ทำไม“ทรัมป์”ส่งทหารปราบจลาจลที่แอลเอ

สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
ทำไม“ทรัมป์”ส่งทหารปราบจลาจลที่แอลเอ
การเป็นผู้นำประเทศนั้นไม่ใช้เรื่องง่ายๆ เลยครับ เพราะจะต้องเตรียมตัวไว้ให้พร้อมล่วงหน้านานมาก
เตรียมตัวไว้ทั้งในด้านดีและด้านร้าย แบบที่”มาเคียเวลลี”(ปราชญ์ทางรัฐศาสตร์ชาวฟลอเรนซ์)เขียนไว้ในหนังสือ The Prince ที่ว่า :-
“ผู้ปกครองไม่ควรยึดติดกับคำพูดมากเกินไป และพึงตระบัดสัตย์เมื่อจำเป็น”
เขาบอกด้วยว่า”ผู้นำจำเป็นต้องมีคุณลักษณะเด่นของสุนัขจิ้งจอกและสิงโตอยู่ในตัว”
ซึ่ง”โดนัลด์ ทรัมป์”ก็เป็นเช่นที่ว่านั้นและได้ปรากฏชัดแล้ว จากการที่เขาสั่งปราบจลาจลในนครลอส แองเจลีส โดยไม่ไว้หน้าใคร ทั้งนั้น
เป็นการจลาจลอันต่อเนื่องมาจากการชุมนุมประท้วงต่อต้านการจับกุมผู้อพยพลักลอบเข้าเมืองอย่างน้อยสี่คน(เมื่อ ๖ มิย.๖๘) โดยเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
ซึ่งลุกลามกลายเป็นการทำลายล้างแบบไร้สติของฝูงชน ก้วยการเผารถ ปล้นและตีชิง ร้านค้า โดยข่าวล่าสุดระบุว่าทั้งสี่คนที่ถูกจับ ถูกเนรเทศกลับเม็กซิโกไปแล้วในทันที
ในการนี้ “ทรัมป์”เห็นว่าตำรวจลอสแองเจลีสเอาไม่อยู่ ก็เลยส่งกองกำลังพิทักษ์ชาติ ๒,๐๐๐ นายเข้าไปไปรักษาความสงบ
ทำให้ความวุ่นวายอลหม่านขยายตัวไปทั่ว”ลอสแองเจลีส เคาน์ตี้”
ด้วยมุ่งมั่นว่า ทุกอย่างจะเรียบร้อยจริง ๆ”ทรัมป์”จึงส่งหน่วยนาวิกโยธินอีก ๗๐๐ นายเข้าไปสมทบ โดยไปตั้งกำลังรอคอยการสนับสนุน ที่จำเป็น ในการปราบปราม
ราวกับทำสงครามนอกบ้านเลยทีเดียวเชียว
แต่คราวนี้เป็นการทำสงครามกับประชานของตนเองภายในบ้าน
ก็เลยทำให้เกิดการปะทะกันทั้งๆ ที่ฝ่ายก่อเหตุมือเปล่า โดยเจ้าหน้าที่ใช้แก๊ส น้ำตาและกระสุนยางยิงใส่ แทบจะไม่เลือกเป้า เพื่อสลายการชุมนุมประท้วง
แม้แต่ผู้สื่อข่าวทีวี ก็ยังพลอยโดนกระสุนยางเข้าที่ขา เจ็บไปด้วย เพราะมัวแต่รายงานข่าวแบบไม่ระวังตัว
จนในขณะที่เขียนเรื่องนี้(๑๑ มิย.๖๘) เหตุการณ์เริ่มสงบแล้วก่อนจะครบเจ็ดวัน
การจับกุมผู้อพยพเข้าเมืองดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายขับไล่ผู้อพยพผิดกฎหมายที่”ทรัมป์”หาเสียงเอาไว้ เพราะเชื่อว่าเข้ามาแย่งชิงอาชีพและใช้บริการสาธารณูปโภค เป็นการเบียดบังผลประโยชน์ของชาวอเมริกัน
แต่ในทางตรงกันข้ามที่”ทรัมป์”กลับถูกทั้งนายกเทศมนตรีนครลอสแองเจลีสและผู้ว้าการัฐแคลิฟอร์เนียต่อต้าน
ว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของรัฐ รัฐบาลกลางที่กรุงวอชิงตีน ดีซี ไม่เกี่ยว
ในการนี้”กาวิน นิวซัม”ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ถึงกับยื่นฟ้องร้องศาลสหพันธ์ให้ชี้ขาดว่า การส่งทหารเข้าไปโดยมิได้ขออนุญาตจากผู้ว่าการรัฐนั้นกระทำไม่ได้ ถือว่าเป็นการล่วงละเมิดกฎหมายท้องถิ่น
แต่กลับปรากฏว่าศาลสหพันธ์(ขึ้นตรงกับรัฐบาลกลาง)ไม่รับพิจารณาคำร้องนั้น เป็นที่น่าสังเกต
“กมลา แฮร์ริส”อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐในสมัยประธานาธิบดี”โจ ไบเดน”ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ก็ออกมาส่งเสียงต่อต้านว่า
การที่”ทรัมป์”ส่งทหารเข้าไป แทนที่จะช่วยรักษาความสงบแต่กลับเป็นการยั่วยุให้การจลาจลกระจายตัวมากขึ้น
ซึ่งก็เป็นทีท่าทีเดียวกับกับ”ผู้ว่าการรัฐ””กาวิน นิวซัม”ซึ่งทะเลาะกับ”ทรัมป์”ทางโทรศัพท์มาแล้ว ก่อนหน้าที่”ทรัมป์”ส่งทหารเข้าไป เพราะเขาไม่เชื่อฝีมือตำรวจลอสแองเจลีส ว่าจะจัดการให้เกิดความสงบเรียบร้อยได้
ที่จะต้องรู้อีกอย่างหนึ่งก็คือ”กาวิน นิวซัม”นั้นสังกัดพรรคเดโมแครต
เพราะเช่นนั้น อะไรที่”ทรัมป์”จะทำได้ เพื่อทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของสาธารณชนต่อพรรคเดโมแครต
เขาก็จะต้องกระทำ
เป็นไงครับ เจ้าเล่ห์แสนกล เฉกเช่นสุนัขจิ้งจอกในร่างสิงโต เช่นที่”มาเคียเวลลี”ว่าไว้ขนาดไหน
แต่ในอีกนัยหนึ่งนั้น เป็นได้ว่างานนี้ “ทรัมป์”ทำเพื่อโชว์ให้คนอเมริกันคร้ามเกรงว่า เขาเอาจริงแน่ ถ้าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ณ ที่อื่นๆในสหรัฐ
โดยไม่สนใจว่าเป็นพฤติการณ์ที่เสี่ยงต่อการล่วงละเมิดสิทธิมนุษย์หรือไม่
เป็นยังไงครับ มาตรฐานทางจริยธรรมของผู้นำชาติมหาอำนาจในยุคนี้
ในชาติที่ไม่ใช่อภิมหาอำนาจก็มีในอีกหลายประเทศครับ







