กรณีศึกษาขบวนการประชาธิปไตยที่ฮ่องกง
การประท้วงใหญ่ต่อร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ฮ่องกง ซึ่งมีประชาชนออกมาต่อต้านถึงหลักล้านในช่วงพีค และหลายแสนที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
นับเป็นขบวนการประชาธิปไตยที่มาเปิดตัวกันถึงหน้าประตูบ้านจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ แม้ว่าผู้ปกครองฮ่องกง นางแครี่ แลม จะยอมถอยโดยสั่งระงับการประกาศใช้ โดยเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ต่อมาก็ยังยืนยันว่าจะไม่มีการประกาศใช้ ไม่ว่าเมื่อไร แต่ชาวฮ่องกงก็ยังไม่ยินยอม ล่าสุดถึงกับมีกลุ่มเยาวชนจำนวนหนึ่งบุกเข้าไปในสภาทุบทำลายกระจกโต๊ะเก้าอี้อุปกรณ์ต่างๆ พ่นสีข้อความด่าทอรุนแรง ติดธงอังกฤษจนนางแครี่ แลม ต้องออกมาประณามและย้ำเตือนว่าจะไม่มีการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว แต่ชาวฮ่องกงก็ยังไม่ยอมเพราะเรียกร้องให้ยกเลิกไปเลยด้วยความไม่ไว้วางใจว่าจะแอบนำมาประกาศใช้เมื่อไรก็ได้ เพราะผ่านสภาแล้ว ที่สุดเรียกร้องให้ผู้ปกครองลาออก
ชาวฮ่องกงกลัวอะไรกับร่างกฎหมายนี้ เรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน ได้ความว่าเกรงว่าจะมีผลเสียต่อขบวนการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยที่มีความเห็นไม่ตรงกับรัฐบาลจีน แล้วทางการจีนก็จะในคณะผู้ปกครองฮ่องกงส่งตัวตามกฎหมายนี้ไปให้จีนอย่างเช่น โจชัว หว่อง เป็นต้น และความกลัวนี้ก็ไม่ใช่จะไม่มีมูลเอาเสียเลย
ทีนี้มาดูระบบการปกครองของฮ่องกงนับแต่อังกฤษหมดสัญญาเช่า 100 ปีแล้ว จนถึงวันนี้ก็ 22 ปี จีนก็ยังคงไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า ใช้นโยบาย 1 ประเทศ 2 ระบบตามนโยบายเติ้งเสี่ยวผิง ฮ่องกงต่างกับไต้หวันเพราะจีนส่งคนเข้ามาปกครองและเปิดฝาหม้อให้มีการเลือกตั้งผสมด้วย ทั้งนี้มีจำนวนสมาชิกสภา 70 ที่นั่ง 35 ที่นั่งเลือกตั้งจากเขตต่างๆ และตัวแทนสภาตำบล 5 ที่ อีก 30 ที่นั่งให้มีการเลือกกันเองตามอาชีพ และองค์การธุรกิจ และมีองค์ประกอบของผู้แทนชาวจีนที่อาศัยอยู่ในฮ่องกงวที่ได้รับเลือกจากสภาประชาชนจีนในแผ่นดินใหญ่
ด้วยระบบเลือกตั้งที่ซับซ้อนและจำนวนพรรคถึง 26 พรรค ทำให้ยากที่จะครองเสียงข้างมากในสภา แม้พรรคเดโมแครตจะได้จำนวนมากก็ตาม ส่วนผู้ปกครองนั้นจีนส่งมา ซึ่งก็มีข้อตกลงว่าในอีก 4 ปี ข้างหน้าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปและขยายขอบเขตให้ครอบคลุมทั้งหมด แทนการเลือกกลุ่มอาชีพ และถัดไปอีก 4 ปี จะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าการฮ่องกงอีกด้วย
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของสมัชชาใหญ่ของจีนอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อวิเคราะห์สถานการณ์จะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ประท้วงนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะได้รับการสนับสนุนจากประเทศตะวันตกเพื่อเขย่มสถานการณ์ให้จีนต้องกังวลใจ ในขณะที่มีความตึงเครียดกับสหรัฐฯในหลายเรื่องนอกจากสงครามการค้ายังมีเรื่องทะเลจีนใต้ ไต้หวัน ตลอดจนการต่อสู้กันทางเวทีนานาชาติต่าง
แต่ก็มีข้อสังเกตว่าในช่วงก่อนการบุกเข้าไปทุบทำลายสภาผู้แทนมีการโยกย้ายตำรวจที่เฝ้ารักษาอาคารออกไป เหมือนเป็นการเปิดช่องให้ผู้ชุมนุมบุก ถามว่าทำไม ก์พอจะหาคำอธิบายได้ว่า จีนอาจจะเตรียมส่งกำลังทหารเข้าไปปราบปรามผู้ประท้วงเพราะดูแล้วผู้ปกครองฮ่องกงเอาไม่อยู่แน่ จึงต้องการทำให้ภาพลักษณ์ของผู้ประท้วงเสียหาย ป่าเถื่อน เวลาปราบจะได้ดูมีเหตุอันควร
ส่วนข้อกล่าวหาว่าตะวันตกให้การสนับสนุนการประท้วงนั้น ก็มีคำอธิบายได้ว่าต้องการกดดันจนจีนทนไม่ได้ และทำการปราบปรามอย่างรุนแรง อันเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของรัฐบาลจีนที่พยายามให้โลกเห็นว่าจีนรักสันติไม่นิยมความรุนแรง จะเห็นได้ว่าในช่วงเวลาที่ประท้วงนี้สื่อกระแสหลักของตะวันตกเกาะติดเหตุการณ์โดยตลอด และตีข่าวใหญ่ไปทั่วโลก
ภาพเหล่านี้ดูๆไปแล้วคล้ายกับเหตุการณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้นในประเทศไทย เพียงแต่ว่าพวกที่เชียร์จีนก็ไปโจมตีพวกเห็นต่างกับรัฐบาลว่าเป็นคอมมิวนิสต์บ้าง เป็นสังคมนิยมบ้าง อันจะเป็นอันตรายต่อสถาบัน ทั้งๆที่จีนเป็นประเทศที่ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์
ส่วนพวกที่สนับสนุนประชาธิปไตย ก็ถูกฝ่ายที่เชียร์เผด็จการว่าได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯและพันธมิตร โดยที่รัฐบาลนี้และรัฐบาลใหม่มีความสนิทชิดเชื้อกับจีน ซึ่งปกครองตามระบอบคอมมิวนิสต์
ก็เลยไม่รู้ว่าแล้วผู้ที่อาจจะออกมาประท้วงรัฐบาลในประเทศไทยเป็นอะไรกันแน่ และรัฐบาลสนับสนุนระบอบอะไรกันแน่ หรืออะไรก็ได้ถ้าเป็นประโยชน์แห่งตน
ก็แทบไม่น่าเชื่อที่สมัยนี้ยังมีการปลุกระดมเรื่องคอมมิวนิสต์กันอีก ลุงถ้าจะหลงยุคแล้ว