INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

สามเรื่องสำคัญที่ไม่ต้องอ่านก็ได้

สบาย สบาย สไตล์เกษม

โดย เกษม อัชฌาสัย

สามเรื่องสำคัญที่ไม่ต้องอ่านก็ได้

เรื่องแรก เป็นความกังวลที่เกิดขึ้นทั่วโลก ว่าจะเกิดสงครามระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่อาจปะทุขึ้นมาอีกคู่หนึ่ง จากการดันทุรังเสี่ยงไปเยือนเกาะไต้หวันของนาง”แนนซี เพโลซี”ประธานสภาผู้แทนสหรัฐ โดยรัฐบาลปักกิ่งหรือรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน(หรือจีนแผ่นดินใหญ่)ออกข่าวขู่ว่า การเยือนไต้หวัน ถือได้ว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งยวด จะไม่ยอมให้เกิดมีการล่วงล้ำอธิปไตย เพราะจีนยังคงถือว่าไต้หวัน ยังคงเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของแผ่นดินจีน (แม้จะแยกตัวออกไปตั้งตัวปกครองตนเองตั้งแต่ “เจียง ไคเช็ก”พาพลพรรค”ก๊กมินตั๋ง”หนีกองทัพจีนคอมมิวนิสต์ ในปี ๒๔๙๒)

ข่าวที่ออกมาถึงกับระบุว่า จีนจะยิงเครื่องบินที่”เพโลซี”โดยสารไป หากบินล้ำน่านฟ้าไต้หวัน ซึ่งจีนถือว่าเท่ากับเป็นการล่วงละเมิดอธิปไตยเหนือดินแดนของตน จึงสั่งเตรียมพร้อมและซ้อมรบยิงกระสุนจริง ซึ่งเท่ากับเป็นการคุกคาม ทำให้ดูน่ากลัวมาก

ในขณะที่มีข่าวด้วยว่า ทางทัพเรือสหรัฐก็ส่งเรือรบห้าลำ แล่นไปลอยลำในมหาสมุทรแปซิฟิก นอกฝั่งจีน เพื่อให้การคุ้มครอง”เพโลซี”และคณะ ซึ่งหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐบาลสหรัฐ

แม้แต่ทางไต้หวันเอง ก็เตรียมพร้อมทางอากาศ ส่งเครื่องบินรบชั้นดีและทันสมัย ขึ้นลาดตระเวณ หมายรับมือการโจมตีของจีน

ในที่สุด “เพโลซี” ก็นำคณะส.ส.อเมริกันจำนวนหนึ่งไปลงยังไต้หวันได้โดยปลอดภัย พร้อมแถลงข่าวผ่านทางทวีตเตอร์ว่า

“การเยือนไต้หวันของคณะผู้แทนของเรา ก็เพื่อแสดงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของสหรัฐ ในการสนับสนุนประชาธิปไตยที่สดใสของไต้หวัน”

หากวันนี้ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๕ นาง”เพโลซี”เดินทางออกจากไต้หวันกลับสหรัฐได้สำเร็จ ก็แสดงว่า จีนไม่ได้”เอาจริง”ทำตามที่ขู่ไว้ ซึ่งสะท้อนว่า

๑ สหรัฐโดยนาง”เพโลซี”ยอมเสี่ยงตาย ด้วยการทำอะไรบ้าๆ เพียงเพื่อสะท้อนความเป็นอเมริกันบ้าดีเดือด แม้ต้องตาย เพราะย่อมดีกว่า ถูกลบเหลี่ยม

นับว่าเป็นนิสัยสันดานดิบ ที่ติดมาจากพวก”คาวบอย”ซึ่งเร่ร่อนเลี้ยง-ต้อนวัว ในยุคพิชิตตะวันตก

จึงแน่นอนว่า สหรัฐพร้อมเสี่ยงจะปะทะกับจีน (แม้ตามความเป็นจริง จะไม่พร้อมเท่าไรเลย ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยเช่นนี้ แต่ก็พยายามรักษาหน้าไว้ )

๒ จีน”ไม่แน่จริงที่”จะก่อเรื่อง” เพราะตระหนักว่า ”ได้จะไม่เท่าเสีย”ต่อปัญหาที่จะเกิดติดตามมา หาก”สอย”เครื่องบินโดยสารนาง”เพโลซี” (ได้ข่าวว่าเป็นเครื่องบินของกองทัพอากาศสหรัฐเสียด้วยซ้ำ คือ “โบอิง-ซี ๔๐ ซี”)

หากเกิดสงคราม ก็จะทำให้จีนต้องสูญเสียโอกาส ในการพัฒนาเศรษฐกิจภายใน รวมทั้งความพยายามสร้างเครือข่ายเศรษฐกิจเข้าครอบคลุม ทั้งในเอเชียและอาฟริกา ซึ่งใกล้ประสบความสำเร็จเข้าไปทุกขณะ ทั้งนี้ เป็นความทะเยอทะยานที่จะก้าวขึ้น มาแทนที่สหรัฐในแง่ความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ

เรื่องที่ ๒ ว่าด้วย การเด็ดหัวนาย”อัยมาน อัล-ซอวาฮิรี”วัย ๗๑ ปี ผู้นำขบวนการ”อัล กออิดะห์” ที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆเมื่อเวลา ๐๖.๑๘ น.ของวันที่ ๓๑ กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ ด้วยการที่สหรัฐใช้อาวุธทันสมัยคือ”โดรนสังหาร”เล็งด้วยเลเซอร์ ยิงโจมตีอย่างแม่นยำ ตายคาที่ (ถือว่าเป็นการสังหารแบบ”การุณยฆาต”ที่แนบเนียน เพราะลูกสาวและภริยาของเขาไม่ได้รับอันตรายเลย) บนระเบียงบ้าน ณ วิลลาที่ครอบครัวเขาพำนักมานาน ในกรุงกาบุล หลังจากที่เขาละหมาด(นมัสการพระผู้เป็นเจ้า)ซุบหิเสร็จ แล้วก็คงจะนั่ง”ซิเกรฺ”(สรรเสริญพระเจ้า)และ”ดุอา”(ขอพร)ตามธรรมเนียมปฏิบัติ

นั่นคือช่วงเวลาที่เหมาะกับการลงมือ

หลังจากการ”เก็บ”ผู้นำคนแรกของขบวนการ”อัล กออิดะห์”คือนาย”โอซามะ บิน ลาเดน”ได้สำเร็จในยุคสมัยของประธานาธิบดี”บารัก โอบามา”แห่งสหรัฐ เมื่อปี ๒๕๕๔ “อัล-ซอวาฮิรี”หายตัวไป หลบลี้จากการไล่ล่า ชนิดเงียบกริบ แต่ก็ไม่หลุดพ้นจากการดมกลิ่นไล่ล่าของสหรัฐไปได้

จนกระทั่งฝ่ายข่าวกรองของสหรัฐเสาะหาพบและแน่ใจว่า แท้ที่จริง เขาซ่อนตัวอยู่กับครอบครัว ณ ที่พำนักถาวรในกรุงกาบุลนั่นเอง โดยหาข่าวในรายละเอียดถี่ยิบว่า วันๆเขาทำอะไร จะหาตัวได้ที่ไหน ในเวลาที่แน่นอนอย่างไร

ในที่สุด หลังจากตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก(อาจติดต่อกันหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน) จนแน่ใจว่า เขามีนิสัยออกมาทำละหมาดบนระเบียงที่พักทุก ๆ เช้ามืด ไม่มีพลาดนั่นแหละ

การวางแผนสังหารด้วยการสูญเสียน้อยที่สุด ก็คือการใช้โดรนสังหาร” คราวนี้ยิงมาจากอากาศสองนัด

แต่ไม่มีรายงานว่า”โดรนสังหาร”บินขึ้น”จากที่ใดและบังคับควบคุมจากไหน

“อัล-ซอวาฮิรี” นับเป็น”มือขวา”ของ”บิน ลาเดน” ผู้ก่อตั้งและเป็นผู้นำขบวนการ”อัล กออิดะห์” ซึ่งต่อต้านและขับไล่การแผ่อำนาจเข้าครอบงำของชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ในคาบสมุทรอาหรับ เป็นขบวนการซึ่งวางแผนก่อการร้ายครั้งใหญ่ คือการโจมตีสหรัฐในเหตุการณ์ 9/11 ถล่มใจกลางศูนย์ธุรกิจระดับโลกคือ”เวิร์ล เทรด เซ็นเตอร์” สร้างความแค้นชนิดฝั่งหุ่นต่อสหรัฐ จึงพยามไล่ล่าหมายขุดต้นตอที่ยังเหลืออยู่ ให้หมดสิ้น แต่ก็ยังไม่หมด

สมาชิกของขบวนการ”อัล-กออิดะห์”มีความเชื่อว่า“ชาวคริสต์”กับ”ชาวยิว”สมคบและจับมือกัน ในการต่อต้านและทำลายล้างอิสลาม อย่างเช่นในอิสราเอล จึงลุกขึ้นสู้ ด้วยวิธีการใช้ความรุนแรง ซึ่งถูกประณามว่าเป็นการ”ก่อการร้าย”

เมื่อ“อัล-ซอวาฮิรี” จบสิ้น / การดำรงอยู่ของ “อัล-กออิดะห์”ก็ตกอยู่ในสถานะที่สุ่มเสี่ยงล่อแหลม ไม่แน่ว่าจะหมดสิ้นสายพันธุ์ไปในที่สุด

แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า สายพันธุ์ที่อันตรายต่อสังคมยิ่งกว่าและยังคงดำรงอยู่ก็คือ ขบวนการ”ไอเอส”หรือ“รัฐอิสลาม”โดยกลุ่ม”วะหะบีย์”ซึ่งเป็นพวก”อนุรักษ์นิยมสุดโต่ง”ที่ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ในหลายประเทศ แม้สหรัฐจะคุยว่าปราบไปหมดแล้วก็ตาม

เรื่องที่ ๓ เป็นเรื่องเกี่ยวกับปากท้องของคนไทยเราเองครับ คือกรณีที่ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) นำเสนอต่อครม.พิจารณาอนุมัติ ขึ้นค่าไฟฟ้าจากหน่วยละ ๔.๐๐ บาทเป็นหน่วยละ ๔.๗๒ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๕ ปรากฏว่าล่าสุดนายกรัฐมนตรี”ประยุทธ์ จันทร์โอชา”ได้สั่งระงับเอาไว้ก่อน เพราะรู้แน่ชัดว่า หากปล่อยให้ขึ้นไปตามที่เสนอมา โดยกำหนดจะต้องชำระค่าไฟฟ้าตามใบเสร็จ ในอัตรานี้ ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคมคม ๒๕๖๕ นั้น จะซ้ำเติมภาระหนักหนาสาหัสสากรรจ์ต่อค่าครองชีพของประชาราษฎร์ ที่กำลังเผชิญกับภาวะข้าวของ”แพงระยับ”อยู่แล้วแน่ๆ

ก็ได้แต่ขอบคุณท่านนายกฯ ที่ระงับยับยั้งเอาไว้ก่อน

เพราะเวลานี้ คนไทยเรา เจอภาวะเงินเฟ้ออยู่แล้ว ตามสภาวะเศรษฐกิจโลก กล่าวกันว่าเศรษฐกิจไทยเราโดยรวมยังไม่ฟื้นตัวเป็นปกติดี เพราะการแพร่ระบาดของ”โควิด 19”ยังโหมกระหน่ำไม่หยุด เพียงไม่รุนแรงมาก เหมือนเดิม ที่เกิดก่อนหน้านี้ ยังพอที่จะเสี่ยงออกไป ทำมาหากิน หรือกลับมาประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้บ้าง เพื่อการดำรงชีวิตและธุรกิจ หลังจากที่พังทลายกันไปทั้งกระบวนอย่างต่อเนื่อง

แต่ต้องไม่ลืมข้อเท็จจริงที่ว่า ถึงอย่างไรๆ ค่าไฟฟ้า จะต้องขึ้นราคาแน่ในปีหน้า เพราะราคาน้ำมันในระดับโลก ขึ้นไปแล้ว เนื่องจากภาวะสงครามยูเครน ที่ส่งผลกระทบไปทั่ว

แต่ทั้งสองฝ่าย ก็ยังไม่พร้อมจะยุติสงคราม

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ชาวบ้านอย่างเราๆ ท่านๆ ก็สมควรจะต้องประหยัดการใช้ไฟฟ้าลง เช่น งดการใช้ฟ้าที่ไม่จำเป็น เพื่อลดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องรอให้รัฐบาลเรียกร้องขอความร่วมมือ

ถือว่า เป็นการซักซ้อม ช่วยตัวเองไว้ก่อนก็ได้ ก่อนที่จะเกิดขาดแคลนน้ำมันจริงจัง แล้วรัฐบาลต้องบังคับดับไฟ ทั่วประเทศเป็นระยะๆ เพื่อประหยัดเชื้อเพลิง อย่างเช่นในศรีลังกา

ทั้งหมดนี้ เป็นการนำเสนอข้อเขียนในรูปข่าวสาร ปนความเห็น ในสไตล์“โปปูรี”(potpourri) อันหมายถึง สิ่งละอันพันละน้อยครับเนื่องจากพิจารณาแล้ว เห็นว่าท่านผู้อ่านสมควรได้รับประโยชน์ จากเหตุการณ์สำคัญ ที่เกิดขึ้น ในปัจจุบัน

ใครไม่อยากรู้ หรือรู้ดีแล้ว ก็ผ่านไปได้เลย

ไม่ต้องอ่านขอรับ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *