ไม่มีใครรู้อย่างแท้จริงกลยุทธ์คืออะไร
ไม่มีใครรู้อย่างแท้จริงกลยุทธ์คืออะไร
ถ้อยคำ “ไม่มีใครรู้อย่างแท้จริงกลยุทธ์คืออะไร” ที่มักจะอ้างอิงวารสาร
อีโคโนมิสท์ ค.ศ 1993 ได้แสดงความยุ่งยากภายในการนิยามและความเข้าใจกลยุทธ์ โดยเฉพาะภายในโลกธุรกิจในขณะที่ถ้อยคำจะมีรากฐานโบราณภายในบริบททางทหารการประยุกต์ใช้ของมันต่อธุรกิจและสาขาอื่นยังคงซับซ้อนและโต้เเย้ง ถ้อยคำกลยุทธ์ มาจากภาษากรีกจะหมายถึง
ผู้นำกองทัพ มันเริ่มแรก อ้างถึงศิลปะและศาสตร์ของการบัญชาการทาง
ทหาร เมื่อกลางศตรวรรษที่ยี่สิบนักวิชาการอย่างเช่นอิกอร์ แอนซอฟท์
ได้นำแนวคิดของกลยุทธ์มาสู่โลกธุรกิจ ด้วยหนังสือของเขา Corporate
Strategy คำพูดอ้างอิงของอีโคโนมิสท์ เเสดงการโต้เถียงอย่างต่อเนื่อง
และการขาดคำตอบเดียวที่แน่นอนต่อคำถามกลยุทธ์คืออะไรอย่างแท้
จรืง
กลยุทธ์อยู่ ณ รากฐานของการตัดสินใจทุกอย่าง ที่ต้องกระทำภายในองค์การ ถ้ากลยุทธ์ถูกกำหนดเเละดำเนินการไม่ดีโดยผู้บริหารระดับสูง
กลยุทธ์จะมีผลกระทบอย่างสำคัญต่อการบรรลุความสำเร็จขององค์การ ตามถ้อยคำ “ไม่มีใครรู้อย่างแท้จริงกลยุทธ์คืออะไร” แสดงความยุ่งยากภายในการนิยามกลยุทธ์ คำนิยามเดียวยอมรับกันโดยทั่วไปมันจะเเสดงความเครือและความซับซ้อน รอบแนวคิดของกลยุทธ์ โดยเฉพาะภายในบริบทของธุรกิจ
ในขณะที่คำนิยามและกรอบข่ายที่หลากหลายจะมีอยู่ เราไม่มีความเข้าใจดียวโดยทั่วไปที่ยอมรับกันของกลยุทธ์คืออะไร แม้ว่ามันเป็นถ้อยคำที่กระตุ้น มันได้เน้นย้ำข้อเท็จจริงว่าหลายการแปลความหมายและวิถีทางที่
แตกต่างกันต่อกลยุทธ์จะมีอยู่ นำไปสู่ความรู้สึกของความคลุมเครือ แทน
การจมอยู่ภายในคำนิยาม มันสำคัญมากกว่าที่จะมุ่งกลยุทธ์ต้องการอะไร
ที่จะบรรลุเพื่อองค์การ มุมที่สำคัญของกลยุทธ์คือ การระบุความสามารถ
แกน และด้านตรงที่องค์การจะต้องบรรลุเพื่อความเหนือกว่า
กลยุทธ์ไม่ได้เป็นแผนที่ตายตัวกำหนดทุกขั้นตอน แต่ค่อนข้างเป็นกรอบข่ายที่ปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และรวมความเป็นไปได้ของเหตุการณ์น่าจะเป็น ความคลุมเครือคำนิยามไม่ได้หมายความกลยุทธ์ไม่
สำคัญ แต่มันจะเป็นความคิดหลายแง่มุมครอบคลุมมุมที่แตกต่างกันอย่าง
เช่น การวางแผน การวางตำแหน่ง และมุมมอง โดยพื้นฐานคำพูดอ้างอิง
ของอีโคโนมิสท์ เป็นการเตือนใจว่าในขณะที่กลยุทธ์สำคัญ แต่มันไม่ได้
เป็นแนวคิดวิถีทางเดียว ที่ใช้ได้กับบุคคลทุกคน มันเกี่ยวกับความเข้าใจบริบท ทำการเลือกอย่างมีข้อมูลและมุ่งที่อะไรสำคัญอย่างแท้จริงต่อการบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการ
เฮนรี มิงท์เบิรก นักวิชาการกลยุทธ์ ไม่ได้ระบุกลยุทธ์ด้วยคำนิยามเดียว
ครอบคลุมทุกอย่าง แต่เขาได้มองกลยุทธ์เป็นแนวคิดหลายแง่มุม รวมทั้ง
กลยุทธ์ที่วางแผนและกลยุทธ์ที่ปรากฏขึ้นมา เขาได้ระบุ 5Ps ตัวพีห้าตัวของของกลยุทธ์คือ แผน ยุทธวิธี แบบแผน ตำแหน่ง และมุมมอง แสดงวิถีทางที่หลากหลายของกลยุทธ์สามารถถูกมอง กลยุทธ์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่แผนที่ตายตัว กลยุทธ์สามารถจะเป็นแบบแผนที่ปรากฏขึ้นมา ยุทธวิธีการแข่งขัน หรือกรอบความคิดที่ครอบคลุมของบริษัท
เฮนรี มิงท์เบิรก ได้แสดงความซับซ้อนของสาขาวิชากลยุทธ์ผ่านทางการ
เปรียบเปรยเรื่อวราวคนตาบอดและช้าง ได้แสดงมุมมองที่แตกต่างกันของ
บุคคลแต่ละคนสามารถยึดส่วนหนึ่งของความจริงเกี่ยวกับทั้งหมด ที่คล้ายกับสิบสำนักความคิดของกลยุทธ์ที่เขาได้ระบุไว้ภายในหนังสือของเขาชื่อ
Strategy Safari การเปรียบเทียบจากเรื่องราวคนตาบอดและช้างจะแสดงบุคคลที่แตกต่างกันสามารถมีความเข้าใจ ที่แตกต่างกันของปรากฏการณ์อย่างเดียวกัน แต่กระนั้นบุคคลแต่ละคนสามารถถูกต้องเพียงบางส่วน
คนตาบอดแต่ละคนจะคลำส่วนที่แตกต่างกันของช้าง เช่น ขา งวง ท้อง หรือหาง อธิบายมันบนพื้นฐานประสาทสัมผัสที่จำกัด แต่ละคำอธิบายเป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมดเท่านั้น เฮนรี มิงท์เบิรก ได้ใช้สิ่งนี้แสดงภายในกรอบข่ายตัวพีห้าตัว และสิบสำนักความคิดเกี่ยวกับกลยุทธ์ของเขาเขาได้ระบุ
เหมือนกับคนตาบอดรู้สึกกับช้างอย่างไร มันได้ให้มุมมองกลยุทธ์บางส่วน
ที่ไม่สมบูรณฺ์ เป้าหมายของความเข้าใจกลยุทธฺคือ การมองเห็นช้างทั้งตัว
ไม่ใช่เพียงแค่ส่วนหนึ่งโดยการรวมมุมมองที่แตกต่างกันเหล่านี้เข้าด้วยกัน
สิบสำนักความคิดเกี่ยวกับกลยุทธ์ของ เฮนรี มิงท์เบิรก ได้ให้กรอบข่ายเพื่อความเข้าใจองค์การพัฒนากลยุทธ์อย่างไร เขายืนยันว่าจะไม่มีสำนักความคิดใดเลยยีดได้อย่างครบถ้วนความซับซ้อนของการกำหนดกลยุทธ์ และได้ให้ภาพรวมที่สมบูรณ์ องค์การสามารถใช้ประโยชน์สำนักความคิดที่แตกต่างกัน ณ ขั้นตอนที่แตกต่างกัน เขาเน้นย้ำว่าสำนักความคิดเหล่านี้ไม่ไช่ไม่เกิดขึ้นร่วมกันและองค์การอาจจะใช้วิถีทางที่แตกต่างกัน ณ เวลาที่แตกต่างกัน
เฮนรี มิงท์เบิรก ได้กระตุ้นมุมมองโดยส่วนรวมของกลยุทธ์ รับรู้การเกี่ยวพันกันของมุมมองที่หลากหลาย และความต้องการความยืดหยุ่น และการปรับตัว ภายในหนังสือ Strategy. Safari ของเขา เฮนรี มิงท์เบิรก อธิบายสิบสำนักความคิดเป็นมุมมองที่แตกต่างกันต่อสิงสาราสัตว์ของกลยุทธ์ที่
มุ่งเน้นว่าไม่มีมุมมองเดียวเพียงพออย่างสมบูรณ์
เฮนรี่ มิงท์เบิรก ได้ให้คำนิยามของกลยุทธ์ไว้ห้าอย่างเรียกว่า 5Ps ของกลยุทธ์ พีแต่ละตัวของกลยุทธ์คือ คำนิยามที่แตกต่างกันของกลยุทธ์
*แผน กลยุทธ์คือแผนอย่างหนึ่ง กลยุทธ์ได้ถูกกำหนดขึ้นมาจากการวางแผนของบริษัท
*ยุทธวิธี กลยุทธ์คือยุทธวิธีอย่างหนึ่งของบริษัท วิธีการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน เพื่อที่จะชนะคู่แข่งขัน
*แบบแผน กลยุทธ์คือแบบแผนอย่างหนึ่งของบริษัท กลยุทธ์ไม่ได้เป็นแผนเท่านั้น แต่ต้องเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอของบริษัทด้วย
*ตำแหน่ง กลยุทธ์คือการวางตำแหน่ง การสร้างความสอดคล้องระหว่างสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกของบริษัท
*มุมมอง กลยุทธ์คือมุมมอง กลยุทธ์คือวิสัยทัศน์ และทิศทางในอนาคตของบริษัท การมองสภาพแวดล้อมภายนอก
หนังสือ Strategy Safari ได้นำเสนอสิบสำนักความคิดของกลยุทธ์ที่นำ
ทางความเข้าใจสไตล์แตกต่างกันของการคิดเชิงกลยุทธ์ และการช่วยให้เราวิเคราะห์ปัญหาของ “ซาฟารี” ตัวมันเอง เฮนรี่ มิงท์เบิรก ได้กล่าวว่า
“สาขาวิชาของการบริหารเชิงกลยุทธ์ได้เดินทางมายาวนานนับตั้งแต่ต้น ค.ศ 1960 เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ธุรกิจจะต้องฉลาดมากขึ้นที่จะเเข่งขัน และกลยุทธ์จะกลายเป็นซับซ้อนมากขึ้น ผู้บริหารจะต้องมองที่สัตว์ทั้งหมดของการกำหนดกลยุทธ์ ไม่ใช่รักษามันให้มีชีวิตอยู่เท่านั้น แต่ต้องช่วยรักษาพลังชีวิตจริงของมันให้ยั่งยืนด้วย”
การต่อสู้ดิ้นรนภายในโลกซาฟารีไม่ได้จบลงด้วยการรู้เป้าหมายอะไรที่จะบรรลุ และบรรลุเป้าหมายอย่างไร เมื่อโลกเจริญเติบโตขึ้น ทุกสิ่งทุก
อย่างจะเปลี่ยนแปลง พัฒนา และกลายเป็นซับซ้อนมากด้วยกระบวนการของการกำหนดและการดำเนินการของกลยุทธ์ไม่สม่าเสมอ
ภายในหน้าแรก ผู้เขียนได้เริ่มต้นด้วยบทกวีคลาสสิค The Blind Men and The Elephant โดย จอห์น กอดฟรี่ย์ เเซกซ์ ฉบับมีชื่อเสียงมากที่สุดของศตวรรษที่ 19 คนตาบอดและช้าง เป็นนิยายเปรียบเทียบจากอินเดียโบราณที่ได้ถูกปรับโดยหลายศาสนา และพิมพ์ภายในเรื่องราวแตกต่างกันเพื่อผู้ใหญ่เเละเด็ก มันเกี่ยวกับกลุ่มของคนตาบอดที่จะเรียนรู้ ช้างคืออะไร แต่ละคนสัมผัสส่วนที่แตกต่างกันของช้างและไม่เห็นด้วยกันต่อการพรรณว่าช้างคืออะไร
การให้ความคิดว่าเราทุกคนเป็นคนตาบอด และการกำหนดกลยุทธ์เป็นช้างของเรา ต่อไปการกำหนดกลยุทธ์ได้ถูกแบ่งเป็นสิบสำนักความคิดเป็นสัญลักษณ์สิบมุมมองที่แตกต่างกันสะท้อนภายในกลยุทธ์ คำอธิบาย และข้อวิจารณ์ของผู้เขียนต่อสำนักความคิดอยู่บนพื้นฐานของมุมมองที่จำกัดของแต่ละสำนักความคิด นักกลยุทธ์มีแนวโน้มที่จะมองกลยุทธ์คล้ายกับ
คนตาบอดหกคนมองเห็นช้าง ไม่มีคนตาบอดคนใดผิดภายในการอธิบายช้างของพวกเขา คนตาบอดแต่ละคนอธิบายอย่างสมบูรณ์ต่อส่วนร่างกายของช้างที่เขาสัมผัสและรู้สึก ปัญหาอย่างเดียวเท่านั้นคือ พวกเขาอธิบายส่วนหนึ่งของภาพที่ใหญ่ ผู้เขียนได้สรุปว่า “เราจะเป็นคนตาบอด และการกำหนดกลยุทธ์เป็นช้างของเรา” เฮนรี่ มิงท์เบิรกได้เปรียบเปรยสำนักทางความคิดเหล่านี้เหมือนกับเรื่องราวของคนตาบอดคลำช้าง
กาลครั้งหนึ่งเราจะมีคนตาบอดหกคนภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง วันหนึ่งชาวบ้านได้บอกพวกเขาว่า เฮ้ เรามีช้างตัวหนึ่งภายในหมู่บ้านวันนี้ คนตาบอดหกคนไดัถูกขอให้อธิบายช้างโดยความรู้สึกและการสัมผัส คนตาบอดคนแรกได้คลำที่ท้องและบอกว่าช้างคือกำแพง คนตาบอดคนที่สองได้คลำที่งวงและคิดว่าช้างคืองู หรือคนตาบอดคนที่สามได้คลำที่งาและคิดว่าช้างคือหอก พวกเขาได้เริ่มต้นโต้เถียงกันเกี่ยวกับช้าง และได้ยืนยันว่าเขาถูกต้อง ดูแล้วคล้ายกับว่าพวกเขากำลังหงุดหงิด
ชายฉลาดคนหนึ่งได้เดินผ่านมาและได้มองเห็น เขาหยุดและถามคนตา
บอดว่า เรื่องอะไรกัน คนตาบอดหกคนกล่าวว่า พวกเขาไม่สามารถตกลงกันว่าช้างคล้ายกับอะไร คนตาบอดแต่ละคนได้บอกว่าช้างคืออะไรตามที่เขาคิด ชายฉลาด ได้อธิบายอย่างใจเย็นแก่พวกเขาว่า พวกเราทุกคนถูกต้อง เหตุผลที่พวกเราบอกว่าช้างแตกต่างกันเพราะว่าพวกเราแต่ละคนจะ
สัมผ้สส่วนที่แตกต่างกันของช้าง ที่จริงแล้วช้างจะมีคุุณลักษณะทุกอย่างตามที่พวกเราได้บอก โอ้ คนตาบอดหกคนพูดว่า เราจะไม่ทะเลาะกันอีกแล้ว พวกเขารู้สึกมีความสุขที่พวกเขาทุกคนถูกต้อง
ภายในหนังสือ Strategy Safari เฮนรี่ มิงท์เบิรก ได้ระบุสิบสำนักความ
คิดเกี่ยวกัยการกำหนดกลยทธ์ต่อไปนี่
*สำนักการออกแบบ
สำนักการออกแบบมุ่งที่การออกแบบกลยุทธ์อย่างมีระบบ ที่มักจะใช้การ
วิเคราะห์สวอทที่จะสร้างความสอดคล้องความสามารถภายในกับโอกาส
ภายนอก
*สำนักการวางแผน
สำนักการวางแผนมองการกำหนดกลยุทธ์ เป็นกระบวนการที่เป็นทาง
การ เกี่ยวพันกับการวิเคราะห์ การวางแผน และการดำเนินการ การมุ่ง
เน้นกระบวนการวางแผนที่เป็นทางการ รวมทั้งการกำหนดเป้าหมาย
และการตรวจสอบภายในและภายนอก นำทางการกำหนดกลยุทธ์
*สำนักการวางตำแหน่ง
สำนักการวางตำแหน่งมุ่งการสร้างข้อได้เปรียบทางการเเข่งขันผ่านทาง
การระบุและการยึกครองตำเเหน่งตลาดที่ฉพาะการมุ่งการระบุตำแหน่ง
ตลาดที่มีคุณค่าและข้อได้เปรียบทางการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม
*สำนักการเป็นผู้ประกอบการ
สำนักการเป็นผู้ประกอบการมองกลยุทธ์เป็นผลลัพธ์ของความเข้าใจและ
การกระทำของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ การเเสดงบทบาทของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์
ภายในกำหนดกลยุทธ์ ผ่านทางความเข้าใจ และประสบการณ์ของพวก
เขา กลยุทธ์เป็นกระบวนการวิสัยทัศน์ ขับเคลื่อนโดยวิสัยทัศน์ และสัญ
ชาติญานของผู้นำ
* สำนักการรู้คิด
สำนักการรู้คิดพิจารณาการรู้คิด และการรับรู้ของผู้บริหารมีอิทธิพลต่อ
การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ของพวกเขาอย่างไร การรับรู้ความสำคัญชอง
ของการติดสินใจของผู้บริหาร กระบวนการความคิดภายในการกำหนด
กลยุทธ์ การรับรู้และการเเปลความหมายสภาพแวดล้อมของผู้บริหารมี
อิทธิพลต่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์อย่างไร
*สำนักการเรียนรู้
สำนักการเรียนรู้มุ่งเน้นความสำคัญของการทดลอง การเรียนรู้ และการ
ปรับตัวภายในการกำหนดกลยุทธ์การมุ่งเน้นความสำคัญของการเรียนรู้้
จากความผิดพลาดที่ผ่านมา และการปรับตัวกลยุทธ์ตามสถานการณ์ที่
เปลี่ยนแปลง การมองกลยุทธ์เป็นผลลัพธ์การเรียนรู้ขององค์การ ตรงที่
กลยุทธ์ปรากฏขึ้นจากการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและกระบวนการปรับตัว
*สำนักอำนาจ
สำนักอำนาจพิจารณากลยุทธ์เป็นผลลัพธ์ของพลวัตรอำนาจ เเละการ
เจรจาต่อรองภายในองค์การ การรับรู้อิทธิพลของพลวัตรอำนาจและ
ยุทธวิธีทางการเมืองภายในการกำหนดกลยุทธ์
*สำนักวัฒนธรรม
สำนักวัฒนธรรมแสดงบทบาทของวัฒนธรรมองค์การ และค่านิยมร่วม
ภายในการกำหนดกลยุทธ์ กลยุทธ์เป็นกระบวนการทางสังคมที่มีราก
ฐานจากวัฒนธรรม การกำหนดกลยุทธ์สะท้อนวัฒนธรรมองค์การ
*สำนักสภาพแวดล้อม
สำนักสภาพแวดล้อมพิจารณากลยุทธ์เป็นการตอบสนองตอบโต้ต่อการ
เปลี่ยนแปลงภายในสภาพแวดล้อมภายนอก การมุ่งเน้นการปรับตัวของ
กลยุทธ์ต่อสภาวะภายนอกและเเนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนแปลง
*สำนักรูปร่าง
สำนักรูปร่างจะพยายามสังเคราะห์ด้านที่วางแผนและปรากฏขึ้นมาของ
กลยุทธ์ การรับรู้ว่ากลยุทธ์สามารถเป็นทั้งการวางแผนและการปรากฏ
ขึ้น การมองกลยุทธ์เป็นรูปร่างที่ซับซ้อนขององค์ประกอบที่แตกต่างกั
การมุ่งเน้นความสำคัญของการผสมผสานมันอย่างมีประสิทธิภาพ
การเปรียบเทียบคนตาบอดและช้างยืนยันความคิดว่าไม่มีสำนักความคิดใดยึดความซับซ้อนของกลยุทธ์ได้ทั้งหมด แต่ละสำนักความคิดให้มุมมองมองที่มีคุณค่า แต่ความเข้าใจครอบคลุมจะต้องการการพิจารณาวิถีทางที่หลากหลาย
การเปรียบเทียบของเรือไม่มีหางเสือ มักจะถูกใช้เเสดงความสำคัญของ
กลยุทธ์ ทำนองเดียวกับหางเสือสำคัญต่อเรือที่จะนำทางและเปลี่ยนแปลง
ทิศทาง กลยุทธ์สำคัญต่อองค์การที่จะนำทางสภาพแวดล้อมของมัน และ
บรรลุเป้าหมายของมัน หางเสือไม่ทำงาน ถ้าเรือไม่ได้แล่นอยู่เเล้ว เหมือน
กันกลยุทธ์ไม่ทำงานโดยไม่มีการกระทำ การเปรียบเทียบเรือไม่มีหางเสือ
ต่อกลยุทธ์ มักจะอ้างถึงโจเอล รอสส์ และไมเคิล คามิ ผู้เขียนที่รู้จักกันต่อ
ผลงานของพวกเขาเกี่ยวกัยการบริหารเชิงกลยุทธ์โดยเฉพาะหนังสือของ
พวกเขา Corporate Management in Crisis
หนังสือเล่มนี้ พิมพ์เมื่อ ค.ศ 1973 การวิเคราะห์ความล้มเหลวของบริษัทอเมริกันใหญ่หลายบริษัทระหว่าง ค.ศ 1960 ที่พิจารณาทำไมพวกเขาได้ตกต่ำลง และบทเรียนอะไรที่สามารถเรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงหลุมพรางอย่างเดียวกัน ภายในผลงานของพวกเขา โจเอล รอสส์ และไมเคิล คามิ มุ่งเน้นบทบาทที่สำคัญของกลยุทธ์ต่อความสำเร็จขององค์การที่กล่าวอย่างมีชื่อเสียงว่าไม่มีกลยุทธ์องค์การเหมือนกับเรือไม่มีหางเสือแล่นรอบเป็นวงกลม มันเหมือนคนพเนจร มันไม่มีที่ที่จะไป
พวกเขายืนยันว่า กลยุทธ์ที่ถูกกำหนดไว้อย่างดี และถูกดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพสำคัญต่อความอยู่รอด และความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาว
พวกเขามักจะอ้างถึงกลยุทธ์ว่าไม่มีกลยุทธ์ องค์การเหมือนกับเรือไม่มีหางเสือ วนเวียนอย่างไร้จุดหมายการเปรียบเทียบนี้แสดงความสำคัญของการมีทิศทางและความมุ่งหมายอย่างชัดเจนภายในความพยายามใดก็ตามไม่ว่ามันมันเป็นธุรกิจหรือแม้แต่ชีวิตส่วนบุคคล หางเสือทำให้กัปตัน ควบคุมเส้นทางของเรือได้ ภายในวิถีทางเดียวกัน กลยุทธ์ ให้กรอบข่ายเพื่อการตัดสินใจ และการควบคุมทิศทางขององค์การ
Cr : รศ สมยศ นาวีการ