INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

การเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์

 

การเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์

การเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์เป็นการค่อยล้มเหลวขององค์การที่จะปรับตัว

ต่อสภาพแวดล้อม ที่เปลี่ยนแปลงของมัน การนำไปสู่ความไม่สอดคล้อง

ระหว่างกลยุทธ์และสภาพแวดล้อมภายนอกของมัน ถ้อยคำ “Strategic

Drift” แปลว่าการเบี่นงเบนทางกลยุทธ์ ถ้อยคำ “Drift” แปลว่าเบี่ยงเบน

หมายถึงการปลี่ยนแปลงทีละน้อย ไม่เป็นที่สังเกตุ เบี่ยงเบนกลยุทธ์จากสภาพแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงการนำไปสู่ความไม่สอดคล้อมเพิ่มขึ้นที่สามารถทำให้เกิดผลการดำเนินงานตกต่ำและเป็นไปได้ที่จะล้มเหลวถ้าไม่รับรู้และเเก้ไข

ถ้อยคำ การเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์ ถูกบุกเบิกโดย เจอร์รี จอห์นสัน เมื่อ

ค.ศ 1988 การเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์ตามที่ได้ถูกระบุโดยเจอร์รี จอห์นสันภายในหนังสือของเขา “Exploring Corporate Strategy” อธิบายกระบวน

ทีละน้อย ตรงที่กลยุทธ์ขององค์การได้กลายเป็นไม่สอดคล้องมากขึ้นกับ

สภาพแวดล้อมภายนอกของมัน ได้ล้มเหลวตามให้ทันกับสภาพแวดล้อมที่

เปลี่ยนแปลง การนำไปสู่การตกต่ำภายในผลการดำเนินงาน

การเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์เริ่มต้นด้วยกลยุทธ์เปลี่ยนแปลงทีละน้อยเพียง

พอจะตามทันกับสภาพแวดล้อม ที่ตามมาด้วยช่วงเวลาของความเฉี่อยชา

ตรงที่องค์การล้มเหลวที่จะรับรู้หรือตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสำคัญ

มากขึ้น ในที่สุดมันได้นำไปสู่ “ช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง” แสดงโดยความไม่เเน่นอนและผลการดำเนินงานไม่ดี ที่กดดันให้องค์การเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงปฏิรูป หรือเผชิญกับความล้มเหลวที่อาจจะตาย

ได้ เพื่อการหลี่กเลี่ยงการเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์ องค์การจะต้องปรับตัวเชิงรุกด้วยการตรวจสอบสภาพแวดล้อมการแข่งขัน

การประเมินกลยุทธ์ของพวกเขาเป็นประจำ ที่ส่งเสริมวัฒนธรรนวัตกรรมและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การกระทำที่สำคัญคือการยังคงเชื่อมโยงกับลูกค้า การให้อำนาจบุคคลที่จะพูดออกมา การลงทุนภายในการวิจัยตลาด และการยึดการทดลอง

*การอยู่อย่างระมัดระวัง

การให้ความสนใจแม้แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยภายในตลาด อย่างเช่น การลดลงของยอดขายเล็กน้อยเมื่อสิ่งเหล่านี้สามารถส่งสัญญานการเบี่ยงเบนมากขึ้น การทบทวนกลยุทธ์ การวางตำแหน่งตลาดเเละเป้าหมายขององค์การเป็นประจำ การระบุความไม่สอดคล้อง และด้านที่จะต้องปรับ

ปรุง การอยู่อย่างระมัดระวังด้วยการตรวจสอบสภาพแวดล้อมภายนอกที่

ต่อเนื่อง ส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง การทบทวนทางกลยุทธ์เป็นประจำ การสนับสนุนการสื่อสารที่เปิดกว้าง และการกระตุ้นความยืด

หยุ่นขององค์การ

*การตรวจสอบการเเข่งขัน

การสังเกตุอยู่ประจำคู่แข่งขันกำลังทำอะไรอย่างมีประสิทธิภาพที่จะยังคงตระหนักถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมและนวัตกรรม การรักษาการ

เฝ้ามองอย่่างสม่ำเสมอต่อคู่แข่งขันกำลังทำอะไรอยู่ ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวของพวกเขา ได้มาความตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงภาย

นอกการให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดต่อการกระทำของคู่เเข่งขันที่จะระบุกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ และการคุกคามที่เป็นไปได้

*การตรวจสอบสภาพแวดล้อมภายนอก

การตรวจสอบสภาพแวดล้อมภายนอกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสร้างระ

บบที่เป็นทางการ ประเมินการเปลี่ยนแปลงทางตลาด ความก้าวหน้าทาง

เทคโนโลยี และการกระทำของคู่เเข่งขันเป็นประจำ การใช้เครี่องมืออย่างเช่นการวิเคราะห์สวอท การวิเคราะห์เพสเทลและพลังห้าตัวของพอร์เตอร์ ด้วยการใช้ข้อมูลจากสภาพเเวดล้อมภายนอก ระบุแนวโน้ม โอกาส และอุปสรรคที่สามารถกระทบต่อกลยุทธ์ของเรา การเฝ้ามองมองอย่างใกล้ชิดต่อแนวโน้มของตลาด ความต้องการของลูกค้า และการกระทำของคู่แข่งขันที่ยังคงตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่สามารถกระทบต่อองค์การของเรา

*การส่งเสริมความยืดหยุ่น

การต่อต้านความตายตัวภายในการวางแผนกลยุทธ์ และเปิดรับที่จะปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง การพัฒนากรอบความคิดขององค์

การที่ต่อต้านความใจเย็น และการเปิดรับต่อการเปลี่ยนแปลง การยอมให้

ตอบสนองอย่างคล่องตัวต่อความเป็นจริงของตลาดใหม่การหลีกเลี่ยงการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงเมื่อมันสามารถที่จะขัดขวางความก้าวหน้าภายในหลายด้านขององค์การ การหลีกเลี่ยงการต่อต้าน ที่ตายตัวต่อการเปลี่ยน

แปลงที่สามารถขัดขวางความสามารถขององค์การ ที่จะปรับตัวต่อสถาน

การณ์ที่เปลี่ยนแปลง

*การให้อำนาจบุคคล

การกระตุ้นบุคคล ณ ทุกระดับ โดยเฉพาะบุคคลบนแนวหน้าการระบุ

การสังเกตุและการเสนอแนะของพวกเขาและการเปิดรับต่อการป้อนกลับ และการให้ความเป็นอิสระแก่บุคคลการให้บุคคลมีส่วนร่วมภายในการตัด

สินใจกระตุ้นการมีส่วนร่วมของพวกเขาภายในการพัฒนากลยุทธ์การรับรู้

ภายในการติดต่อโดยตรงกับผลิตภัณฑ์ หรือลูกค้า ที่มักจะมีความเข้าใจอย่างดีที่สุดระบุแลหยุดการเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์ การให้อำนาจ ณ ระดับท้องที่ที่จะตัดสินใจ ส่งเสริมความเป็นเจ้าของ ความรับผิดชอบ และองค์

การที่ตอบสนองมากขึ้น

*การส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

การลงทุนภายในการฝึกอบรมและการพัฒนาบุคคล ที่จะพัฒนาพวก

เขาด้วยทักษะเเละความรู้ใหม่จำเป็นเพื่อที่จะปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง

ทางเทคโนโลยี การกระตุ้นกรอบความคิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การ

คิดไปข้างหน้า และนวัตกรรม ที่จะยังคงนำหน้าการเปลี่ยนแปลงการช่วย เหลือบุคคล ที่จะปรับตัวต่อเทคโนโลยีใหม่ การปลูกฝังการเรียนรู้ภายในงานประจำวัน ด้วยการกระตุ้นบุคคล เรียนรู้โดยการกระทำ และการทำให้ทุกการประชุมเป็นโอกาสของการเรียนรู้ ผู้นำจะต้องสนับสนุนการเรียนรู้

ให้ทรัพยากร อย่างเช่น การเป็นที่ปรึกษาและการฝึกอบรม การให้รางวัล

และการยกย่องความพยายามการเรียนรู้

*การสื่อสารวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน

การรักษาวิสัยทัศน์ให้ชัดเจนสื่อสารอย่างดีและปรับตัวได้ความมั่นใจว่าบุคคลทุกคน เข้าใจทิศทาง และความมุ่งหมายขององค์การ การพัฒนาวิสัยทัศน์ที่ดึงดูด ง่ายที่จะเข้าใจ ให้ทิศทางระยะยาวที่ชัดเจน วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนกระทำเหมือนดาวนำทาง การให้ความรู้สึกของทิศทางและความมุ่งหมาย การสร้างแผนกลยุทธ์ที่เข้มแข็ง เป็นการนำทางทิศเหนือ เพื่อองค์

การ และมั่นใจว่ามันได้ถูกสื่อสารอย่างต่อเนื่องแก่บุคคลทุกคนความมั่นใจ

ว่าองค์การจะมีวิสัยทัศน์ที่มีชีวิตอยู่ที่ใช้เป็นแนวทางศูนย์กลางเพื่อการตัด

สินใจทุกอย่าง แต่การยอมให้วิสัยทัศน์นั้นปรับตัวได้เมื่อกลยุทธ์ได้เปลี่ยน

แปลงไป

*การพัฒนาระบบสัญญานเตือนเริ่มต้น

การสร้างกระบวนการที่ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงแม้แต่เล็กน้อยภาย

ในตลาดหรือพฤติกรรมของลูกค้า แม้แต่การลดลงของยอดขายเล็กน้อย

หรือตัวชี้วัดอย่างอื่นที่สามารถจะส่งสัญญานความท้าทายในอนาคต การ

สร้างกลไก เพื่อที่่จะตรวจสอบสัญญานเริ่มต้น ของความไม่สอดคล้องกับ

สภาพแวดล้อมภายนอก การป้องกันปัญหาที่เล็กน้อยจากการบานปลาย

การพัฒนาระบบ เพื่อที่จะตรวจสอบตัวชี้ทางตลาด เเละการเงินที่สำคัญ

สามารถส่งสัญญานการเบี่ยงเบนจากกลยุทธ์

*การยังคงเชื่อมโยงกับลูกค้า

ความเข้าใจวิวัฒนาการความต้องการ และความพอใจของลูกค้า ที่จะมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ และบริการของเราจะยังคงสอดคล้อง และอยู่ภายใน

ในความต้องการ การรักษาการเชื่อมโยงที่เข้มแข็งกับลูกค้าของเรามั่นใจว่าภารกิจและการนำเสนองขององค์การยังคงสอดคล้องกับความต้องการและความพอใจที่เปลี่ยนแปลงของพวกเขา ความเข้าใจลูกค้าของเราเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลง และการป้อนกลับของพวกเขาสามารถให้ความเข้าใจอย่างสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด

*การส่งเสริมนวัตกรรม

การสรัางวัฒนธรรมที่จะกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ การทดลอง และ

การรับความเสี่ยงภัยการยอมให้ เพื่อการพัฒนาความคิด และวิถีทางใหม่ การสร้างสภาพแวดล้อมตรงที่ความคิดใหม่จะถูกกระตุ้นการรับความเสี่ยง

เสี่ยงภัย ถูกยกย่อง และการเรียนรู้จากความล้มเหลว เพื่อการเจริญเติบโต การกระตุ้นวัฒนธรรมของนวัตกรรม ตรงที่ความคิดใหม่ต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการถูกต้อนรับและการสำรวจที่จะนำหน้าคู่แข่งขัน การสร้างวัฒนธรรมที่ยืดหยุ่นให้คุณค่าการสื่อสารที่เปิดกว้างและความร่วมมือร่วมใจ

แอนดี โกรฟ อดีตซีอีโอของอินเทล เสนอแนะการหลีกเลี่ยงการเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์ ด้วยการปลูกฝังวัฒนธรรมความหวาดระเเวง และความระมัด

ระวัง การรักษาวงจรป้อนกลับอย่างสม่ำเสมอกับบุคคลแนวหน้าและลูกค้า เพื่อที่จะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของตลาด การรับรู้และการตอบสนองต่อจุดพลิกผันทางกลยุทธ์ – การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญภายในเทคโนโลยีหรือตลาดที่ทำให้กลยุทธ์เก่าล้าสมัยเขามุ่งเน้นว่าจุดพลิกผันทางกลยุทธ์มักจะมองไม่เห็นหรือไม่ชัดเจนตอนเเรก องค์การจะต้องระมัดระวัง และให้ความสนใจอย่างมากกับรายละเอียดต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ที่มันสามารถจะวิวัฒนาการไปสูความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี คู่แข่งขันรายใหม่เข้ามาหรือ การเปลี่ยนแปลวลงพฤติกรรมของลูกค้า

เพื่อการหลีกเลี่ยงการเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์ตามปรัชญาของแอนดี โกรฟคือ ยึดกรอบความคิดความหวาดระเเวงอยู่เสมอ การระบุ จุดพลิกผันทาง

กลยุทธ์ ด้วยการมุ่งการเปลี่ยนแปลงลบล้าง การสร้างความยึดหยุ่นขององค์การที่จะปรับตัว การส่งเสริมวัฒนธรรมการคิดมองไปข้างหน้า ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับความสำเร็จที่ผ่านมา แอนดี โกรฟ เน้นย้ำว่าความใจเย็นเป็นศัตรู ดังนั้นองค์การจะต้องรักษาความกลัวของความล้มเหลว ที่จะยังคงปรับตัวและนวัตกรรม

หลักการที่สำคัญ จากแอนดี โกรฟ คืือ การปลูกฝังกรอบความคิดความหวาดระเเวง การยึดความหวาดระเเวงอย่างมีประสิทธิภาพกรอบความคิดที่ตื่นตัวและระมัดระวัง การสันนิษฐานว่าสภาพเเวดล้อมกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ และคู่เเข่งขันอาจจะปรากฎขึ้นมา ขอให้ระมัดระวังและฟังสัญญานและการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอย่างสม่ำเสมอกรอบความ

คิดความหวาดระเเวงนี้ ตามที่อธิบายภายในหนังสือของเขาชื่อ ‘Only the

Paranoid Survive” เป็นระบบสัญญานเตือนเริ่มแรกที่สำคัญต่อควาใจเย็นและความเฉื่ยชาขององค์การ การรับรู้จุดพลิกผันทางกลยุทธ์ ด้วยการระ

บุช่วงเวลาที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม เทคโนโลยี หรือการแข่งขันที่สำคัญ เปลี่ยนแปลงพื้นฐาน “กฏของเกม” สิ่งเหล่านี่มักจะลึกลับเริ่มแรก

เมื่อ ค.ศ 1990 แอนดี้ โกรฟ ได้สร้างถ้อยคำว่า จุดพลิกผันทางกลยุทธ์ ขึ้นมาภายในหนังสือล่มหนึ่งของเขาชื่อ Only the Paranoid Survive ” ความสำเร็จทำให้เกิดความหลงพอใจ ความหลงพอใจทำให้เกิดความล้มเหลว ความหวาดระแวงเท่านั้นจะทำให้อยู่รอด” ผมเชื่อมั่นต่อคุณค่าของความหวาดระแวง แอนดี้ โกรฟ เชื่อมั่นต่อระดับของความกลัวที่ไม่มากจะดีต่อสุขภาพทางธุรกิจ

หนังสือ “Only the Paranoid Survive” เป็นหนังสือที่ได้กล่าวถึงวิกฤติภายในธุรกิจ และการจัดการกับวิกฤติ แอนดี้ โกรฟ ได้อธิบายปรัชญาของหนังสือเล่มนี้ว่า เราจะหาประโยชน์จากจุดวิกฤติที่ท้าทายบริษัทได้อย่างไร ธุรกิจทุกอย่างต้องเผชิญกับวิกฤติ ณ เวลาหนึ่งที่คุกคามการอยู่ต่อเนื่องของธุรกิจ ถ้อยคำที่แอนดี้ โกรฟ ได้ใช้อธิบายวิกฤติทางธุรกิจนี้คือ จุดพลิกผันทางกลยุทธ์ และทำให้แพร่หลายด้วยการแสดงเป็นถ้อยคำทางธุรกิจ โดยทางคณิตศาสตร์ จุดพลิกผันทางกลยุทธ์ ได้อธิบายจุดที่เส้นโค้งโค้งออก – ขึ้นข้างบน – และโค้งเว้า – ลงข้างล่าง –

เพื่อที่จะขีดเส้นใต้ความสำคัญของจุดต่อผู้นำธุรกิจ ณ จุดพลิกผันทางกลยุทธ์ การเปลี่ยนแปลงไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงไม่ว่าดีหรือไม่ดี ตามมุมมองของแอนดี้ โกรฟ ถ้าธุรกิจไม่มีกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพที่จะตอบสนองต่อจุดพลิกผันทางกลยุทธ์แล้วสามารถนำไปความล้มเหลวได้ จุดพลิกผัน

ทางกลยุทธ์คือ ช่วงเวลาที่องค์การจะต้องตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่ยุ่งเหยิงภายในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ หรือต้องเผชิญกับการเสื่อมลง

แอนดี้ โกรฟ ได้อธิบายจุดพลิกผันทางธุรกิจว่า ช่วงเวลาภายในชีวิตของธุรกิจ เมื่อรากฐานทางธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงแล้ว การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สามารถหมายถึงโอกาสที่จะขึ้นไปสู่จุดสูงสุดใหม่แต่อาจจะหมายถีงเพียงแต่ส่งสัญญานของการเริ่มต้นของการสิ้นสุดแล้ว

แนวคิดจุดพลิกผันทางกลยุทธ์ กลายเป็นพจนานุกรมทั้งภายในวิชาการ

และการปฏิบัติ แอนดี้ โกรฟ นำทางด้วยจุดพลิกผันทางกลยุทธ์หลายครั้ง เช่น การเปลี่ยนแปลงจากธุรกิจชิปหน่วยความจำไปเป็นธุรกิจไมโครโพร

เซสเซอร์ เมื่ออินเทลได้ตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถตามทันการแข่งขันจากญี่ปุ่นได้ การสัมผัสของความหวาดระแวง – ความสงสัยว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงที่กระทบต่อเรา – คือสิ่งที่แอนดี้ โกรฟ ได้แนะนำ

แอนดี้ โกรฟ ยืนยันว่า บริษัททุกบริษัทต้องเผชิญกับการบรรจบกันของปัจจัยภายใน และภายนอกที่มักจะไม่ได้คาดคะเนไว้ การรวมหัวกันทำให้ธุรกิจจะอยู่ไม่รอด จุดพลิกผันทางกลยุทธ์เกิดขึ้นเพราะว่าธุรกิจชิปหน่วยความจำได้ถูกโจมตีจากคู่แข่งขันญี่ปุ่นรายใหม่ พวกเขาตัดราคาที่อินเทล

ได้นำเสนอ เราสามารถทำอะไรได้ อินเทลฝังรากลึกและกำไรส่วนใหญ่มาจากการผลิตชิปหน่วยความจำ ผู้ก่อตั้งสองคนของบริษัทและวิศวกรส่วนใหญ่จะยึดติดทางความรู้สึกเกินไปกับความสำเร็จในอดีต แต่แอนดี้ โกรฟ ตัดสินใจวางเดิมพันอนาคตของบริษัทไว้กับไมโครโพรเซสเซอร์ การก้าวไปที่ได้ช่วยรักษาชีวิตบริษัทของเขาไว้

แนวคิดการเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์มักจะถูกใช้เชื่อมโยงกับ อิคารัสพาราดอกซ์ ของเเดนนี่ มิลเลอร์ ทั้งสองอธิบายสถานการณ์ตรงที่ความสำเร็จ

ที่ผ่านมาขององค์การที่กลายเป็นภาระผูกพันภายในอนาคตเเต่การเบี่ยนเบนทางกลยุทธ์ มุ่งเน้นความล้มเหลวที่จะปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในขณะที่อิคารัส พาราดอกซ์มุ่งที่จุดเเข็งแกนขององค์การกลายเป็นจุดอ่อนได้นำไปสู่ความล้มเหลว เนื่องจากความเชื่อมั่นจนเกินไป

อย่างไร การเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์ เป็นกระบวนการค่อนข้างช้าของความล้มเหลว ในขณะที่อิคารัส พาราดอกซ์ เป็นสาเหตุของความล้มเหลวทันที มักจะขับเคลื่อนด้วยความเชื่อมันเกินไป

การเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์เป็นความล้มเหลวทีละน้อยที่จะเปลี่ยนแปลง ในขณะที่อิคารัส พาราดอกซ์เป็นการตกต่ำทันทีตรงที่กลยุทธ์ที่บรรลลุความสำเร็จกลายเป็นตายตัว และล้มเหลวเนื่องจากเชื่อมั่นจนเกินไป การขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ ที่เป็นอยู่จนเกินไป หรือความใจเย็นของผู้บริหาร ตำนานกรีกของอิคารัสบินใกล้ดวงอาทิตย์จนเกินไปและทำให้ปีกขี้ผึ้งของเขาละลายตกทะเลตาย แสดงสัญลักษณ์ความสำเร็จสามารถนำไปสู่ความหายนะได้อย่างไร

การเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์เกิดขึ้นเมื่อองค์การล้มเหลวที่จะรับรู้ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงภาบในสภาพแวดล้อมภายนอกของมัน อิคารัส พาราดอกซ์อธิบายอคติทางความคิดที่มีส่วนต่อการเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์ ความเชื่อมั่นเกินไปต่อความสำเร็จที่ผ่านมา สามารถทำให้ผู้นำตาบอดต่อโอกาสและการคุกคามใหม่ การนำพวกเขาติดอยู่กับกลยุทธ์ที่ล้าสมัยมาก

การเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์และอิคารัส พาราดอกซ์เกี่ยวพันกัน เพราะว่าทั้ง

สองอธิบายกลยุทธ์ที่บรรลุความสำเร็จสามารถทนำไปสู่ความหายนะของ

องค์การได้อย่างไร

อิคารัส พาราดอกซ์ ืจะอธิบายจุดเเข็งและความสำเร็จที่ผ่านมาขององค์

การ ขับเคลื่อนด้วยความเชื่อมั่นจนเกินไปและความใจเย็น ที่นำไปสู่ความหายนะได้อย่างไร การเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์จะเป็นความล้มเหลวทีละน้อย

ขององค์การที่จะปรับตัว ตามการเปลี่ยนแปลงภายในสภาพเเวดล้อมภาย

นอกของมันในขณะที่อิคารัส พาราดอกซ์มุ่งเน้นที่การขยายตัวมากเกินไปภายในขององค์การ เนื่องจากความสำเร็จของตัวมันเอง การเบี่ยงเบนทาง

กลยุทธ์ครอบคลุมกระบวนการ ที่กว้างขึ้นของการกลายเป็นไม่สอดคล้อง

กับการเปลี่ยนแปลงภายนอก

อิคารัส พาราเอกซ์ สามารถจะถูกมองเป็นสาเหตุเฉพาะ หรือการสำแดงของการเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์ ตรงที่ปัจจัยภายในขององค์การเอง อย่างเช่น ความสำเร็จที่ผ่านมาและความเชื่ิอมั่นเกินไปของมัน ที่ได้นำไปสู่การ

ปรีบตัวไม่ดีของมัน การเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์เป็นแนวคิดที่กว้างโดยทั่วไป

ขององค์การกลายเป็น ไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของมัน องค์การที่

เผชิญกับอิคารัส พาราดอกซ์จะเป็นไปได้สูง ลำบากจากการเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์ เมื่อความเชื่อมั่นเกินไป และการมุ่งความสำเร็จที่ผ่านมา ได้ทำให้

มันตาบอดต่อความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงและปรับตัวต่อความเป็นจริง

ใหม่

แม้ว่าผ่านทางกลไกที่แตกต่างกันการเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์ เป็นกระบวนการที่ค่อนข้างช้า ตรงที่องค์การ ได้ล้มเหลวที่จะปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่อิคารัส พาราดอกซ์ จะอธิบายความล้มเหลวทันทีที่เกิดขึ้นจากการขยายตัวจนเกินไป อิคารัส พาราดอกซ์ แนะนำโดยแดนนี่ มิลเลอร์ เมื่อ ค.ศ 1990 ได้อธิบายจุดเเข็งของตัวเองของบริษัทที่บรรลุความสำเร็จสามารถกลายเป็นแหล่งตกต่ำของมันผ่านความเชื่อมั่นเกินไปและความตายตัวอย่างไร ความล้มเหลวที่จะปรับตัวต่อโอกาส หรือ

การคุกคามใหม่

การเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์เป็นปรากฏการณ์ที่กว้างกว่าของกลยุทธ์ของบริษัทกลายล้าสมัย ในขณะที่อิคารัส พาราดอกซ์ อธิบายเหตุผลรากฐานต่อความล้มเหลวเหล่านี้ ภายในกรอบความคิด และการกระทำของบริษัทโดยเฉพาะ การเบี่ยงเบนทางกลยุทธ์เป็นผลลัพธ์ของกลยุทธ์ของบริษัทที่กลายเป็นล้าสมัย อิคาร์รัส พาราดอกซ์เป็นสาเหตุหรือกลไกต่อการเปลี่ยนเบนทางกลยุทธ์ บริษัทอาจจะเผชิญกับการเบี่่ยงเบนทางกลยุทธ์ เพราะว่ามันตกอยู่ภายในอิคารัส พาราดอกซ์ตรงที่ประสบการณ์ที่ผ่านมาแพร่พันธุ์ความเชื่อมั่นเกินไปและไม่เต็มใจที่จะปรับตัวต่อสภาวะใหม่

 

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *