สถานการณ์เมียนมายิ่งย่ำแย่
สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
สถานการณ์เมียนมายิ่งย่ำแย่
มีรายงานล่าสุด(เผยแพร่เมื่อ ๘ สค.๖๖)จากสหประชาชาติเปิดเผยหลักฐานชัดเจนว่า นับวันกองทัพเมียนมาและเครือข่ายอาสาสมัคร มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายก่ออาชญากรรมสงครามสามลักษณะในการปราบประชาชน(ซึ่งกองทัพเรียกว่า”ผู้ก่อการร้าย)ที่ลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลทหารดังนี้คือ
๑ ฆ่าพลเรือนหรือเชลยที่จับไว้
๒ ใช้วิธีทรมาน
๓ ย่ำยีบีฑาทางเพศ
นั่นเป็นเนื้อหาสรุปของรายงานการสอบหาข้อเท็จจริงเฉพาะในช่วงระหว่างปี ๒๐๒๒-๒๐๒๓
คงจำกันได้นะครับว่า การปราบปรามประชาชนเริ่มมาตั้งแต่เผด็จการทหารเมียนมาโค่นล้มรัฐบาลของ”ออง ซาน ซูจี”ในเดือนกุมภาพันธุ์ ปี ๒๐๒๑ แล้ว
นับแต่นั้น มีการใช้ความรุนแรงชนิดนองเลือด ทำลายล้างผู้ที่ต่อต้านรัฐบาลและได้ใช้วิธีการอันโหดนี้ แผ่ขยายไปทั่วประเทศ หมายให้เกิดความหลาบจำ
หน่วยงานไอไอเอ็มเอ็ม.ในสังกัดสหประชาชาติ เรียกอย่างเป็นทางการว่า”กลไกอิสระเพื่อการสอบสวนกิจการเมียนมา”ระบุว่า หลายชุมชน ถูกทำลายล้างด้วยการระดมยิง ด้วยการเผาหมู่บ้าน
“นิโคลาส คุมเจียน”หัวหน้าหน่วยไอไอเอ็มเอ็ม.เปิดเผยหลักฐานยืนยันว่า มีการก่ออาชญากรรมสงครามเพิ่มขึ้น ก่ออาชญากรรมต่อต้านมนุษยชาติก็ขยายตัวมากขึ้น
แถมกระทำอย่างมีระบบต่อพลเรือน ซึ่งมิใช่ข้าศึกเลย
พร้อมกันนี้ เขาก็ยืนยันว่า หลักฐานที่รวบรวมมาได้นั้น สามารถใช้ในการยื่นฟ้อง ดำเนินคดีเอาผิด ผู้ลงมือกระทำเป็นรายบุคคลได้เสียด้วยซ้ำไป
รายงานระบุว่า แม้คณะทำงานของไอไอเอ็มเอ็ม.ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุ แต่ก็ได้แหล่งข้อมูลมากถึง ๗๐๐ แห่ง สามารถรวบรวมข้อมูลมาราว ๒๓ ล้านหน่วย
ข้อมูลที่ว่ารวมถึงการให้ปากคำของพยาน เอกสาร ภาพ วิดีโอ หลักฐานพิสูจน์ศพและภาพถ่ายทางดาวเทียม
ผมว่า เมื่อเปิดเผยออกมาอย่างนี้แล้ว ก็น่าจะส่งเรื่องต่อตามขบวนการยุติธรรม ให้ดำเนินการฟ้องร้อง ให้เป็นเรื่องเป็นราวได้เลย
ทีนี้มาดูกันต่อไปว่า ไอไอเอ็มเอ็ม.ดำเนินการอย่างไร
มีรายงานเพิ่มเติมว่า ด้วยความร่วมมือของ”ศาลสากลเพื่อความยุติธรรม”และ”ศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ” ไอไอเอ็มเอ็ม.ได้วางแผนเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีอุกฉกรรจ์แล้ว ในระดับสากล เพื่อดำเนินการฟ้องร้อง
แต่ก็ยังพยายามแสวงหาหลักฐานเพิ่มเพื่อเชื่อมโยงให้สามารถดำเนินคดีปัจเจกบุคคล โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐบาลทหารเมียนมา ที่มีตำแหน่งสูงๆ ในระดับผู้ออกคำสั่ง
ทั้งนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้บังคับบัญชาย่อมอยู่ในวิสัยที่สามารถ”กำชับ”ให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา มิให้กระทำการใด ๆ อันเป็นการล่วงละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ อันเป็นอาชญากรรมสงคราม
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ซอ หมิ่น ทุน โฆษกกองทัพบกเมียนมาก็ปฏิเสธกับสำนักข่าว”อัลจาซีรา”ไม่รับรู้ว่านายทหารระดับสูงเกี่ยวข้องอะไรกับการก่อาชญากรรมที่ว่า ซึ่งก็เป็นการปฏิเสธซ้ำๆ ที่เคยปฏิเสธมาแล้ว
รายงานของไอไอเอ็มเอ็ม.ย้ำว่ามีการใช้ทหารเด็กติดอาวุธในการกระทำ“ต่างกรรมต่างวาระ”, เพิ่มใช้วิธีทรมาน, ใช้ความรุนแรงทางเพศและใช้พฤติกรรมอันมิควรอื่นๆ ต่อผู้ต้องขังเป็นจำนวนมาก
ทั้งหมดนี้ ผมพยายามกลั่นกรองมาจากข้อมูลของสำนักข่าว”อัลจาซีรา”เพื่อนำมารายงานต่อ ให้พี่น้องคนไทยได้รับทราบ
ขอขอบคุณ”อัลจาซีรา”มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ทั้งนี้ เพื่อท่านผู้อ่าน จะได้ตระหนักว่า “เผด็จการทหาร”ที่แท้จริงนั้น โหดเหี้ยมสาหัสสากรรจ์เพียงไร ไม่เหยาะแหยะ เป็นเผด็จการหลอกๆ
เผด็จการที่ว่าแย่ ๆ ในบ้านเรานั้น เทียบเคียง ไม่ได้หรอก
ลองไปถาม“บิ๊กตู่”ดูได้เลยครับ