ซีเรีย-ปาเลสไตน์ : จากแผ่นดินโบราณสู่สัญญาณแห่งวันสิ้นโลก (14)
ซีเรีย-ปาเลสไตน์ : จากแผ่นดินโบราณสู่สัญญาณแห่งวันสิ้นโลก (14)
โดย อดุลย์ มานะจิตต์
ในสิ่งที่พวกเขาเคยกล่าวเตือน เราได้ช่วยให้รอด บรรดาผู้ที่ละเว้น ความชั่ว และเราได้ยึดกุมเอาบรรดาผู้อธรรมไว้เพื่อการลงโทษอย่าง ร้ายแรง (เนื่องด้วยพวกเขาฝ่าฝืน)” “เพราะฉะนั้นเมื่อพวกเขายังคง ยืนหยัดอยู่กับการก่อกบฏของพวกเขา ในสิ่งที่พวกเขาถูกห้าม จึงกล่าวกับพวกเขาว่าจงเป็นลิงที่น่ารังเกียจเดียดฉันท์ (7:165) และ
ผู้คนจำนวนเรือนหมื่น เห็นถึงสภาพของพวกเขาที่ไม่ใยดีต่อการลงโทษของอัลลอฮ์ จึงทิ้งพวกเขาไว้ที่นั่น และย้ายออกไปยัง สถานที่อื่น และจึงตั้งภูมิลำเนาของตนไว้ที่นั่น ทั้งนี้เพราะพวกเขา เกรงกลัวต่อการลงโทษของอัลลอฮ์ แต่ในทันทีทันใดนั้น การ ลงโทษของพระเจ้าจึงถูกส่งลงมายังพวกเขาและพวกเขาจึงกลาย เป็นลิง และไม่มีผู้ใดจะเล็ดรอดไปได้ และไม่มีผู้ใดจะเข้าไปในเมืองนี้ได้ เมื่อผู้คนจากเมืองอื่นได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาจึงมาปีนกำแพงดู พวกเขา ต่างเห็นทั้งผู้ชายและผู้หญิงกลายเป็นลิงและวิ่งไปมาอย่างขวักไขว่ ผู้คนจึงเปิดประตูเข้าไป และผู้คนที่เคยหักห้ามพวกเขาไม่ให้ทำ ความชั่วร้ายนั้นจึงเดินเข้าไปหาพวกเขา และจึงถามพวกเขาว่า พวกเขาเป็นทายาทของพวกเขาใช่ไหม จึงทำให้ลิงเหล่านี้ร้องไห้ ออกมา และตอบพวกเขาด้วยกับการกระดกศีรษะ “ใช่เราเป็น ทายาทของพวกท่าน” พวกเขามีชีวิตอยู่ได้เพียงสามวันเท่านั้น และ อัลลอฮ์จึงส่งฝนลงมาให้ตกอย่างหนัก และพวกเขาจึงจมน้ำตาย จนหมดสิ้น จากวันนั้นเป็นต้นมา อัลลอฮ์จึงทรงสร้างลิงใหญ่พันธ์นี้ ขึ้นมา ดังที่เห็นกันทุกวันนี้
อิมาม ซัยนุลอาบีดีน กล่าวว่า “สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากเรื่องปลา ซึ่งทำให้พวกเขากลายเป็นลิงใหญ่ แต่อะไรจะเกิดขึ้นกับบรรดา ผู้ที่สังหารหลานชายและผู้สืบตระกูลของท่านนบีมุฮัมมัดเล่า อัลลอฮ์จะยังไม่ลงโทษพวกเขาในโลกนี้ แต่การลงโทษอย่างหนัก ได้ถูกจักเตรียมไว้ให้กับพวกเขาแล้วในวันตัดสินพิพากษา ถ้าหาก พวกเขาเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮ์ โดยไม่จับปลาในวันเสาร์ พวกเขาจะไม่ถูกลงโทษเช่นนั้น ผู้คนที่แนะนำพวกเขาให้ระวังตัวจากความ กริ้ว ก็ควรจะวิงวอนต่อพระเจ้า และพระองค์ก็จะทรงยอมรับในการ วิงวอนของพวกเขา แต่พวกเขาแนะนำพวกนั้นเพียงอย่างเดียว แต่ ไม่ได้วิงวอนต่ออัลลอฮ์ และพวกเขาจึงกลายเป็นลิง เพราะอัลลอฮ์ ได้ทรงจารึกสิ่งนี้ไว้ในแผ่นบันทึกที่ถูกเก็บรักษาไว้
อิมามยะอ์ฟัร อัศศอดิก ได้กล่าวไว้ว่า อัลลอฮ์ทรง มีบัญชามายังพวกยิวให้ละทิ้งเรื่องทางโลกไว้ในวันศุกร์ แต่พวกเขา ไม่เชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์ แทนที่จะเป็นวันศุกร์พวกเขากลับ ให้ความศักดิ์สิทธิ์กับวันเสาร์ อันเนื่องมาจากนี้พระองค์จึงทรงห้าม พวกเขาไม่ให้ไปจับปลาในวันเสาร์
มีวจนะอีกบทหนึ่ง กล่าวไว้ว่า อัลลอฮ์จะทรงเปลี่ยนรูปโฉม ชาวอิสราเอลกลุ่มหนึ่งซึ่งหายลงไปในทะเล พวกเขาเปลี่ยนไปเป็น สัตว์ เช่น ลิงใหญ่ สุกร และเป็นสัตว์อื่นๆอีกมากมาย บางคนกลาย เป็นสัตว์น้ำ
ตามการรายงานของอะลี อิบนิ อิบรอฮีม กล่าวว่า มีอยู่ระยะ เวลาหนึ่งที่มุสลิมและผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม ถือกันว่าวันศุกร์เป็นวันสำคัญ แต่พวกยิวคัดค้าน และไปยึดถือเอาวันเสาร์เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ อัน เนื่องมาจากการต่อต้านนี้ พวกเขาจึงถูกเปลี่ยนให้เป็นลิงและสุกร
3.4 เรื่องราวของนบีสุลัยมาน คุณธรรม ความสมบูรณ์ และความอัศจรรย์ต่างๆของสุลัยมาน
อัลลอฮ์ตรัสว่า “และ(เราได้ทำให้เป็นข้าช่วงใช้)กับสุลัยมาน โดยให้ลมพัดอย่างรุนแรงไปตามทางที่สุลัยมานมีบัญชากับมันสู่ และเราเป็นผู้ทรงรอบรู้ในทุกสิ่ง และ รุ่นดินที่เราได้ยังความจำเริญ และเราเป็น ในหมู่คนที่ก่อกบฏ มีบรรดาผู้ที่พวกเขาลำน้ำให้กับเขาและทำงานอื่นๆ อีก นอกจากนั้นและเราคอบควบคุมพวกเขาไว้” และสุลัยมานเป็นผู้สืบตระกูลมาจากดาวูด และเขากล่าวว่า “โอ้มวลมนุษย์ เราเป็นผู สัมพัสได้ถึงถึงภาษานก และเราได้รับการประทานมาในสิ่งทุกๆสิ่ง และโดยแน่นอนยิ่ง สิ่งนี้เป็นความเมตตากรุณาอย่างแจ้งชัด” “และ(เราได้ให้)ลมนั้นเป็นข้าช่วงใช้ของสุลัยมาน ซึ่งทำให้
การเดินทางเป็นเดือน เป็นเพียงแค่ช่วงเช้า และการเดินทางเป็นเดือน เพียงแค่ช่วงเย็น และเราได้ทำให้มีน้ำพุที่เป็นน้ำทองแดงแห่งหนึ่ง พุ่งออกมาเพื่อเขา และบรรดาพวกญินนั้น มีพวกที่ทำงานต่อหน้าเขา ด้วยกับพระบัญชาของผู้อภิบาลของพวกเขา และใครก็ตามที่บังอาจ ฝ่าฝืนในคำบัญชาของเราจากหมู่พวกเขา เราก็จะให้พวกเขาได้ลิ้มรส ของการเผาไหม้ พวกเขาต่างก็สร้างตามที่พวกเขาประสงค์ เป็นป้อม ปราการต่างๆ และบันดาลเครื่องใช้ต่างๆ โอ่ง(ขนาดใหญ่) มีรางน้ำ ระบายออกไป และหม้อหุงต้มอาหารที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายไปจากที่ พวกของมันได้ จงขอบคุณเถิตครอบครัวของดาวูดเอ๋ย และบรรดา และโดย ข้าทาสของข้านั้นมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่กตัญญูรู้คุณ” แน่นอนยิ่ง เราได้ทดสอบสุลัยมาน และเราได้เอาร่างหนึ่งวางบน บัลลังก์ของเขา ดังนั้นเขาจึงหันสู่ (อัลลอฮ์) เขากล่าวว่า โอ้องค์พระ ผู้อภิบาลของข้า และทรงมอบหมายราชอาณาจักรให้กับข้าพระองค์ ซึ่งไม่เป็นที่เหมาะสมกับผู้ใด (ที่จะสืบทอดมรดก) ภายหลังจากข้าฯ แน่แท้พระองค์ทรงเป็นผู้ให้ที่ทรงยิ่งใหญ่ ดังนั้นเราได้ทำให้ลมเป็นข้า ช่วงใช้ของเขา มันทำไปตามคำสั่งของเขาโดยให้วิ่งไปอย่างนิ่มนวล เป็นไปตามความปรารถนาของเขา และบรรดาซาตาน นักก่อสร้าง และประดาน้ำทุกคน และพวกอื่นๆที่ถูกร้อยไว้ด้วยโฟ สิ่งนี้เป็นของ ขวัญที่ให้เปล่าของเรา ฉะนั้นจงให้ไปอย่างเปล่าๆ หรือจะยึดไว้ก็ได้ โดยไม่ต้องคำนวณนับ” (38:34-39)
เชค ตะบัรซี ได้รายงานไว้ว่า บรรดาชัยตอนได้ก่อสร้างแท่น ที่มีความยาว หนึ่งพาราซัง ทำด้วยทองคำและผ้าไหม และได้สร้าง
แท่นเทศนาขึ้นตรงกลางแท่นดังกล่าวนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยทองคำ ซึ่งเขา ใช้เป็นที่ประทับและที่อยู่รอบๆตัวเขา มีเก้าอี้จำนวน สามพันตัว ที่ทำด้วยทองคำและเงิน ในสมัยนั้นบรรดาศาสดาประทับอยู่บนบัลลังก์ ที่ทำด้วยทองคำ และบรรดาอุลามาอนั่งอยู่บนเก้าอี้เงิน รายรอบ พวกเขาเป็นมวลมนุษย์ ชัยตอน และญิน จะยืนห้อมล้อมอยู่ ฝูงนกจะกางปีกของพวกมันให้ร่มเงา
ตามสายรายงานที่ถูกต้อง มีกล่าวไว้จากอิมาม มุฮัมมัด อัล บากิร ว่าราชอาณาจักรของสุลัยมาน มีอาณาเขตจากเมือง อิสติคอร ถึงดามัสกัส*
ตามการรายงานจากสายรายงานที่เชื่อถือได้ มีกล่าวไว้จาก มุซา อิบนิ ยะอ์ฟัร ว่าอัลลอฮ์มิได้ทรงแต่งตั้งศาสดาองค์ใด นอกเสีย จากว่าเขาจะมาจากผู้มีปัญญา และศาสดาบางองค์มีความสมบูรณ์ มากกว่าอีกองค์หนึ่ง สุลัยมาน ถูกแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์และศาสดา ภายหลังจากที่เขาได้รับการทดสอบจากดาวูดแล้ว เมื่อสุลัยมาน เป็นคอลีฟะฮ์ เขามีอายุสิบสามปี และเขาขึ้นครองราชย์อยู่นาน สี่สิบปี เมื่อซุรคอรนัยน์ ขึ้นเป็นกษัตริย์ เขามีอายุเพียงสิบสองปี และขึ้นครองราชย์เป็นเวลาสามสิบปี
มีรายงานไว้ว่า มีผู้คนมาสอบถามอิมาม อัศ ศอดิก เกี่ยวกับ อายะฮ์ (บรรดาบุตรของดาวูด เอ๋ย จงขอบคุณ”) อิมามกล่าวว่า “ผู้สืบ ตระกูลของดาวูด มีผู้ชายจำนวนแปดสิบคน และผู้หญิงจำนวน เจ็ดสิบคน และไม่มีผู้ใดสักคนในหมู่พวกเขาที่มีการปฏิบัติ ละหมาด ที่แตกต่างกัน” ภายหลังจากดาวูด สุลัยมาน ขึ้นเป็นกษัตริย์ เขา กล่าวว่า “ประชาชนเอ๋ย อัลลอฮ์ทรงสอนฉันให้รู้จักภาษาของนก
และทรงทำให้ผู้คน และญิน เป็นผู้ปฏิบัติตามฉัน” เมื่อใดก็ตามที่สุลัยมาน ได้ยินถึงแผ่นดินของกษัตริย์องค์ใด