ทางเลือกของโซฟีเปรียบเทียบกับทางเลือกของฮอบสัน

ทางเลือกของโซฟีเปรียบเทียบกับทางเลือกของฮอบสัน
ทางเลือกของโซฟีเป็นสำนวนอเมริกันที่อังกฤษเรียกว่าทางเลือกของฮอบสันหรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่เลย ทางเลือกของโซฟี่ที่มีขื่อเสียงของวิลเลียม สไตรอนได้ถูกอ้างถึงเป็นตัวอย่างภายในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางศีลธรรม มันเป็น ค.ศ 1979 เท่านั้นที่หนังสือและภาพยนตร์ที่สรรเสริญอย่างมากของวิลเลียม สไตรอน Sophie’s Choice ได้นำการยกย่องที่ล่าช้ามาสู่โอลกา เลงเยลวิลเลียม สไตรอน ได้อ่านบันทึกความทรงจำของเธอ กล่าวว่า มันหลอกหลอนเขาอยู่หลายปี แรงบันดาลใจของเขาเป็นการกล่าวโทษตัวเองของโอลกา เลงเยลต่อการเลือกภายใต้การบีบบังคับของนาซี ที่เธอเชื่อว่าทำให้เกิดการฆ่าครอบครัวของเธอ มันเป็นทางเลือกที่ไร้ทางเลือก…. เธอไม่มีพลังไม่ว่าอะไรก็ตามที่จะช่วยชีวิตพวกเขาภายในสถานการณ์นั้นวรรณกรรมโฮโลคอสท์ไม่ได้เป็นเพียงแค่ประวัติศาสตร์ และมันไม่ได้เป็นเพียงแค่ยิว มันเกี่ยวกับอาชญกรรมต่อมนุษย์ชาติ โดยเฉพาะเราได้เรียกกันในขณะนี้ว่าการล้างชาติพันธุ์ โอลกา เลงเยล จะเป็นนักโทษยิว ฮังการี ณ ค่ายกักกันเอาสชวิทซที่เธอได้เล่าเรื่องภายในหนังสือขายดีที่สุดของเธอ “Five Chimneys” เธอได้เล่าอย่าจริงใจและไม่ออมชอม เรื่องราวที่น่ากลัวที่สุดเรื่องหนึ่งตลอดกาลความจริงนี้ได้บันทึกเหตุการณ์ประจำวันส่วนตัวของผู้หญิงสวยคนหนึ่งที่รอดชีวิตความฝันร้ายของเอาสชวิทซ์”Five Chimneys” พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ 1946 ภายในฝรั่งเศสชื่อว่า “Souvenirs de I’au-dela” มันเป็นบันทึกความทรงจำของโอลกา เลงเยล เเพทย์ชาวยิว โรมาเนีย เกี่ยวกับช่วงเวลาของเธอเป็นนักโทษภายในค่ายกักกันนาซี เอาสชวิทซ์ การเปิดเผยอย่างชัดเจนของเธอต่อเอาชวิทซ์ได้ บันดาลใจนิยายได้รับรางวัลหนังสือแห่งชาติของวิลเลียม สไตรอน “Sophie’s Choice” และได้สร้างเป็นภาพยนตร์นำแสดงโดยเมอริล สตรีป แสดงเป็นโซฟี Sophies Choice. อธิยายความโหดร้ายที่เกิดขึ้นภายในค่ายเอาสชวิทซ์ภายใต้อำนาจของนาซีระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เอ้าสชวิทซ์อ้างถึงเครือข่ายของค่ายกักกัน และการทำลายล้างตั้งอยู่ภายในโปเเลนด์ที่ยึดครองโดนาซี ดังที่โซฟี ได้อธิบายภายในนิยายวิลเลียม สไตรอน ทำการวิจัยอยู่หลายปีเพื่อที่จะเขียน Sophie Choiceระหว่างช่วงเวลาของเขาภายในนิวยอร์คเมื่อ ค.ศ 1947 เขาได้พบผู้หญิงชาวโปแลนด์คนหนึ่งรอดชีวิตจากการทำลายล้าง ต่อมาเขาไปเยี่ยมเอาสขวิทซ์ และได้ใช้เวลาหลายปีอ่านเกี่ยวกับการทำลายล้างเป็นส่วนหนึ่งของการตระเตรียมการเขียน ตลอดนิยายของเขา วิลเลียม สไตรอนได้อ้างอิงหนังสืออื่นหลายเล่มเมื่อ ค.ศ 1982 นิยายของวิลเลียม สไตรอน Sophie Choice ได้ฉายเป็นภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ ภาพยนตร์ที่นิยมแพร่หลายมากที่สุดที่เชื่อมโยง
กับการทำลายล้างSophie’s Choice : ทางเลือกของโซฟี ได้อ้างสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางศีลธรรมกับผลตามมาของการลายล้าง เรียกชื่อตามนิยายของวิลเลียม สไตรอน ภายในเรื่องราว โซฟี ผู้รอดชีวิตการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุชาวยิว ได้สูญเสียของความบริสุทธิ์เข้ามาจากการถูกบังคับให้ทำการตัดสินใจที่เจ็บปวดโดยนายทหารนาซี นับแต่นั้นมาถ้อยคำได้กลายเป็นการอ้างอิงทางวัฒนธรรมต่อทางเลือกที่ยุ่งยากใดก็ตาม เมื่อบุคคลต้องเสียสละบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญเมื่อเดินทางมาถึงเอาสวิทซ์ โซฟีได้ถูกบังคับให้เลือกลูกคนไหนของเธอควรจะถูกส่งไปห้องแก้สและฆ่า ถ้าเธอไม่ทำการเลือ ลูกทั้งสองคนจะถูกฆ่า ด้วยความสิ้นหวัง เธอได้เลือกส่ง อีวา ลูกสาวของเธอไปยังห้องแก้สเพื่อการรักษาชีวิตลูกชายของเธอ ลูกชายของโซฟีได้ถูกส่งไปที่ค่ายเด็กและอีวาได้ถูกส่งไปยังห้องแก้สภายในเตาเผาศพที่สองเธอเลือกที่จะเสียสละลูกสาวของเธอที่จะรักษาชีวิตลูกชายของเธอ เธอเลือกลูกชาย เเจน ส่วนหนึ่งเพราะว่าเขาดูเหมือนอารยัน ดังนั้นเธอคิดว่าเขามีโอกาสที่ดีกว่าของความอยู่รอด ดังนั้นเธอได้กล่าวว่าลูกชายของเธอสีบลอนด์เเละดูเหมือนเด็กเยอรมันคนใดก็ตาม โดยทั่วไปเด็กชายแข็งแรงมากกว่าระหว่างช่วงเวลาที่ลำบากทางเลือกของฮอบสันเป็นการเลือกตรงที่ทางเลือกเดียวเท่านั้นจะต้องถูกยอมรับสิ่งหนึ่ง หรือไม่ยอมรับมัน ไม่ได้เป็นการเลือกระหว่างสองสิ่งหรือมากกว่า คุณไม่มีทางเลือก คุณต้องรับเอาสิ่งที่ฮอบสันให้คุณ เอามันไปหรือทิ้งมันไป ทางเลือกของโซฟีอยู่ระหว่างคุณต้องยอมทิ้งสิ่งหนึ่งที่คุณรักเพื่อที่จะรักษาสิ่งอื่นที่คุณรักด้วย ภายในหนังสือและภาพยนตร์ โซฟีต้องเลือกลูกคนไหนจะมีชีวิตอยู่และลูกคนไหนจะตายทางเลือกที่เลวร้ายสองทาง

โทมัส ฮอบสัน เป็นเจ้าของคอกม้าย่านเคมบริดจ์ ภายในลอนดอนปลายศตวรรษที่สิบเก้าให้เช่าม้า และเขามีคอกม้ากว้างขวางถึง 40 ตัว มันได้ให้การปรากฎมองเห็นเมื่อเข้ามา ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นของพวกเขาทั้งที่ข้อเท็จจริงพวกเขามีทางเลือกเดียว โทมัส ฮอบสัน มีกฏที่มั่นคงว่าลูกค้าของเขาต้องเอาม้าภายในคอกใกล้ประตูที่สุดหรือไม่เอาม้าเลยกฏข้อนี้ได้กลายเป็นรู้จักกันเป็น ทางเลือกของฮอบสัน โดยพื้นฐานเขาได้ลดจำนวนทางเลือกให้ลูกค้าของเขา จำนวนน้อยที่สุดของทางเลือกมันเป็นการป้องกันม้าที่ดีที่สุดถูกเลือกอยู่เสมอ ทำให้ม้าเหล่านี้กลายเป็นถูกใช้มากเกินไป ถ้อยคำได้กลายเป็นทางเลือกเสรี แต่ที่จริงแล้วไม่มีทางเลือกเลย และในไม่ช้าบุคคล ได้กำลังใช้ถ้อยคำนั้นหมายถึงไม่มีทางเลือกเลย ภายในสถานการณ์ทุกอย่าง ทางเลือกของฮอบสันคือเราเลือกเองได้ตามใจชอบ และบุคคลอาจจะปฏิเสธที่จะเอาทางเลือกนั้น ดังนั้นทางเลือกจะอยู่ระหว่างเอาทางเลือกหรือไม่เอาทางเลือกทางเลือกของฮอบสันเป็นการแสดงที่ถูกใช้เมื่อบุคคลบางคนเผชิญกับทางเลือกที่ไม่ต้องการเท่าเทียมกันสองทาง เเละจะต้องเลือกระหว่างมันถ้อยคำมักจะถูกใช้ต่อสถานการณ์ตรงที่บุคคลรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกเลย ถ้อยคำ ทางเลือกของฮอบสัน มักจะถูกใช้อธิบายภาพลวงตาทางจิตวิทยาที่ทางเลือกหลายอย่างได้ถูกนำเสนอ คุณน่าจะเคยได้ยินถ้อยคำหัวผมชนะ ก้อยคุณแพ้ ไม่ว่าสองทางเลือกไหนที่คุณเลือกผมชนะอยู่เสมอ และคุณแพ้อยู่เสมอตามมาจากทางเลือกของฮอบสัน +1 ทางเลือกของฮอบสันได้ถูกสร้างขึ้นมา ผลกระทบ +1 ทางเลือกของฮอบสันจะเกี่ยวกับการให้บุคคลทางเลือกเพิ่มขึ้นหนึ่งทาง การให้ทางเลือกเพิ่มขึ้นหนึ่งทางอาจจะทำให้สมองทำงานหนัก เลือกระหว่างทางเลือก แทนการคิดเกี่ยวกับไม่เอา +1 ทางเลือกของฮอบสัน คือ เมื่อคุณได้เสนอบุคคลบางคนทางเลือกสองทางที่จะเลือกแทนความย้อนแย้งของทางเลือกกล่าวว่าเรามนุษย์ชอบทางเลือก แต่มากขึ้นไม่ได้ดีอยู่เสมอ การปรับปรุงทางเลือกของฮอบสันได้เสนอทางเลือกเพิ่มขึ้นหนึ่งทาง +1 ความย้อนเเย้งของทางเลือกเป็นแนวคิดหนึ่งที่แนะนำโดยนักจิตวิทยาแบร์รี ชวารตซ์ เสนอแนะว่าเรายิ่งมีทางเลือกมากขึ้นเท่าไร เรายิ่งพอใจที่เรารู้สึกกับการตัดสินใจของเรายิ่งน้อยลงเท่านั้นปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะว่าการมีทางเลือกมากเกินไปต้องการความพยายามการคิดมากขึ้นการนำไปสู่ความเหนื่อยของการตัดสินใจ และได้เพิ่มความเสียใจต่อการเลือกที่เราทำความย้อนแย้งของทางเลือกได้นิยมแพร่หลายโดยแบร์รี่ ชวารตท์ เมื่อเขาพิมพ์หนังสือของเขา The Paradox of Choice : Why More is Less เมื่อ ค.ศ 2004 เขาได้ศึกษามานานที่เศรษฐศาสตร์และจิตวิทยาได้ตัดกันการศึกษาที่จุดประกายเริ่มแรกความสนใจของแบร์รี ซวารตซ์ คือ การศึกษาภายในการทดลองเเยมที่ได้ถูกดำเนินการโดยชีนา ไอเยนการ์ และมาร์ค เลปเปอร์ค.ศ 2001 ภายในเอกสารของพวกเขา”When Choices is Demotivating : Can One Desire Too Much of a Good Thing” พวกเขาได้สรุปการทดลองแยม ตรงที่ทางเลือกมากเกินไปจะทำให้ลูกค้าน่าจะซื้อสินค้าน้อยลง แม้ว่าพวกเขาไม่ได้สร้างถ้อยคำของปรากฏการณ์นี้ว่าเป็นความย้อนแย้งของการเลือก ภายในการศึกษา ชีนา ไอเยนการ์ และมาร์คเลปเปอร์ต้องการเห็จำนวนของทางเลือกได้กระทบพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างไร

การศึกษาเเยมเป็นการทดลองที่มีชื่อเสียงมากภายในจิตวิทยาผู้บริโภคเมื่อ ค.ศ 2000 ชีนา ไอเยนการ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สรุปการศึกษาเเยมที่มีชื่อเสียง ภายในการสำรวจของการเลือกและการตัดสินใจภายในการศึกษา ชีนาร์ ไอเยนการ์ และนักวิจัยของเธอได้วางบูธชิมแยมภายในซุปเปอร์มาร์เกต การเเสดงแถวขวดเเยม 24 ชนิด การกระตุ้นชิมฟรี ความมากมายของทางเลือกนี้ได้มองเห็น 60% ของลูกค้าหยุดเเละชิมแยม แต่ 3% เท่านั้นทำการซื้อแยม ครั้งต่อไปนักวิจัยได้แสดงเพียงแค่ขวดเเยม 6 ชนิด ภายในช่วงเวลานี้ เรามีลูกค้ามาซื้อสินค้าน้อยลง 40% เท่านั้น แต่การซื้อแยมจริง สูงขึ้นสิบเท่าเป็น 30%นักวิจัยได้ขุดคุ้ยการทดลองเเยมลึกลงไป พวกเขาได้ค้นพบว่าทางเลือกมากเกินไปนำไปสู่อัมพาตของการตัดสินใจ ด้วยปรากฏการณ์ตรงที่ความมากมายของทางเลือกขัดขวางไม่ใช่สนับสนุนการตัดสินใจ ปรากฏการณ์นี้รู้จักกันเป็น ทางเลือกมากเกินไป ได้อธิบายบุคคลถูกท่วมท้นเมื่อพวกเขาถูกนำเสนอด้วยทางเลือกจำนวนมากอย่างไร มันมักจะถูกเรียกกันว่าความย้อนแย้งของทางเลือกการศึกษานี้ได้กลายเป็นตัวอย่างที่สำคัญภายในหนังสือ 2004 ของแบร์รี ชวารตซ์ The Paradox of Choice ความย้อนแย้งของทางเลือกได้กลายเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งตรงที่ความมากมายของทางเลือกสามารถขัดกับสัญชาติญานของการนำไปสู่ความสุขน้อยลง ความพอใจน้อยลง และขัดขวางความสามารถตัดสินใจเเบร์รี ชวารตซ์ กล่าวว่า การมีทางเลือกมากเกินไป ด้วยความท่วมท้นทางเลือกมากเกินไปของมัน อาจจะทำให้เรามีความเครียด ความกังวล และความซึมเศร้าไม่ใช่ความสุข เรายิ่งมีทางเลือกมากเท่าไร เรายิ่งตัดสินใจน้อยลง เมื่อการตัดสินใจยิ่งยาก เรามักจะตำหนิตัวเราเอง และเมื่อความคาดหวังของเราไม่บรรลุ ยิ่งกว่านั้นทางเลือกมากเกินไป ทำให้เรารู้สึกเราอาจจะพลาดบางสิ่งบางอย่างแบร์รี ชวารตซ์ ได้สร้างถ้อยคำ ความย้อนแย้งของทางเลือกขึ้นมา การยืนยันว่าการมีทางเลือกจำนวนมากในที่สุดเป็นอันตรายต่อความสุขของเรา ความย้อนแย้งของทางเลือกถูกทำให้นิยมแพร่หลายโดยนักจิตวิทยาชาวอเมริกันแบร์รี ชวารทซ์ เมื่อเขาได้พิมพ์หนังสือของเขา The Paradox of Choice : Why More is Less เมื่อ 2004 แบร์รี ชวารตซ์ สอนจิตวิทยา ณ มหาวิทยาลัยซวาร์ตมอร์ และเบิรคเลย์ ฮาส มานาน 50 ปีเขาได้ทำต่อเนื่องเกี่ยวกับการเกี่ยวพันระหว่างกันระหว่างเศรษฐศาสตร์และจิตวิทยา ความขัดเเย้งของทางเลือกจะเป็นปรากฏการณ์ตรงที่ความมากมายของทางเลือกสามารถขัดกับสัญชาติญาน นำไปสู่ความสุขน้อยความพอใจน้อย และขัดขวางความสามารถตัดสินใจความขัดเเย้งของทางเลือกจะเป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่การมีทางเลือกมากเกินไปสามารถนำไปสู่การไม่ตัดสินใจ ความไม่พอใจ และความเสียใจ มันอยู่บนพื้นฐานความคิดว่าเมื่อบุคคลได้ถูกนำเสนอด้วยทางเลือกหลายทางเกินไป พวกเขาจะกลายเป็นรู้สึกเครียด และกังวลเกี่ยวกับการเลือกอย่างถูกต้อง มันสามารถนำไปสู่ความยุ่งยากต่อการตัดสินใจและในที่สุดทำให้เกิดความพอใจน้อยด้วยทางเลือกที่เลือกแบร์รี ชวาร์ต กล่าวว่า การเรียนรู้ที่จะเลือกยาก การเรียนรู้ที่จะเลือกให้ดียากขึ้น และการเรียนรู้ที่จะเลือกให้ดี ภายในโลกของความเป็นไปได้ที่ไม่จำกัดยังยากขึ้น บางทียากจนเกินไปแบร์รี ชาวราตซ์ ได้ศึกษามายาวนานวิถีทางที่เศรษศาสตร์และจิตวิทยาตัดกัน กลายเป็นสนใจภายในการมองเห็นวืิถีทางที่ทางเลือกกระทบความสุขของประชาชนภายในสังคมตะวันตก เขาได้ระบุว่าขอบเขตทางเลือกที่เราหามาได้แก่เราวันนี้จะมีมากว่าบุคคลในอดีตมาก แต่กระนั้นควาพอใจของเราไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเท่ากับที่เศรษฐศาสตร์สมัยเดิมได้คาดหวังเเนวคิดความขัดเเย้งของทางเลือกเสนอแนะว่าเรามีทางเลือกมากเท่าไรความพอใจที่เรารู้สึกกับการตัดสินใจของเรายิ่งน้อยลงมากเท่านั้นปรากฏการณ์นี้ได้เกิดขึ้นเพราะว่าการมีทางเลือกหลายทางเกินไปต้องการความพยายามทางความคิดมากขึ้น การนำไปสูการตัดสินใจที่เหนื่อยล้าและเพิ่มความเสียใจต่อการเลือกที่เราทำเมื่อบุคคลไม่มีทางเลือก ชีวิตเกือบจะเหลือทน….เเต่เมื่อจำนวนของทางเลือกเพิ่มขึ้นต่อไปด้านลบของการมีทางเลือกจำนวนมากจะเริ่มต้นปรากฏทางลบจะขยายขึ้นจนเรากลายเป็นเกินกำลัง ความขัดเเย้งของทางเลือกเป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาเกิดขึ้นเมื่อบุคคลถูกนำเสนอด้วยทางเลือกมากเก้นไป มันทำให้พวกเขารู้สึกเครียด กังวล และไม่พอใจ การตัดสินใจของพวกเขา ข้อเท็จจริงคือ ทางเลือกบางอย่างไม่จำเป็น ไม่ใช่ว่าทางเลือกมากขึ้นจะดีขึ้น เรามีต้นทุนของการมีทางเลือกมากเกินไป ทางเลือกมากเกินไปเป็นการทำให้ความคิดเลวลงที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการตัดสินใจเมื่อเราถูกนำเสนอด้วยทางเลือกหลายทางเกินไป เราไม่สามารถเลือกได้ง่าย ความสามารถของเราทำการตัดสินใจที่ดีได้ถูกลดลงโดยทางเลือกมากเกินไป สังคมสมัยใหม่มุ่งเน้นเสรีภาพและและทางเลือกของบุคคลสามารถเป็นอันตรายต่อความสุขของบุคคลและความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อมันสามารถนำไปสู่ความรู้สึกของความเสียใจและพลาดโอกาสเรามีปัจจัยหลายอย่างมีส่วนต่อความขัดเเย้งของทางเลือกคือ ความสำคัญของการตัดสินใจที่รับรู้ ผลตามมาของการเลือกผิดที่รับรู้ และระดับทักษะการตัดสินใจของบุคคล กลยุทธ์บางอย่างที่สามารถช่วยเหลือบุคคล รับมือกับความขัดเเย้งของทางเลือกคือ การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน และลำดับความสำคัญ และการเเสวงหาคำแนะนำจากบุคคลอื่น ความย้อนเเย้งของทางเลือกได้แสดงบุคคลกลายเป็นเครียดมากขึ้นเมื่อพวกเชามีทางเลือกมากเกินไปอบ่างไร ที่จริงแล้วมันปรากฏขึ้นภายหลังสามทางเลือกหรือมากกว่า ตรงกันข้าม มันดีกว่าที่จะนำเสนอบุคคลสองทางเลือก ไม่ใช่หนึ่งทางเลือกหรือไม่มีเลย การวิจัยได้แสดงว่าเมื่อเผชิญกับทางเลือกของฮอบสัน เราโน้มเอียงไม่เอาทางเลือกมากกว่าเอาทางเลือกหลักการที่สำคัญอย่างหนึ่งของสังคมตะวันตกเช่นอเมริกาคือ เสรีภาพ เสรีภาพนี้มักจะถูกเชื่อมโยงกับทางเลือก ด้วยความเชื่อว่าทางเลือกมากขึ้นเท่ากับเสรีภาพมากขึ้น ตรรกนี้ง่ายที่จะทำตาม แทนการถูกบังคับให้เลือกระหว่างหนึ่งหรือสองทางเลือกบุคคลมีเสรีภาพเลือกระหว่างจำนวนทางเลือกเกือบจะไม่จำกัด ธุรกิจมักจะเดินตามอุดมการณ์นี้ ความเชื่อว่าทางเลือกมากขึ้นจะนำไปสู่อรรถประโยชน์ของลูกค้ามากขึ้นแต่กระนั้น แบร์รี ชวราตซ์ พบว่าการมีทางเลือกมากมายเปรียบเทียบกันภายในโลกสมัยใหม่จะทำให้บุคคลมีความสุขน้อยลงกับการตัดสินใจของพวกเขา เขาได้พบว่าแทนการเพิ่มความพอใจของการตัดสินใจ การมีทางเลือกหลายทางเกินไปทำให้พอใจน้อยลง ในขณะที่เสรีภาพมีความสำคัญ เเบร์รี ชวารตซ์ อธิบายว่าเรามีเส้นบาง ระหว่างการมีเสรีภาพเลือกอะไรที่คุณต้องการ และการเป็นอัมพาตภายในการเผชิญทางเลือกหลายทางเกินไป แบร์รี ชาวรตซ์ ได้อ้างว่าเสรีภาพที่ไม่จำกัดนำไปสู่การเป็นอัมพาต เขา ได้ชี้ว่า ความสามารถที่จะเลือกมีผลกระทบทางบวกที่สำคัญ แต่จนถึงจุดหนึ่งเท่านั้น เมื่อจำนวนของทางเลือกที่เราเผชิญเพิ่มมากขึ้น ประโยชน์ทางจิตวิทยาที่เราได้เริ่มต้นคงที่ ในขณะเดียวกัน ผลกระทบทางลบบางอย่างของทางเลือก…… เริ่มต้นปรากฏ และเเทนที่จะคงที่ มันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบร์รี ชวารตซ์ ได้กล่าวว่า เมื่อจำนวนของทางเลือกที่เราเผชิญได้เพิ่มขึ้น ประโยชน์ทางจิตวิทยาที่เราได้เริ่มต้นจะคงที่ ผลกระทบทางลบบางอย่างของทางเลือก…..เริ่มต้นปรากฏและแทนที่จะคงที่ มันจะเพิ่มขึ้น จุดนั้นอยู่ตรงไหน บุคคลตัดสินใจจำนวนมากแต่ละวัน และทางเลือกที่นำเสนอต่อเรามากเท่าไร เราจะพบมันตัดสินใจได้ยากขึ้นเท่านั้น เราถ่วงน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย และต่อผู้บรรลุสูงสุดเเล้ว ต้องการการตัดสินใจที่ดีที่สุด ความกังวลอาจจะยังค้างอยู่แม้แต่ภายหลังการซื้อ แบร์รี่ ชวารตซ์ ได้อธิบายภายในบทความของเขาว่า ในขณะที่เราเชื่อในฐานะของสังคมว่าทางเลือกมากขึ้นจะดีขึ้น การวิจัยได้แสดงว่ามัน ไม่เป็นความจริง ต่อบุคคลหลายคน ทางเลือกมากขึ้นสร้างความเป็นอยู่ที่ดีน้อยลงภายในการเดินตามความคิดของเฮอร์เบิรต ไซมอน บนความมีเหตุผลที่มีขอบเขตและความพอใจ เมื่อมันมาสู่การติดสินใจเเล้ว แบร์รี ชวารตซ์ ขึ้นอยู่กับเเนวคิดของผู้บรรลุสูงสุดและผู้พอใจของเฮอร์เบิรต ไซมอนเขาชอบที่จะอ้างถึงเฮอร์เบิรต ไซมอน ภายในการเสนอแนะว่าเรามีผู้ตัดสินใจสองประเภทภายในโลก ผู้บรรลุสูงสุด และผู้พอใจ ผู้บรรลุสูงสุดเป็นบุคคลที่พยายามอยู่เสมอเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด แม้แต่ไปสู่จุดของความสมบูรณ์ มันหมายความว่าพวกเขาวิจัยอย่างมาก และวิเคราะห์ทางเลือกทุกทางให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ผู้พอใจเป็นบุคคลที่มีความสุขกับเพียงแค่ทางเลือกใดก็ตามตราบเท่าที่มันตอบสนองความต้องการพื้นฐานของพวกเขา ผู้พอใจมีเกณฑ์ต่ออะไรที่พวกเขาพิจารณาเป็นทางเลือกที่ดีพวกเขาไม่ได้คิดอะไรมากจนเกินไป และไม่เสียใจการเลือกของพวกเขาเมื่อพวกเขาได้ทำไปแล้ว ในกรณีของผู้พอใจแล้วทางเลือกหลายทางเกินไปไม่จำเป็นเป็นสิ่งไม่ดีเเต่มันสามารถยังคงรู้สึกเครียด เเบร์รี ชวารตซ์ได้ยืนยันว่าผู้พอใจมักจะมีความสุขมากกว่าผู้บรรลุสูงสุด ผู้บรรลุสูงสุดต้องใช้เวลาและพลังมากที่จะบรรลุการตัดสินใจ และพวกเขามักจะกังวลเกี่ยวกับพวกเขาได้เลือกที่ดีที่สุดหรือไม่แบร์รี ชวารตซ์ ได้ชี้ว่าเมื่อเราตัดสินใจด้วยต้นทุนโอกาสที่เสียไปภายในใจ เราทำการเเลกเปลี่ยน เเม้ว่าคุณได้เลือกในที่สุดเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดต่อคุณ คุณต้องยอมรับว่าคุณจะไม่ได้ประโยชน์ของทางเลือกที่คุณพลาดโอกาส นี่คือต้นทุนโอกาสที่เสียไปกระทบการตัดสินใจอย่างไร เขาจะเห็นด้วยกับการแบ่งลูกค้าเป็นผู้บรรลุสูงสุด และผู้พอใจ เราได้ยืมถ้อยคำของผู้พอใจ มาจากนักจิตวิทยาและนักเศรษฐศาสตร์โนเบลไพรซ์ เฮอร์เบิรต ไซมอน แห่งมหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอนถ้าคุณแสวงหาและยอมรับสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้นเเล้ว คุณเป็นผู้บรรลุสูงสุด ผู้บรรลุสูงสุดต้องการมั่นใจว่าการซื้อหรือการตัดสินใจทุกอย่างดีที่สุดคุณสามารถทำ แต่ใครก็ตามรู้แเท้อย่างจริงอย่างไรว่าทางเลือกที่ให้ใดก็ตามเป็นไปได้ดีที่สุดหรือไม่ แต่กระนั้นผู้บรรลุสูงสุดได้พยายามบรรลุผลลัพธ์อรรถประโยชน์ที่ดีที่สุดเมื่อทำการตัดสินใจในขณะที่ผู้พอใจมุ่งที่การตัดสินใจดีเพียงพอเเละบรรลุเกณฑ์ที่ต้องการของพวกเขาไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีที่สุด ผู้พอใจยุติเพื่อบางสิ่งบางอย่างที่ดีเพียงพอ และไม่กังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ ที่เราอาจจะมีบางสิ่งบางอย่างดีกว่า ผู้พอใจจะมีมาตรฐาน เขาค้นหาจนกระทั่งเขาได้พบอะไรที่บรรลุมาตรฐานและ ณ จุดนั้นเขาจะพอใจ

ดังนั้นทางเลือกของฮอบสันคือ ข้อเสนอเอาหรือไม่เอาก็ตามใจ ตัวอย่างคลาสสิคของทางเลือกฮอบสันจะมาจากหนังสือของเฮนรี ฟอร์ด ชื่อ My Life and Work. คือ สำนวนของเฮนรี่ ฟอร์ด ว่าลูกค้าของเขาสามารถมีโมเดล ที สีใดก็ได้ ตราบเท่าที่มันเป็นสีดำ เฮนรี ฟอรด นำเสนอโมเดลทีสีดำเท่านั้น ทางเลือกของฮอบสันที่นิยมเเพร่หลายคือ คุณสามารถเลือกโมเดลที่สีใดก็ได้ ตราบเท่าที่มันเป็นสีดำเฮนรี ฟอร์ด ได้ใช้ทางเลือกของฮอบสันอย่างมีประสิทธืภาพมาก เขาได้รถยนต์บันดาลใจของเขาเพื่อมหาชน เมื่อ ค.ศ 1913 ส่วนแบ่งตลาดของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย เมื่อ ค.ศ 1913 เขาค้นพบว่าทาสีดำเเห้งรวดเร็วกว่าทุกสี รถยนต์สีดำสามารถผลิตได้อย่างรวดเร็ว และทำกำไรได้มากขึ้น ดังนั้นเมื่อเริ่มต้น ค.ศ 1914 เขาได้ยกเลิกทางเลือกทุกสีต่อรถยนต์ โมเดล ที ของเขา จากนั้นมา เขาได้กล่าวว่า ลูกค้าคนใดก็ตามสามารถมีรถยนต์สีใดก็ตามตราบเท่าที่มันเป็นสีดำมันจะเป็นถ้อยคำที่มีชื่อเสียงของเฮนรี่ ฟอร์ด การพูดย้อนตอบของเขาไปยังลูกค้าถามเกี่ยวกับทางเลือกสีของโมเดลที สีดำจะเป็นสีเดียวเท่านั้นของโมเดลทีตั้งแต่ ค.ศ 1914 ถึง 1925 และเหตุผลจะเป็นเศรษฐกิจไม่ใช่สไตล์ สีดำเป็นสีทาเท่านั้นที่แห้งอย่างรวดเร็วกว่าทุกสี และความรวดเร็วจะสำคัญ ณโรงงานฟอร์ด นี่จะช่วยได้มากภายในการเพิ่มการผลิต การผลิตแบบสายพานประกอบจะมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงต่อฟอร์ด การใชีสีดำเท่านั้นจะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้นเนื่องจากปริมาณการผลิตมากมาย เมื่อ ค.ศ 1914 ฟอร์ดได้ผลิตโมเดลที 300,000 คัน ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์แข่งขันมีการผลิตรวมกันประมาณ 280,000 คัน การผลิตโมเดลทีได้สิ้นสุดลงเมื่อ ค.ศ 1927 ระยะเวลาเกือบ 15 ปีระหว่างระยะเริ่มแรกของการผลิตโมเดลที รถยนต์จะหามาได้เกือบทุกสียกเว้นสีดำ ที่จริงแล้วโมเดลแรกสุดจะเป็นสีแดง โมเดลต่อมาของฟอร์ดโมเดลทีจะมีสีหลากหลายเหมือนเช่นสีเขียว สีแดง สีเทา สีน้ำตาล และสีดำ แต่จาก ค.ศ 1914 ถึง 1925 โมเดลทีจะเป็นสีดำเท่านั้น เพราะว่าช่วงเวลานี้จะมองเห็นอุปสงค์ที่สูงของโมเดลที และฟอร์ดจะต้องตอบสนองอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นด้วยอุปทานที่เพียงพอบุคคลจำนวนมากจะรู้จักโมเดลทีของเฮนรี่ฟอรดด้วยชื่อเล่นของมันว่า “ทิน ลิซซี่” แต่เราอาจจะไม่รู้ว่าทำไมโมเดลทีได้ถูกเรียกว่าทิน และมันได้ชื่อเล่นมาอย่างไร เมื่อต้น ค.ศ 1900 ผู้แทนจำหน่ายได้พยายามจะสร้างการเผยแพร่รถยนต์รุ่นใหม่ของพวกเขาด้วยการเป็นเจ้าภาพการแข่งรถยนต์ เมื่อ ค.ศ 1922 การแข่งรถยนต์ได้ถูกจัดที่ไพค์ พีค โคโลราโด ผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งคือ โนเอล บูลลอค และโมเดลทีของเขาชื่อ “โอลด์ ลิซ”เก่ามาก สีของลำตัวจะเลือนไป และฝากระโปรงรถยนต์จะหายไป ผู้ชมได้เริ่มต้นเรียกมันว่า ทิน ลิซซี่ มันจะดูคล้ายกับกระป๋องไม่ใช่รถยนต์
Cr : รศ สมยศ นาวีการ







