INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

เศรษฐกิจไทยอ่อนแอเพราะประชาธิปไตย ?

สบาย สบาย สไตล์เกษม

เกษม อัชฌาสัย

เศรษฐกิจไทยอ่อนแอเพราะประชาธิปไตย ?

ในระยะหลังๆ นี่ ผมชักจะมีความคิดว่า ว่าระบอบประชาธิปไตยเสรีเป็นอุปสรรคต่อความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความมั่นคง ไม่เหมาะกับชาติที่กำลังพัฒนา

มีไม่กี่ประเทศเท่านั้น ที่เจริญรุ่งเรืองและมั่นคง โดยเฉพาะชาติที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตย อย่างเช่น สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศสและสหรัฐอมริกา ที่ล้วนเป็นประชาธิปไตยเสรี ซึ่งเขามีระบบตรวจสอบอำนาจกันอย่างเอาจริงเอาจริงจัง ด้วยหลักการแข็งขัน ระหว่างสถาบันแห่งการใช้อำนาจนิติบัญญัติ ใช้อำนาจบริหารและใช้อำนาจตุลาการ

รวมทั้งการตรวจสอบ จากภาคประชาชน โดยเฉพาะจากสื่อมวลชนอิสระและแม้แต่สาธารณชน(ด้วยการชุมนุมเรียกร้อง)                    ไม่กระพร่องกระแพร่งอย่างชาติที่กำลังพัฒนาระบอบประชาธิปไตย ซึ่งในที่สุดระบอบนี้ กลายเป็นเครื่องมือของเผด็จการที่แอบแฝงเข้ามา

สมมุติฐานของผมที่ว่า ได้รับการยืนยันแล้วครับ จากผลการสำรวจประชามติ ของสำนักข่าวบีบีซี ภาคภาษาอาหรับ ร่วมมือกับเครือข่าย”บอรอมิเตอร์อาหรับ” ที่สรุปผลการสำรวจประชามติในชาติอาหรับเก้าประเทศกับดินแดนปาเลสไตน์ ปรากฏผลออกมาเมื่อเร็วๆนี้ ยืนยันว่า “เศรษฐกิจอ่อนแอก็เพราะระบอบประชาธิปไตย”นั่นเอง

ทั้งนี้ เป็นการรายงานข่าวของสำนักข่าว บีบีซี (7/ 6 / 2022)

ในการสำรวจความเห็นของเครือข่าย”อาหรับบารอมิเตอร์”ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ที่มหาวิทยาลัย”ปรินซตัน”โดยได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยและองค์กรสำรวจประชามติต่างๆ ทั้งในภูมิภาคตะวันออกกลางและอาฟริกาเหนือ ระบุว่าความเสื่อมศรัทธาต่อประชาธิปไตยเกิดขึ้น นับตั้งแต่มีการสำรวจครั้งท้ายสุด ระหว่างปี

คริสตศักราช ๒๐๑๘-๒๐๑๙                                                    ส่วนการสำรวจคราวนี้ กระทำในช่วงปลายปีที่แล้ว (๒๐๒๑)มาจนถึงฤดูสปริงของปีนี้ (เริ่มแต่ ๒๑ มีนาคมถึง ๒๑ มิถุนายน ๒๐๒๒)

การสุ่มตัวอย่างกระทำกับประชากรรวม ๒๓,๐๐๐ ปรากฏว่าส่วนมากเห็นด้วยกับเนื้อหาสาระที่ว่า“เศรษฐกิจอ่อนแอลงภายใต้ระบอบประชาธิปไตย”

“นั่นหมายถึงว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่รูปแบบที่สมบูรณ์ของระบอบการปกครอง” นักสังเกตการณ์ท่านหนึ่งกล่าววิจารณ์

และนั่นก็คือ ประชาธิปไตยที่พวกเขาเผชิญอยู่ กลับนำมาซึ่งความหิวโหย ไม่มีอะไรจะกินและทำให้พวกเขาต้องคับข้องใจ อะไรเหล่านี้

ผลการสำรวจพบว่า ผู้ที่ถูกสำรวจให้ความสนใจ ที่จะมีรัฐบาลที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่าการให้ความสนใจต่อรูปแบบประชาธิปไตยใดๆ ทั้งนั้น

การสำรวจในเจ็ดชาติกับการสำรวจในดินแดนปาเลสไตน์“กว่าครึ่งเห็นว่า ผู้นำของตนหากมีความจำเป็น ก็ต้อง”แหกกฎ”เพื่อจะได้บรรลุถึงเป้าหมายในการบริหาร

มีเพียงโมร็อกโกเท่านั้นที่ผลการสำรวจเกินกว่าครึ่งเล็กน้อย ที่ไม่เห็นด้วยกับหัวข้อที่ว่า ”เศรษฐกิจอ่อนแอเพราะประชาธิไตย”

ตัวเลขที่ไม่เห็นด้วยกับหัวข้อนี้ มีเพียงนิดหน่อยเท่านั้น(ไม่ระบุว่าเท่าใดแน่) จากการสำรวจในปาเลสไตน์ ในจอร์แดนและซูดาน

ที่ตูนีเซีย ๘ ใน ๑๐ คน เห็นด้วยกับหัวข้อ”เศรษฐกิจอ่อนแอเพราะประชาธิปไตย” และในจำนวนนี้ ๙ ใน ๑๐ คน สนับสนุนรัฐบาลของประธานาธิบดีไซยิด ที่ระงับการมีรัฐสภาในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว (๒๐๒๑) ทำให้ฝ่ายค้านลุกขึ้นมาประณามเสียงขรม

แต่”ไซยิด”ก็ว่า นั่นเป็นความจำเป็น เพื่อ”ยกเครื่องการเมือง”ใหม่ เพราะที่ผ่านมานั้น โกงกินกันมากเหลือเกิน

ยิ่งไปกว่านั้น หลายชาติยังชอบที่จะมีผู้นำที่เข้มแข็ง ประเภท”แหกคอก”(Bending the rule) ดังต่อไปนี้

อิรัก ๘๗ %,ตูนีเซีย ๘๑ %, เลบานอน ๗๓ %, ลิเบีย ๗๑ %,มอริทาเนีย ๖๕ %, ซูดาน ๖๑ %, จอร์แดน ๕๓ %,ปาเลสไตน์ ๕๑ % และโมร็อกโก ๔๘ %

ปรากฏว่า มีตูนีเซียเพียงชาติเดียวเท่านั้น ที่ยังคงรักษาความเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยเอาไว้ได้ นับแต่เกิดปราฏการณ์”อาหรับสปริง”ขึ้นเมื่อปีคริสต์ศักราช ๒๐๑๑

จะว่าไปแล้ว ตูนีเซียต้องกลายเป็นระบอบการปกครองที่รวบอำนาจ ทำให้ประชาธิปไตยก้าวถอยหลัง ซึ่งเข้าสู่แนวโน้มของทั่วทั้งโลก ที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้

และทำให้มีแนวโน้มน่าเชื่อว่า ระบอบประชาธิปไตย ทำให้เศรษฐกิจเสื่อมถอยในตูนีเซียจริง

ย้อนกลับมาดูประเทศไทยเรา ที่ไม่เคยเป็นประชาธิปไตยเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เสียที แม้จะพยายามเลียนแบบ สหราชอาณาจักร ที่กว่าจะได้เป็นประชาธิปไตยเช่นทุกวันนี้ ก็ใช้เวลากว่า ๗๐๐ ปีนับตั้งแต่มี”กฎบัตรใหญ่แห่งเสรีภาพ (Magna Carta)

ทำได้ แค่เพียงคืบหน้าน้อยนิด

-บ้างก็ว่าที่เป็นเช่นนั้น เพราะไทยเรา มีอายุประชาธิปไตยแค่ไม่ถึง ๑๐๐ ปี (นับแต่เปลี่ยนระบอบการปกครองปี ๒๔๗๕ เวลานี้นับได้ ๙๐ ปีพอดี) ยังมีประสบการณ์นิดหน่อยเท่านั้น แล้วจะเอาอะไรให้มากนักเล่า

-บ้างก็ว่า ไทยเรามีผู้นำทางการเมืองส่วนใหญ่ ที่เข้ามาแสวงผลประโยชน์ส่วนพวก-ส่วนตน ไม่จริงใจต่อระบอบประชาธิปไตย จึงเอาแต่คดโกง แล้วก็หลีกหรือหนีไป ไม่สนใจบ้านเมืองจริงจัง

-บ้างก็ว่าเป็นเพราะคนไทยส่วนใหญ่มักง่าย ไม่ใช้เหตุผล แต่เลือกนักการเมืองด้วยการอิงผลประโยชน์ จึงได้นักการเมืองเลวๆ เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้เกิดรัฐประการ แล้วทหารเข้ามาเป็นแฝงการเมืองอยู่ ในนามประชาธิปไตย

ว่ากันมาอย่างนี้ แล้วแต่จะกล่าวโทษกัน

สรุปแล้ว ไทยเรายังยักแย่ยักยัน อยู่ในระดับ”ตูนีเซีย”ก็ว่าได้ เพียงแต่รัฐบาลนี้ ไม่กล้าแสดงอภินิหาร ”ระงับ”รัฐสภา(ที่น่าชัง)เท่านั้น

นั่นอาจเป็นเพราะเศรษฐกิจไทยเรา ยังไม่ย่ำแย่มาก

ในแง่การเมือง ผมใครเดาว่า ขณะนี้ รัฐบาลไทยกำลังวางแผนว่า ทำอย่างไร จึงจะชนะได้เสียงข้างมาก ชนิดเด็ดขาดในสภาผู้แทนราษฎร ในการเลือกตั้งคราวหน้า

ด้วยหวังจะก้าวไปสู่การเป็นประชาธิปไตยแบบสิงคโปร์(เผด็จการรัฐสภา) ซึ่งก็ดีครับ เพราะจะได้เลื่อนชั้นล้ำหน้า”ตูนีเซีย”ไปอีกขั้นหนึ่ง

จะได้สามารถมุ่งมั่นบริหารเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ตาม”ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี”ที่อุตส่าห์วางไว้

แต่เท่าที่ดูอยู่ขณะนี้ ความเคลื่อนไหวของรัฐบาล ค่อนข้างจะแผ่วเบา แทบไม่มีข่าวอะไรปรากฏชัดๆ เลย

นอกจากผลงาน ในเรื่องการบริหารจัดการปัญหาโรคระบาด”โควิด 19” ที่ค่อนข้างดี ในระดับโลก

เรียน“บีบีซี ไทย”ครับ (แม้ไม่ค่อยชอบเท่าไร) โปรดช่วยจัดทำการสำรวจประชามติหรือความเห็น ของผู้คนในชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในหัวข้อเดียวกันกับที่ทำกับชาติอาหรับด้วยเถิด และให้รีบทำด้วย คือ:

“เศรษฐกิจอ่อนแอเพราะระบอบประชาธิปไตย” จริงหรือไม่ แค่ไหนบางทีจะเกิดอานิสงส์ ช่วยให้ชาติในแถบนี้ โดยเฉพาะรัฐบาลไทย ได้ลืมตาฟ้าสว่าง ได้เห็น ได้เข้าใจข้อเท็จจริง ในแง่มุมที่ลึกซึ้งว่าจะแก้ไขอย่างไร ได้ต้องตรงเพิ่มขึ้น

ไม่ใช่มะงุมมะหงาหรา คลำหาในความมืด อย่างที่เป็น เช่นในทุกวันนี้ครับ

จะได้รู้ว่า เศรษฐิจไทยอ่อนแอเพราะว่าเรามีประชาธิปไตยหรือไม่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *