท้วงในซีเรีย ที่ฝรั่งเศสก็มีส่วนร่วมกับสหรัฐฯเพื่อล้มรัฐบาลอัสซาด หนุนอิสราเอล รุกรานปาเลสไตน์ หนุนยูเครนในการสร้างความขัดแย้งกับรัสเซีย

ด้วยนโยบายเหล่านี้ฝรั่งเศสต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ในขณะที่ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ตกอยู่กับผู้ค้าอาวุธและนายทุนน้ำมัน ที่สำคัญมีผลให้เกิดการอพยพจำนวนมากจากตะวันออกกลางอันทำให้เกิดผลกระทบต่อประชากรในประเทศ ซึ่งนี่ยังไม่นับรวมการชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน นั่นคือการเกิดการก่อการร้ายที่รุนแรง ทั้งจากภายนอก และภายใน เช่น การก่อการร้ายจากพวกขวาสุดโต่งที่มีความรังเกียจชนกลุ่มน้อย หรือศาสนาที่แตกต่างอย่างเช่น การถล่มโบสถ์ยิวเมื่อเร็วๆนี้

ด้วยคำถามข้างต้นว่าฝรั่งเศสเป็นประชาธิปไตยจริงหรือจึงมีข้อสังเกตว่ารัฐบาลทำเพื่อใครนายทุนคนร่ำรวย หรือเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่จะเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน

สำหรับประเทศไทยก็เริ่มมีคนออกมากล่าวหาแล้วว่า นายกฯประยุทธ์กำลังลอกเลียนแบบจักรพรรดิ์นโปเลียนที่ 2 ระวังอย่ามาลงเอยแบบมาครง เพราะที่ฝรั่งเศสการประท้วงโดยกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองนั้นมันเป็นเพียงการเริ่มต้น ของการเรียกร้องอำนาจอธิปไตยคืนกลับมาเป็นของประชาชนเท่านั้น

 

Macron has shown high-level of arrogance in his presidency

 

French President Emmanuel Macron recently said at the G20 summit that France will not alter its internal policy despite legitimate anger of the people who want to live better. What is our take on Macron’s defiance to protesters whom he earlier referred to as “thugs”? How do these words sound for us?

What struck us the most about the statement is the immense hypocrisy behind it he labeled the poorest of his own country is thugs demanding lower living costs but then uses the French military to support Al-Qaeda in Syria, whose demands are not low fuel cost but ethnic cleansing in Wahhabi style Sharia law. So not to mention that France was one of the countries the lead the uprising in Libya which was linked to Al-Qaeda and one of Macrons other statements that he tweeted was: “There’s no place for destructive protests in France”, which implies that he is supportive of distractive protests as long as they’re not in France, just as long as they are in other places like the East, like the streets of Kiev or Damascus.

Destructive protests are okay outside of France, that’s what his statement implies. Absolutely, it’s okay for the East, it’s not okay in the West, they have a different standard when it comes to protests in their so-called democracy, which unfortunately they don’t have.

Some analysts see the protests as undermining president Macron’s aspirations to replace Angela Merkel as the leader of Europe, what’s your take on that particular situation. What is interesting is not only does he see himself as the next Merkel, but probably he also sees himself as the next Napoleon. He’s just demonstrated a high-level of arrogance throughout his presidency and one of the reasons why he’s not stepping down on these taxes is that arrogance. He’s trying to raise the economic profile of France to the level of Germany just so that he could step up to the plate and replace Merkel in that sense. But another possibility is that France faces sanctions on Saudi Arabia.

They’re one of the biggest arms sellers to Saudi Arabia and the Khashoggi murder might cause them to halt those sales, and Macron, under his presidency actually increased sales to Saudi Arabia during the Yemen attacks and the Khashoggi catastrophe has caused him to, perhaps, feel that France’s budget might be threatened by sanctions on Saudi Arabia.

In fact, he was overheard at the G20 summit telling the Saudi prince that he was very worried that the prince never listens to him, so it’s definitely something he’s concerned about, maybe also because Trump has been asking France to pay for their military excursions, it’s a lot of pressure economically for him because he’s choosing to fund war and maintain this colonialism in France that’s really why they want to keep going with these taxes.

It’s very ironic because he presented himself as a left-wing socialist minded liberal, but in fact he’s a neoliberal asset and he’s popping up rich corporations.

One of the excuses he used for these rising fuel taxes is that it would be better for the environment and it would lower carbon emissions, and he even said that one of the new updates for this law is that if you have a greener car you will get tax rebates.

Of course, these statements are basically just to win over the left-wing support that might back environmental concerns; but that’s probably one of the other reasons why he labeled the protesters as far-right.

But it’s not really what these taxes are about, people cannot go out and afford to buy a brand new car because it’s greener, they can barely afford purchase fuel, so of course he’s just using environment and left-wing bulletins to try to pop himself up, but he’s definitely the president of the rich not of the poor.

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *