INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

“ทรัมป์”อยากได้รางวัลโนเบลจนตัวสั่น

สบาย สบาย สไตล์เกษม
เกษม อัชฌาสัย
“ทรัมป์”อยากได้รางวัลโนเบลจนตัวสั่น

เกิดมาก็เพิ่งจะคราวนี้ละครับ ที่ได้รู้ได้เห็นว่าผู้นำสหรัฐอยากได้รางวัลโนเบล
สาขาสันติภาพ จนเกินงาม ดูน่าเกลียด น่าขยะแขยง

ที่ว่าเช่นนี้เพราะไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์อเมริกาที่น่าเคารพและนับถือว่าจะ
มีผู้นำ”แรด-ร่าน”เช่นนี้มาถือกำเนิด

แสดงความกระสันอยากได้อยากดี จนเนื้อตัวสั่น ก็ว่าได้ละครับ

ดีนะที่ไม่เป็นสาวเป็นแส้

ไม่งั้นก็จะเขียนว่า”อยากมีผัวจนตัวสั่น”เลยทีเดียว…..ฮา

ที่ว่ามานี้ ถ้าไม่ใช่ประธานาธิบดี”โดนัลด์ ทรัมป์”แล้ว จะมีใครอีกเล่าครับในยุคนี้

มีโอกาสเมื่อไหร่ “ทรัมป์”ต้องเสนอหน้าทันที ไม่พลาดไปได้

จำได้ไหมครับว่า”ทรัมป์”นั้น เคยอ้างไว้อย่างไรว่าเขาคือผู้ยุติสงครามมาแล้วเจ็ด
หน

ซีเอ็นเอ็น รายงานคำปราศรัยของเขาเอาไว้ต่อที่ประชุมประจำปี ณ สมัชชาใหญ่
องค์การสหประชาชาติว่า เมื่อ ๒๕กย.๖๘ ว่า :-

“ผมหยุดสงครามเอาไว้ได้เจ็ดครั้งด้วยกัน แม้นับจำนวนผู้เสียไม่ได้ แต่ก็ตายไป
หลายพันคน รวมทั้งสงครามระหส่างกัมพูชา-ไทย,โคโซโว-เชอร์เบีย,คองโก-
รวันดา,ปากีสถาน-อินเดีย,อิสราเอล-อิหร่าน,อียิปต์-เอธิโอเปียและอาร์เมเนีย-อา
เซอร์ไบจาน”

ชาวบ้านปกติอย่างเรา ฟังดูแล้วขึงขังและน่าเชื่อถือ แต่บรรดาผู้นำและนักการทูต
ที่ไปร่วมประชุมในสมัชชาใหญสหประชาติวันนั้น ต่างพากันอมยิ้ม เพราะย่อมรู้
สันดาน“ทรัมป์”ดีอยู่แล้ว

ผมก็จะไม่เออออห่อหมกตาม”ทรัมป์”ไปด้วย เช่นที่ผู้นำบางประเทศอ้างว่า“ทรัมป์”
ยุติสงครามได้ เพราะแท้ที่จริงนั้น ยังเป็นเพียงแค่การปะทะกัน ไม่ใช่การเปิดฉาก
สงครามอย่างเป็นทางการ

รวมทั้งการยิงต่อสู้กัน ระหว่างไทยกับกัมพูชาก็ใช่ เป็นแค่การเริ่มปะทะกันเท่านั้น
แม้จะเสี่ยงต่อการเปิดฉากสงครามจริงๆ ก็ตาม

คือยังอยู่ในขั้นตอนของการสู้รบ

ยังมีมีการเจรจาตกลงสันติภาพเป็นที่ลุล่วง

แต่”ทรัมป์”ก็มาตีกินล่วงหน้าไปเสียแล้ว

แต่เอาละครับ “ทรับป์”จะโม้แค่ไหน ผมก็จะไม่ว่าก่นบริภาษอะไรกับ”คนหิวแสง”
เช่นนี้

ไม่เช่นนั้น จะบริภาษเลยเถิด มาถึงนักการเมืองบ้านเราด้วย เดี๋ยวจะเลอะเทอะไป
กันใหญ่……..ฮา

วกกลับมาพูดถึงรายงานข่าวของ”เซาธ์ ไชนา มอร์นิง โพสต์”สนุกกว่าครับ นี่ครับ
คือวรรคนำ :-
US President Donald Trump has asked to preside
over the signing of a peace deal
between Cambodia and Thailand when he attends
the Asean Summit in Kuala Lumpur later this month,
according to four government and diplomatic
sources.
แปลว่า:-
“ประธานาธิบดีสหรัฐ”โดนัลด์ ทรัมป์”ขอไปร่วมเป็นประจักษ์พยานการลงนาม
สันติภาพระหว่างกัมพูชาและไทยในวาระที่เขาเขาจะไปร่วมประชุมสุดยอด
อาเซียนในปลายเดือนนี้ ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยของแหล่งข่าวจากสี่รัฐบาลและ
แหล่งข่าวทางการทูต”

ผมไปอ่านเจอเข้าก็ฮาสิครับ

เพราะอันที่จริงแล้ว ไทยกับกัมพูชายังไม่เจรจาสันติภาพคืบหน้า กันไปได้สักแค่
ไหนเลย หลังจากมีการตกลงหยุดยิงกันที่มาเลเซียระหว่างนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
“ฮุน มาเนต”กับรักษาการนายกรัฐมนตรี”ภูมิธรรม เวชยชัย”

แถมกัมพูชายังคงละเมิดการตกลงหยุดยิงมาตลอด ด้วยการเคลื่อนย้ายทหารมาที่
พรมแดน วางกับระเบิดทำให้ทหารไทยขาขาดไปหลายนาย ยิงเช็คแนว หมายให้
ไทยยิงตอบโต้และหลังสุดใช้พลเรือนยั่วยุที่พรมแดน

ในที่สุดก็มิอาจเจรจาได้ต้องระงับการเจรจา RBC ออกไปเพราะมีปัญหากัมพูชา
ไม่ยอมอพยพชาวบ้านออกจากแผ่นดินไทย

ข้อสังเกต ณ ตรงนี้ก็คือ :-

๑ “ทรัมป์”พยายามบีบให้มีการลงนามสันติภาพให้ได้ตามเวลา ทั้งๆ ที่ไม่มีทางที
จะเป็นไปได้ง่าย หากกัมพูชายังไม่มีความจริงกับไทยอยู่เช่นนี้

๒ การรายงานของ”เซาธ์ ไชนา มอร์นิง โพสต์นั้น”ไม่เพียงแต่จะเป็นรายงาน
ธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่คือการสะท้อนท่าทีของจีนแผ่นดินใหญ ที่แสนจะคลาสสิก
เอามากๆ ”เพื่อกระแหนะกระแหน”ทรัมป์”นั่นเอง

เพราะเวลานี้ “เซาธ์ ไชนา มอร์นิง โพสต์”อยู่ในความดูแลของทางการจีนไป
เรียบร้อย อย่างไม่เป็นทางการแล้ว แม้เจ้าของตัวจริงคือ”กลุ่มอาลีบาบา”ในสังกัข
ของ”แจ็ค หม่า”

ข้อสังเกตของผมก็คือ งานนี้ทั้งไทยและกัมพูชารวมทั้งมาเลเลเซีย ล้วนตกลงไปใน
หล่มของ”สงครามเย็น”ช่วงชิงความได้เปรียบเสียเปรียบเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ระหว่
อภิมหาอำนาจไปแล้วละครับ

ถามมายังท่านผู้อ่านว่า มีความคิดเห็นเป็นประการใดในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้

หรือว่าเห็นด้วยกับ”ทรัมป์”ที่แสดงความอยากได้อยากดีจนออกนอกหน้า
ช่วยแสดงความเห็นกันหน่อยครับ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *