INEWHORIZON

ขอบฟ้าใหม่

กัปตันไททานิค ความรับผิดชอบหยุดที่นี่

กัปตันไททานิค ความรับผิดชอบหยุดที่นี่

หลักการอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของเฮนรี ฟายอลมุ่งเน้นว่า
ผู้บริหารต้องมีสิทธิออกคำสั่ง – อำนาจหน้าที่ – และภาระผูกพันที่จะทำ
งานได้สำเร็จ – ความรับผิดชอบ – องค์ประกอบสองอย่างเหล่านี้ควรจะสมดุล อำนาจหน้าที่มากเกินไปโดยไม่มีความรับผิดชอบนำไปสู่การใช้
ในทางที่ผิด ในขณะที่ความรับผิดชอบมากเกินไปโดยไม่มีอำนาจหน้า
ที่นำไปสู่ความคับข้องใจ ถ้อยคำ “ความรับผิดชอบหยุดที่นี่”ครอบคลุมหลักการนี้ การแสดงว่าในที่สุดความรับผิดชอบตกอยู่กับผู้บริหารเเม้ว่างานได้มอบหมายไปแล้ว
ความคิดของ ความรับผิดชอบหยุดที่นี่ มักจะเชื่อมโยงกับความรับผิดชอบ หมายความว่าความรับผิดชอบในที่สุดต่อการตัดสินใจหรือผลลัพธ์ตกอยู่ที่บุคคลเฉพาะเเม้ว่าพวกเขาได้มอบหมายงานหรืออำนาจหน้าที่ไป
เเล้ว มันสอดคล้องกับหลักการของเฮนรี ฟายอล ผู้บริหารต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขา ในขณะที่เฮนรี ฟายอล ไม่ได้ใช้ถ้อยคำนี้อย่างชัดเจน หลักการความสมดุลของอำนาจหน้าที่และ
ความรับผิดชอบของ
เขาเชื่อมโยงโดยตรงต่อแนวคิดความรับผิดชอบในที่สุด ความคิดความ
รับผิดชอบหยุดที่นี่ มุ่งเน้นว่าเรามีจุดสุดท้ายของความรับผิดชอบต่อการ
ตัดสินใจหรือผลลัพธ์ใดก็ตาม และบุคคลภายในตำแหน่งนั้นไม่สามารถ
โยนความผิดหรือความรับผิดชอบแก่บุคคลอื่น
ถ้อยคำ ความรับผิดชอบหยุดที่นี่ มุ่งเน้นว่าบุคคลบางคนจะยอมรับความ
รับผิดชอบในที่สุดต่อสถานการณ์ และไม่พยายามโยนความผิดแก่บุคคล
อื่น มันเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดต่อแนวคิดอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
ถ้อยคำ นิยมแพร่หลาย โดยประธานาธิบดียูเอส แฮรี่ ทรูแมน แสดงความ
เชื่อของเขาว่าประธานาธิบดีจะรับผิดชอบในที่สุดต่อการตัดสินใจเเละการ
กระทุกอย่างของรัฐบาลของเขา ตรงกันข้ามกับการแสดงออกโดยทั่วไป การโยนความผิดแก่บุคคลอื่น หมายถึงการผลักความรับผิดชอบแก่บุคคล
อื่น


แฮร์รี่ ทรูแมน ได้วางป้ายที่มีถ้อยคำ “The Buck Stop Here” บนโต๊ะทำ
งานภายในทำเนียบขาว หมายความว่า ความรับผิดชอบต้องหยุดที่นี่ การโยนความรับผิดชอบ ได้เป็นคำแสลงของชาวอเมริกันมายาวนานของการโยนความรับผิดชอบบางสิ่งบางอย่างแก่บุคคลอื่น โดยปรกติคือบุคคลต่อไปขึ้นหริอลงตามสายการบังคับบัญชาภายในองค์การ บุคคลจำนวนมากได้หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ แต่เขาจะไม่โยนความรับผิดชอบแก่บุคคลอื่น เขาต้องมีความรับผิดชอบส่วนบุคคลต่อวิถีทางของการบริหารประทศ
ครั้งหนึ่ง เมื่อเพื่อนสนิทของแแฮร์รี่ ทรูแมน ไปเยี่ยมโรงเรียนดัดสันดานแห่งหนึ่ง เขาได้มองเห็นป้ายโต๊ะที่มีถ้อยคำว่า The Buck Stop Here และคิดว่าเเฮร์รี่ ทรูแมน คงจะชอบป้ายนี้ ดังนั้นเขาได้ขอให้ผู้ควบคุมโรงเรียนดัดสันดานทำป้ายนี้ขึ้นมาอีกป้ายหนึ่ง และได้ถูกส่งไปให้แก่แฮร์รี่ทรูแมน ทางไปรษณีย์ในที่สุด ด้านตรงกันข้ามของป้ายนี้จะมีถ้อยคำว่า I’ m from Missouri ผมมาจากมิสซูรี่ รัฐบ้านเกิดของแฮร์รี่ ทรูแมน ป้ายนี้ได้วางไว้บนฐานไม้วอลนัท
ทำไมความเป็นผู้นำ ต้องมีความรับผิดชอบ การนำองค์การหมายถึงการยอมรับความผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นภายในองค์การไม่ว่าดีหรือเลว ความรับผิดชอบหยุด ณ ที่นี่หมายความว่าผู้นำต้องรับผิดชอบในที่สุดเพื่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวภายในองค์การ เหมือนกับประเพณีทางทะเลเก่าแก่ที่ยึดถือมายาวนานว่า “กัปตันต้องจมกับเรือ” และเรามักจะคิดถึงกัปตัน ที่จมไปกับเรือไททานิค
ถ้อยคำ ความรับผิดชอบหยุดที่นี่ อ้างถึงแนวคิดของความรับผิดชอบใน
ที่สุด และมันมักจะเขื่อมโยงกับกัปตัน เอดวาร์ด สมิธ ของไททานิค ความ
คิดว่ากัปตันรับผิดชอบในที่สุดต่อเรือและผู้โดยสารของมัน และความรับ
ผิดชอบนั้นตกอยู่ที่เขาแม้ว่าระหว่างวิกฤติ มันจะเป็นประเพณีการเดินเรือมายาวนาน กัปตันจมกับเรือ กัปตันสมิธเสียชีวิตไปกับเรือเป็นตัวอย่างของประเพณีนี้ เขา เป็นตัวอย่างที่ดีของบุคคลบางคนเป็นตัวตนของหลักการนี้ เขาจมไปกับเรือ ชี้ให้เห็นการยอมรับของเขาของความรับผิดชอบต่อความหายนะ
การมุ่งเน้นหน้าที่ของกัปตันที่ให้ความสำคัญผู้โดยสารและลูกเรือแม้ว่าด้วยต้นทุนของชีวิตของพวกเขาเอง ตรงกันข้าม เจ บรูซ อิสเมย์ ประธานของไวท์ สตาร์ ไลน์ ที่รอดชีวิตจากการจมของเรือ การเเสดงการเปรียบเทียบ ระหว่างความผูกพันของกัปตันต่อประเพณี และการกระทำของผู้บริหารบริษัทระดับสูง การตัดสินใจของกัปตันสมิธที่จะยังคงอยู่บนเรือกำลังจมและจมไปกับเรือ แม้ว่ามีโอกาสที่จะหลบหนี ได้ยึดสถานที่ของเขาภายในประวัติศาสตร์เป็นความรับผิดชอบและหน้าที่อย่างแท้จริง
ถ้อยคำ การจมไปกับเรือ อ้างถึงประเพณีการเดินเรือ ตรงที่กัปตันเรือ
ถูกคาดหวังเป็นบุคคลสุดท้ายที่จะออกไปจากเรือภายในเหตุการณ์ของ
ความฉุกเฉิน มั่นใจความปลอดภัยของบุคคลทุกคนบนเรือก่อน มันแสดง
ความรับผิดชอบของกัปตันในที่สุดต่อเรือและผู้โดยสารของมัน แม้ว่าไม่
ได้เป็นข้อกำหนดทางกฏหมาย มันเป็นศีลธรรมที่เข้มแข็งและความคาดหวังทางประวัติศาสตร์ภายในวัฒนธรรมการเดินเรือของการปฏิบัติการ
เดินเรือปัจจุบัน กัปตันยังคงถูกคาดหวังให้ดูแลกระบวนการอพยพ และ
มั่นใจความปลอดภัยของบุคคลทุกคนก่อนตัวพวกเขาเอง แต่พวกเขาไม่
จำเป็นต้องเสียชีวิตกับเรือ
กัปตันเอ็ดวาร์ด สมิธ ของไททานิค เป็นตัวอย่่างที่มีชื่อเสียงของกัปตัน
ที่ยึดถือประเพณีนี้ จมไปกับเรือของเขาระหว่างความหายนะ ค.ศ 1912 ประเพณีนี้แสดงความสำคัญของความรับผิดชอบและความเป็นผู้นำการจมของไททานิคเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญเชื่อมโยงกับประเพณีนี้ ร่างกายของกัปตันไม่เคยถูกพบ ทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างแน่นอนเขาเสียชีวิตอย่างไร และช่วงเวลาสุดท้ายของเขายังคงลึกลับด้วยการไม่ขาดสายของเรื่องราวที่ขัดแย้งกัน รวมถึงเรื่องหนึ่งที่เขากระโดดลงจากเรืออุ้มเด็กอยู่
การจมของไททานิค เป็นเหตุการณ์โศกนาฏกรรม ตรงที่ชีวิตจำนวนมากต้องสูญเสียไป ในขณะที่การกระทำของกัปตันสมิธตอนจบ ได้ถูกมองเป็นเป็นความรับผิดชอบ ความหายนะ แสดงปัญหาของการสร้างเรือ การขาดเรือช่วยชีวิตที่เพียงพอ และการฝึกอบรม ที่ไม่เพียงพอของลูกเรือภายในสถานการณ์ฉุกเฉิน การกระทำและช่วงเวลาสุดท้ายของกัปตันสมิธอยู่บน
สะพานเดินเรือเมื่อเรือจมได้สะท้อนความรู้สึกของเขายอมรับความรับชอบ
ต่อความหายนะ เขาเป็นกัปตันที่มีประสบการณ์สูงด้วยสี่สิบปี ณ ทะเลอยู่
กับ ไวท์ สตาร์ ไลน์ 25 ปี เขาเป็นกัปตันของอาร์เอ็มเอส ไททานิคระหว่างการเดินทางครั้งเเรกของมันเมื่อ ค.ศ 1912 ไททานิคได้ชนกับภูเขาน้ำแข็ง
ภายในแอตแลติคเหนือ การสูญเสียชีวิตมากกว่า 1500 คน กัปตันสมิธเสียชีวิตไปกับเรือ และเรามีเรื่องราวที่ขัดเเย้งกันของการกระทำสุดท้ายของเขา ผู้รอดชีวิตบางคนได้รายงานมองเห็นเขาอยู่บนสะพานเรือเมื่อเรือจม ในขณะที่ผู้รอดชีวิตคนอื่นอ้างว่าเขาฆ่าตัวเอง
ความหายนะของไททานิคมักจะอ้างถึงการรวมกันของปัจจัย อย่างเช่น ความเร็วเกินไปภายในพื้นที่ภูเขาน้ำเเข็ง ความล้มเหลวที่จะสนใจการเตือนภูเขาน้ำเเข็งหลายครั้ง และได้เลือกที่จะรักษาความเร็วสูงของเรือไว้ มันไม่สามารถจม เป็นถ้อยคำถูกใช้อธิบายไททานิค การแสดงความเชื่อมั่นเกินไปภายในการออกแบบและการสร้างของมัน การจมของไททานิค ทั้งที่ชื่อเสียงไม่สามารถจมของมัน เป็นกรณีที่น่าเศร้าสลดของความเชื่อมั่นเกินไปต่อความปลอดภัย และลำดับของขั้นตอนที่ผิดพลาด
ความเชื่อต่อการอยู่ยงของเรือ และมาตรการความปลอดภัยที่ไม่เพียงพอนำไปสู่ความหายนะของการสูญเสียชีวิตจำนวนมาก ในขณะที่ภูเขาน้ำ
แข็งเป็นสาเหตุทันทีของการจม เหตุผลรากฐานจะเป็นความเชื่อมั่นเกินไปร่วมกันภายในการออกแบบ และความสามารถของเรือ การนำไปสู่ลำดับของข้อผิดพลาดที่สำคัญ ความหายนะจะเป็นเครื่องเตือนใจที่ชัดเจนของอันตรายความเชื่อมั่นเกินไปและความสำคัญของการวางแผนและการตระเตรียมอย่างรอบคอบภายในสถานการณ์เดิมพันสูง ในขณะที่สาเหตุทันทีของการจมของไททานิคเป็นการชนกับภูเขาน้ำเเข็ง
นักประวัติศาสตร์และนักเขียนบางคนยืนยันว่าความหายนะส่วนหนึ่งเนื่อง
จากวัฒนธรรมองค์การของไวท์ สตาร์ ไลน์ที่ ให้ความสำคัญความเร็ว การทำกำไร และความพอใจของผู้โดยสารเหนิอความปลอดภัย เป็นไปได้ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของกัปตันสมิธ อาการไททานิคนี้ ตามที่มันได้ถูกเรียกกัน เกี่ยวพันกับการละเลยหรือการลดความสำคัญการเตือนเกี่ยวกับภูเขาน้ำเเข็ง และผลักดันความเร็วเร็วขึ้น เเม้ว่าอยู่ภายในสภาวะที่อันตราย
ไททานิค ได้รับการเตือนภูเขาน้ำเเข็งหลายครั้ง ที่ไม่ได้ถูกถ่ายทอดไปสู่กัปตันสมิธ เนื่องจากพนักงานวิทยุจะให้ความสำคัญข้อมูลของผู้โดยสาร
ข่าวลือได้แพร่หลายว่ากัปตันสมิธได้เผชิญกับแรงกดดันจากไวท์ สตาร์ ไลน์ ให้รักษาความเร็วไปถึงนิวยอร์คตามกำหนดเวลา บริษัทจะเหมือนกับบริษัทเดินเรืออี่นของเวลานั้นได้ถูกขับเคลื่อนโดยวัฒนธรรมของความเร็ว
และการเเข่งขันที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของกัปตันสมิธ วัฒนธรรมของความเชื่อมั่นเกินไป ตรงที่ความไม่สามารถจมของเรือได้ถูกมุ่งเน้นนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงภัยและการตระเตรียมที่เหมาะสม
การจมของไททานิคได้ถูกใช้เป็นการเปรียบเทียบที่ดีมากเพื่อวัฒนธรรมองค์การ โดยเฉพาะเมื่อใช้โมเดลถูเขาน้ำแข็งเพียงแค่ส่วนน้อยของน้ำเเข็ง
มองเห็นข้างบนน้ำ ส่วนน้อยของวัฒนธรรมองค์การเท่านั้น ที่มองเห็นอย่างเปิดเผย ส่วนใหญ่ที่จมอยู่ใต้น้ำจะแสดงค่านิยมแ ความเชื่อ และสมมุติฐานที่ฝังลึก ที่มักจะขับเคลื่อนพฤติกรรม และการตัดสินใจ ความหายนะของไททานิคจะแสดงส่วนใหญ่ของวัฒนธรรมที่ลึกลงไปสามารถนำไปสู่ความหายนะอย่างไร

 

คำพูด การโยนความรับผิดชอบมีต้นกำเนิดมาจากธรรมเนียมการปฏิบัติ

ของการเล่นไพ่โปกเกอร์ที่นิยมแพร่หลายภายในอเมริกายุคคาวบอย การใช้มีด เป็นเครื่องชี้ว่าใครต้องเป็นคนแจกไพ่ ยุคนั้นมีดส่วนใหญ่มีที่จับเป็นเขากวาง คนเล่นไฟ เรียกกันว่าบัค วางไว้ตรงหน้าบุคคลที่ต้องแจกไพ่ ถ้าบุคคลบางคนไม่ต้องการแจกไพ่ เขาจะส่งต่อเครื่องชี้ มีดเขากวาง ไปยังคนเล่นไพ่คนอื่นต่อไปที่ต้องรับผิดชอบการแจกไพ่

ภายในการปราศัยกล่าวอำลาต่อชาวอเมริกัน แฮร์รี่ ทรูแมนได้พูดคำว่า The Buck Stop Here ประธานาธิบดีคนใดก็ตามจะต้องตัดสินใจ เขาไม่สามารถโยนไปยังใครก็ได้ ไม่มีใครสามารถตัดสินใจแทนเขาได้ การตัด

สินใจคืองานของเขาความรับผิดชอบจะเป็นภาระที่หนักมากของผู้นำพวกเขายิ่งอยู่สูงเท่าไรภายในองค์การ ความรับผิดชอบยิ่งหนักมากขึ้นเท่านั้น ในฐานะประธานาธิบดีของอเมริกา แฮร์รี ทรูแมน ต้องแบกน้ำหนักของทั้งประเทศไว้บนบ่าของเขา ผู้นำสามารถเลิกทำหลายสิ่งหลายอย่างได้ พวกเขาสามารถมอบหมายหลายสิ่งหลายอย่างได้ แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่ผู้นำสูงสุดไม่สามารถปล่อยได้คือ ความรับผิดชอบ

แฮร์รี่ ทรูแมนที่ยึดมั่นกับ The Buck Stop Here ไม่ยอมจำนน ภายในสี่เดือนของการเป็นประธานาธิบดี เขาได้มีการตัดสินใจยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์ได้เคยกระทำมาคือ การสั่งการให้ ทิ้งระเบิดปรมาณูทีี่ฮิโรชิมา และนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อที่จะยุติสงครามโลกครั้งที่สอง ตามบันทึกเขาได้เขียนว่า ขณะนั้นเขากลัวว่าเขาอาจจะทำให้เกิดการสิ้นสุดของโลกใบนี้ ภายหลังจากนั้นไม่นานญี่ปุนได้ยอมแพ้สงคราม แฮร์รี่ ทรูแมน กล่าวด้วยคำพูดตัวเองว่า ผมได้ค้นพบว่าการเป็นประธานาธิบดีคือ การขี่หลังเสือ บุคคลที่เลิกขี่ย่อมจะถูกเสือกลืน

แฮร์รี่ ทรูแมน ได้กล่าวว่า ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร เมื่อผมได้ยุติสงครามด้วยระเบิดปรมาณู ผมไม่มีความเสียใจ และถ้าภายในสถานการณ์อย่างเดียวกัน ผมจะทำอีกครั้งหนึ่งถ้าเราไม่สามารถทนความร้อนได้จงออกไปจากจากห้องครัวเลยเราจะมีการโยนความรับผิดชอบภายในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยถ้าประเทศหนึ่งไม่ยอมเผชิญหน้ากับการคุกคามที่รุน

รุนแรงขึ้น ด้วยความหวังว่าอีกประเทศหนึ่งจะเผชิญหน้าแทนเราหรือ เเละ

ประวัติศาสตร์ชาวรัสเซีย ยืนยันว่าการเลื่อนกำหนดเวลาของบุกนอมังร์ดี ฝรั่งเศส หรือ D – Day ของฝ่ายพันธมิตรนั้น เกิดจากความตั้งใจที่อเมริกาต้องการผลักดันภาระไปยังกองทัพรัสเซียต่อสู้กับกองทัพเยอรมัน

เพื่อนคู่เคียงของการโยนความรับผิดชอบคือการหาแพะรับบาป เราจะมีต้นกำเนิดอยู่สองที่ของการโยนความรับผิดชอบคือ ต้นกำเนิดแรกคือการเล่นไพ่โปกเกอร์ ตามที่เคยกล่าวมาแล้ว ต้นกำเนิดที่สองคือ การหารแพะรับบาป แพะรับบาปมาจากภาษาฝรั่งเศษ แพะรับปาบคือ บุคคล หริอแพะจริงที่ถูกโยนความผิดไปให้ ตามประเพณีของชาวยิวสมัยสมัยโบราณแพะจะถูกปล่อยเข้าป่าลึกภายหลังจากรับบาปของบุคคลอื่นแล้ว คำแสลงแพะรับบาปเกิดขึ้นจากแนวคิดของบุคคล ที่รับเอาความผิดของบุุคคลอื่น แพะ

รับบาปไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย ความมุ่งหมายของแพะรับบาปคือ การโยนความรับผิดชอบไปยังบุคคลอื่น โดยข้อเท็จจริงการหาแพะรับบาปจะเกิดขึ้น ณ ทุกระดับภายในองค์การ ผู้บริหารหลายคนได้ป้ายความผิดแก่บุคคลที่ต้องรายงานแก่พวกเขา เพราะว่าตัวพวกเขาเองจะเป็นแพะรับบาปด้วย

วัฒนธรรมองค์การสามระดับของเอ็ดการ์ ไชน์ : สิ่งประดิษฐ์ ค่านิยมสนับ

สนุน และสมมุติฐานรากฐาน ที่สามารถถูกประยุกต์ใช้ได้กับทั้งโลกนิยาย

ของ Game of Thrones และเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของเรื่องราว Titanic เพื่อการวิเคราะห์วัฒนธรรมของมัน ระดับเหล่านี้ได้ให้กรอบข่าย

ที่จะเข้าใจและวิเคราห์ด้านที่มองเห็นและมองไม่เห็นของวัฒนธรรมองค์

การ เราสามารถได้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของวัฒนธรรมองค์การแสดงภายในทั้ง Game of Thrones และ Titanic และมันได้มีส่วนช่วยต่อการเล่าเรื่องราว และผลลัพธ์ของเรื่องราวอย่างไร

โมเดลวัฒนธรรมองค์การของเอ็ดการ์ ไชน์มักจะถูกมองเป็นภูเขาน้ำแข็ง

เพราะว่าด้านที่มองเห็นได้มากที่สุดของวัฒนธรรมจะเป็นเพียงแค่ยอด ในขณะที่ด้านที่ลึกลงไปและมีอิทธิพลมากขึ้นอยู่ข้างล่างพื้นผิว การเปรียบ

เทียบนี้ได้แสดงว่าอะไรที่เห็นได้ชัดเจนแน่นอนอย่างเช่นสิ่งประดิษฐ์ เปิดเผยเพียงส่วนน้อยของภาพทั้งหมดเท่านั้นเอง และความเข้าใจค่านิยมและ

สมมุติฐานรากฐานสำคัญต่อความเข้าใจวัฒนธรรมองค์การอย่างเเท้จริง

ความลึกที่สุดภายในภูเขาน้ำเเข็งเป็นสมมุติฐานรากฐานมันเป็นความเชื่อ

ความคิด และความรู้สึกจิตใต้สำนึกขับเคลื่อนพฤติกรรมและเป็นแกนของ

วัฒนธรรมองค์การ สมมุติฐานเหล่านี้เปลี่ยนแปลงได้ยากที่สุด และมันจะมีอิทธิพลมากที่สุดภายในการสร้างสองระดับอื่น ในขณะที่ สิ่งประดิษฐ์และ

ค่านิยมสนับสนุน ค่อนข้างง่ายที่จะระบุ ความเข้าใจสมมุติฐานรากฐานจะ

สำคัญต่อความเข้าใจวัฒนธรรมองค์การอย่างแท้จริง และมันมีอิทธิพลต้อ

พฤติกรรมอย่างไร

การจมของไททานิคแสดงระดับเหล่านี้เกี่ยวพันกันอย่างไร สิ่งประดิษฐ์

ที่มองเห็นได้คือเรือตัวมันเอง และค่านิยมสนับสนุนคือความไม่สามารถจม

ของมัน ในที่สุดไม่เพียงพอที่จะเอาชนะผลกระทบของสมมุติฐานรากฐาน

คือ การประเมินภูเขาน้ำเเข็งต่ำเกินไป และความเชื่อมั่นมากเกินไปทำนองเดียวก้นภายในองค์การ การไม่ยอมเชื่อมโยงระหว่างค่านิยมสนับสนุนและ

สมมุติฐานรากฐานสามารถจ นำไปสู่ความหายนะได้ การเปรียบเทียบของไททานิค มุ่งเน้นความสำคัญของความเข้าใจระดับของวัฒนธรรมที่ลึกลง

เหล่านี้ ทำให้เห็นภาพภูเขาน้ำแข็งสามารถถูกใช้เปรียบเทียบต่อเรื่องราวความหายนะของไททานิคได้

ด้วยความเข้าใจการเปรียบเทียบของไททานิคและภูเขาน้ำเเข็งองค์การสามารถที่จะเรียนรู้บทเรียนที่มีคุณค่าเกี่ยวกับความสำคัญของวัฒนธรรมองค์การ การจมของไททานิคได้ถูกใช้เป็นการเปรียบเทียบที่ทรงพลังเพื่อวัฒนธรรมองค์การ โดยเฉพาะเมื่อมันบกพร่องหรือละเลย โศกนาฏกรรมของไททานิคไม่ได้เป็นเพียงแค่ผลลัพธ์ของความล้มเหลวทางเทคนิคแต่เป็นผลตามมาของวัฒนธรรมที่บกพร่องที่ให้ความสำคัญกำไร สถานภาพ และการอยู่ยงเหนือความปลอดภัยพื้นฐานด้วย การให้ความสำคัญกำไร การแบ่งแยกชั้นผู้โดยสาร และสมมุติฐานความปลอดภัยที่บกพร่องสร้างพายุที่สมบูรณ์แบบต่อโศกนาฏกรรม

สิ่งประดิษฐ์ ค่านิยมสนับสนุน และสมมุติฐานรากฐาน ต่างเเสดงบทบาท

ภายในเหตุการณ์นำไปสู่ความหายนะ สามารถถูกประยุกต์ใช้กับอาการไททานิค การแสดงองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่ฝังแน่นได้นำไปสู่ความ

หายนะอย่างไร แนวคิดใหญ่เกินไปที่จะล้ม ได้แสดงความเหมือนกันร่วม

กับสถานการณ์ไททานิคตรงที่วัฒนธรรมได้แสดงบทบาทที่สำคัญภายในหายนะของไททานิค และการพัฒนาตามมาของแนวคิดอาการไททานิค

อาการไททานิค อธิบายสถานการณ์ตรงที่องค์การกลายเป็นชะล่าใจและต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ที่มักจะเนื่องมาจากขนาดและการยืนยงของมัน

กรอบความคิดนี้เหมือนกับแนวคิดใหญ่เกินไปที่จะล้ม โมเดลของเอ็ดการ์

ไชน์ ช่วยเหลือให้เราเข้าใจสมมุตฐานทางวัฒนธรรมที่ยึดติดอย่างลึกซึ้งสามารถบดบังองค์การต่อความเสี่ยงภัย และได้ขัดขวางพวกเขาจากการ

เปลี่ยนแปลงอย่างไร ในที่สุดได้นำพวกเขาไปสู่ความหมายตามที่มองเห็น

ภายในไททานิด และตัวอย่างอื่น ใหญ่เกินไปที่จะล้ม

 

*สิ่งประดิษฐ์ เป็นด้านที่มองเห็นได้มากที่สุดของวัฒนธรรม ตามตัวอย่าง

ของไททานิค สิ่งประดิษฐ์ จะรวมทั้งการออกแบบเรือ การตกเเต่งภายในที่หรูหา จำนวนของเรือช่วยชีวิต การแยกจากกันของผู้โดยสาร ชั้นหนึ่ง ชั้นสอง และชั้นสาม ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ทางสังคมแตกต่างกัน

*ค่านิยมสนับสนุน เป็นค่านิยมและความเชื่อที่ระบุไว้ขององค์การ ตาม

ตัวอย่างของไททานิค บริษัทอาจจะมีความผูกพัน ที่สนับสนุนต่อความ

ปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้โดยสาร จุดมุ่งของบริษัทต่อความ

เร็ว กำไร และการแบ่งชั้น เป็นค่านิยมที่พวกเขาสนับสนุนอย่างเปิเเผย

*สมมุติฐานรากฐาน ได้ถูกปลูกฝังอย่างลึกซึ้ง เเละมักจะเป็นความเชื่อ

จิตใต้สำนึกที่ได้ขับเคลื่อนพฤตกรรม ตามตัวอย่างไททานิค สมมุติฐาน

รากฐานอาจจะเป็นว่าเรือไม่สามารถจมได้และผู้โดยสารชั้นหนึ่งสมควร

ได้รับการช่วยชีวิตมากกว่าชั้นอื่น ความเชื่อที่มีอิทธิพลโดยตรงต่อการ

ตัดสินใจเกี่ยวกับการป้องกันความปลอดภัย จำนวนเรือช่วยชีวิต และ

การประเมินความปลอดภัย

ส่วนที่มองเห็นของภูเขาน้ำเเข็งจะเหมือนกับโครงสร้างและนโยบายของบริษัท สามารถถูกหลอกลวงได้ ความใหญ่โตที่มองไม่เห็นอยู่ข้างล่างใต้ทะเล แสดงค่านิยมและความเชื่อที่ลึกลงไป ในที่สุดทำลายโชคชะตาขององค์การ เหมือนเช่นไททานิคชนภูเขาน้ำเเข็ง แม้ว่าความไม่สามารถจมที่รับรู้ของมัน โครงสร้างที่มองเห็นของไททานิค อย่างเช่นห้องกันน้ำ ได้ถูกออกแบบที่จะป้องกันการจมเเต่มันไม่ได้รับผิดชอบต่อปัญหาที่มองไม่เห็น

วัฒนธรรมของความเชื่อมั่นเกินไปของไททานิค ที่ไม่มองการเตือนความปลอดภัย และการให้ความสำคัญความเร็วเหนือความระมัดระวังเป็นปัจจัยที่สำคัญภายในความหายนะของมัน บริษัทสามารถล้มเหลวได้ เนื่องจากปัญหาวัฒนธรรมที่ซ่อนเร้นแม้ว่าเมื่อการปรากฎภายนอกดูเหมือนเข้มแข็ง การเปรียบเทียบนี้ได้ใช้แสดง”อาการไททานิค” ปรากฏการณ์ตรงที่บริษัทเหมือนไททานิคกลายเป็นเชื่อมั่นจนเกินไปภายในความสำเร็จของพวกเขา

การนำไปสู่จุดบอดเกี่ยวกับความเสี่ยงภัยที่เป็นไปได้ และความล้มหลวที่จะปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง แสดงลักษณะโดยความล้มเหลวที่จะรับรู้เเละตอบสนองต่อการคุกคามหรือโอกาสที่เกิดขึ้นมักจะเนื่องจากความเชื่อมั่นเกินไป การไม่ยอมรับ หรือความเป็นผู้นำไม่ดี

ถ้อยคำ อาการไททานิค เป็นเเนวคิดการเปรียบเทียบดึงคู่ขนานระหว่างเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์การจมของไททานิค และความล้มเหลวขององค์การ ความคิดที่สำคัญคือเพียงแค่ไททานิคดูเหมือนเรือที่อยู่คงกระพัน ชนภูเขาน้ำแข็งและจมลง องค์การสามารถหายนะได้โดยการกระทำ หรือการไม่กระทำของมันเอง ทั้งที่มีความสามารถที่จะหลีกเลี่ยงความหายนะได้

ดร นาดยา เซกซิมบาวียาได้สร้างถ้อยคำ อาการไททานิคเธอได้ระบุเป็นโรคของบริษัทหรือบุคคล ที่ได้เผชิญกับการทำลายนำมาซึ่งความหายนะผ่านทางความเย่อหยิ่งของผู้บริหารและการยึดติดกับความสำเร็จที่ผ่านมาจนเกินไป หรือการขาดความสามารถ ที่จะรับรู้ความเป็นจริงใหม่ที่เกิดขึ้น มันเป็นความคิด ใหญ่เกินไปที่จะล้ม ตรงที่องค์การได้ล้มเหลวที่จะรับรู้การเปลี่ยนแปลงที่ลบล้างและความเป็นจริงใหม่ และในที่สุดการนำไปสู่ความ

หายนะของพวกเขา คุณคิดว่าธุรกิจของคุณใหญ่จนเกินไปที่จะล้มหรือไม่

ความเชื่อมั่นเกินไปและระบบที่ล้าสมัยได้ล้มยักษ์ใหญ่มาแล้ว

ถ้อยคำ ใหญ่เกินไปที่จะล้มสามารถเชื่อมโยงทางเเนวคิดกับความหายนะ

ของไททานิคโดยเฉพาะภายในความรู้สึกของอาการไททานิคตรงที่ขนาด

ของบริษัทและการทำลายไม่ได้ที่ถูกรับรู้ นำไปสู่การขาดการปรับตัว และ

การล่มสลายในที่สุด ไททานิค ทั้งที่มีความยิ่งใหญ่และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของมัน ในที่สุดได้จมลง เนื่องจากการรวมกันของปัจจัยที่มีทั้งความผิดพลาดของมนุษย์ และความล้มเหลว ที่จะคาดคะเนความเสี่ยงภัย การสะท้อนบริษัทกลายเป็นชะล่าใจได้อย่างไร

ไททานิคได้ถูกพิจารณาไม่สามารถจมได้ พินัยกรรมต่อขนาด และเทค

โนโลยีที่เหนือกวาของมัน กรอบความคิดนี้ตรงที่ขนาด สร้างการลวงตาของ ความไม่สามารถทำลายได้ เปรียบเทียบได้กับเเนวคิด ใหญ่เกินไป

ที่จะล้มภายในการเงิน ลูกเรือและนักออกแบบของไททานิคล้มเหลวที่จะ

ตระเตรียมอย่างเพียงพอต่อความเป็นไปได้ของการชน แม้ว่าการเตือน

ได้ถูกรับเเล้ว มันได้สะท้อนบริษัทกลายเป็นต่อต้านต่อการเปลี่ยนแปลง

และล้มเหลวที่จะปรับตัวต่อความท้าทายใหม่อย่างไร การนำไปสู่การล่ม

สลายของพวกเขา

บริษัทอย่างเช่น โนเกีย โกดัก และเเม้แต่ไททานิค ถูกอ้างถึงเป็นตัวอย่างของอาการไททานิค ดร นาดยา เซกซิมบาวียากล่าวว่าวิถีทางเดียวเท่านั้น

ที่จะหลีกเลี่ยงอาการไททานิคได้คือ การยึดกรอบความคิดของการคิดค้น

ใหม่และการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง จุดสำคัญคือ อาการไททานิค ได้แสดง

อันตรายของความชะล่าใจและความสำคัญของการอยู่อย่างคล่องตัว และตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง

 

Cr : รศ สมยศ นาวีการ

Facebook Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *