INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

ข้อคิดจากประวัติศาสตรและพงษาวดารจีน: (2)​ ทางเลือกของฟั่นหลี่(范蠡)

ข้อคิดจากประวัติศาสตรและพงษาวดารจีน: (2)ทางเลือกของฟั่นหลี่(范蠡)

โดย​ รศ.ดร.สมศักดิ์ แต้มบุญเลิศชัย

ข้อคิดจากประวัติศาสตร์และพงศาวดารจีน(2): ทางเลือกของฟั่นหลี่(范蠡)

ทางเลือกของฟั่นหลี่(范蠡)

ฟั่นหลี่เป็นคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้าน เป็นผู้มีความรู้ความสามารถมากในสมัยชุนชิว ราชวงศ์โจวตะวันออก เขาเป็นขุนนางของรัฐเวี่ย(越国)เมื่อจะได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งสูงขึ้น กลับเลือกที่จะลาออกจากราชการ ต่อมา เขาประกอบอาชีพเป็นพ่อค้า ก็ประสบความสำเร็จ จนมีฐานะร่ำรวยมาก เขาบริจาคเงินส่วนใหญ่ให้แก่คนยากจน และกิจกรรมการกุศลต่างๆ คนสมัยต่อมา ยกย่องชื่นชมเขาเป็นคนที่รับใช้ชาติด้วยความจงรักภักดี มีสติปัญญาเฉียบแหลม รู้เท่าทันสถานการณ์ เอาตัวรอดได้ ค้าขายจนร่ำรวย และมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน(忠以报国、智以保身、商以致富、成名天下)

ฟั่นหลี่ (536-448 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นคนของรัฐฉู่(楚国) แต่เข้ารับราชการที่รัฐเวี่ย(越国) เขาเกิดในครอบครัวยากจน แต่หมั่นศึกษาหาความรู้ตั้งแต่เด็ก จนมีความรู้ความสามารถ ทั้งเรื่องการเมือง การทหาร การทูต และการเศรษฐกิจ นอกจากผลงานทางการเมือง และการค้าแล้ว มีหนังสือชื่อ“ กลอุบายของฟั่นจื่อ”(范子计然) ที่รวบรวมความคิดและกลอุบายของเขา (เข้าใจว่า เป็นหนังสือที่คนในสมัยต่อมาเป็นผู้เขียนขึ้น จึงใช้ชื่อว่ากลอุบายของอาจารย์ฟั่น) และ“วิธีเลี้ยงปลา”(养魚经) ฟั่นหลี่ยังเป็นที่รู้จักกันในนาม“เถาจูกง”(陶朱公) เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย (财神)องค์หนึ่งด้วย

ฟั่นหลี่รับราชการที่รัฐเวี่ย โดยคำแนะนำของเหวินจ่ง(文种)ขุนนางรัฐเวี่ย ฟั่นหลี่กับเหวินจ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งสองเสนอกลอุบายการสู้รบต่อกษัตริย์เวี่ยโกวเจี้ยน(越王勾践)จนรบชนะรัฐหวู (吴国) ที่เป็นรัฐคู่อริได้ แต่เมื่อปราบรัฐหวูได้แล้ว ฟั่นหลี่กลับเลือกลาออกจากราชการ และเขียนจดหมายให้เหวินจ่งให้ลาออกจากราชการด้วย แต่เหวินจ่งยังไม่ยอมลาออก ยังคงรับราชการกับกษัตริย์เวี่ยต่อ ในที่สุดก็ต้องประสบกับชะตากรรม ถูกกษัตริย์เวี่ยสั่งให้ฆ่าตัวตาย

ในตอนปลายของยุคชุนชิว รัฐหวู(吴国) และรัฐเวี่ย(越国) เป็นรัฐที่มี กำลังเข้มแข็ง สองรัฐมีดินแดนติดต่อกัน มีเรื่องขัดแย้งกันในพรมแดนเป็นประจำ ก่อนคริสตกาล 456 ปี รัฐหวูยกทัพโจมตีรัฐเวี่ยแต่ไม่สำเร็จ กษัตริย์หวูเหอหลวี(阖闾) ผู้นำทัพถูกฆ่าตายในการรบ อีกสามปีต่อมา กษัตริย์ฟูไช(夫差) ยกทัพไปบุกโจมตีและทำลายเมืองหลวงของรัฐเวี่ย จนเสียหายอย่างหนัก รัฐเวี่ยต้องยอมจำนน กษัตริย์ฟูไชคิดจะผนวกดินแดนของรัฐเวี่ยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐหวู เหวินจ่งเสนอต่อกษัตริย์โกวเจี้ยน(越王勾践) ให้ติดสินบนโป๋ผี่(伯嚭) ขุนนางของกษัตริย์ฟูไช เพื่อขอร้องให้อย่าอย่าฆ่าโกวเจี้ยน และไม่ทำลายรัฐเวี่ยจนหมดสภาพ เพื่อกษัตริย์เวี่ยจะได้รู้บุณคุณ และยอมให้รัฐเวี่ยอยู่ใต้อำนาจของรัฐหวู ตลอดไป กษัตริย์ฟูไช จึงไม่ฆ่าโกวเจี้ยน เพียงแต่จับเขาเป็นเชลยโดยมีฟั่นหลี่ติดตามไปด้วย

โกวเจี้ยนเป็นทาสที่รัฐหวูสามปี เขาทำตามคำแนะนำของฟ้่นหลี่ ยอมทำงานเยี่ยงทาสและเต็มใจรับใช้กษัตริย์รัฐหวูด้วยความยินดี ครั้งหนึ่ง กษัตริย์ฟูไชไม่สบาย ฟั่นหลี่รู้ว่า การเจ็บป่วยเช่นนี้ อีกไม่นานคงหาย จึงแนะนำให้โกวเจี้ยนไปพบกษัตริย์ฟูไช บอกว่า ตามหลักการแพทย์จีน ความเจ็บป่วยจะหายหรือไม่นั้น ดูได้จากอุจจาระ ถ้าอุจจาระมีกลิ่นเหม็น โรคก็จะหายได้เร็ว โกวเจี้ยนได้เสนอตัวชิมอุจจาระของกษัตริย์ ฟูไช เพื่อรู้ถึงความหนักเบาของอาการเจ็บป่วย ฟูไชให้โกวเจี้ยนลองชิมอุจจาระของเขา เมื่อชิมแล้ว โกวเจี้ยนได้แสดงสีหน้าดีใจ และบอกกษัตริย์ฟูไชว่า จากการชิมอุจจาระ รู้ว่า ความเจ็บป่วยของเขา อีกไม่นานคงหาย ต่อมา กษัตริย์ฟูไชก็หายจากความเจ็บป่วยจริง เขาซาบซึ้งในความจงรักภักดีของโกวเจี้ยนมาก โป๋ผี่จึงถือโอกาสบอกฟูไชว่าโกวเจี้ยนเป็นทาสหลายปีแล้ว ควรปล่อยตัวเขากลับรัฐเวี่ย แต่ก่อนปล่อยตัวเขากลับไป ควรให้โกวเจี้ยนสาบานว่า รัฐเวี่ยจะจงรักภักดีต่อรัฐหวูตลอดไป ตามคำแนะนำของฟั่นหลี่ โกวเจี้ยนจึงสัญญาว่า รัฐเวี่ยจะไม่ทรยศต่อรัฐหวู ถ้าไม่ทำตามคำมั่นสัญญานี้ ขอให้รัฐเวี่ยและตน ต้องประสบกับภัยพิบัติ ฟูไช จึงปล่อยโกวเจี้ยนกลับไป

เมื่อกลับถึงรัฐเวี่ยแล้ว กษัตริย์โกวเจี้ยน พยายามพัฒนารัฐเวี่ยในด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และแสนยานุภาพ โกวเจี้ยน เตือนความจำตัวเองถึงความขมขื่น ตอนที่ตกเป็นทาสที่รัฐหวู เขานอนบนกองไม้ฟืน และแขวนดีสัตว์ที่มีรสขมมากบนที่นอน ลุกขึ้นมาชิมดีสัตว์เป็นครั้งคราว เพื่อเตือนสติตนเอง และหาทางแก้แค้น แต่ภายนอก เขาคงแสดงความนอบน้อมกับกษัตริย์ฟูไชมาก ส่ง เครื่องบรรณาการไปถวายทุกปี เมื่อกษัตริย์รัฐหวูคิดจะสร้างพระราชวัง ก็ส่งไม้คุณภาพดีไปถวาย และทำตามกลอุบายของเหวินจ่ง คือ ทำให้กษัตริย์ฟูไชคิดว่า รัฐหวูมีความสงบเรียบร้อย ถึงเวลาหาความสุข โกวเจี้ยนให้ฟั่นหลี่เกณฑ์สาวงามในรัฐเวี่ยส่งไปเป็นสนมของกษัตริย์หวู ฟั่นหลี่หาสาวงามได้หลายคน รวมทั้งซีซือหรือที่ภาษาแต้จิ๋วอ่านว่าไซซี”(西施)ซึ่งเป็นสาวสวยที่มีชื่อเสียงมากในประวัติศาสตร์จีน

กลอุบายของเหวินจ่ง คือ ทำให้กษัตริย์ฟูไช คิดว่าตนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และติดสินบนขุนนางรัฐอูู๋ ให้ยุกษัตริย์หวู ห่างเหินจากขุนนางที่ซื่อสัตย์สุจริตต่อเขา หาข่าวคราวเกี่ยวกับรัฐหวู และยุยงให้รัฐหวู ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจ โดยการยกทัพไปรุกรานรัฐอื่นนอกจากรัฐเวี่ย (ที่ยอมจำนนไปแล้ว) ในขณะเดียวกัน รัฐเวี่ยพยายามเสริมสร้างแสนยานุภาพให้กล้าแข็งขึ้นอย่างลับๆ โดยมีฟ้่นหลี่เป็นผูับัญชาการ

เวลาผ่านไปหลายปี กษัตริย์โกวเจี้ยน เมื่อเห็นว่าแสนยานุภาพของรัฐเวี่ยกล้าแข็งมากแล้ว ต้องการยกกำลังไปปราบรัฐหวูให้ราบคาบ แต่เหวินจ่งกับฟั่นหลี่ยับยั้งไว้ บอกว่าที่รัฐหวู ยังมีอู๋จื่อซวี(伍子胥) แม่ทัพที่เก่งในการรบอยู่ ต้องรอให้แม่ทัพคนนี้เสียชีวิตก่อน จึงค่อยยกทัพไปโจมตีรัฐหวู

ต่อมา เมื่อกษัตริย์ฟูไช ไม่อดทนกับคำตักเตือน ของอู๋จื่อซวี(伍子胥) ขุนนางรัฐหวูเก่าแก่ที่มีผลงานมาก แต่เป็นคนจาพูดตรงไปตรงมา โดยไม่เกรงใจกษัตริย์ จนกษัตริย์ฟูไชโกรธมาก จึงสั่งให้อู๋จื่อซวีฆ่าตัวตาย

ก่อนคริสตกาล 476 ปี กษัตริย์โกวเจี้ยน เห็นว่า กษัตริย์ฟูไชยังมัวเมากับการเสวยสุขและรัฐหวูอ่อนแอลงมากแล้ว จึงยกกำลังทหารเข้าโจมตี และได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด กษัตริย์ฟูไชขอยอมแพ้ และขอให้รักษารัฐหวูและชีวิตของเขา แต่โกวเจี้ยนไม่ยอม กษัตริย์ฟูไชจึงฆ่าตัวตาย

หลังจากที่ได้รับชัยชนะ และผนวกดินแดนรัฐหวูได้เบ็ดเสร็จแล้ว รัฐเวี่ยกลายเป็นรัฐมหาอำนาจขนาดใหญ่ มีการจัดงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ เหล่าขุนนางข้าราชการ ต่างแสดงความยินดี และยกย่องโกวเจี้ยนว่าเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ รู้จักอดทนอดกลั้นมานานหลายปีจนได้รับชัยชนะอย่างงดงาม และมีคนชมเชยเหวินจ่งและฟั่นหลี่ว่า เป็นขุนนางที่มีความรู้ความสามารถ และช่วยปกครองประเทศได้ดี แต่ฟั่นหลี่สังเกตุเห็นว่า กษัตริย์โกวเจี้ยนไม่มีสีหน้ารูัสึกดีใจเลย

ในวันรุ่งขึ้น ฟั่นหลี่มาพบกษัตริย์ ขอลาออกจากราชการ แต่กษัตริย์โกวเจี้ยนไม่อนุมัติ บอกว่า เขากำลังจะแต่งตั้งให้ฟั่นหลี่มีตำแหน่งใหญ่โต จะมาลาออกตอนนี้ได้อย่างไร ทั้งยังขู่ว่า ถ้าฟั่นหลี่ลาออก เขาจะฆ่าลูกเมียของฟั่นหลี่ทั้งหมด ฟ้่นหลี่กล่าวตอบว่า ถ้าเขามีโทษหนัก ขนาดต้องถูกฆ่า ก็ยอมให้ฆ่า แต่ลูกเมียของเขาไม่มีความผิดอะไร ถ้ากษัตริย์ฆ่าลูกเมียของเขาแล้ว กษัตริย์จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ทั้งยังต้องถูกติฉินนินทาว่า เป็นกษัตริย์ที่โหดร้ายอีกด้วย

ในคืนนั้น ฟั่นหลี่ ได้ให้ครอบครัวหลบหนีไปก่อน ต่อมามีข่าวว่า ฟั่นหลี่พาสาวงามไซซีไปด้วย ตอนแรก ฟั่นหลี่หนีไปรัฐฉี(齐国)ที่อยู่ห่างไกลจากรัฐเวี่ย กษัตริย์รัฐฉีรู้ว่า เขาเป็นคนที่เก่งมาก จึงแต่งตั้งให้เป็นอัครเสนาบดี ฟั่นหลี่ทำงานที่รัฐฉีอสี่ปี ทำให้รัฐฉีมีความเจริญรุ่งเรือง ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีแล้ว ได้ลาออกจากตำแหน่งอัครเสนาบดี แล้วไปประกอบอาชีพค้าขายอยู่ที่เมืองเถา(陶) เขาประสบความสำเร็จ มีฐานะรํ่ารวยมาก คนจึงเรียกเขาว่า“เถาจูกง(陶朱公)

ก่อนที่จะหลบหนี ฟั่นหลี่เขียนจดหายถึงเหวินจ่ง ผู้ที่ทำงานใหญ่มาด้วยกันและสนิทสนมกันมาก เขาบอกว่า เมื่อยิงนกหมดแล้ว ก็เก็บธนูไปแขวนไว้ เมื่อสิงห์สาราสัตว์ถูกล่าจนหมดสิ้นแล้ว สุนัขล่าสัตว์จะถูกจับไปกิน เมื่อรัฐที่เป็นคู่อริ ถูกทำลายลงแล้ว ขุนนางที่มีความดีความชอบก็มักถูกฆ่าทิ้ง(飞鸟尽 良弓藏、狡兔死 走狗烹、 敌国破 谋臣亡) กษัตริย์โกวเจี้ยน เป็นคนที่มีความอดทน ลูกน้องสามารถร่วมทนทุกข์ทรมานด้วยได้ แต่จะร่วมสุขกันยาก ทั้งยังเป็นคนขี้ระแวงไม่เชื่อใจคน ท่านควรรีบหาทางตีตัวออกห่าง มิฉะนั้น อาจมีอันตราย

เหวินจ่งเมื่อได้รับจดหมาย ก็เกิดความกังวลใจ แต่ไม่รีบลาออกจากราชการ เพียงแต่ทำเป็นเจ็บป่วย ไม่เข้าให้คำปรึกษาราชการเหมือนกับแต่ก่อน กษัตริย์รู้ซึ้งถึงความสามารถของเหวินจ่ง ระแวงว่า ถ้า เหวินจ่งก่อการกบฎ จะไม่สามารถปราบปรามได้ กษัตริย์จึงทำทีไปเยี่ยม แล้วกล่าวว่า ผู้ที่มีสติปัญญาและกลอุบาย ไม่กังวลว่าตนเองต้องตาย แต่กลัวว่า กลอุบายของตนไม่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ เหวินจ่งมีกลอุบายแยบยล แนะนำข้าฯปราบรัฐหวู จนราบคาบลงได้ แต่ก็ยังมีกลอุบายอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ เจ้าคิดจะนำกลอุบายเหล่านี้ออกมาใช้ได้อย่างไร เหวินจ่งตอบว่า ไม่ทราบ โกวเจี้ยนจึงกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น ก็นำไปใช้กับกษัตริย์หวูที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาจะได้ไม่มาหาเรื่องกับรัฐเวี่ยอีก พอพูดจบ ทิ้งดาบเล่มที่กษัตริย์ฟูไชมอบให้อู๋จื่อซวีเพื่อใช้ฆ่าตัวตายให้แก่เหวินจ่ง แล้วเดินจากไป เหวินจ่ง รู้ว่า อย่างไรเสียกษัตริย์โกวเจี้ยนก็จะไม่ไว้ชีวิตเขาเป็นแน่ จึงใช้ดาบเล่มนั้นฆ่าตัวตาย

หลังจากที่ฟั่นหลี่ค้าขายจนรํ่ารวย ในแต่ละครั้ง เขาได้บริจาคทรัพย์สมบัติของเขาช่วยเหลือคนยากคนจนจนเกือบหมดแล้ว จึงเริ่มทำการค้าใหม่ เมื่อมีเงินทองมากแล้ว ก็บริจาคออกไปอีก โดยไม่เสียดายเงิน ฟั่นหลี่มีแนวคิดในการปกครองประเทศและ การทำการค้าเป็นอย่างดี หลักในการปกครองของเขา คือ พัฒนาเศรษฐกิจ ส่งเสริมการเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ ถ้าทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีได้แล้ว บ้านเมืองจึงมีความสงบสุข แต่ต้องให้ประชาชนมีคุณธรรม มีจริยธรรม และรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีด้วย การค้าขายเหมือนกับการบริหารประเทศ คือ ต้องมีความสอดคล้องกับสภาพภูมิศาสตร์ ไม่ฝืนความจริง ไม่ฝืนธรรมชาติ มีความซื่อสัตย์สุจริต หลักทำการค้าของฟั่นหลี่ คือ ต้องรู้กาลเทศะ ซื้อในพื้นที่ และในเวลาที่มีผลผลิตออกมามาก ขายในพื้นที่ ที่ขาดแคลน เอาของที่คนอื่นไม่ใช้มาใชัประโยชน์ ให้ของที่คนอื่นอยากได้ ไม่ฝืนธรรมชาติ และทำในเวลาที่เหมาะสม (人棄我取、人取我与、顺其自然、伺机而动) หนังสือหลักการปกครองประเทศและทำการค้าของฟั่นหลี่ แม้อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาแต่งขึ้นเอง แต่ก็ เป็นหนังสือที่แพร่หลายในเวลาต่อมา

ข้อคิดที่ได้จากเรื่องราวของฟั่นหลี่

1 ฟั่นหลี่และเหวินจ่ง เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ มีสติปัญญาดีเลิศทั้งคู่ ฟั่นหลี่ตีจากโกวเจีัยนไปก่อน จึงรักษาชีวิตไว้ได้ แต่เหวินจ่งเลือกที่จะอยู่ต่อ จึงต้องตายลงไปอย่างน่าเสียดาย

2 การทำการค้าให้ร่ำรวย ต้องมีหลักการและวิธีการ คนจะค้าขายให้ร่ำรวยได้ แม้ใช้กลวิธี แต่ต้องซื่อสัตย์สุจริต ไม่โก่งราคา ไม่คดโกง มิฉะนั้น จะไม่มีคนเชื่อถือ และทำมาหากินต่อไปได้ลำบาก

3 คนที่มีทรัพย์สมบัติมาก หากยังมีสุขภาพดีและมีวิธีการค้าขายที่ดี เมื่อสามารถทำงานต่อได้ หาเงินได้อีก ก็ไม่จำเป็นต้องห่วงทรัพย์สมบัติว่าจะหดหายไป การช่วยเหลือคนยากคนจน ผู้ให้ความช่วยเหลือจะได้รับส่วนกุศล และมีความพอใจในตนเอง

4 เมื่อมีสติปัญญาแล้ว ควรหาทางถ่ายทอดความรู้ความคิดของตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ผู้ได้รับความรู้ความคิดเหล่านี้ แล้วเอาไปเผยแพร่ แม้จะไม่ใช่ความคิดของตนเอง แต่ถ้าเป็นความรู้ความคิดที่ดี และมีประโยชน์ ก็จะสร้างประโยชน์ได้

5 ความสำเร็จของคน อยู่ที่การมีทิศทางที่ถูก มีการประพฤติปฏิบัติและวิธีการทำงานที่ดี และมีความพยายามพอควร ทิศทางของชีวิตอาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ไม่ใช่เปลี่ยนจากคนดีกลายเป็นคนชั่ว จากการร่วมงานกับคนดีไปร่วมงานกับคนเลว ไม่ว่าเส้นทางชีวิต จะเปลี่ยนไปทางใด ต้องรักษาศีลธรรมและจริยธรรมขั้นพื้นฐานเอาไว้ ชีวิตของฟั่นหลี่ แม้เปลี่ยนจากขุนนาง เป็นพ่อค้า แต่ก็ยังทำประโยชน์ได้

สำหรับวิธีการประพฤติปฏิบัติและการทำงาน ต้องรู้จักคิด พิจารณาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ทำสิ่งที่สร้างความเสียหายต่อผู้อื่น และต่อตนเอง ฟั่นหลี่เมื่อทำการค้า รู้จักใช้ความคิด มีวิธีการที่ดี และมีความพยายามจึงประสบผลสำเร็จได้

แม้จะมีทิศทางที่ถูกต้อง มีวิธีการที่ดี แต่ก็ต้องมีความพยายามพอสมควร ความพยายามนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ทำไม่ได้แล้วพยายามทำให้ได้ ไม่ใช่ต้องหักโหมทำงานมาก จนสุขภาพของตนต้องรับความเสียหาย หรือมีวิธีที่ไม่มีประสิทธิถชภาพ ต้องใช้ทรัพยากรหรือแรงงานมาก แต่ได้ผลน้อย ฟั่นหลี่ตอนที่เป็นขุนนาง พยายามทำงานสร้างผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ตอนที่เป็นพ่อค้า ก็มีวิธีการค้าที่ดี และมีความพยายาม ชีวิตของฟั่นหลี่ จึงเป็นตัวอย่างของการมีทิศทางที่ถูกต้อง มีวิธีการที่ดี และมีความพยายามพอควร

เรื่องของฟั่นหลี่ สอดคล้องกับสุภาษิตไทย ที่กล่าวว่า “รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” เมื่อรู้ว่า คนที่เป็นเจ้านาย หรือคนที่ร่วมงานกับเราเป็นคนไม่ดี อยู่ร่วมกันไม่ได้ ก็รีบตีตัวออกห่างเสีย จะดีกว่า การหลบหนีไม่ใช่การพ่ายแพ้ แต่เป็นการถอย เพื่อหาทางเริ่มงานใหม่ การตีตัวออกห่างจากพวกคดโกงเสียแต่เนิ่นๆ เป็นวิธีการรักษาตัวรอดอย่างหนึ่ง

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *