รากฐานของข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน

รากฐานของข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน
โดยคำนิยามข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของเราเป็นบางสิ่งบางอย่างที่
คู่แข่งขันของเราไม่มี เพื่อที่จะค้นหาข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยั่งยืน
มองดูบางสิ่งบางอย่างที่คู่แข่งขันของเราไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ง่าย
ไมเคิล พอร์เตอร์ บิดาของกลยุทธ์ธุรกิจสมัยใหม่ โมเดลพลังห้าตัวของเขาดังก้องรอบห้องประชุมคณะกรรมการบริษัททั่วโลก บทความ 1996 ของเขา “What is Stratrgy” ได้ถูกอ้างถึงหลายพันครั้ง การแนะนำและคำนิยามที่ดีเยี่ยมของกลยุทธ์ธุรกิจ
ภายในบทความฉบับนี้ ไมเคิล พอร์เตอร์ ได้ระบุความแตกต่างระหว่างการปรับปรุงประสิทธิภาพ – เขาใช้ถ้อยคำว่าประสิทธิภาพการดำเนินงาน – และการเลือกกลยุทธ์
ประสิทธิภาพการดำเนินงานหมายถึงการทำกิจกรรม เช่น การผลิต การขาย และการจัดส่งให้ดีกว่าคู่แข่งขัน – นั่นคือ รวดเร็วกว่าหรือด้วยวัตถุดิบหรือข้อบกพร่องน้อยกว่า การปรับปรุงประสิทธิภาพเป็นการทำกิจกรรมที่เหมือนกันให้ดีกว่าคู่แข่งขัน ดังเช่นบริษัทญี่ปุ่นแสดงให้เห็นภายใน ค.ศ 1970 และ ค.ศ 1980 ด้วยการปฏิบัติเหมือนเช่นการบริหารคุณภาพโดยส่วนรวมและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง แต่จากจุดยืนทางการเเข่งขัน ปัญหาของประสิทธิภาพการดำเนินงานคือ การปฏิบัติที่ดีที่สุดลอกเลียนแบบได้ง่าย เมื่อคู่แข่งขันทุกรายภายในอุตสาหกรรมรับเอามันไว้
ความแตกต่างภายในประสิทธิภาพการดำเนินงานอยู่ที่หัวใจของความท้าทายของญี่ปุ่นต่อบริษัทตะวันตกเมี่อ ค.ศ 1980 ชาวญี่ปุนนำหน้าคู่แข่งขันไปมาก
ภายในประสิทธิภาพการดำเนินงาน พวกเขาสามารถนำเสนอต้นทุนต่ำและคุณภาพที่เหนือกว่าในขณะเดียวกัน
แต่ไมเคิล พอรเตอร์ อ้างว่า กลยุทธ์เท่านั้นสามารถเป็นแหล่งที่มาของข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยั่งยืน แต่ประสิทธิภาพการดำเนินงานไม่สามารถเป็น
การให้เหตุผลของเขาคือ การปฏิบัติที่ดีที่สุดลอกเลียนแบบได้ง่าย คู่แข่งขันทุกรายภายในอุตสาหกรรมรับเอามันไว้
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เห็นด้วยกับไมเคิล พอร์เตอร์ และเขาได้อธิบายการเพิ่มประสิทธิภาพเหมือนกับการยืนปลายเท้า ณ การแห่ขบวน มันใช้การได้จน
ถึงบุคลลข้างหน้ายืนปลายเท้า จนถึงฝูงชนทั้งหมดยืนปลายเท้า และไม่มีใครเลยดีกว่า
ไมเคิล พอร์เตอร์ ยืนยันว่าบริษัทจะบรรลุข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน การวางตำแหน่งทางกลยุทธ์จะเป็นหัวใจ การวางตำแหน่งทางกลยุทธ์พยายามจะบรรลุข้อได้เปรียบทางการแข่งขันโดยการรักษาอะไรเป็นความแตกต่างเกี่ยวกับบริษัท มันหมายถึงการทำกิจกรรมที่แตกต่างกันจากคู่แข่งขัน หรือทำกิจกรรมที่เหมือนกันภายในวิถีทางที่แตกต่างกัน
รากฐานปัญหาของบริษัทอย่างหนึ่งคือ ความล้มเหลวที่จะเเยกความแตกต่างระหว่างประสิทธิภาพการดำเนินงานและกลยุทธ์ ประสิทธิภาพการดำเนินงานไม่สามารถถูกใช้เป็นกลยุทธ์ บรรลุการปฏิบัติงานสูงสุดที่ยั่งยืนในระยะยาว แต่สามารถมองเป็นการทำกิจกรรมที่เหมือนกันให้ดีกว่าคู่แข่งขัน การวางตำแหน่งทางกลยุทธ์มีรากฐานหลักการที่สำคัญสามข้อ 1 กลยุทธ์เป็นการสร้างตำแห่นงที่เฉพาะและมีคุณค่า การเกี่ยวพันกับกลุ่มของกิจกรรมที่แตกต่างกัน 2 กลยุทธ์ต้องการเราทำการแลกกันภายในการแข่งขัน – เลือกอะไรที่ไม่ทำ 3 กลยุทธ์เกี่ยวพันกับการสร้างความสอดคล้องท่ามกลางกิจกรรมของบริษัท
ไมเคิล พอร์เตอร์ อาจารย์คณะบริหารธุรกิจฮาร์วาร์ด ได้ระบุวิถีทางสอง
อย่างที่บริษัทสามารถบรรลุข้อได้เปรียบทางการแข่งขันเหนือคู่แข่งขันของพวกเขา : ข้อได้เปรียบทางต้นทุน และข้อได้เปรียบทางความแตกต่าง
ไมเคิล พอร์เตอร์ ยืนยันว่าต้นทุนต่ำและความแตกต่างเป็นกลยุทธ์พื้นฐาน
สองอย่าง เพื่อการสร้างคุณค่า และบรรลุข้อได้เปรียบทางการแข่งขันภาย
ในอุตสาหกรรม ตามไมเคิล พอรเ์ตอร์ แล้ว ข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน
เกิดขึ้นกับบริษัทที่สามารถสร้างคุณค่าที่เหนือกว่า และวิถีทางสร้างคุณค่า
ที่เหนือกว่าคือ การลดโครงสร้างต้นทุนของธุรกิจให้ต่ำลง และหรือสร้าง
ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์
การสร้างคุณค่าที่เหนือกว่าไม่จำเป็นที่บริษัทต้องมีโครงสร้างต้นทุนต่ำที่สุด หรือสร้างผลิตภัณฑ์มีคุณค่ามากที่สุดตามสายตาของลูกค้า แต่มันกำหนดว่าช่องว่างระหว่างคุณค่าที่รับรู้และต้นทุนการผลิตกว้างกว่าที่บรรลุโดยคู่แข่งขัน
มันเป็นไปได้ที่จะเเข่งขันบนต้นทุนต่ำและความแตกต่างภายในเวลาเดียวกัน
แต่ถ้าบริษัทพยายามเป็นทุกสิ่งทุกอย่างต่อลูกค้าทุกคนสามารถจบลงด้วยการติดอยู่ตรงกลาง ราคาไม่ถูกและไม่แตกต่าง ข้อผิดพลาดทางกลยุทธ์ที่ไมเคิล พอร์เตอร์ เรียกว่า จูบแห่งความตาย บริษัทบางบริษัทล้มเหลวที่จะดำเนินตามกลยุทธ์การแข่งขันอย่างหนึ่งอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทถูกเรียกว่าติดอยู่ตรงกลาง ถ้าพวกเขาไม่ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์แตกต่างเพียงพอชักจูงลูกค้าซื้อได้ และราคาของพวกเขาสูงเกินไปที่จะเเข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไมเคิล พอร์เตอร์ ต้นกำเนิดอภิปรายปัญหาของการติดอยู่ตรงกลาง เขากล่าวว่าการทำกำไรของบริษัทขึ้นอยู่กับไม่เพียงแต่อัตราผลตอบแทนทั่วไปของอุตสาหกรรมเท่านั้น มันขึ้นอยู่กับตำแหน่งและข้อได้เปรียบทางการเเข่งขันของบริษัทภายในอุตสาหกรรมด้วย และเขาอ้างว่าข้อได้เปรียบทางการแข่งขันได้มาจากกลยุทธ์ต้นทุนต่ำหรือความแตกต่าง
ไมเคิล พอร์เตอร์ กล่าวว่า บริษัทล้มเหลวที่จะทำการเลือกระหว่างต้นทุนต่ำและความเเตกต่าง หรือการใช้กลยุทธ์การแข่งขันมากกว่าหนึ่งอย่างร่วมกัน ทำให้บริษัทติดอยู่ตรงกลางของตลาดการแข่งขัน บริษัทจะไม่มีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันเลย – ข้อได้เปรียบทางต้นทุนต่ำ หรือข้อได้เปรียบทางความเเตกต่าง บริษัทที่พยายามบรรลุทั้งต้นทุนต่ำและความเเตกต่างเปรียบเทียบ
ได้กับรักพี่เสียดายน้อง หรือการจับปลาสองมือ ได้เผชิญกับความล้มเหลวในที่สุด
ต้นทุนต่ำและความแตกต่างเป็นกลยุทธ์ที่ขัดแย้งกันโดยรากฐาน ต้องการกลุ่มของทรัพยากรแตกต่างกัน บริษัทใดก็ตามพยายามรวมมันเข้าด้วยกันจะจบลงด้วยการติดอยู่ตรงกลาง และล้มเหลวที่จะบรรลุการปฏิบัติงานที่เหนือกว่า ต้นทุนต่ำต้องการผลิตภัณฑ์มาตรฐานด้วยคุณลักษณะที่แตกต่างน้อย เพื่อที่จะรักษาต้นทุนให้ต่ำที่สุด กลับกันความแตกต่างขึ้นอยู่กับการเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยคุณลักษณะที่แตกต่างแก่ลูกค้า การทำให้ต้นทุนการผลิต
และการตลาดเพิ่มสูงขึ้นอยู่เสมอ
นักทำนายแห่งโอมาฮา ได้อ้างถึงการเปรียบเทียบคูเมืองของเขามาเป็นทศวรรษ เพื่อที่จะเป็นบริษัทที่บรรลุความสำเร็จต้องมีคูเมืองที่ชัดเจน ดังที่เรียกกันว่า ข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน ทำให้บริษัทรักษาอำนาจการกำหนดราคา และทำกำไรที่สูงได้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้อธิบายหลักการคูเมืองของเขา
ณ การประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของเบิรคไชน์ ฮาธเวย์ 1995
วอร์เรน บัฟเฟตต์ กล่าวว่า เราพยายามทำอะไร การตอบคำถามจากผู้ฟัง เราพยายามค้นหาธุรกิจด้วยคูเมืองที่กว้างและยั่งยืนล้อมรอบมัน การคุ้มครองปราสาทเศรษฐกิจที่ยอดเยี่ยมด้วยขุนนางที่ซื่อสัตย์รับผิดชอบปราสาท
เขากล่าวว่าการลงทุนที่บรรลุความสำเร็จมักจะเป็นบริษัทที่เป็นผู้ผลิตต้นทุน
ต่ำ หรือเป็นเจ้าของตราสินค้าที่มีพลัง เขาเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่สุดของการเลือกการลงทุนที่บรรลุความสำเร็จคือ การพิจราณาความยั่งยืนของข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน หรือเรียกกันว่าคูเมือง ภายในธุรกิจแล้ว ผมมองหาปราสาทเศรษฐกิจคุ้มครองโดยคูเมืองที่ไม่สามารถเข้าถึงได้
คูเมืองเศรษฐกิจเป็นถ้อยคำที่ถูกใช้อธิบายข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน
คูเมืองสำคัญภายในการประเมินบริษัท เพราะว่ามันบอกเราข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของบริษัทเหนือบริษัทอื่น บริษัทสามารถสร้างคูเมืองผ่านทางวิถีทางหลายอย่าง เช่น ข้อได้เปรียบทางต้นทุน หรือทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนเหมือนเช่น ตราสินค้าของพวกเขา
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้กล่าวถึงข้อได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างเเรกคือเมื่อบริษัทเป็นผู้ผลิตต้นทุนต่ำ เนื่องจากความประหยัดจากขนาดหรือโมเดลธุรกิจที่ดีกว่า เขาได้ยกตัวอย่างไกโค บริษัทประกันภัยรถยนต์ ขายโดยตรงแก่ลูกค้าโดยไม่ใช่ผู้แทนประกันภัยท้องที่ ดังนั้นบริษัทสามารถนำเสนอราคาที่ต่ำ
เนื่องจากต้นทุนที่ต่ำของพวกเขา ข้อได้ปรียบทางการแข่งขันอย่างที่สอง
คือ เมื่อบริษัทเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ผลิตภัณฑ์หรือตราสินค้าทีี่่่มีพลัง
โดยลูกค้าเต็มใจที่จะจ่าย เขาได้ยกตัวอย่างโคคา โคล่า และซี’ส แคนดี้ เป็นธุรกิจด้วยอำนาจการกำหนดราคา
ถ้อยคำ คูเมืองเศรษฐกิจ ทำให้นิยมแพร่หลายโดยวอร์เรน บัฟเฟตต์ อ้างถึงความสามารถของธุรกิจที่จะรักษาข้อได้เปรียบทางการเเข่งขันเหนือคู่แข่งขันของพวกเขา เพื่อที่จะป้องกันกำไรระยะยาวของพวกเขาจากคู่แข่งขัน เหมือนกับปราสาทของยุคกลาง คูเมืองจะป้องกันบุคคลภายในป้อมและความร่ำรวยของพวกเขาจากบุคคลภายนอก
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ย้ำอย่างสม่ำเสมอว่าเขาต้องการซื้อธุรกิจด้วยโอกาสเพื่อการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน เขาเสนอแนะว่าการซื้อธุรกิจเหมือนกับการซื้อปราสาทล้อมรอบด้วยคูเมือง และเขาต้องการคูเมืองที่ลึกและกว้างป้องกันการเเข่งขันทุกอย่าง
การนำเสนอคุณค่าสำคัญต่อความเข้าใจข้อได้เปรียบทางการเเข่งขัน ถ้าการนำเสนอคุณค่าแก่ลูกค้าดีกว่าและคุณค่าสูงกว่า การนำเสนอคุณค่าสามารถสร้างข้อได้เปรียบทางการเเข่งขันต่อผลิตภัณฑ์ได้ ข้อได้เปรียบทางต้นทุนและความแตกต่างรู้จักกันเป็นข้อได้เปรียบทางตำแหน่ง เนื่องจากมันได้อธิบายการวางตำแหน่งของบริษัทภายในอุตสาหกรรมเป็นผู้นำทางต้นทุนหรือ
ความแตกต่าง มุมมองบนพื้นฐานทางทรัพยากรย้ำว่าบริษัทต้องใช้ทรัพยากรและความสามารถของพวกเขาสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน ในที่สุดผลลัพธ์คือ การสร้างคุณค่าที่เหนือกว่า
เรามีเงื่อนไขพื้นฐานสองข้อกำหนดการทำกำไรของบริษัท ข้อแรกจำนวนของคุณค่าที่ลูกค้าให้กับผลิตภัณฑ์ และข้อสองต้นทุนการผลิตของบริษัท โดยทั่วไปลูกค้าให้คุณค่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทมากเท่าไร บริษัทสามารถกำหนดราคาของผลิตภัณฑ์สูงขึ้นเท่านั้น
แต่กระนั้นโดยทั่วไปราคาที่บริษัทกำหนดต่อผลิตภัณฑ์ต่ำกว่าคุณค่าที่ลูกค้าให้กับผลิตภัณฑ์ การเพิ่มราคาสูงขึ้นสะท้อนคุณค่าที่สูงขึ้น การลดราคาลงสามารถจูงใจลูกค้ามากขึ้น แต่ไม่ว่าบริษัทจะกำหนดราคาอย่างไร บริษัทต้องกำหนดราคาต่ำกว่าคุณค่าเสมอ เนื่องจากการแข่งขัน ถ้าบริษัทไม่ได้เป็นผู้ผูกขาด ดังนั้นลูกค้าได้รับคุณค่าบางอย่างตามที่นักเศรษฐศาตร์เรียกว่าส่วนเกินผู้บริโภค เเนวคิดเหล่านี้ถูกแสดงภายในรูป คุณค่าของผลิตภัณฑ์ต่อลูกค้าคือ V ราคาที่บริษัทสามารถกำหนดต่อผลิคภัณฑ์คือ P และต้นทุนของการผลิตผลิตภัณฑ์คือ C กำไรของบริษัทเท่ากับ P-V ในขณะที่ส่วนเกิน
ผู้บริโภคเท่ากับ V-P
บริษัททำกำไรตราบเท่าที่ P สูงกว่า C และกำไรจะสูงขึ้น เมื่อ C ต่ำลง ความแตกต่างระหว่าง V และ P ส่วนหนึ่งถูกกำหนดโดยความเข้มข้นของแรงกดดันทางการแข่งขันภายในตลาด ความเข้มข้นของแรงกดดันทางการแข่งขันต่ำลงเท่าไร ราคาจะถูกกำหนดได้สูงขึ้นเท่านั้น โดยทั่วไปกำไรต่อหน่วยของบริษัทยิ่งสูงเท่าไร การทำกำไรของบริษัทยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เพื่อที่จะเพิ่มการทำกำไร บริษัทต้องเพิ่มคุณค่ามากขึ้น การสร้างคุณค่าของบริษัทคือ ความแตกต่างระหว่าง V และ C บริษัทมีกำไรสูงเมื่อพวกเขาสร้างคุณค่ามากขึ้นแก่ลูกค้า และลดต้นทุนให้ต่ำลง

ชาร์ล ฮิวส์ อาจารย์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน และแกเร็ธ โจนส์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเท็กซัส เอ แอนด์ เอ็ม ได้ระบุเกณฑ์การสร้างคุณค่าที่สำคัญสี่อย่าง อธิบายเเหล่งที่มาของข้อได้เปรีบบทางการแข่งขันคือ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า คุณภาพที่เหนือกว่า นวัตกรรมที่เหนีอกว่า และการตอบสนองลูกค้าที่
เหนือกว่า ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันไม่สามารถบรรลุความสำเร็จได้โดย
ไม่มีปัจจัยสี่ตัวเหล่านี้เป็นรากฐานของธุรกิจ
รากฐานของได้เปรียบทางการแข่งขันโดยทั่วไปเหล่านี้เป็นวิถีทางพื้นฐาน
สี่อย่างทำให้บริษัทสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้า และหรือลดต้นทุนของพวกเขาให้ต่ำลง และการช่วยให้บริษัทกลายเป็นทำกำไรมากขึ้น และนำหน้าการแข่งขัน สามารถทำให้บริษัทเจริญเติบโตและเป็นผู้นำภายในอุตสาหกรรม รากฐานสี่ตัวเหล่านี้สำคัญต่อบริษัททุกบริษัท บริษัทใดก็ตาม
สามารถรับถเอาไว้ ไม่ว่าอยู่ภายในอุตสาหกรรมอะไร หรือจัดหาผลิตภัณฑ์หรือบริการอะไร
1 ประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพคือ ปัจจัยตัวหนึ่งที่สร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน การเพิ่มประสิทธิภาพจะทำให้ต้นทุนต่ำลง และกลายเป็นข้อได้เปรียบทางต้นทุนต่ำลง
บริษัทเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของการแปรสภาพปัจจัย เช่น วัตถุดิบ แรงงาน และที่ดิน ให้เป็นผลผลิต เช่น ผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ดังนั้นเครื่องวัดประสิทธิภาพง่ายที่สุดคือ ผลผลิต/ปัจัย เรามีส่วนประกอบสำคัญที่สุดของประสิทธิภาพคือ ประสิทธิภาพของบุคคล เช่น เราอาจจะวัดจากผลผลิตต่อคนงาน และประสิทธิภาพของทุน เช่น เราอาจจะวัดจากการใช้กำลังผลิตของเครื่องจักร
ฟูด ไลอ้อน ณ ชาลิสเบอรี่ นอร์ทแคโลไรนา เป็นบริษัทลำดับสูงสุดบริษัท
หนึ่งของอุตสาหกรรมซุปเปอร์มาร์เก็ตที่แข่งขันสูงมาก ฟูด ไลอ้อนมุ่ง
ที่ประสิทธิภาพและการควบคุมอย่างเข้มงวด การมุ่งประสิทธิภาพได้ช่วยให้บริษัทสร้างส่วนแบ่งตลาดและทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ ต้นทุนที่ต่ำลงทำให้
ฟูด ไลอ้อน สามารถรับประกันลูกค้าด้วยราคาที่ต่ำได้อย่างไร ภายใต้การรวมอำนาจการจัดซื้อไว้ที่สำนักงานใหญ่ บริษัทได้ส่วนลดตามปริมาณซื้อและข้อเสนอพิเศษจากซัพพลายเออร์
ฟูด ไลออน ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ 1957 เป็นฟูด ทาวน์ ร้านขายของชำแห่งเดียวภายในชาลิสเบอรี่ โดยวิลสัน สมิธ ราลฟ์ เคตเนอร์ และบราวน์ เคตเนอร์
ฟูด ทาวด์ ได้ถูกซื้อโดยบริษัทของชำเบลเยี่ยม เดอเเลช กรุ้ป
เมื่อ ค.ศ 1974 ชื่อฟูด ไลออน ได้ถูกใช้เมื่อ ค.ศ 1983 โชคชะตาชื่อเสียงของบริษัทเกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มคนหนึ่ง ราลฟ์ เคตเนอร์ ไม่เคยคิดว่านายจ้างชื่นชมกับ
ความสามารถของเขาต่อการค้นหาวิถีทางประหยัดเงิน เขาดื้อดึงเป็น
อะไรก็ตามเว้นแต่นาย เขาเป็นบุคคลที่ช่วยทำให้การลงทุน 50 เหรียญ
ภายในร้านของชำนอรธ คาโลไรนากลายเป็นฟูด ไลออนลูกโซ่ที่ยิ่งใหญ
ราล์ฟ เคตเนอร์ ได้วางเดิมพันที่บรรลุความสำเร็จของยอดขายที่เพิ่มขึ้น
จากการลดราคา ตรงที่กำไรบางมาก เป็นเส้นทางที่ดีที่สุดไปสู่ความสำเร็จ
เมื่อ ค.ศ 1957 เขาได้เปิดร้านของชำฟูด ทาวน์ ภายในซาลิสเบอรี่ นอรธ
คาโลไรนา ด้วยเพื่อนสองคน การโทรศัพท์ไปยังบุคคลภายในสมุดโทรศัพท์
และขอการลงทุน 50 เหรียญ บุคคลประมาณ 125 คนให้เงินเขา การช่วยเหลือเริ่มต้นธุรกิจรู้จักกันเป็นฟูด ทาวน์ และเรียกกันวันนี้ฟูด ไลออน ราล์ฟ
เคตเนอร์ บุกเบิกการสร้างการพัฒนาที่สำคัญของกลยุทธ์การกำหนดราคา
กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้่างขวางของอุตสาหกรรมเรียกว่าอีดีแอลพี : ราคาต่ำทุกวัน การทำให้หุ้นของพวกเขาดีกว่าไมโครซอฟท์ 73 ต่อ 1 และวอลมารท 12.4 ต่อ 1
ราล์ฟ เคตเนอร์ ได้กล่าวว่า สิ่งที่ฉลาดที่สุดผมเคยทำสร้างบริษัทกำไรดีกว่าไมโครซอฟท์ สิ่งที่โง่ที่สุดผมทำไม่ร่ำรวยเท่าบิลล์ เกตส์ เท่านั้น
แม้วาฟูด ไลออน ได้เจริญเติบโตเป็นร้านค้าหลายร้อยแห่งตลอดทางใต้
ราล์ฟ เคทเนอร์ ไม่เคยหลงทางไปไกลจากต้นกำเนิดที่ถ่อมตัว หรือสูญเสียความรู้สึกตัวเขาเองเป็นผู้ประกอบการที่ลำบาก เขาเจริญเติบโตจากการจัดส่ง
คำสั่งซื้อเนื้อด้วยรถจักรยานแก่พ่อของเขา เกษตรกรก่อนหน้านี้ก่อตั้งร้าน
ขายเนื้อเลี้ยงลูกของเขา
เมื่อ ค.ศ 1968 ราลฟ์ เคทเนอร์ ได้เริ่มต้นสิ่งที่รู้จักกันภายในบริษัทเป็น
“การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่” เเอลเอฟไอเอ็นซี เป็นคำย่อของราคาอาหารต่ำที่สุดภายในนอรธ คาโลไรนา ของเขา แสดงสัญลักษณ์ทฤษฎีการลดต้นทุนของเขา -การลดราคาสินค้าทุกย่าง ขายมากขึ้นและทำกำไรมากขึ้น เมื่อ ค.ศ 1970 แนวคิดแอลเอฟพีไอเอ็นซี ได้ปฏิรูปอุตสาหกรรมซุปเปอร์มาร์เก็ต
แนวคิดแอลเอฟพีไอเอ็นซี – ทฤษฎีลดต้นทุน ถูกใช้ครั้งแรกภายใน ค.ศ 1968 ความเชื่อว่าลูกค้าพิจารณาราคาเป็นความสำคัญ เมื่อเลือกร้านของชำ ราลฟ์ เคทเนอร์ ใช้สามวันคำนวณดำเนินการทฤษฎีลดต้นทุนอย่างไร และในที่สุด
ลด 3000 ราคา
โดยส่วนรวมราคาของฟูด ไลออน ยกเว้นเนื้อที่ลูกค้าเทียบเท่าราคาต่ำกับคุณภาพต่ำ หกถึงสิบเปอร์เซ็นต์ต่ำกว่าคู่แข่งขันทุกราย หรือแม้แต่สินค้าบาง
อย่างของพวกเขาต้องขาดทุน
เขาได้เดิมพันกลยุทธ์ธุรกิจราคาต่ำปฏิรูปฟูด ทาวน์ เป็นร้านของชำเจริญเติบโตรวดเร็วที่สุดภายในประเทศ เขาได้ลดราคาอย่างมาก ขายสินค้าหลายอย่าง ณ หรือต่ำกว่าต้นทุนขายส่ง และทำการตลาดตราสินค้าด้วยแนวคิด “ราคาต่ำทุกวัน” โดยที่ร้านค้าปลีกอื่นเช่นวอลมาร์ท กำลังเริ่มต้นรับเอาไว้ ณ เวลานั้น การลดราคาของฟูด ไลออนอยู่บนพื้นฐานของการวิจัยลูกค้าอย่างกว้าวขวางโดยมองที่สินค้าซื้อบ่อยครั้ง เช่น เนยถั่ว และถั่วกระป๋อง เเละสินค้าครัวเรือน เช่น ผงซักฟอกและกระดาษชำระ ฟูด ไลออน มุ่งมั่นลดค่าใช้จ่าย
256 ล้านเหรียญ และใช้การประหยัดเหล่านี้ลดราคาฟูด ไลออนต่อไป ความ
มุ่งมั่นที่ชัดเจนของบริษัทเพื่อการวางตำแหน่งฟูดไลออนเป็นคู่แข่งขันราคาต่ำต่อวอลมารท
ราคาถูกและจำนวนมากเป็นส่วนที่สำคัญของมรดกของเรา ณ ฟูด ไลออน และเหตุผลทำไมเราลงทุนต่อไปพาลูกค้าของเรามาแม้ว่าราคาที่ต่ำ ฟูด ไลออน กล่าวว่าการลดราคาเป็นเเนวคิดร้านค้าใหม่ของพวกเขามุ่งที่ผลิตภัณฑ์สด
และราคาต่ำ เรียกว่า ” ง่าย สด และไม่แพง” รวมทั้งวิถีทางลูกค้าศูนย์กลาง
ใหม่ของการฝึกอบรมบุคคลของเรา
ฟูด ไลออน ได้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเฉลี่ย
20 % ต่อปี บนพื้นฐานกลยุทธ์ราคาต่ำ ปริมาณสูงของพวกเขา บริษัทได้ขาย
สินค้าหลายอย่าง ณ ต้นทุนหรือแม้แต่ต่ำกว่าต้นทุน ล่อลูกค้าผ่านประตูของพวกเขา ด้วยการลดโสหุ้ยอย่างน่าทึ่ง ฟูด ไลออนสามารถนำเสนอราคาต่ำ
ทุกวันแก่ลูกค้า และยังคงจัดการเก็บเกี่ยวกำไรสูงสุดภายในอุตสาหกรรมซุปเปอร์มาร์เก็ต
ฟูด ไลอ้อน ได้เพิ่มประสิทธิภาพแรงงานด้วยการใช้สิ่งจูงใจประสิทธิภาพ การใช้ระบบตารางเวลาแรงงานตามปริมาณของร้านค้าแต่ละแห่ง ณ ฟูด
ไลอ้อน ไม่มีรายอะเอียดของการดำเนินงานใดเลยที่จะหลุดพ้นจากการควบคุมอย่างเข้มงวดไปได้ เช่น การโฆษณาทางสิ่งตีพิมพ์จะต้องเรียบง่าย และการโฆษณาทางโทรทัศน์จะถูกผลิตและเขียนภายในบริษัท
การใช้ไฟฟ้าของฟูด ไลอ้อน จะถูกเปิดปิดโดยอัตโนมัติ ณ สำนักงาน กระดาษและกล่องที่ใช้แล้วต้องถูกนำมาใช้ใหม่ เศษอาหารจะถูกขายไปยังผู้ผลิตปุ๋ย และความร้อนจากกล่องที่ถูกแช่เย็นจะนำมาใช้ทำความร้อนให้กับร้านค้า
2 คุณภาพ
คุณภาพคือปัจจัยตัวที่สองที่สร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน การผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงกว่าจะทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบทางความแตกต่าง และกำหนดราคาได้สูงกว่าคู่แข่งขัน เช่น รถยนต์เล็กซัสของโตโยต้ามีคุณภาพสูงกว่าคู่แข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะ ความเชื่อถือได้ หรือสไตล์ โตโยต้า มอเตอร์ ได้สร้างตราสินค้าเล็กซัสเป็นส่วนตลาดรถยนต์หรูหราของพวกเขาเมื่อ ค.ศ 1980 เเต่ภายในหลายด้านเล็กซัสดำเนินงานเป็นอิสระจากโตโยต้า
ตราสินค้าเล็กซัสขายภายในมากกว่า 70 ประเทศและพื้นที่ทั่วโลก และเป็น
รถยนต์พรีเมี่ยมขายมากที่สุดของญี่ปุน อยู่ท่ามกลาง 10 ลำดับตราสินค้าโลกของญี่ปุนสูงที่สุดภายในมูลค่าตลาด
เมื่อ ค.ศ 1983 ประธานกรรมการโตโยต้า อิจิ โตโยดะ ได้มองว่ามันเป็นเวลาที่เหมะสมต่อโตโยต้าผลิตรถยนต์หรูหรา เขาได้สร้างความท้าทาย
ที่จะสร้างรถยนต์หรูหราดีที่สุดของโลก การนำเสนอความเร็ว ความปลอดภัย ความสบาย ความสง่างาม และความสวยงาม รถนนต์ในที่สุดนี้ยังตามมาด้วย
ระดับของการบริการลูกค้าที่ไม่มีมาก่อน เลยพ้นความคาดหวังอย่างมากของลูกค้ารถยนต์หรูหรา
โครงการเอฟ 1 ได้พัฒนาเล็กซัส แอลเอส 400 ขยายสายผลิตภัณฑ์ของ
โตโยต้าไปสู่ส่วนตลาดพรีเมี่ยม เล็กซัสคันแรก แอลเอส 400 ได้ถูกแนะนำ
เมื่อ ค.ศ 1989 การกำหนดมาตรฐานใหม่ต่อรถยนต์หรูหราทั่วโลก ชื่อตราสินค้าไม่ได้มีความหมายเฉพาะ และเพียงแค่แสดงภาพพจน์ของความหรูหราและเทคโนโลยีเท่านั้น
โตโยต้ามีเป้าหมายที่ชัดเจนเมื่อพวกเขาเข้าไปสู่ตลาดรถยนต์อเมริกัน บริษัทต้องการพัฒนาตราสินค้าที่เข้มแข็งด้วยฐานลูกค้าที่จงรักภักดี ภายหลังจากขายรถยนต์แก่ชาวอเมริกันนานกว่าทศวรรษ โตโยต้าได้ศึกษาตลาดเเละค้นพบว่าลูกค้าชอบรถยนต์โตโยต้าอย่างเเท้จริง แต่กระนั้นเมื่อลูกค้าได้ตัดสินใจ
มันเป็นเวลาที่จะยกระดับไปสู่รถยนต์หรูหรา โตโยต้าไม่ได้แม้แต่สำรวจอะไรก็ตามจากผู้แทนจำหน่ายของโตโยต้า
โตโยต้าได้ตัดสินใจว่าถ้าพวกเขาต้องการฐานที่มั่นภายในตลาดรถยนต์หรูหรา พวกเขามีทางเลือกเดียวเท่านั้น การออกแบบรถยนต์หรูหราดึงดูดลูกค้าอเมริกันที่สูงขึ้น นำไปสู่การสร้างเล็กซัสกลายเป็นตราสินค้า เล็กซัส
คันแรกขายในอเมริกาเป็นเล็กซัส แอลเอส
อเล็กซิส ได้ถูกเลือกเป็นชื่อสุดท้ายของตราสินค้ารถยนต์ แต่เนื่องจากความสับสนกับชื่อของบุคคล โตโยต้าได้ตัดสินใจเอาอักษรตัวแรกออกไปและเปลี่ยนตัวไอเป็นตัวยู การให้กำเนิดต่่อชี่อเล็กซัส บุคคลบางคนคิดว่าชื่อมา
จาก ความคิดของ ‘Luxury’ และ ‘Elegance’ ภายหลังจากนั้น มันได้นำไปสู่สโลแกนเล็กซัสต้นกำเนิดว่า “การแสวงหาความสมบูรณ์อย่างไม่ย่อท้อ” บน
พื้นฐานตราสินค้าที่ลุ่มหลงการมุ่งรายละเอียด
วัฒนธรรมของ ฮิวเลตต์-แพคการ์ด ถูกครอบงำด้วยด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนจากกลยุทธ์ของการนำหน้าคู่แข่งขัน หน่วยธุรกิจแต่ละหน่วยของบริษัท ได้มุ่งการปรับปรุงคุณภาพให้สูงขึ้น การใช้ระบบการผลิตแบบทันเวลาที่ต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้เพียงไม่กี่ราย ดังนั้นซัพพลายเออร์ต้องแข่งขันกันและเสนอคุณภาพที่ดีกว่า เพื่อที่จะได้ธุรกิจจากฮิวเลตต์-แพคการ์ด หน่วยธุรกิจแผงวงจรคอมพิวเตอร์ได้รายงานว่าอัตราข้อบกพร่องเท่ากับสี่ต่อการเชื่อมหนึ่งล้านครั้งเท่านั้น
เรามีเรื่องเล่ากันว่าวันหนึ่งบิลล์ แพคการ์ด ไปโรงงานและมองเห็นต้นแบบของผลิตภัณฑ์ทำด้วยวัตถุดิบคุณภาพต่ำ เขาแสดงความไม่พอใจและโยนทิ้งทันที
เขาได้เขียนบีนทึกว่า ถ้าเป็น “เอชพี เวย์” แล้ว ต้นแบบของผลิตภัณฑ์ทุกอย่างต้องทำด้วยวัตถุคุณภาพสูงเท่านั้น ตั้งแต่ตอนเริ่มต้น บิลล์ ฮิวเลตต์ และเดวิด แพคการ์ด เชี่อวา ถ้าเราลุ่มหลงต่ออะไร และทำอย่างมีคุณภาพ เงินจะตามมาในที่สุด
ฮิวเลตต์ แพคการ์ด ก่อตั้งโดยบิลล์ ฮิวเลตต์ และเดวิด แพคการ์ด เมื่อ ค.ศ 1939 ภายในโรงเก็บรถยนต์ พาโลอัลโต ซานตา คลารา เเวลลี่ย์ ทางใต้ของซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย พวกเขาเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย
สแตนฟอร์ด โรงเก็บรถยนต์แห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างซิลิคอน แวลลี่ยฺ์ ถ้อยคำซิลิคอน ได้แทนที่ ซานตา คลารา ผู้ก่อตั้งทั้งสอง
ได้พัฒนาสไตล์การบริหารที่ไม่เคยเกิดขึ้นภายในบริษัทใหญ่มาก่อน และได้ถูกประมวลภายในแผ่นพับเมื่อ ค.ศ 1975 “เดอะ เอชพี เวย์”
วัฒนธรรมของเอชพี : เอชพี เวย์ อยู่บนรากฐานของการทำงานเป็นทีม ความโปร่งใส นโยบายเปิดประตู นวัตกรรม และความยืดหยุ่น เอชพีปฏิบัติต่อบุคคลของพวกเขาเป็นทรัพย์สิน และสนับสนุนความสมดุลของชีวิตและงานที่ดีหลักการ 5 ข้อของเอชพี เวย์ คือ เราไว้วางใจและเคารพบุคคล เรามุ่งระดับความสำเร็จและการมีส่วนช่วยที่สูง เราดำเนินธุรกิจของเราด้วยความซื่อสัตย์
ที่ไม่ประนีประนอม เราบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมผ่านทางการทำงานเป็นทีม เรากระตุ้นความยืดหยุ่นและนวัตกรรม

3 นวัตกรรม
นวัตกรรมคือ ปัจจัยตัวที่สามที่สร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบทางความแตกต่าง และกำหนดราคาได้สูง เนื่องจากไม่มีคู่แข่งขัน บางทีนวัตกรรมคือรากฐานที่สำคัญที่สุดของได้เปรียบทางการแข่งขัน ในระยะยาวแล้วการแข่งขันจะถูกผลักดันจากนวัตกรรม
นวัตกรรมสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น ดังนั้นการสร้างนวัตกรรมไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่หรือกระบวนการใหม่ย่อมจะสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันแก่บริษัทโดยการสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ และเราสามารถกำหนดราคาที่สูงกว่าได้ และหรือการลดต้นทุนให้ต่ำกว่าคู่แข่งขัน และเราสามารถกำหนดราคาที่ต่ำกว่าได้ แต่คู่แข่งขันมักจะพยายามลอกเลียนแบบนวัตกรรมได้สำเร็จ เพื่อที่จะรักษาข้อได้เปรียบทาง
การแข่งขันไว้ บริษัทต้องผูกพันต่อนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง
บริษัทหลายบริษัทได้สร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องที่บรรลุความสำเร็จอย่างมาก ดูปองท์ ได้สร้างนวัตกรรมอย่างไม่ขาดสาย เช่น กระดาษแก้ว ไนลอน หรือเทปลอน โซนี่ ได้สร้างนวัตกรรมที่บรรลุความสำเร็จ เช่น วอล์คแมน และคอมแพค ดิสค์ เมิรค ได้ผลิตยาใหม่หลายตัวออกสู่ตลาด เช่น เมดติซาน
รักษาโรคตาบอดแถบแม่น้ำ 3 เอ็ม ได้ใช้ความสามารถแกนเทปและกาว สร้างผลิตภัณ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น สก็อตเทป และโพสท์ อิท และอินเทล ผู้บุกเบิกไมโครโพรเซสเซอร์ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
ระหว่างสงครามกลางเมืองภายในอเมริกา นายพลทหารคนหนึ่งได้ถูกถามว่า หัวใจของความสำเร็จทางการทหารคืออะไร คำตอบของเขาจะเรียบง่ายและรวบรัด ยุทธศาสตร์ทางทหารคือกองทัพจะต้องแสวงหาการยึดครองและยึดที่มั่นที่ต้องรักษาไว้ กลยุทธ์ทางธุรกิจจะเรียกคำตอบนี้ว่า ข้อได้เปรียบของผู้เข้ามารายแรก ตามสำนวนที่ว่า “นกตัวแรกจะได้กินหนอน” ข้อได้เปรียบของผู้เข้ามารายแรกคือ การสร้างชื่อเสียงในฐานะของผู้นำอุุตสาหกรรม การมีฐานะการผูกขาดทำให้มีกำไรสูง การยึดครองตลาดได้ก่อน และการสร้างมาตรฐานทางอุตสาหกรรมที่ใส่กุญแจขังลูกค้าไว้
แต่กระนั้นเราจะมีข้อเสียเปรียบของผู้เข้ามารายแรก ตามสำนวนที่ว่า “หนูตัวที่สองได้กินชีส” ผู้เข้ามารายแรกจะต้องมีต้นทุนการบุกเบิกที่สูง แต่ผู้เข้ามารายที่สองจะไม่มี ผู้เข้ามารายแรกจะมีโอกาสสร้างความผิดพลาดได้มากกว่าผู้เข้ามารายที่สอง และผู้เข้ามารายรายแรกอาจจะลงทุนกับเทคโนโลยีที่ล้าสมัยอย่างรวดเร็ว ผู้เข้ามารายที่สองสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่กว่าได้
บริษัทบางบริษัทปิดประตูตอนกลางคืน ยามรักษาความปลอดภัยจะห้าม
ผู้บุกรุกเข้าไปภายในโรงงาน แต่ ณ ฮิวเลตต์ แพคการ์ด แล้ว ไม่เหมือนกับบริษัทโดยทั่วไป ห้องทดลองของเอชพีจะเปิดให้แก่วิศวกรยี่สิบสี่ชั่วโมง ยิ่งกว่านั้นผู้บริหารของเอชพีกระตุ้นให้นักวิจัยทุ่มเทอย่างน้อยที่สุด 10% ของเวลาของบริษัทกับการค้นหาความคิดใหม่ ความล้มเหลวของพวกเขาจะไม่
ถูกลงโทษ ความล้มเหลวอย่างฉลาดเป็นวิถีทางการดำเนินงานที่ยอมรับได้
เนื่องจากบรรยากาศที่เปิดกว้าง ณ เอชพี ความคิดใหม่อาจจะเกิดขึ้นจากต้นตอที่ประหลาด ภายในการอภิปรายว่าเครื่องกรองกาแฟทำงานได้อย่างไร นักวิจัยคนหนึ่งได้ค้นได้ค้นพบความคิดที่จะช่วยปรับปรุงเครื่องพิมพ์ได้
เราสามารถมองเห็น เอชพี เวย์ จากเรื่องราวที่เล่ากัน ภายในวันเริ่มแรก
ของเอชพี ผู้ก่อตั้งร่วม บิลล์ ฮิวเลตต์ มาทำงานตอนเย็นวันหยุด เขากำลัง
ทำเสาอากาศวิทยุ และต้องการชิ้นส่วนบางอย่างจากห้องเก็บของและพบห้องเก็บอุปกรณ์ปิด เขาทุบประตูให้เปิดด้วยขวาน และทิ้งบันทึกบนประตูยืนยัน
ประตูต้องไม่เคยปิด เพราะว่าเอชพีไว้วางใจบุคคลของพวกเขา เรื่องราวนี้ได้กลายเป็นเอชพีเวย์ ห้องทดลองต้องเปิดแก่นักวิจัยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
4 การตอบสนองลูกค้า
การตอบสนองลูกค้าคือ ปัจจัยตัวที่สี่ที่สร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน การออกผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดอย่างรวดเร็ว การจัดส่งที่รวดเร็ว หรือการ
บริลูกค้าที่ดีกว่าคู่แข่งขัน ทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบทางความแตกต่าง และกำหนดราคาได้สูงกว่า เช่น การจัดส่งพัสดุและเอกสารเพียงข้ามคืนของเฟด
เดอร์รัล เอ็กซ์เพรส เฟดเดอรัลด์ เอ็กซ์เพรส มีความหมายอย่างเดียวกับการจัดส่งข้ามคืน ถ้อยคำข้ามคืนหมายถึงการจัดส่งพัสดุและเอกสารของลูกค้าต้องถึงจุดหมายปลายทางภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือหนึ่งวัน คู่แข่งขันที่สำคัญของเฟดเอ็กซ์คือ ยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส ยักษ์ใหญ่สีน้ำตาล
ประวัติของเฟดเอ็กซ์เริ่มต้นจากเฟดเดอริค สมิธ เรียนปริญญาตรีอยู่ ณ มหาวิทยาลัยเยล เขาได้ทำรายงานแผนธุรกิจของการจัดส่งพัสดุและเอกสารของบริ็ษัท เพื่อนำเสนอต่ออาจารย์ แผนธุรกิจของเขาได้อธิบายระบบการจัดส่งที่มีประประสิทธิภาพ ด้วยการกำหนดเส้นทางจัดส่งพัสดุและเอกสารผ่านจุดศูนย์กลาง แล้วจัดส่งไปตามจุดหมายปลายทาง รายงานของเขาได้กลายเป็นความจริงเมื่อ ค.ศ 1970 เฟดเดอร์รัล เอ็กเพรส ชื่อใหม่คือ เฟดเอ็กซ์
ความรวดเร็วจะเป็นปัญหาอย่างหนึ่งของบริษัทอเมริกันที่ได้เผชิญอยู่กับการแข่งขันจากบริษัทญี่ปุ่นภายในอุตสาหกรรมรถยนต์ เมื่อหลายปีที่ผ่านมาบริษัทญี่ปุ่นสามารถออกแบบและนำรถยนต์ใหม่ออกสู่ตลาดภายในสามปี แต่บริษัทอเมริกันต้องใช้เวลาห้าถึงแปดปี
แจ็ค เวลซ์ ได้กล่าวว่าความรวดเร็วจะเป็นความสามารถอย่างหนึ่งที่ต้องถูกแสวงหาจากบริษัทปัจจุบันนี้ เขาได้เสนอแนะว่าบริษัทต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์และนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดให้รวดเร็วขึ้น
ฮอนด้า มอเตอร์ ได้สร้างวัฒนธรรมที่มุ่งความรวดเร็วอย่างเข้มแข็ง จนบริษัทสามารถเข้าไปสู่การแข่งขันรถยนต์ฟอร์มูล่าวันเมื่อ ค.ศ 1983 และบริษัทสามารถได้ชัยชนะเมื่อ ค.ศ 1989 ฮอนด้า มอเตอร์ได้ปลูกฝังวิญญานการแข่งขันแก่บุคคลของพวกเขาด้วยการคิดเป็นนาที การสร้างการเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างคู่แข่งขันและโรงงาน เมื่อปัญหาเกิดขึ้นเราต้องค้นหาคำตอบทันที และถ้าเป็นปัญหาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เราต้องคล่องตัวที่จะสร้างคำตอบใหม่ขึ้นมา การมุ่งความรวดเร็วได้ทำให้ผู้บริหารและวิศวกรของฮอนด้าตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางตลาดได้อย่างรวดเร็ว

ยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส เป็นบริษัทจัดส่งพัสดุและเอกสารรายใหญ่ของ
โลก บริษัทโลจิสติคส์ระดับโลก จัดส่งพัสดุมากกว่า 15 ล้านชิ้นต่อวันไปยังลูกค้ามากกว่า 7 ล้านคนภายในกว่า 220 ประเทศทั่วโลก เครื่องหมายการค้ายานพาหนะจัดส่งและเครื่องแบบสีน้ำตาลของบุคคลได้ถูกรับรู้ว่าเป็นความหมายของการบริการที่เชื่อถือได้ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ และได้กลายเป็นชื่อเล่นของบริษัทว่า ยักษ์ใหญ่สีน้ำตาล
เมื่อ ค.ศ 1907 เรามีความต้องการผู้ส่งเอกสารและการบริการจัดส่งอย่างมากภายในอเมริกา เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการดังกล่าวนี้ เด็กวัยรุ่นสองคน คนแรกชื่อ เจมส์ เคซี่ย์ อายุ 19 ปี และคนที่สองชื่อ คอด ไรอัน อายุ 18 ปี ได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาชื่อ อเมริกัน แมสเซ็นเจอร์ คอมพานี ณ ซีแอตเติ้ล วอชิงตัน ด้วยหนี้สิน 100 เหรียญ และจักรยานหนึ่งคัน บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ที่ชั้นใต้ดินของโรงแรม ชื่อเริ่มแรกดูแล้วเหมาะสมอย่างดีกับธุรกิจของบริษัทใหม่ เพื่อการตอบสนองต่อโทรศัพท์ที่ได้รับ ณ ชั้นใต้ดิน สำนักงานใหญ่
ผู้ส่งข่าวสารจะออกไปทำธุรกิจของพวกเขาคือการจัดส่งข่าวสารและพัสดุชิ้นเล็กจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง ณ เวลานั้นรถยนต์มีไม่กี่คัน ร้านค้ายังต้องใช้ม้าและเกวียนจัดส่งสินค้าอยู่ น้องชายของจิม เคซี่ย์ และเพื่อนสองสามคนทำงานเป็นเด็กจัดส่ง บางครั้งจิมต้องเป็นเด็กจัดส่งด้วย การจัดส่งส่วนใหญ่ใช้การเดินเท้า หรือรถจักรยานยนต์ถ้าจุดหมายปลายทางไกลขึ้น ณ เวลานั้นบริษัทได้มุ่งการจัดส่งพัสดุไปยังร้านค้าปลีกด้วย
ความสำเร็จของยูพีเอสได้เกิดขึ้นจากหลักการของจิม เคซี่ย์ที่มั่นคงคือ
ความสุภาพต่อลูกค้า ความเชื่อถือได้ การบริการ 24 ชั่วโมง และค่าจัดส่งถูกที่สุด หลักการเหล่านี้ได้นำทางการบริหารยูพีเอสจนทุกวันนี้ และได้ถูกสรุปเป็นสโลแกนของยูพีเอสว่า “บริการดีที่สุดและอัตราต่ำที่สุด”
รถจัดส่งคันแรกของยูพีเอสคือ รถฟอร์ด โมเดล เมื่อ ค.ศ 1913 เบริษัทได้ขยายตัวมากขึ้นจนมีรถยนต์สี่คันิ รถจักรยานยนต์ห้าคัน ใหญ่เพียงพอที่จะใช้สี อะไรจะเกิดขึ้นถ้ายูพีเอสได้ใช้สโลแกนว่า “สีเหลืองสามารถทำอะไรแก่คุณ” เจมส์ เคซี่ย์ ต้องการใช้สีเหลือง แต่หุ้นส่วนคนหนึ่งไม่เห็นด้วย เพราะว่าสีเหลืองเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาความสะอาด และยกตัวอย่างรถไฟที่ต้องใช้สีน้ำตาล ในที่สุดจิม เคซี่ย์ต้องยินยอมให้ใช้สีน้ำตาล จนบัดนี้นานเกือบเก้าทษวรรศ สีน้ำตาลหมายถึงยูพีเอสไปแล้ว เมื่อ ค.ศ 1919 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นยูไนเต็ด พาเซิล เซอร์วิส
เจมส์ เคซี่ย์ไม่เพียงแต่เป็นนักสร้างนวัตกรรมของการจัดส่งเท่านั้น เช่น การคิดค้นเครื่องแยกพัสดุ เขายังเป็นนักสร้างนวัตกรรมของวิธีการบริหารด้วย เขาได้เริ่มต้นใช้แผนการแบ่งกำไรที่ได้ถูกรับเอาไว้โดยธุรกิจอเมริกันอย่างกว้างขวาง ณ ปัจจุบันนี้ จิม เคซี่ย์ ได้กล่าวว่า หลักการเบื้องต้นที่ผมเชื่อว่ามีส่วนช่วยมากกว่าสิ่งอื่นใดต่อการสร้างธุรกิจของเราจนทุกวันนี้คือ ความเป็นเจ้าของบริษัทของเราโดยบุคคลที่ว่าจ้าง ความเป็นเจ้าของได้สร้างกำลังงานที่ผูกพัน ในฐานะของความเป็นเจ้าของ
ผู้บริหารมีสิ่งจูงใจต่อการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ เรามีสิ่งจูงใจยิ่งใหญ่ที่สุดคือ การให้บุคคลทำงานเพื่อตัวเอง การบริหารที่ดีคือ ความสามารถทำ
ให้บุคคลรู้สึกว่าเราและพวกเขาคือบริษัท
ความคิดของการบริหารโดยความเป็นหุ้นส่วน ปรัชญาการบริหารที่จิม เคซีย์ ได้แสดงออกตอนเริ่มแรกของการดำเนินธุรกิจ จนกลายเป็นวัฒนธรรมของ
ยูพีเอส บนรากฐานของความซื่อสัตย์ ความจริงใจ และความไว้วางใจระหว่างกัน ดังนั้นบุคคลของยูพีเอสเป็นเจ้าของหุ้นสองในสามของบริษัท และหุ้นหนึ่่งในสามเป็นเจ้าของโดยครอบครัวของผู้ก่อตั้งและมูลนิธิ แม้ว่าจิม เคซี่ย์ ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่่อ ค.ศ 1983 อายุ 95 ปี บุคคลของยูพีเอสคนหนึ่ง ได้กล่าวว่า ยูพีเอสยังคงเป็นบริษัทของจิม เคซี่ย์ อยู่ เนื่องจากวัฒนธรรมยูพีเอสที่เขาได้สร้างขึ้นมา และได้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง
Cr : รศ สมยศ นาวีการ







