jos55 instaslot88 Pusat Togel Online “เนทันยาฮู”ช่วยให้ดวงตาเห็นธรรม - INEWHORIZON

INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

“เนทันยาฮู”ช่วยให้ดวงตาเห็นธรรม

สบาย สบาย สไตล์เกษม

เกษม อัชฌาสัย

ช่วงนี้มีการเลือกตั้งในหลายประเทศครับ นอกเหนือไปจากที่บ้านเรา ซึ่งกระบวนการเลือกตั้งยังไม่แล้วเสร็จสิ้นเรียบร้อย แต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กลับถูกรุมวิจารณ์ให้เสียหายยิ่งกว่าครั้งใดๆ ว่าล่าช้าบ้าง พยายามโกงเลือกตั้งบ้าง แถมมีบางกลุ่มเข้าชื่อ เรียกร้องให้ถอดถอน กกต. ถึงกับกกต.ต้องฟ้องร้องผู้วิจารณ์ ฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

โดยเมื่อวันที่ ๙ เมษายนที่ผ่านมา ก็มีการเลือกตั้งทั่วไปในอิสราเอล และในวันที่ ๑๗ เมษายนที่จะถึงนี้ จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในอินโดนีเซีย ซึ่งคราวนี้ จะเลือกทั้งสมาชิกสภาที่ปรึกษา  ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี ไปพร้อมๆ กันสามประเภท เป็นครั้งแรก

สำหรับบ้านเรา ไม่ต้องวิจารณ์ให้มากเรื่อง แม้จะเตรียมจัดตั้งรัฐบาลอย่างไม่เป็นทางการกันบ้างแล้ว ทั้งนี้ จนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการการเลือกตั้งและประกาศผลอย่างเป็นทางการ ภายในวันที่ ๙ พฤษภาคม ตามที่กำหนด

ที่จะหยิบยกมาเขียนวันนี้ ก็คือการเลือกตั้งในอิสราเอล ซึ่งขณะที่เขียนเรื่องนี้ ตอนเที่ยงวันที่ ๑๐ เมษายน ยังคงนับคะแนนไม่แล้วเสร็จ(๑๒๐ ที่นั่ง) แต่หัวหน้าพรรคหลักๆคือพรรคลิคูด(นิยมขวา) คือ”เบนจามิน เนทันยาฮู”และพรรคพันธมิตรทางสายกลาง”บลู แอนด์ ไวท์”(คาโฮล ลาวาน)คือ”เบนนี กานต์ซ”ต่างก็อ้างว่า ฝ่ายตนชนะเลือกตั้ง

“เอ็กซิต โพล”(การหยั่งเสียงโดยสอบถามผู้ที่ออกจากคูหาเลือกตั้งหลังใช้สิทธิ์)ทำนายว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคหลักๆ สองฝ่าย ต่างได้คะแนนอย่างคู่คี่หรือเฉียดฉิว โดยต่างฝ่ายก็คำนวณว่า ฝ่ายตนจะได้ที่นั่ง ๓๕ ที่ในสภา”คเนสเสต”หรือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามระบบสภาเดี่ยว

ตามข้อเท็จจริงของผลการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ ไม่เคยปรากฏเลยว่า เคยมีพรรคใด ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง(๖๑ ที่นั่ง) ที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้เอง ดังนั้นทุกครั้งในการเลือกตั้ง พรรคหลัก(ที่ได้คะแนนมากที่สุด)จึงต้องตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคเล็กพรรคน้อยอื่นๆ ซึ่งในครั้งนี้ ก็มีอีก ๑๑ พรรค-กลุ่ม ที่รออยู่ ทั้งนี้ แล้วแต่ว่า พรรคใดจะมาร่วม ในเงื่อนไขที่ว่า จะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ซึ่งจะต้องมีการต่อรองกันอย่างไม่เป็นทางการ

พรรคใดสามารถรวบรวมที่นั่งได้มากกว่า ก็จะจัดตั้งรัฐบาลผสมหลายฝ่ายขึ้นมา ทั้งนี้ หมายความว่า พรรคที่ได้คะแนนสูงสุด จะได้สิทธิในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่า จะเป็นฝ่ายใด ระหว่างพรรคลิคูดกับพรรคพันธมิตรสายกลาง”บลู แอนด์ ไวท์”

ที่น่าตื่นใจตื่นตามากก็คือ ทั้งพรรคลิคูดและพรรค”บลู แอนด์ ไวท์”ต่างได้ที่นั่ง ๓๕ ที่เท่ากัน ในการนับคะแนนที่ดำเนินมาได้แล้ว ๙๔ เปอร์เซ็นต์(เมื่อเวลา ๑๕.๐๐ น.ในไทย)  อีก ๖ เปอร์เซ็นต์คือ”ตัวแปร”สำคัญที่จะชี้ขาด ว่าใครจะได้สิทธิในการจัดจั้งรัฐบาลก่อน

อย่างก็ตาม”เนทันยาฮู”(นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน)ก็ชิงแถลงแล้วว่า “นี่คือค่ำคืนของชัยชนะ”

ที่น่าสนใจก็คือ หาก”เนทันยาฮู”สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้คราวนี้ ก็จะเป็นสมัยที่ ๕ ที่เขาขี้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ยาวนานที่สุดของอิสราเอล

ถามว่า ทำไม”เนทันยาฮู”เป็นที่นิยมของชาวอิสราเอลกลุ่มหนึ่งทั้งๆ ที่เขาถูกดำเนินคดีฟ้องร้องฐานคอรัปชั่น และขบวนการดำเนินคดีก็ใกล้จะสิ้นสุด

แต่เมื่อยังไม่ถูกพิพากษาชี้ขาดว่าผิด ก็ถือว่า”เนทันยาฮู”ยังคงบริสุทธ์ผุดผ่องอยู่ แม้พยานหลักฐานแวดล้อมทั่วไป จะบ่งชี้ว่า เข้าข่ายกระทำผิดไปแล้ว

ตอบว่านโยบายขวาจัด ชนิดที่ไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ตามกฎหมายระหว่างประเทศของเขา โดยการทำสงคราม(ไม่ประกาศ)ครั้งแล้วครั้งเล่า รุกล้ำทำลายล้างปาเลสไตน์อย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง ด้วยการระดมทิ้งระเบิดในฉนวนกาซา แถมส่งทหารและรถถังเข้าไปกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธที่อิสราเอลเรียกว่า”ผู้ก่อการร้าย” เป็นครั้งคราว เพื่อแก้แค้นการลักลอบโจมตี ของกองโจรปาเลเสไตน์กลุ่มต่างๆ โดยไม่สนใจกับความเป็นความตายของพลเรือนปาเลสไตน์ ชนิดที่ไร้คุณธรรมใดๆ  ซึ่งเป็นที่ถูกใจชาวอิสราเอลกลุ่มนี้มาก

ทั้งไม่สนใจในประเด็นการทำผิดกฎหมาย ด้วยการปล่อยให้ชาวอิสราเอล เข้าไปตั้งถิ่นฐานใหม่ๆในพื้นที่ยึดครอง(ตั้งแต่สงครามหกวัน ปี ๑๙๖๗)บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นแผ่นดินของปาเลสไตน์ โดยไม่ยอมคืนให้ แถมยังได้รับการหนุนหลังจากประธานาธิบดี”โดนัลด์ ทรัมพ์”แห่งสหรัฐ เช่นเดียวกับที่สหรัฐ หนุนอิสราเอลผนวกที่ราบสูงโกลันของซีเรียเป็นของตน หลังจากที่สหรัฐรับรองนคร“เยรูซาเลม”ไปก่อนหน้าเป็นชาติแรกว่า คือเมืองหลวงของอิสราเอล ท่ามกลางความเจ็บปวดกลุ่มชาติอิสลาม ที่ต้องการให้ “เยรูซาเลม”เป็นดินแดนอิสระ

ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่”ถูกใจ” ชาวอิสราเอลทั่วไป ที่เชื่อและศรัทธาว่า เหล่านี้คือแผ่นดิน ที่พวกเขาสมควรจะได้มา เพราะเป็นแผ่นดินสัญญา(Land of Promise)ที่พระเจ้าทรงมอบให้แก่พวกเขา เพราะเช่นนั้น จึงกล้าอ้างสิทธิ์ ”เอาเปรียบ”ชาวปาเลสไตน์ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่คำนึงถึงข้อสัญญาแบ่งสรรการครอบครองดินแดนไปแล้ว ตามมติของสหประชาชาติเมื่อปี ๑๙๔๗ หมายความว่า สัญญาของพระเจ้าสำคัญกว่าสัญญาของมนุษย์

ที่นี้มาดูว่า “เบนนี กานต์ซ”หัวหน้าพรรค”บลู แอนด์ ไวท์”พันธมิตรทางสายกลาง เป็นใครและมีนโยบายอย่างไร ทำไมจึงสามารถดึงคะแนนได้ใกล้เคียงพรรค”ลิคูด”

“กานต์ซ”วัย ๕๘ ปี เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองกำลังป้องกันอิสราเอล(ไอดีเอฟ) ระหว่างปี ๒๐๑๑-๒๐๑๕

เขาตั้งพรรค”พรรคอิสราเอลยืดหยุ่น”(Israel Resilience)ขึ้นเมื่อปี ๒๐๑๘ จากนั้นเขานำเอาพรรคของเขา เข้ารวมกับพรรค”เตเลม”และพรรค”เยช อาติด” หลอมตัวออกมาเป็นพรรค”บลู แอนด์ ไวท์”ซึ่งหมายถึงสีธงชาติอิสราเอล นำเสนอนโยบายหลัก ว่าจะต้องจัดเทอมหรือระยะในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐ ไม่เกินกี่เทอมเพื่อขจัดความเป็น”เผด็จการ”อย่างต่อเนื่อง ซึ่งพอจะอ่านออกว่า เป็นนโยบายที่ต่อต้าน”เนทันยาฮู”โดยตรง

นโยบายต่อไปคือ ห้ามนักการเมืองที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเข้าไปมีที่นั่งในสภา(นี่ก็ต้าน”เนทันยาฮู”) / แก้ไขกฎหมายว่าด้วยชาวอิสราเอลที่เป็นชนกลุ่มน้อย / ที่สำคัญมากอีกอย่างคือ เริ่มเปิดการเจรจาใหม่กับทางการปาเลสไตน์เพื่อตกลงสัญญาสันติภาพ

เพราะเช่นนั้น จึงไม่แปลก ที่เขาจะได้รับการสนับสนุนจากลุ่มชาวอิสราเอลที่นิยมเดินทางสายกลางๆ ไม่ชอบนโยบายขวาจัดอย่างนโยบายพรรค”ลิคูด”

เขียนจนมาถึงตอนนี้ ก็ชักจะได้กลิ่นทะแม่งๆ ว่า “เนทันยาฮู”น่าจะได้กลับมาเป็นนายรัฐมนตรีอีกครั้ง เมื่อการนับคะแนนสิ้นสุดลง

ก็เลยเกิดอาการดวงตามมองเห็นธรรม(“ซาโตริ”)ขึ้นมาโดยพลันว่า ทำไมชาวอีสานและชาวเหนือ เขาจึงนิยมชมชื่นใน”ทักษิณ”เสียเหลือเกิน ถึงเขาจะเลวทรามต่ำช้า เพียงไร

“พรรคเพื่อไทยลงเลือกตั้งเมื่อไร ก็ชนะเมื่อนั้น”

นี่คือถ้อยคำของ“ทักษิณ”ที่ประกาศไว้ เมื่อเร็วๆ นี้

 

 

 

 

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *